ซ่างเย่ 24 บทเรียนที่หนึ่งของสะใภ้ใหม่

ตอนที่ 24 บทเรียนที่หนึ่งของสะใภ้ใหม่

ฟู่จิ่วชิงยังคงเอนตัวอยู่ที่เก้าอี้นุ่ม แนบพิงไปราวกับร่างกายที่ไร้กระดูกของสาวงาม ซึ่งสวมเสื้อคลุมจิ้งจอกสีดำตามปกติโดยถือหนังสือเล่มเล็กด้วยมือเดียว จิ้นเย่วเดินเข้าไปยืนตรงหน้าเขา เขาไม่แม้แต่จะขยับสายตามอง ยังคงจดจ่ออยู่กับหนังสือตรงหน้าก่อนที่จะพูดออกมา "วิ่งทำไม?"

จิ้นเย่วเหลือบมองตะกร้าไม้ไผ่สานบนโต๊ะข้างๆ และพูดอย่างจริงใจว่า "ข้าทำเรื่องเย็บปักถักร้อยไม่เป็นหรอกนะ"

พูดจบ เธอก็ชี้ไปยังสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะ

ฟู่จิ่วชิงใบหน้าเข้มขรึมมองไปที่เธอที่วางสีหน้าขี้เล่นเล็กน้อย "ไม่เป็น ก็เรียนรู้ได้!"

เรียน?

อ๋า…

จิ้นเย่วยื่นมือออกไปพร้อมกับแกว่งแขนไปมาต่อหน้าฟู่จิ่วชิง "เจ้าคิดว่านี่คือมือที่มีไว้จับเข็มกับด้ายงั้นหรือ?"

ฟู่จิ่วชิงทำหน้าเข้ม จากเดิมที่ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดผ่านสายตา กลับทำให้รู้สึกเยือกเย็นจนจับถึงหัวใจ สายตาที่เขามองจ้องไปที่จิ้นเย่ว ทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่น เหน็บหนาวที่กลางหลัง

"ก็ได้ ปักก็ปัก…" จิ้นเย่วหน้านิ่วคิ้วขมวด และนั่งลงข้าง ๆ โต๊ะ

มีธรรมเนียมในเหิงโจวว่าในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์หรือเทศกาลโคมไฟของทุกปี ภรรยาจะต้องปักกระเป๋าเงินให้สามีเพื่อแสดงความสุขในครอบครัว

จิ้นเย่วไม่ได้เอ่ยถึง เพราะเธอไม่รู้วิธีปัก แต่ใครจะรู้ว่าฟู่จิ่วชิงจะมาให้เธอทำ

"อึ่ย!" เข็มแหลมทิ่มไปโดนปลายนิ้วของเธอ เจ็บจนจิ้นเย่วสูดหายใจลึก เจ็บจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ยังปักไม่ได้แม้แต่ดอกไม้สักดอกเดียว หากไม่ใช่เพราะตอบแทนบุญคุณ จิ้นเย่วคงไม่ต้องมานั่งทำแบบนี้ ทำเรื่องที่ฝืนใจของเธอ

ฟู่จิ่วชิงกลับไม่พูดอะไร ยังคงอ่านหนังสือต่อไปไม่ได้จะสนใจเธอแม้แต่นิดเดียว

เธอดึงเข็มออกมาทำให้เห็นเลือดแดงออกมา เพราะแรงที่เธอปักเข้าไปทำให้เข็มลึกอยู่พอสมควร เข็มแหลมที่ทิ่มแทงทำให้เธอเจ็บจนกัดริมฝีปากไว้ เลือดที่ไหลออกมาสีเหมือนเม็ดเก๋ากี๊ ฉ่ำชุ่มอาบนิ้วของเธอ

ฟู่จิ่วชิงกำหนังสือแน่น เขารู้สึกแห้งที่ริมฝีปาก คิ้วเข้มสีเหมือนหมึกดำขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

จิ้นเย่วรู้สึกว่าเขาตั้งใจทำให้เธอเป็นเช่นนี้ เธอทำไปเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่กลับมารังแกเธอแบบนี้ ถ้าอยากได้กระเป๋าเงินเธอจะไปหาซื้อให้ก็ได้ก็แล้ว? อยากได้แบบไหนก็มีหมด ทำไมต้องมารังแกเธอด้วย?

