ซ่างเย่ 22 เธอมาแล้ว

ตอนที่ 22 เธอมาแล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในจวนดูคึกคัก

ต่างกำลังจัดเตรียมงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ เพราะปีนี้มีองค์ชายเล็กร่วมงาน จึงจำเป็นต้องจัดให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

และได้ยินมาว่าภายในงานคืนนี้จะมีแขกคนพิเศษมาด้วย

จิ้นเย่วมองตัวเองในกระจกที่หมองมัวแทบจะมองไม่เห็นใบหน้าของเธอ "ฉันถูกขังอยู่แบบนี้ ยังจะขัดอีกทำไม?"

ซวงจือที่กำลังขัดอย่างขะมักเขม้น เมื่อได้ยินก็เหลียวมองไปยังฟู่จิ่วชิงที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าต่าง

"ฟู่…" จิ้นเย่วหยุดชะงักด้วยความลังเลใจ

"เรียกว่าสามี!" ฟู่จิ่วชิงไอออกมาสองสามที เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่เปิดเปลือกตาขึ้น แต่ทำไมเขาสามารถรับรู้ทุกสิ่งรอบตัวเขาได้

เมื่อแต่งเข้ามาอยู่ในจวนหลังนี้แล้ว จิ้นเย่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับพูดออกมาเบา ๆ "สามี?"

แสงแดดอ่อน ๆ ส่องประกายเข้ามาจากนอกหน้าต่าง และแสงนั้นตกกระทบสาดเข้าที่ใบหน้าของเขา ทำให้มองเห็นใบหน้าของเขาที่ขาวราวกับหยก นิ้วมือเรียวเล็กที่กำลังเลื่อนเปลี่ยนหน้าหนังสือ ขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากถามก็รู้สึกถึงแรงสั่งสะเทือนเบา ๆ

สายลมที่พัดผ่าน เขาก็พลิกหนังสือและปกปิดอารมณ์ทั้งหมดของเขาอย่างไร้ร่องรอย

"นี่คือกฏ!" เขาพูดอย่างใจเย็น

จิ้นเย่วเย้ยเยาะ "ข้าได้เรียนรู้กฎตระกูลทั้งหมดแล้ว จะมีข้อนี้ได้อย่างไร?"

"กฎของฉัน!" เสียงของเขาเข้มขึ้น วางหนังสือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอ

จิ้นเย่วพูดไม่ออกทันที

"คุณหญิง อันที่จริงอย่างนี้ก็ดีแล้ว" ซวงจือรีบแก้ตัวให้โดยไว

"อื้ม ดีมาก ลมพัดไม่เข้า แดดก็ส่องไม่ถึง วันดีคืนดีต้องมาหลบมีดดาบปืน!" จิ้นเย่วกัดฟันกรอด "ผิวหนังหนา!"

จวินซานที่รีบร้อนกลับมาจากข้างนอก "คุณชาย นายท่านเชิญคุณชายและคุณหญิงไปที่ห้องโถงบุปผาขอรับ"

ฟู่จิ่วชิงหรี่ตาเพื่อมองจิ้นเย่วที่ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร

เป็นเวลาเดียวกับที่จิ้นเย่วก็มองไปที่เขาเช่นกัน

"ไปกันเถอะ!" ฟู่จิ่วชิงลุกขึ้นและเดินออกไป

จวินซานรีบตามไปคลุมผ้าคลุมไหล่ให้อย่างรวดเร็วและตามเขาอย่างใกล้ชิด

หลังจากออกมาจากบ้าน ฟู่จิ่วชิงจับมือจิ้นเย่วและกระซิบด้วยเสียงต่ำ "เดี๋ยวไปถึงห้องโถงบุปผาแล้วห้ามมองไปรอบ ๆ ห้ามพูด ตามข้าอย่างเดียว เข้าใจไหม?"

จิ้นเย่วพยักหน้า เคร่งเครียดเหมือนกับจะไปออกรบ?!

ผู้คนมากมายในห้องโถงบุปผา

ขณะที่ฟู่จิ่วชิงเดินจับมือพาจิ้นเย่วเข้าไปในห้องโถง เป็นจังหวะเดียวกับที่หลิ่วซื่อเดินเข้ามาเห็นทั้งคู่กำลังจับมือกัน เธอทักด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ "โอ้ สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ช่างทำให้เป็นที่น่าอิจฉาเสียจริง!"

