วาสนาบันดาลรัก 273 ความสงสัยของเจินเมี่ยว

ตอนที่ 273 ความสงสัยของเจินเมี่ยว

โชคดีที่วันนี้ได้พบกับพี่สะใภ้ทำให้เขาเข้าใจในทันทีว่านอกจากรูปโฉมแล้ว เยียนเหนียงต้องมีบางอย่างที่ไม่เหมือนคนทั่วไปเป็นแน่!

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้คุณชายรองก็กำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น

 

 

เขาก็อยากจะไปพิสูจน์ด้วยตนเองสักครั้งว่าสตรีผู้นั้นจะพิเศษสักเพียงใดกัน

 

 

ปกติน้องสามเป็นคนที่เคารพในกฎระเบียบมากจึงน้อยนักที่จะมาเรือนหลัง นางเป็นแค่สาวใช้ทงฝังคนหนึ่งแต่กลับล่อลวงจนน้องสามจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวได้โดยมิต้องทำอันใดเลย ทั้งในขณะที่คิดปลิดชีพตนเพราะความละอายใจนั้นก็ยังปกป้องนาง เช่นนั้นพี่ใหญ่จะสามารถต้านทานหญิงงามเช่นนี้ได้หรือไม่?

 

 

คุณชายรองมั่นใจยิ่งว่าตนสามารถต้านทานหญิงงามได้มากกว่าพี่ใหญ่เป็นแน่ มิต้องพูดถึงสาวใช้ทงฝังที่มีมาก่อนจะแต่งงานด้วยซ้ำ แค่ตอนนี้เขาก็ได้ยินมาแล้วว่าระหว่างที่พี่ใหญ่ทำงานอยู่ที่ศาลาว่าการก็ยังให้องครักษ์ส่งของขวัญมาให้พี่สะใภ้ทุกวัน ช่างน่าขันจริงๆ แม้นจะงามปานเทพธิดาเขาก็ไม่มีทางทำเรื่องโง่งมเช่นนั้นเด็ดขาด

 

 

หากพูดไปแล้ว หากพูดถึงความฉลาดหลักแหลมแล้ว ในบรรดาบุตรของบ้านรองนั้นก็คงหนีไม่พ้นคุณชายรอง เขาไม่เพียงฉลาดแต่ยังสุขุม แต่คนเช่นนี้ก็มีข้อบกพร่องอยู่อย่างหนึ่งคือชอบควบคุมทุกอย่างมากเกินไป

 

 

เขารู้สึกสนใจในตัวเยียนเหนียงทั้งยังคิดจะใช้นางทำลายชื่อเสียงของหลัวเทียนเฉิง อยากจะเห็นกับตายิ่งนักว่าเยียนเหนียงผู้นี้มีดีที่ตรงใดกัน

 

 

ขอเพียงคนผู้นี้เกิดความสนใจในตัวคนผู้ใด เขาก็มักจะหาโอกาสเหมาะๆ ได้เสมอ

 

 

โอกาสที่ว่านี้ก็คือวันขึ้นตรุษใหม่นั้นเอง

 

 

วันนี้เองที่ฮูหยินผู้เฒ่าจักต้องแต่งกายเต็มยศพร้อมนำสะใภ้ทั้งสองและเจินเมี่ยวหลานสะใภ้เข้าวังไปพร้อมกัน ในจวนจึงเหลือเพียงเหล่ากั๋วกงที่สติไม่ค่อยดีและนางเถียนซึ่งพักรักษาตัวอยู่กับบรรดาเด็กๆ

 

 

ในช่วงเฉลิมฉลองเริ่มตรุษใหม่นี้ผู้คนต่างออกไปเที่ยวละเล่น บ่าวไพร่ที่คอยเฝ้าประตูทนความเหงาหงอยไม่ไหวต่างออกไปดื่มสุราเล่นไพ่หมดแล้ว คุณชายรองจึงเข้าไปที่เรือนหลังอย่างแนบเนียน

 

 

เขามิได้ทำตัวลับล่อใดๆ ทั้งสิ้น ที่นี่คือจวนของเขา แม้นการเข้ามาในเรือนหลังจะมิใคร่เหมาะสมนักแต่การไปเยี่ยมมารดาที่กำลังป่วยหนักในวันตรุษนั้นกลับเป็นสิ่งที่ลูกกตัญญูควรทำ