เป็นเวลาสองวันที่เธอนั่งปัก ดวงตาของเธอเบลอแทบไม่ไหว โดนเข็มทิ่มจนนิ้วมือแทบพัง แต่ก็ปักออกมาได้ไม่เข้าท่า!

ซวงจือทนดูไม่ได้ที่เห็นเธอเหน็ดเหนื่อยและบาดเจ็บเยี่ยงนี้ แต่นึกถึงสายตาคุณชายที่ดูเยือกเย็น ก็ทำให้เธอชะงักความรู้สึกนั้นไว้ เธอไม่กล้าช่วยจิ้นเย่วปัก ทำได้เพียงช่วยทำแผลให้จิ้นเย่ว

เรื่องที่คุณชายตัดสินใจไป ใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้

"เสร็จเรียบร้อย!" จิ้นเย่วมองไปยังผลงานชิ้นเอกของเธอ ก่อนที่จะถือไปโชว์ให้ฟู่จิ่วชิงดูตรงหน้า "เป็นอย่างไรบ้าง? แม้จะปักได้ไม่สวยงามเท่าใดนัก แต่ก็ปักจนเสร็จ ไม่ได้ทำให้เจ้าเสียหน้าแต่อย่างใด!"

พรุ่งนี้ก็เป็นวันเทศกาลงานไหว้พระจันทร์ วันนี้ก็ได้ปักเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดวงตาของฟู่จิ่วชิงที่เย็นชา ริมฝีปากบางที่ปิดเล็กน้อย ดวงตาของเขาจ้องไปที่มือของเธอ เธอหัวเราะอย่างไม่มีเสียง "เพื่อพิสูจน์ว่านี่เป็นกระเป๋าเงินที่แท้จริง มันไม่ง่ายเลยสำหรับเจ้า!"

จิ้นเย่วหน้าแดงเล็กน้อย พร้อมกับยืดอกกล่าว "ข้าทำด้วยความสามารถของข้า มีอะไรไม่ถูกอย่างนั้นหรือ? ถ้าเจ้าสามารถ ทำไมเจ้าไม่ทำขึ้นด้วยตัวเองล่ะ? ไม่เอาก็ตามใจ"

เธอโยนกระเป๋าเงินลงไปที่ตะกร้าไม้ไผ่สาน มองไปที่นิ้วมือของเธอที่โดนเข็มทิ่มแทงจนทั้งแดงทั้งบวม เธอรู้สึกเห็นใจตัวเองขึ้นมา

จวินซานที่ยืนอยู่หน้าประตูมองคุณหญิงที่เดินบึ่งออกไปด้วยความโกรธเคือง โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?

กี่วันมานี้ที่คุณชายปล่อยให้คุณหญิงนั่งปักกระเป๋าอยู่ในห้องสมุด ไม่ได้ทำให้ทั้งสองเกิดรู้สึกดีต่อกันขึ้นมาบ้างเลยหรือไร?!

จนจวินซานมาเห็นกระเป๋าปักเข้า เขาถึงกับร้องอ๋อเข้าใจโดยปริยาย คงจะยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นเสียมากกว่า?

เป็ดแมนดารินดันนปักออกมาเหมือนไก่ป่า ดอกบัวก็ดันปักออกมาเหมือนหางสุนัข มีเพียงแค่เรื่องสีที่ถือว่าผสมกันได้เข้ากัน ดู ๆ แล้ว สีเขียวแดงก็ทำให้ดูครึกครื้นเหมาะกับงานรื่นเริง

มองกลับมาที่ใบหน้าของคุณชาย…เคร่งเครียดจนแทบเหมือนขี้เถ้าก้นหม้อ

กระเป๋าเงินใบแรกสำหรับสะใภ้ใหม่ที่เพิ่งแต่งเข้ามามีความสำคัญเป็นพิเศษ โดยจะอยู่ติดตัวไปกับสามีทั้งปีและแสดงให้สามีและภรรยาทำตาม โดยจะไม่เปลี่ยนหรือเก็บจนกว่าจะถึงปีหน้า

จวินซานก้มลงมองกระเป๋าเงินในตะกร้าไม้ไผ่ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย "คุณชาย หรือ…ข้าน้อยจะเปลี่ยนให้คุณชายอย่างเงียบๆ?"