จิ้นเย่วนึกถึงคำที่ฟู่จิ่วชิงได้บอกได้ เธอได้แต่ฝืนเก็บอารมณ์ไว้

ใบหน้าของฟู่จิ่วชิงเยือกเย็นไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ หลิ่วซื่อจึงหุบปากแล้วเดินเข้าไปยังภายในงาน

"ท่านพ่อ!"

"ท่านพ่อ!"

ฟู่จิ่วชิงและจิ้นเย่วทั้งสองแสดงความเคารพต่อฟู่เจิ้งไป่

ฟู่เจิ้งไป่มองมายังจิ้นเย่ว ใบหน้าของเธอก้มลงเล็กน้อย และเธาก็รีบหลบตาของเขา "อย่าเสียมารยาท!"

สี่คำนี้เขาตั้งใจบอกกับจิ้นเย่ว

ฟู่จิ่วชิงยืดอกไอออกมาเบา ๆ สองครั้งและลากจิ้นเย่วไปอีกด้านหนึ่ง

ฟู่เจิ้งไป่ก็ถอนหายใจ

ข้างนอกมีเสียงตะโกนว่า "เจ้าชายน้อยเสด็จแล้ว พระชายารองเสด็จแล้ว!"

พระชายารอง?

จิ้นเย่วหันไปมองฟู่จิ่วชิง ก่อนหน้านี้ไม่ใช่มีเพียงแค่องค์ชายเล็ก? พระชายารองมาจากไหน?

ฟู่จิ่วชิงบีบมือของเธอแน่น เพื่อเป็นสัญญาณให้เธอว่าอย่ามองไปรอบ ๆ และจำคำของเขาไว้

ซ่งเยี่ยนก้าวข้ามประตูเข้ามา ตามด้วยรองแม่ทัพเฉิงหนานและนางกำนัลทั้งหลาย

ผิวพรรณนวลเนียนละเอียด เสมือนนางฟ้า ผมเกล้าเรียบสวยสง่า เครื่องประดับมุกที่ไหวไปมาขณะเดิน ชุดแขนกว้างสีเขียวอ่อนราวกับน้ำทะเลใส ผ้าคาดเอวแสดงให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ เมื่อเดินผ่านก็มีกลิ่นหอมชอบยั่วยวน

เมื่อซ่งเยี่ยนนั่งลง ผู้หญิงคนนั้นก็ยืนอยู่ข้างซ่งเยี่ยน มองดูแล้วรู้สึกอ่อนโยน มุมปากที่กำลังยิ้ม ซึ่งตรงกันข้ามกับใบหน้าที่เยือกเย็นของซงเยี่ยน หากแต่ดูเพียงเรื่องรูปลักษณ์เท่านั้น ทั้งคู่ช่างเข้ากัน ช่างเหมาะจะเป็นคู่ครองเสียจริง ๆ

นี่คงเป็นพระชายารองขององค์ชายเล็ก…กู้ลั่วหลี

ได้ยินมาว่าองค์ชายเล็กฆ่าพวกโจรบนภูเขาจนสิ้นซาก หลังจากนั้นไม่รู้เป็นมาเช่นใด เธอก็ได้เป็นเพียงแค่พระชายารองไม่ได้เป็นพระชายา

"องค์ชายเล็ก!" ฟู่เจิ้งไป่ก้มคำนับ

"ข้ามาพำนักพักอาศัยที่จวนของท่าน สร้างความลำบากให้กับท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องพิธีรีตรอง เชิญตามสบาย" ซงเยี่ยนกล่าวกับฟู่เจิ้งไป่ แม้จะพูดมาอย่างนี้ แต่ท่าทางของเรายังคงเจ้ายศเจ้าอย่าง

ใครก็รู้ว่าองค์ชายเล็กเพียงพูดไปไปตามมารยาท หากปฏิบัติตนตามสบายอย่างที่พูดไว้ คงจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น!