 

 

จวนกั๋วกงมีพื้นที่กว้างใหญ่ ศาลา เรือนพัก สะพาน ทางเดินล้วน สุมทุ่มพุ่มไม้ต่างแขวนประดับไปด้วยผ้าสีแดงที่พัดโบกสะบัดต้อนรับสายลม ทำให้บรรยากาศดูคึกคักขึ้นอีก

 

 

สาวใช้ทั้งหลายต่างรวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลอง ภายในสวนที่งดงามแห่งนี้กลับมีคนอยู่น้อยมาก ตลอดทางคุณชายรองพบกับบ่าวไพร่แค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น เมื่อเข้าไปเยี่ยมนางเถียนในเรือนแล้วก็ออกมายืนสูดอากาศอยู่บนบันได เขารู้สึกคล้ายกลิ่นยาสมุนไพรยังคงลอยวนอยู่ปลายจมูกอยู่เลย

 

 

คุณชายรองหันมองไปที่ประตูจันทราฝั่งเรือนตะวันตกอย่างไม่รู้ตัว

 

 

หากข้ามประตูนี้ไปก็จะเป็นเรือนฝั่งตะวันตกอันเป็นสถานที่ที่สตรีผู้ล่อลวงวิญญาณของท่านพ่อกับน้องสามอาศัยอยู่

 

 

คุณชายรองค่อยๆ ก้าวผ่านประตูจันทรานั้นไป เขาอาศัยพุ่มไม้ที่ปลูกประดับไว้กระโดดข้ามกำแพงเตี้ยหลังเรือนฝั่งตะวันตกเข้าไป แล้วซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่ง

 

 

ใต้ต้นเซียงจังมีโต๊ะและเก้าอี้หินอ่อนถูกจัดวางไว้เพื่อใช้ในนั่งให้ความเย็นสบายในยามเหมันต์ แต่ตอนนี้กลับถูกปูทับด้วยผ้าผืนหนา มีสตรีชุดเขียวผู้หนึ่งและสาวใช้สองคนนั่งอยู่ด้วยกัน

 

 

สตรีชุดเขียวผู้นั้นก้มอยู่ นากำลังใช้กรรไกรตัดอันใดบางอย่างอยู่ เศษกระดาษสีแดงชิ้นเล็กๆ ร่วงกระจายเต็มพื้นหิมะสีขาว ดูงดงามคล้ายภาพบุปผาร่วงหล่นสลายกลายเป็นดินขับให้สตรีชุดเขียวที่นั่งอยู่ตรงนั้นดูบริสุทธิ์สูงส่งในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะต้องตัดกระดาษ นางจึงถลกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นข้อมือขาวผ่องดุจหิมะโผล่ออกมา ภายใต้ความบริสุทธิ์และสูงส่งนั้นกลับมีความยั่วยวนที่มิอาจบรรยายได้ซ่อนอยู่

 

 

การยั่วยวนนี้ไม่เหมือนกับบรรดาสตรีงดงามที่ขายรอยยิ้มพวกนั้น ทั้งไม่เหมือนอนุที่พยายามยั่วเย้าแย่งชิงรัก แต่เป็นสตรีสูงศักดิ์ผู้เพียบพร้อมที่มิเคยแปดเปื้อนโลกีย์ใดแต่กลับมิอาจปิดบังเสน่ห์อันน่าค้นหาที่ซ่อนอยู่ภายในได้

 

 

ความงามของเยียนเหนียงดั่งความงามของบงกชอันพิสุทธิ์สูงส่งกำลังค่อยๆ ผลิบานออกจนเผยให้เห็นเกสรสีแดงภายใน เป็นความงามตามธรรมชาติโดยแท้จริง แต่เพราะความงดงามอันสูงสง่านี้มาอยู่ในตัวนางผู้มีฐานะต่ำต้อยจึงยิ่งทำให้เกิดแรงดึงดูดอันน่าประหลาดต่อบุรุษเพศ

 

 

แม้นคุณชายรองจะเป็นผู้สุขุมรู้จักควบคุมจิตใจตน แต่ด้วยอายุเพียงเท่านี้จึงไม่เข้าใจถึงเสน่ห์ยั่วยวนอันน่าอัศจรรย์นี้ สายตาเขาร่วงตกอยู่ที่ข้อมือขาวดุจหิมะนั้นดั่งตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะจึงค่อยละสายตาออกมาด้วยความตกใจ

 

 

เยียนเหนียงผู้นี้ช่างน่าสนใจจริงๆ!

