ซ่างเย่ 23 เจ้าพูดอีกครั้ง เธอชื่ออะไร?

ตอนที่ 23 เจ้าพูดอีกครั้ง เธอชื่ออะไร?

ฟู่จิ่วชิงสีหน้าเข้มขรึม ลากจิ้นเย่วกลับไปยังบ้านพัก ด้วยคำสั่งกักตัวของเธอยังไม่ยกเลิก เธอยังคงต้องถูกสั่งห้ามต่อไป

"เจ้าเบา ๆ หน่อย !" จิ้นเย่วคิ้วขมวด ทำไมชอบบีบข้อมือของเธอนักนะ?

ซ่งเยี่ยนหันศีรษะอย่างกะทันหัน รู้สึกแปลกๆ ในใจเขา

"คุณชายห้าและคุณหญิงห้าดูช่างรักกันดี" กู้รั่วลี้ยิ้ม "องค์ชายเล็กเห็นด้วยไหมเพคะ?"

ซ่งเยี่ยนไม่ตอบอะไร ยืนอยู่ตรงนั้น แสงในตาเขามืดลงเล็กน้อย

เขาฟังผิดไปหรือ?

ในห้องโถงบุปผา เขาก็ได้แอบสังเกตุภรรยาของฟู่จิ่วชิง

มองไปที่ใบหน้าเปื้อนเครื่องสำอางของเธอ เขาจึงรู้ว่าไม่ใช่! เธอเกลียดสิ่งของพวกนี้ แถมยังไม่พกถุงน้ำหอมติดตัว แล้วยังจะทำให้แต่งออกมาแปลกประหลาดแบบนี้ได้ยังไง?

"องค์ชายเล็ก?" กู้รั่วลี้กระซิบถามเบา ๆ "ทรงเป็นอะไรหรือเพคะ?"

ซ่งเยี่ยนเหม่อลอย?!

กู้รั่วลี้มองตามที่ซ่งเยี่ยนหันไปมอง ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับที่จิ้นเย่วเดินจากไป "ก่อนหน้านี้ รั่วลี้ก็รู้สึกว่าสะใภ้ห้ามีใบหน้าละหม้ายคล้ายกับพี่สาว แต่มองเข้าไปใกล้ ๆ กลับรู้สึกไม่เหมือน"

ซ่งเยี่ยนไม่ตอบอะไร เดินกลับไปยังเรือนหลิวหลี

กู้รั่วลี้เดินตามไป พลางพูด "พี่สาวมีวิทยายุทธที่ยอดเยี่ยม ขนาดองค์ชายเล็กและพระชายายังทรงชื่นชม พี่ไม่ยอมให้แต่งขนคิ้ว แต่สะใภ้ห้าใบหน้าถูกแต่งด้วยแป้งหนา มองแล้วก็เหมือนหญิงสาวทั่วไป ต่างกับพี่สาวราวฟ้ากับเหว!"

เข้ามายังเรือนรับรอง ซ่งเยี่ยนก็ยังไม่ปริปากพูดใด ๆ

กู้รั่วลี้วางตัวไม่ถูก พูดพร้อมกับยิ้มออกมา "รั่วลี้เชื่อว่าองค์ชายเล็กจะต้องตามหาพี่สาวเจอได้แน่"

ซ่งเยี่ยนหยุดชะงัก พลันหันมามองเธอ "เดินทางมาเหนื่อย เจ้าก็เหนื่อยมากแล้ว พักผ่อนเถอะ!"

เธอและซ่งเยี่ยนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีก เธอจึงโค้งคำนับแล้วเดินออกมาโดยไม่ได้พูดอะไรมากอีก "เพคะ! รั่วลี้จะไปพักผ่อนแล้ว องค์ชายเล็กอย่าทรงงานหนักนะเพคะ ดูแลพระองค์เองด้วย"

สายตามองรั่วลี้ที่กำลังเดินออกไปไกล เฉิงหนานก็เข้ามา "องค์ชายเล็ก"