คนในตระกูลฟู่ทุกคนต่างรีบก้มคำนับ พร้อมกล่าวองค์ชายเล็กจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ตระกูลฟู่มีลูกชายห้าคน คนโตสุดเป็นลูกของซุนซื่อ แต่ก็ด่วนเสียชีวิตไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ลูกชายคนที่สองและลูกชายคนที่สามเกิดจากหลิ่วซื่อ ทั้งสองต่างก็แต่งงานแล้ว ส่วนคนที่สี่เป็นคนปัญญาอ่อน ไม่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าหากมาร่วมงานด้วย จะเผลอมาชนเข้ากับองค์ชายเล็ก

สามคู่สามีภรรยาโค้งคำนับอย่างสุภาพ

ฟู่จิ่วชิงยืนอยู่ในลำดับท้ายกับจิ้นเย่ว ด้วยเขาเป็นลูกชายคนที่ห้าและควรยืนอยู่ข้างหลังพี่น้อง

แต่แล้ว…

"พี่สาวคนนั้น…" กู้ลั่วหลี่พลันพูดขึ้นมา

ทุกคนสะดุ้งอย่างกะทันหัน และทุกคนก็ตัวแข็งทื่อในทันที รวมไปถึงซงเยี่ยนก็รู้สึกแปลกใจไปด้วย ไม่รู้ว่ากู้ลั่วหลีต้องการสิ่งใด?

ห้องโถงบุปผามีผู้หญิงมากมาย ไม่มีใครรู้ว่ากู้ลั่วหลีหมายถึงใคร?

จิ้นเย่วที่คิดว่าเธอปลอดภัยพอแล้วจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำผิดพลาด ยิ่งไปกว่านั้นฟู่จิ่วชิงจับมือเธอไว้แน่น เธอจะกล้าทำผิดได้อย่างไร? ! เพราะฉะนั้นคนที่พระชายาเรียกแน่นอนว่าไม่ใช่เธอ!

"พี่สาวคนนี้?" กู้ลั่วหลีเดินตรงเข้าไป

จิ้นเย่วมองไปรอบ ๆ และมองกลับมาที่ฟู่จิ่วชิง

ฟู่จิ่วชิงยังคงทำหน้านิ่ง ไม่มีทีท่าอาการใด ๆ

"ข้ามองมาที่พี่สาวคนนี้ ข้ารู้สึกคุ้นหน้า" กู้ลั่วหลีขมวดคิ้ว "เหมือนจะเคยพบเจอ"

ฟู่จิ่วชิงโค้งคำนับเล็กน้อยและจิ้นเย่วก็รีบทำความเคารพ "พระชายารองพูดอะไรเยี่ยงนั้น ข้ามิอาจ! ท่านเป็นถึงคนสำคัญขององค์ชายเล็ก และข้าก็เป็นเพียงแค่ประชาชนคนธรรมดา ท่านอย่าพูดเยี่ยงนี้ให้ข้ารู้สึกผิดเลย!"

หลังจากพูดออกไป จิ้นเย่วเหลือบชำเลืองมองไปยังฟู่จิ่วชิง

''ข้าผิดเอง'' กู้ลั่วหลีมองมาที่เธอ แต่ดูเหมือนเธอจะผิดหวังเล็กน้อย ในที่สุดก็กลับมาที่ซงเยี่ยน "ฉันอาจจะจำผิดไป!"

จิ้นเย่วก้มทำความเคารพและถูกฟู่จิ่วชิงลากไปยืนด้านข้าง เมื่อเธอหันไปมองฟู่จิ่วชิง เธอเหลือบมองที่มุมหางตาของเธอ เป็นเวลาเดียวกับที่จะพบกับทีองค์ชายเล็กเงยหน้าขึ้นมามองเธอ เธอตกใจโดยไม่มีเหตุผล และเธอก็ลดตาลงอย่างรวดเร็วและไม่กล้าที่จะมองไปรอบ ๆ

ซงเยี่ยนมักไม่ชอบเวลากับเรื่องพวกนี้ แต่เพราะเข้ามาพำนักที่จวนฟู่ เขาเลยอนุญาติให้ทุกคนมารับเสด็จ

เมื่อพิธีเสร็จสิ้น เขาลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องโถงบุปผา โดยไม่มีสีหน้ายิ้มแย้มแม้แต่น้อย แต่กลับกันกู้ลั่วหลีเดินมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าตามซงเยี่ยนออกมา