ฟู่จิ่วชิงหน้าดำคร่ำเคร่ง พูดด้วยน้ำเสียงโกรธ "ออกไป!"

"ขอรับ!" จวินซานไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบออกมาแต่โดยดี

เมื่อคุณชายโกรธ ผลที่ตามมาก็จะร้ายแรงไปด้วย อย่างไรก็ตาม กระเป๋าเงินน่าเกลียดออกขนาดนั้น คุณชายจะใช้มันได้อย่างไร? ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะไม่ถูกหัวเราะเยาะ?

ในเวลากลางคืนจิ้นเย่วนั่งอยู่ใต้แสงเทียน และซวงจือก็ช่วยเธอทายาอย่างระมัดระวัง

"สองวันนี้คุณหญิงยังไม่ต้องโดนน้ำนะเจ้าคะ เจ็บสาหัสขนาดนี้" ซวงจือเก็บขวดยา

ก้มมองลงบนมือที่ถูกปกคลุมด้วยยาขาวโพลน เธอหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่แยแส "จะไปหนักหนาอะไรกัน ก็แค่โดนทิ่มไม่กี่ที ตอนที่อยู่ห้องสมุด ข้าก็แค่ทำให้เขาตกใจก็เท่านั้น เขาจะได้ไม่คิดวิธีขึ้นมารังแกข้าอีก"

มีความเคลื่อนไหวภายในบ้าน

ซวงจือรีบออกไปดู และรีบวิ่งกลับเข้ามา "คุณหญิง พระชายารองเสด็จมาเจ้าค่ะ"

"เขามาทำไมกัน?" จิ้นเย่วไม่เข้าใจ

"ซวงจือไม่ทราบเจ้าค่ะ!" ซวงจือรีบเอาแขนเสื้อของจิ้นเย่วลง "คุณหญิงระตัวด้วยนะเจ้าคะ"

จิ้นเย่วพนักหน้า เดินออกไปต้อนรับ

กู้รั่วลี้เดินเข้ามาถึงภายในบริเวณบ้าน ขณะมาถึงตรงกลางบริเวณบ้านเธอหันไปเห็นเก้าอี้ชิงช้าที่อยู่ไม่ไกล

ลมพัดเบา ๆ ทำให้เก้าอี้ชิงช้าขยับไปมา เหมือนกับเก้าอี้ชิงช้าที่สวนดอกไม้ในจวนของเจียนอ๋อง แต่เก้าอี้ชิงช้านี้เล็กหน่อย น่าจะนั่งได้เพียงแค่คนเดียว

"พระชายารอง!" จิ้นเย่วก้มทำความเคารพ

"ข้าแค่เดินเล่นน่ะ เลยบังเอิญผ่านมาทางนี้ ไม่ได้รบกวนเจ้าใช่ไหม?" กู้รั่วลี้พูดด้วยเสียงไพเราะอ่อนนุ่ม และมีรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมริมฝีปากของเธอ คำพูดเต็มไปด้วยความเอื้ออาทรโดยไม่มีการเสแสร้ง

"พระชายารองพูดอะไรเยี่ยงนี้เพคะ!" จิ้นเย่วจดจำคำพูดของฟู่จิ่วชิงได้ดี เธอจึงไม่กล้าพูดมั่วใด ๆ กลัวว่าพูดมากไปจะทำอะไรผิดอีก "ซวงจือ เตรียมน้ำชา!"

"เจ้าค่ะ!" ซวงจือรีบออกไปจัดเตรียมน้ำชา

กู้รั่วลี้เดินเข้ามาในห้อง สังเกตุมองไปยังการตกแต่งภายในที่ดูช่างเรียบง่ายและะธรรมดา แม้แต่สีของผ้าม่านก็ยังเรียบธรรมดา แต่ข้อความตัวอักษรสีแดงสดสำหรับงานแต่งงานที่ติดอยู่บนหน้าต่าง ช่างไม่เข้ากับห้อง ๆ นี้เลย

ในห้องมีกลิ่นแตงและผลไม้เล็กน้อย ผสมกับกลิ่นยาเล็กน้อย ซึ่งเบามาก หากไม่ตั้งใจดม จะไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นกลิ่นอะไร

"พระชายารอง ทางนี้เพคะ!" จิ้นเย่วก้มศีรษะของเธอลง

หลังจากนั่งลง ซวงจือก็ได้จัดน้ำชาขึ้นถวาย กู้รั่วลี้กล่าวออกมาว่า "ได้ยินมาว่าเจ้าและคุณชายห้าเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นาน?"