"งานเลี้ยงกลางคืนเมื่อวาน ทำไมถึงไม่เห็นสะใภ้ห้ามาร่วมงานด้วย" ซ่งเยี่ยนถาม

เฉิงหนานทำความเคารพ "ทูลฝ่าบาท เมื่อวานตอนกลางวันได้เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นที่ศาลาหมิงฮุย จิ้นเย่วเลยถูกนายท่านฟู่ลงโทษสั่งห้ามออกมา วันนี้เป็นเพราะมารับเสด็จองค์ชายเล็ก จึงได้ออกมา"

"ทะเลาะวิวาท?" ซ่งเยี่ยนขมวดคิ้วเข้ม

เฉิงหนานรับถ้วยน้ำชามาจากนางกำนัลยื่นส่งให้องค์ชายเล็ก "สะใภ้ห้าเพิ่งจะแต่งงานเข้าอยู่ตระกูลฟู่ เลยไม่รู้กฏตระกูลฟู่ ได้ยินมาว่าขณะที่ฮูหยินใหญ่ได้ตำหนิจิ้นเย่ว นางก็ลงมือทำร้าย"

ซ่งเยี่ยนรับถ้วยน้ำชาและเบิกตากว้าง "ทำไมตระกูลฟู่ถึงเลือกผู้หญิงที่หยาบคายมาเป็นสะใภ้ของเขา?"

"เพื่อแก้เคล็ด!" เฉิงหนานตอบพร้อมกับถอยกลับไปที่เดิม

"แก้เคล็ด?" ซ่งเยี่ยนจิบน้ำชาเล็กน้อย "แก้เคล็ดให้ฟู่จิ่วชิง?"

"พะยะค่ะ!" เฉิงหนานตอบ "สะใภ้ห้าเป็นลูกสาวของหมอที่มีบุญคุณต่อนายท่านฟู่ ก่อนที่พ่อของนางจะจากไปได้สั่งเสียไว้ถึงเรื่องแต่งงานนี้ ก่อนหน้านี้ฟู่จิ่วชิงก็สุขภาพร่างกายไม่ค่อยจะดีนัก ดูแล้วไม่ดีนัก ตระกูลฟู่เลยจัดงานแต่งงานนี้ขึ้น"

"หมอ?" ซ่งเยี่ยนวางถ้วยชาลงอย่างไม่สนใจ

เธอไม่มีพ่อแม่ ไม่อย่างนั้นคงไม่เข้าไปยังจวนเยี่ยนอ๋องได้

ไม่ใช่เธอ!

ซ่งเยี่ยนถอนหายใจก่อนจะถามออกไป "ชื่ออะไร?"

"องค์ชายเล็กถามถึงชื่อของสะใภ้ห้า? หรือพ่อของนาง?" เฉิงหนานเกร็งเล็กน้อย

ซ่งเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา "เฉิงหนาน เจ้าถามมากความเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?"

เฉิงหนานตะลึงงันจนหัวใจเต้นแรง "ข้าน้อยสมควรตาย องค์ชายเล็กยกโทษให้ข้าด้วย"

"หี่ม!" ซ่งเยี่ยนลุกขึ้นยืน

เฉิงหนานรีบตอบ "ภรรยาของคุณชายห้าชื่อ…จิ้นเยว่ พ่อของนางชื่อจิ้นเฟิงเหนียน!"

ซ่งเยี่ยนตัวแข็งทื่อค้างอยู่กับที่ และทันใดนั้นก็คว้าตัวเฉิงหนานขึ้น "พูดอีกครั้งสิ เธอชื่ออะไร"

จิ้นเย่ว? ใช่เธอไหม?

"องค์ชายเล็ก ทรงเย็นพระทัยลงก่อน อาจจะเป็นคนหน้าคล้าย ชื่อคล้าย!" เฉิงหนานรีบพูดแก้ต่าง "สะใภ้ห้าหน้าตาเป็นเช่นใด พระองค์ก็ทรงได้เห็นแล้วไม่ใช่หรือเพคะ?"

มือของซ่งเยี่ยนนิ่งลง และแสงในดวงตาของเขาค่อยๆ หรี่ลง

ซ่งเยี่ยนโบกมือ "ออกไป!"