ขณะเขาเดินจากไปซงเยี่ยนมองย้อนกลับมาอย่างครุ่นคิดและเหลือบมองที่จิ้นเย่ว

"องค์ชายเล็ก!" กู้ลั่วหลีเดินช้า

ซงเยี่ยนตกใจเล็กน้อยและชะลอลงเล็กน้อยเพื่อที่เธอจะได้ตามทัน

"พระองค์ช้าลงหน่อย ลั่วหลีไม่สามารถตามทันได้" คิ้วของกู้ลั่วหลีลดลงครึ่งหนึ่ง

ซงเยี่ยนสูดหายใจเข้าลึก ๆ จับมือเธอและเดินออกจากลานหน้าโถงบุปผาอย่างช้า ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้ม "เจ้าไม่ควรมา"

"ลั่วหลีรู้ว่าองค์ชายเล็กปฏิบัติงานราชการ จริง ๆ ก็มิควรมารบกวน แต่เสด็จพ่อและเสด็จแม่ก็คิดถึงพระองค์ กว่าจะได้พบหน้าก็ฤดูใบไม้ร่วง พระองค์ก็มิทรงเสด็จกลับ ลั่วหลีเลยมาหาพระองค์" กู้ลั่วหลีกัดปากด้วยด้วยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

คิ้วของซงเยี่ยนขมวดลงเล็กน้อย และน้ำเสียงของเขาก็เบาลง "เจ้าดูผอม อยากทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีก"

กู้ลั่วหลีเงยหน้าขึ้นมองเขา มุมริมฝีปากของนางโค้งขึ้นเล็กน้อย "เพคะ!"

มองดูองค์ชายเล็กและพระชายารองที่อยู่ไม่ไกล แล้วมองดูคนที่อยู่ข้างเธอ ที่จับมือเธอไว้เหมือนอย่างที่จับมือชนิดที่ห้ามหนีไปไหนได้ ฟู่จิ่วชิง ผู้ที่ไม่รู้ว่าอ่อนโยนสะกดยังไง จิ้นเย่วถอนหายใจ แท้จริงแล้วผู้ชายต่างก็ไม่เหมือนกัน!

ซ่างเย่

ซ่างเย่

Score 10
Status: Completed
ในใจของฟู่จิ่วชิงมีความลับใหญ่ซ่อนอยู่ เมียของตัวเอง ถูกเขาแอบขโมยมา...... ใครๆล้วนรู้ว่า ตระกูลฟู่ในเมืองเหิงโจว ร่ำรวยเท่ากับประเทศชาติเลยทีเดียว แต่เสียที่ทายาทล้วนไม่เอาไหนทั้งนั้น ลูกคนโตตายตั้งแต่ยังเด็ก ลูกคนที่สองใช้เงินทองสุรุ่ยสุร่าย ลูกคนที่สามชอบหาโสเภณี ลูกคนที่สี่เป็นคนโง่ ฟู่จิ่วชิงเป็นลูกหลงซึ่งออกโดยเมียน้อย และก็เป็นคนขี้โรคมาตั้งแต่เกิดด้วย จิ้นเยว่ไม่ยอมแต่งเข้าไปในตระกูลฟู่ แต่พ่อเข้าคุก นางในฐานะที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอเท่านั้น จะทำอะไรได้ล่ะ? แต่ว่าหลังจากแต่งเข้าไปแล้ว คนขี้โรคที่ได้ยินมานั้น เหมือนไม่ได้ป่วยหนักขนาดนั้น โดยเฉพาะวิธีการทรมานคน ทำไมถึง......โหดร้ายขนาดนั้น? อยู่มาวันหนึ่ง จิ้นเยว่ตื่นตัวขึ้นมาทันที สามีของตัวเองเป็นหมาป่าหางโตที่ใส่หนังแกะนี่เอง! หัวใจของข้าแบ่งเป็นสามส่วน ตะวัน นิศาบดีและเจ้า ตะวันและนิศาบดีมอบให้กับเจ้า ยอมล่มสิ้นใต้หล้าเพื่อเจ้าเพียงผู้เดียว!——ฟู่จิ่วชิง

Options

not work with dark mode
Reset