 

 

“โอ้โห พี่สาวตัดภาพสาลิกาเคียงดอกเหมยได้งดงามจริงๆ!” สาวใช้ผู้หนึ่งตบมือขึ้น

 

 

ฐานะของเยียนเหนียงนั้นช่างพูดยาก สาวใช้น้อยทั้งสองจึงเรียกขานนางว่า ‘พี่สาว’

 

 

สาวใช้อีกผู้หนึ่งดูนิ่งขรึมกว่าเล็กน้อย เมื่อเห็นเยียนเหนียงตัดกระดาษมงคลเสร็จก็นำไม้กวาดมากวาดหิมะและเศษกระดาษบนพื้นทันที แต่กลับได้ยินเสียงกังวานใสนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ต้อง ทิ้งไว้เช่นนี้ก็ทำให้บรรยากาศคึกคักดี”

 

 

เยียนเหนียงพูดพลางลุกขึ้นหันหลังกลับ “ข้าเข้าไปพักในเรือนสักครู่ พวกเจ้าไปเรียกแม่นมสองคนให้ออกมาสนุกด้วยกันเถิด”

 

 

สาวใช้สองคนต่างมีสีหน้ายินดี แล้วรีบเอ่ยขอบคุณท่านที

 

 

เยียนเหนียงหมุนกายเดินกลับเข้าไปในเรือน

 

 

เรือนแห่งนี้นั้นไม่มีสิทธิ์จุดไฟให้ความอบอุ่น แต่เพราะนายท่านรองสกุลหลัวทะนุถนอมนางดุจดวงใจ ภายในห้องจึงมีเตาถ่านจุดไว้หลายแห่ง ทำให้รู้สึกร้อนอยู่บ้าง

 

 

เมื่อเพิ่งสัมผัสกับอากาศหนาวเหน็บนอกเรือนมาหมาดๆ ครั้นเข้าเรือนมาจึงรู้สึกร้อน เยียนเหนียงถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่แขวนไว้ที่ราวผ้า แล้วสวมอาภรณ์ผ้าต่วนจึงค่อยนอนลงไปบนเตียง

 

 

ในขณะที่กำลังเอนตัวลงก็ต้องสะดุ้งตกใจขึ้นแล้วเอ่ยถามเสียงเย็นว่า “ผู้ใด?” แต่กลับมีมือหนึ่งยืนมาปิดปากและจมูกนางไว้ กลิ่นกายบุรุษโชยปะทะจมูกนางทันที

 

 

เยียนเหนียงกลับมิตกใจจนทำอันใดไม่ถูกเช่นสตรีทั่วไป แต่นางกลับหยุดการขัดขืน คล้ายว่ากำลังรอให้อีกฝ่ายปล่อยมืออยู่อย่างไม่สะทกสะท้านค่อยกันกลับไปมอง

 

 

ในชั่วขณะที่เห็นชัดแล้วว่าเป็นผู้ใด ความผิดหวังที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกก็สาดวูบขึ้นในแววตาลึก

 

 

นางคิดว่าเขามาเสียอีก ต่อให้จะมาเพื่อตำหนิว่านางทำงานผิดพลาดก็ตาม

 

 

แต่ที่แท้ก็เป็นนางเองที่หวังมากเกินไป

 

 

นัยน์ตาดำขลับดุจนิลกาฬพลันกลับมาสงบนิ่งไร้คลื่นลมคล้ายสายตาที่กระเพื่อมไหวนั้นมิเคยเกิดขึ้นมาก่อน นางมองบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชา

 

 

“เป็นอันใดไป ไม่รู้จักข้าหรือ?” คุณชายรองเอ่ยออกมาคำหนึ่ง

 

 

เยียนเหนียงอึ้งไปเล็กน้อย

 

 

คุณชายรองเอ่ยเยาะขึ้นว่า “หลังจากเดินชนกันที่ภูเขาจำลองในค่ำนั้น เจ้าก็รีบหนีไปเลย ข้ายังคิดว่าชนกับปีศาจเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีฐานะเช่นนั้น เจ้า…เจ้าไม่มีอันใดจะพูดกับข้าหรือ? ”