"พะยะค่ะ!" เฉิงหนานโค้งคำนับ แล้วออกไปจากห้อง

เดินออกมาถึงประตู เฉิงหนานก็เหลียวกลับมาดูองค์ชายเล็กอีกครั้ง และรู้สึกทนดูไม่ได้ "องค์ชายเล็ก? ต่อนั้นตอนนั้นไม่เกิดเรื่องขึ้น เธอก็คงไม่มีชีวิตรอดมาได้หรอก เธอ…"

"ออกไปให้หมด!" ถ้วยน้ำชาถูกโยนแตกกระจัดกระจาย

เฉิงหนานหลบเลี่ยง แต่เขาก็ยังได้รับความเจ็บปวดจากถ้วยชาที่บริเวณไหล่ของเขา เจ็บจนใบหน้าเปลี่ยนสี และเขาทำความเคารพและรีบถอยออกมาอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ถ้วยตกลงบนพื้น เสียงที่ดังคมชัดดูเหมือนจะดึงความทรงจำของซ่งเยี่ยนกลับไปสู่อดีตที่ไร้ยางอายเหล่านั้น

"มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน" มันเหมือนคำสาปแช่งอยู่ในหัวใจของซ่งเยี่ยนมาเนิ่นนาน ยากที่จะลืมเลือน

เปลือกตาของเขาลดต่ำลง ซ่งเยี่ยนยกมือวางลงหน้าผากของเขา ราวกับว่าร่างกายของเขาถูกดึงออกไปทั้งตัวหงุดหงิดและอ่อนแอ

จริงเหรอ จากไปแล้วเหรอ?

ในตอนกลางคืนฟู่จิ่วชิงดูเหมือนจะมีไข้สูงอีกครั้ง

ร่างกายของเขาช่างบอบบางมาก เพียงแค่ออกไปรับลมที่หน้าประตูยามค่ำก็ทำให้เป็นไข้ตัวร้อนได้เช่นนี้

จิ้นเย่วถอนหายใจและผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าผากเบา ๆ เหงื่อบาง ๆ ไหลออกมาจากภายใน น่าจะลดไข้ไปได้บ้างแล้ว

"เกิดมารูปงาม สูงสง่าแล้วยังไง? ก็ยังกลัวลมได้" เธอบิดผ้าเช็ดตัว "โชคดีที่เกิดมาในตระกูลฟู่ ถ้าเป็นคนธรรมดา…"

ทันใดนั้นจิ้นเย่วก็ชะงักหยุดนิ่งเล็กน้อย

แย่แล้ว ลืมกินยา

จิ้นเย่วโยนผ้าเช็ดตัวลง เธอรีบกุมท้องไว้เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ใครรู้…

ความรู้สึกแบบนี้ทำให้รู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่ เมื่อก่อนก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เสมือนมีดนับพันเล่มคอยทิ่มแทง เจ็บปวดจนเหงื่อไหลพราก เจ็บจนยืนไม่ไหว เธอขดลงไปกับพื้น

"ซวง…ซวง ซวงจือ!" จินเย่วทรุดตัวลงกับพื้น ไม่มีแม้แต่เสียงในลำคอที่จะเปล่งออกมา ก่อนจะหลับตาลง เธอได้ยินคนเรียกชื่อเธอเบาๆ เสียงนั้นช่างเร่งรีบ และเป็นกังวลมาก

ในหัวของเธอ มีคนทิ้งประโยคไว้อย่างเย็นชาว่า : เจ้าไปล่อพวกเขาไปทางอื่น ข้าจะไปช่วยเธอเอง…

"คุณหญิง?" ซวงจือร้องไห้ออกมา

จิ้นเย่วลืมตาขึ้น "เจ้าร้องไห้อะไร ข้ายังไม่ตาย!"

ซวงจือพยุงเธอขึ้น และหยิบเบาะออกมาเพื่อให้เธอพิงได้สบายขึ้น "คุณหญิง ทำให้ซวงจือตกใจแทบตาย!"