"เพคะ!" จิ้นเย่วตอบ

ปลายนิ้ววาดวนบนปากถ้วยชา ครุ่นคิดในใจว่ากู้รั่วลี้กำลังสืบสวนเรื่องพ่อของเธออยู่งั้นหรือ? เพราะพ่อของเธอเป็นคนที่ตระกูลฟู่ใช้เงินและอำนาจแลกตัวออกมา ถ้า…

จิ้นเย่วใช้ช่วงเวลาที่ยกถ้วยชาถวาย ค่อยๆลืมตาขึ้นและเหลือบมองกู่รั่วลี้ แต่เธอไม่สามารถมองเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเธอได้แม้แต่นิดเดียว พระชายารองยิ้มตลอดเวลาตั้งแต่เธอปรากฏตัว และเธอดูเข้าถึงได้ง่ายมาก

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจิ้นเย่วรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอ มักรู้สึกมีอะไรแปลก ๆ

"ข้าได้ยินมาว่า คุณชายห้าไม่ใช่คนเหิงโจว" กู้รั่วลี้จิบน้ำชาและยิ้มเบา ๆ

เกี่ยวกับประเด็นนี้จิ้นเย่วมั่นใจแล้วว่า "พระชายารองเสด็จมาจากเมืองหลวง คงจะฟังสำเนียงเหิงโจวไม่ถนัด ฟังไปบ่อย ๆ เข้าก็คงจะคุ้นชินไปเองเพคะ"

กู้รั่วลี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย มือของถือถ้วยนิ่ง เธอไม่สามารถตอบกลับคำพูดใด ๆ ได้ ตัวเธอเองก็ไม่ใช่คนเหิงโจว แต่เธอยังจะพูดถึงสำเนียงเหิงโจวไปเพื่ออะไร นี่ไม่ใช่…

"คุณหญิงห้าก็พูดถูก" กู้รั่วลี้กระพริบตาเล็กน้อย และถามอย่างแผ่วเบา "อ้อใช่ คุณหญิงห้าเคยไปเมืองหลวงไหมก่อนหน้านี้"

ซ่างเย่

ซ่างเย่

Score 10
Status: Completed
ในใจของฟู่จิ่วชิงมีความลับใหญ่ซ่อนอยู่ เมียของตัวเอง ถูกเขาแอบขโมยมา...... ใครๆล้วนรู้ว่า ตระกูลฟู่ในเมืองเหิงโจว ร่ำรวยเท่ากับประเทศชาติเลยทีเดียว แต่เสียที่ทายาทล้วนไม่เอาไหนทั้งนั้น ลูกคนโตตายตั้งแต่ยังเด็ก ลูกคนที่สองใช้เงินทองสุรุ่ยสุร่าย ลูกคนที่สามชอบหาโสเภณี ลูกคนที่สี่เป็นคนโง่ ฟู่จิ่วชิงเป็นลูกหลงซึ่งออกโดยเมียน้อย และก็เป็นคนขี้โรคมาตั้งแต่เกิดด้วย จิ้นเยว่ไม่ยอมแต่งเข้าไปในตระกูลฟู่ แต่พ่อเข้าคุก นางในฐานะที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอเท่านั้น จะทำอะไรได้ล่ะ? แต่ว่าหลังจากแต่งเข้าไปแล้ว คนขี้โรคที่ได้ยินมานั้น เหมือนไม่ได้ป่วยหนักขนาดนั้น โดยเฉพาะวิธีการทรมานคน ทำไมถึง......โหดร้ายขนาดนั้น? อยู่มาวันหนึ่ง จิ้นเยว่ตื่นตัวขึ้นมาทันที สามีของตัวเองเป็นหมาป่าหางโตที่ใส่หนังแกะนี่เอง! หัวใจของข้าแบ่งเป็นสามส่วน ตะวัน นิศาบดีและเจ้า ตะวันและนิศาบดีมอบให้กับเจ้า ยอมล่มสิ้นใต้หล้าเพื่อเจ้าเพียงผู้เดียว!——ฟู่จิ่วชิง

Options

not work with dark mode
Reset