 

 

เยียนเหนียงไม่แสดงอารมณ์ใดทั้งสิ้น แต่ในใจกลับลอบแค่นหัวเราะออกมา

 

 

คนตรงหน้านี้คือคุณชายรองชัดๆ แต่เขากลับมาหลอกว่าตนคือคุณชายสาม

 

 

มันช่างแปลกประหลาดนัก

 

 

เมื่อมาคิดดูอีกที คนผู้นั้นมิอนุญาตให้นางลงมือกับคุณชายสาม ส่วนกับคุณชายท่านนี้นั้นกลับมิได้พูดถึงสักคำ แต่เพราะวันนั้นขมุกขมัวไปหน่อยทำให้นางไปหาผิดคน ยามนี้คนก็มาถึงที่แล้ว คงได้แต่บอกว่ามันเป็นลิขิตสวรรค์แล้วล่ะ

 

 

เยียนเหนียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “วาจานี้ของคุณชายสามช่างน่าขันนัก บ่าวเคยพบท่านแค่เพียงครั้งเดียว จะมีอันใดพูดกับท่านเล่า? ท่านเอาน้ำสกปรกมาสาดใส่บ่าวเช่นนี้เพราะอยากให้นายท่านรัดคอข้าให้ตายกระมัง?”

 

 

คุณชายรองทั้งโมโหทั้งขบขัน ไม่รู้ว่าเขาทำเพื่อน้องตนหรือเพราะยังไม่เคยมีสตรีใดเอ่ยเช่นนี้ต่อตนกันแน่จึงได้เลิกคิ้วเอ่ยออกไปว่า “เจ้าจะบอกว่าข้าคิดไปเองคนเดียวงั้นหรือ?”

 

 

เยียนเหนียงนิ่วหน้าทำตาขวาง แล้วยืดตัวขึ้นอย่างเย็นชา “บ่าวมิกล้าพูดอันใด คุณชายสามคิดว่าเป็นเช่นใดก็เป็นเช่นนั้นแล ท่านได้โปรดรีบออกไปจากที่นี่เถิด เหลือทางให้บ่าวได้มีชีวิตอยู่บ้าง! ”

 

 

นางเอ่ยปากไล่คนทันที ไม่ทราบว่าเพราะรีบร้อนเกินไปหรืออย่างไรจึงทำให้หยกขาวสองเม็ดที่ติดอยู่ตรงหน้าอกนั้นพลันหลุดออกจากัน ทำให้อาภรณ์สีเขียวนั้นปริแตกออกจากกัน

 

 

คุณชายรองมิเคยเห็นสตรีงดงามแสดงท่าทีขุ่นเคืองเช่นนี้มาก่อนจึงคว้าข้อมือขาวนั้นไว้ด้วยความร้อนใจแล้วอาศัยจังหวะที่เยียนเหนียงกำลังตกใจอยู่นั้นดึงนางเข้าประชิดตัวแล้วประทับปิดปากนางเอาไว้

 

 

เยียนเหนียงขัดขืนอย่างเอาเป็นเอาตายแต่นั้นกลับปลุกอารมณ์ของคุณชายรองให้กระพือขึ้น มือข้างหนึ่งกุมแน่นไว้ที่เอวบางดุจกิ่งหลิวของนางไว้แล้วบดขยี้จูบนางโดยแรงคราหนึ่งจึงปล่อย นัยน์ตาดำทะมึนแต่ภายในกลับมีดวงไฟจุดประกายขึ้นจนคนต้องตกใจ “ในเมื่อวันนั้นเจ้ายั่วยวนข้า เช่นนั้นก็จงรับผิดชอบให้ถึงที่สุดเถิด” พูดจับก็เช็ดปากตนแล้วเกินจากไปอย่างรวดเร็ว

 

 

กระทั่งเดินพ้นจากเรือนอวี้หยวน เมื่อสายลมโชยมาปะทะหน้าคุณชายรองจึงดึงภวังค์ออกมาจากความรู้สึกอันแปลกประหลาดนั้นได้เสียที แต่ครานี้เขากลับไม่รู้สึกหงุดหงิดอันใดอีก

 

 