"ข้าไม่เป็นไร" จิ้นเย่วมองไปรอบ ๆ ข้างนอกสว่างไสวและไม่มีร่องรอยของฟู่จิ่วชิงอยู่รอบตัว "ฉัน…"

ซวงจือยื่นน้ำให้ "คุณหญิงคงเหนื่อยเกินไปเลยเป็นลมหมดสติลงกับพื้น ดีที่คุณชายเห็นทัน"

"ฟู่จิ่วชิง?" จิ้นเย่วตกตะลึง

ซวงจื้อพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณชายอยู่ที่ห้องหนังสือ โดยบอกว่าถ้าคุณหญิงตื่นแล้วและไม่มีอะไรทำ ก็ให้ไปห้องหนังสือเพื่อหาเขา คุณหญิงรู้ไหม คุณชายไม่เคยอนุญาติให้ใครเข้าไปในห้องหนังสือยกเว้นคนใกล้ชิด ไม่อนุญาติให้คนอื่นก้าวเข้าไป แม้แต่ฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองก็ไม่เคยก้าวเข้าไป"

"ขี้เหนียวขนาดนั้น?" จิ้นเย่วกลอกตา แต่อาการปวดท้องของเธอ มีเพียงแค่ยาของพ่อเธอเท่านั้นที่สามารถหยุดความเจ็บปวดนี้ได้ หรือฟู่จิ่วชิงรู้เรื่องนี้?

คิดแล้วคิดอีกจนเธอเข้าใจ คงเป็นเพราะพ่อของเธอที่มีสติสัมปชัญญะ…

อาจเป็นเพราะคำที่ฟู่จิ่วชิงพูดไว้ ทำให้ครั้งนี้ที่เธอไปห้องสมุดไม่มีใครห้ามเธอ คนใช้ต่างพากันต้อนรับ แถมยังทำความเคารพเธอก่อนเปิดประตู

แต่หลังจากที่เธอเดินเข้าไป จิ้นเย่วทุบขาของเธอเบา ๆ อยากจะหันหลังเดินออกมา

"กลับมา!" เขาพูดพูดเบา

อากาศหนาวเหมือนลมเดือนสิบสอง แม้ลมจะไม่แรง แต่ก็พอทำให้คนแข็งทื่อได้

จิ้นเย่วยิ้มแห้ง เธอรู้ว่าเขาต้องคิดอะไรไม่ดี!

ซ่างเย่

ซ่างเย่

Score 10
Status: Completed
ในใจของฟู่จิ่วชิงมีความลับใหญ่ซ่อนอยู่ เมียของตัวเอง ถูกเขาแอบขโมยมา...... ใครๆล้วนรู้ว่า ตระกูลฟู่ในเมืองเหิงโจว ร่ำรวยเท่ากับประเทศชาติเลยทีเดียว แต่เสียที่ทายาทล้วนไม่เอาไหนทั้งนั้น ลูกคนโตตายตั้งแต่ยังเด็ก ลูกคนที่สองใช้เงินทองสุรุ่ยสุร่าย ลูกคนที่สามชอบหาโสเภณี ลูกคนที่สี่เป็นคนโง่ ฟู่จิ่วชิงเป็นลูกหลงซึ่งออกโดยเมียน้อย และก็เป็นคนขี้โรคมาตั้งแต่เกิดด้วย จิ้นเยว่ไม่ยอมแต่งเข้าไปในตระกูลฟู่ แต่พ่อเข้าคุก นางในฐานะที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอเท่านั้น จะทำอะไรได้ล่ะ? แต่ว่าหลังจากแต่งเข้าไปแล้ว คนขี้โรคที่ได้ยินมานั้น เหมือนไม่ได้ป่วยหนักขนาดนั้น โดยเฉพาะวิธีการทรมานคน ทำไมถึง......โหดร้ายขนาดนั้น? อยู่มาวันหนึ่ง จิ้นเยว่ตื่นตัวขึ้นมาทันที สามีของตัวเองเป็นหมาป่าหางโตที่ใส่หนังแกะนี่เอง! หัวใจของข้าแบ่งเป็นสามส่วน ตะวัน นิศาบดีและเจ้า ตะวันและนิศาบดีมอบให้กับเจ้า ยอมล่มสิ้นใต้หล้าเพื่อเจ้าเพียงผู้เดียว!——ฟู่จิ่วชิง

Options

not work with dark mode
Reset