น้องสามนั้นมีอุปนิสัยบุ่มบ่าม การกระทำวันนั้นกลับมิใช่เรื่องผิดแปลกอันใด

 

 

เขาจะสวมรอยเป็นน้องสามดูสิว่าเหยียนเหนียงผู้นี้มีดีที่ใดกันแน่ หากสามารถเอาใจนางมาครอบครองได้ ไม่แน่ว่าการสั่งให้นางทำสิ่งใดก็อาจจะง่ายยิ่งขึ้น

 

 

ส่วนเจินเมี่ยวกลับปิดปากยิ้มอยู่ภายในห้องที่มืดทึบนั้นอยู่เงียบๆ

 

 

เรื่องนี้ชักน่าสนุกนัก ผู้ใดเป็นผู้ล่า ผู้ใดเป็นผู้ถูกล่านั้นยังไม่แน่ วันเวลาอีกยาวไกล ค่อยๆ ดูกันไปเถิด

 

 

ภายในจวนกั๋วกงนั้นเงียบสงบยิ่ง ส่วนในวังหลวงเองก็มิได้ดีไปกว่ากันสักเท่าใดดอก

 

 

ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ต้องรออยู่ท่ามกลางลมหนาวเลย แค่เข้าเฝ้าหวงโฮ่ว ไท่โฮ่ว ทั้งโขกศีรษะ ทั้งคอยทูลตอบคำถาม แค่เพียงเท่านี้ก็ทำให้บรรดาผู้มีบรรดาศักดิ์สูงส่งทั้งหลายเหนื่อยมากพออยู่แล้ว

 

 

ตอนนี้เจินเมี่ยวกำลังกลัดกลุ้มยิ่ง

 

 

เมื่อวานนี้หลัวเทียนเฉิงเอ่ยกำชับนางว่า วันนี้ให้นางหาโอกาสแสร้งว่าตนไม่สบายแล้วทำให้มิอาจไปร่วมงานเลี้ยงฉลองของพระบรมวงศานุวงศ์ไม่ได้

 

 

เมื่อคิดว่าตนต้องไปพบกับบรรดาลูกหลานมังกรกลุ่มใหญ่นั้นในฐานะเจียหมิงเซี่ยนจู่ เจินเมี่ยวก็ยินดีที่จะไม่ไปมากกว่า ทว่าบังเอิญเหลือเกินที่ท่านย่าแท้ๆ ของนาง หรือก็คือฮูหยินผู้เฒ่าแห่งจวนเจี้ยนอานปั๋วกลับเป็นหมดสติไปในขณะรอเข้าเฝ้า

 

 

บรรดาสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายเมื่อเข้ามาในวังก็มิอาจนำบ่าวไพร่เข้ามาด้วยได้ ครั้นฮูหยินผู้เฒ่าจวนเจี้ยนอานปั๋วเป็นลม สตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายไม่ว่าจะสุขุมหรือฉลาดปราดเปรื่องต่างก็ร้อนใจทำอันใดไม่ถูก

 

 

เคราะห์ดีที่ขันทีที่เฝ้าอยู่หน้าประตูนั้นมีประสบการณ์ หรือไม่ก็ได้รับคำสั่งไว้แล้ว เขารีบสั่งคนให้ไปเชิญหมอหลวงทั้งสั่งให้ไปเอาคานหามมา

 

 

แต่ท่านย่าเป็นลมลงกองกับพื้นภายใต้อากาศอันเหน็บหนาวเช่นนี้ ทั้งไม่ทราบว่าคานหาบนั้นจะมาถึงเมื่อใด เจินเมี่ยวร้อนใจยิ่งจึงพับแขนเสื้อขึ้นแล้วอุ้มฮูหยินผู้เฒ่าจวนเจี้ยนอานปั๋วขึ้นพลางเอ่ยกับถามขันทีที่กระวนกระวายอยู่ใต้สายลมนั้นว่า “กงกง ห้องพักชั่วคราวอยู่ที่ใด โปรดนำทางไปทีเถิด”

 

 

ในสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายต่างเป็นพยานได้ว่า เจินเมี่ยวนั้นอุ้มฮูหยินผู้เฒ่าจวนเจี้ยนอานปั๋วเดินเข้าไปในห้องพักด้วยฝีเท้ามั่นคงรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะหอบหายใจ

 

 

หลังจากนั้น เจินเมี่ยวก็ได้แต่ร้องไห้แม้ไร้น้ำตาแล้ว

 

 

นางแสดงตัวว่าแข็งแรงปานนั้น หากบอกว่าไม่ค่อยสบาย ผู้ใดจะเชื่อเล่า

 

 

บรรดาศักดิ์เซี่ยนจู่ของนางก็เพิ่งได้รับพระราชทานมาไม่นานนี่เอง หากทำให้ผู้คนแคลงใจก็คงกล่าวหาว่านางดูถูกพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งไม่เห็นแก่มิตรภาพใดๆ

 

 

เจินเมี่ยวได้แต่เอ่ยขอโทษหลัวเทียนเฉิงอยู่ในใจ แต่ก็ต้องฝืนทนอยู่ต่อไปโดยตัดสินใจแล้วว่าจะคอยนั่งอยู่ข้างๆ ชูสยาจวิ้นจู่ไม่ไปไหน เช่นนี้คงไม่มีอันใดผิดพลาดเกิดขึ้นกระมัง

 

 

รอกระทั่งสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายแยกย้ายกันกลับ เจินเมี่ยวก็รออยู่อย่างระแวดระวังตัวจนกระทั่งพลบค่ำจึงถูกเชิญเข้าไปในงานเลี้ยง

 

 

ระหว่างทางก็พบกับองค์ชายและพระชายาหลายพระองค์ ผู้อื่นนั้นช่างเถิดแต่กับองค์ชายหกนั้นเห็นชัดว่าเขารู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย คล้ายแปลกใจอยู่ว่าเจินเมี่ยวมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

 

 

เขาขมวดคิ้วแล้วจ้องมองเจินเมี่ยวอย่างล้ำลึก แต่ยังคงเดินตามทุกคนไปข้างหน้า แล้วค่อยๆ เดินรั้งท้ายลงไปเรื่อยๆ อย่างแนบเนียนกระทั่งอยู่ห่างไม่ไกลจากเจินเมี่ยว เขาเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบาที่สุด “ข้าได้ยินจิ่นหมิงบอกว่า น้องสาวไม่ใคร่จะสบายนักมิใช่หรือ?”

 

 

เจินเมี่ยวแอบสงสัยอยู่ลึกๆ ขึ้นมา

 

 

ซื่อจื่อให้นางแสร้งป่วยแล้วเหตุใดต้องบอกกับองค์ชายหกว่านางไม่สบายด้วยเล่า? ทั้งองค์ชายหกก็ดูจะสนใจเรื่องนี้ยิ่ง?

 

 

นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?

วาสนาบันดาลรัก

วาสนาบันดาลรัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 199.2 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ด้วยเพราะอุบัติเหตุในงานเลี้ยงสวนดอกหลี เป็นเหตุให้เจินเมี่ยว คุณหนูสี่จวนเจี้ยนอานปั๋วถูกบังคับให้แต่งงานกับหลัวเทียนเฉิง ซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อลบคำครหา ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าสวรรค์กลับเล่นตลก นำพาให้คนสองคนจากแต่ละห้วงเวลามาพบกันในเหตุการณ์นั้นเอง  คนหนึ่งคือหญิงสาวจากยุคปัจจุบันที่ย้อนเวลามาสวมร่างผู้อื่น จำต้องแบกรับชื่อเสียฉาวโฉ่และกรรมที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ให้  ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในร่างเดิมเพื่อล้างความอัปยศที่เคยได้รับในอดีตชาติ   กาลก่อนโชคชะตาเคยผูกด้ายแดงให้ทั้งสองได้ครองคู่ แต่เพราะ ‘นาง’ ทำตัวประดุจดอกซิ่งยื่นออกนอกกำแพง เป็นเหตุให้เขาต้องมอดม้วยไปพร้อมกับความอดสู   กาลนี้วาสนาบันดาลให้นางและเขามาบรรจบกันอีกครา เขาจึงคิดจะอาศัยบทเรียนในอดีตตัดไฟเสียแต่ต้นลม ทว่าเขาจะทำเช่นไร เมื่อพบว่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดกลับเปลี่ยนแปลงไป รวมถึง ‘นาง’ ผู้นั้นด้วย!

Options

not work with dark mode
Reset