(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 51

ตอนที่ 51

ในสถาบันการทหาร มีกฏห้ามติดต่อภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

ยกเว้นคุณได้รับรายงานจากอาณาเขตของคุณ ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกบังคับให้ใช้แค่ในห้องสื่อสารเท่านั้น

 

ตอนนี้ผมกำลังคุยกับอามากิในห้องสื่อสาร

 

“…พวกทวงหนี้กำลังกดดันให้เราจ่ายหนี้ทั้งหมดงั้นเหรอ?”

 

“ค่ะ เนื่องจากฝ่ายนั้นได้รับแจ้งว่าสถานการณ์ทางการเงินของเราไม่ดีและมีเจ้าหนี้หลายฝ่าย

พวกเขาไม่มีความมั่นใจในการชำระของเราว่ามีความสามารถมากพอที่จะจ่ายได้ทุกก้อน  

จึงเร่งรัดให้เราจ่ายหนี้ให้เร็วขึ้น”

 

“สถานการณ์ทางการเงินไม่ดี? ผมเนี่ยนะ?”

 

ผมไม่เข้าใจ

 

เกิดอะไรขึ้นในอาณาเขตของผมรึไงกัน?

 

“มีปัญหาเกิดขึ้นในอาณาเขตงั้นเหรอ?”

 

“ไม่ค่ะ มันกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาจไม่เร็วเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ไม่มีปัญหาแทรกซ้อนใดๆ  

แม้แต่การพัฒนาของดาวเคราะห์ผู้บุกเบิกก็ยังมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง”

 

“แล้วทำไม?”

 

อามากิหยุดครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ยังไม่ได้รับการยืนยันนะคะ แต่ดูเหมือนว่าครอบครัวเบิร์กลีย์จะเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง  

เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีสายสัมพันธ์มากมายกับบริษัทในอุตสาหกรรมการเงิน”

 

“ครอบครัวของเดอร์ริกเหรอ?”

 

มีชายคนหนึ่งหาเรื่องทะเลาะกับผมในตอนที่เรียนอยู่ชั้นประถม

 

เขาพยายามจะฆ่าผมในระหว่างการแข่งขันอัศวินขับเคลื่อน สุดท้ายผมก็ฆ่าเขาไป

 

แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้ญาติๆ ของเขาโกรธกว่าที่คิด

 

“ครอบครัวเบิร์กลีย์นั้นมีสายสัมพันธ์มากมายและส่วนใหญ่เป็นพวกตัวปัญหา ถึงแม้พวกเขาอาจมียศแค่บารอน แต่เซเรน่าบอกว่าเราควรระมัดระวังตัวไว้”

 

“คุณกำลังบอกว่ากลุ่มขุนนางยศบารอนกำลังรวมตัวกันต่อสู้กับเคานต์อย่างผมงั้นเหรอ?”

 

ขุนนางมักมีลูกมากมาย และสายสัมพันธ์ส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันนัก

 

แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากฆ่าเดอร์ริก ญาติคนอื่นๆ ในครอบครัวเบิร์กลีย์ก็ตั้งตัวกลายเป็นศัตรูกับผม

 

เอาจริงๆ ก็ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะมาไกลขนาดนี้…แต่ก็แค่นั้นแหละ

 

“แต่แค่ชำระหนี้ทั้งหมดก็จบแล้วใช่ไหมล่ะ เราขายโลหะหายากที่เก็บไว้ให้โทมัสได้ไหม?”

 

มันน่ารำคาญที่ต้องแปลงทุกอย่างเป็นเงินสด แต่ถ้าพวกเขาต้องการให้ผมจ่ายทั้งหมดในคราวเดียว ผมก็ต้องทำ

 

แต่ผมจะไม่ปล่อยพวกที่ทำแบบนี้กับผมไว้เฉยๆแน่

 

“ดิฉันได้พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่สามารถจัดการกับปริมาณทั้งหมดได้

เงินสดของทางนั้นไม่เพียงพอ แต่เหล่าเจ้าหนี้ได้ยื่นข้อเสนอมาว่าพวกเขายินดีที่รับซื้อโลหะหายากในราคาต่ำกว่าราคาตลาดครึ่งหนึ่ง  

ดิฉันจึงอยากทราบความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายท่าน”

 

“พวกเขาบอกว่าจะซื้อทรัพยากรของผมในราคาถูกสินะ?”

 

มีหลายสิ่งที่ผมเกลียด

 

ในสิ่งเหล่านั้น นักทวงหนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่แย่ที่สุด

 

ในชีวิตก่อนของผม พวกเขาทรมานผมมากที่สุด

 

ผมเกลียดพวกทวงหนี้เพราะมีประสบการณ์ที่เลวร้ายกับการจ่ายหนี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่หนี้ของผมก็ตาม

 

แม้แต่ในจักรวาลนี้ พ่อแม่และปู่ย่าตายายของผมก็สร้างหนี้ไว้จำนวนมหาศาล

 

ครั้งนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อย แต่ถ้าพวกเขาพยายามเก็บมันด้วยกำลัง ผมจะไม่ปล่อยไว้แน่

 

“มันทำให้ผมรู้สึกพ่ายแพ้ถ้าต้องขายให้พวกเขาในราคานั้น…แบบนั้นผมว่าขายโลหะหายากให้ทางจักรวรรดิดีกว่า”

 

“แม้ว่าจักรวรรดิจะซื้อพวกมันในราคาที่ต่ำกว่างั้นหรือคะ? คุณแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่า?

 

“มันดีกว่าช่วยคนทวงหนี้หาเงิน”

 

นอกจากนี้ ผมสามารถเตรียมโลหะหายากได้มากเท่าที่ต้องการ

 

อย่างแรกเลย ปัญหาทางการเงินทั้งหมดของผมในตอนนี้นั้นมีแค่ในทางเทคนิก

 

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ ‘กล่องเล่นแร่แปรธาตุ’ ที่ไกด์จัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่น่าทึ่งที่สามารถสร้างโลหะหายากได้แม้กระทั่งจากเศษขยะ

 

“ผมจะทำให้รู้เองว่าพวกเขากำลังหาเรื่องกับใคร เราต้องกดดันพวกเบิร์กลีย์กลับบ้าง”

 

‘มันจะเป็นสงครามเศรษฐกิจ’

 

“มันจะเป็นชัยชนะของผมอย่างแน่นอน”

 

เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะแข่งขันกับผม ในขณะที่ฉันมีกล่องเล่นแร่แปรธาตุ

 

ช่างน่าสงสาร

 

“ถ้าอย่างนั้น เราจะดำเนินการกดดันในช่วงเวลาที่เหมาะสม… แล้วชีวิตของคุณในสถาบันการทหารเป็นอย่างไรบ้างคะ?

ป่วยหรือบาดเจ็บหรือเปล่าคะ?”

 

“’เมื่อเทียบกับการฝึกฝนประกายแสงของอาจารย์ สิ่งที่พวกเขาฝึกผมที่นี่ก็ไม่มีอะไร…

ไม่สิ…ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของผมคือที่นี่ไม่มีอะไรให้ผมเรียนรู้อีกแล้ว”

 

“ไม่มีอะไรให้เรียนรู้หรือคะ?”

 

“ก่อนหน้านี้ รุ่นพี่คนหนึ่งได้มาท้าสู้กับผมในเกมจำลองการรบ ผมอยากให้อามากิเห็นจริงๆว่าผมชนะเขายังไง”

 

แม้จะบอกเธอเกี่ยวกับชัยชนะอันยอดเยี่ยมเหนือดอล์ฟ แต่อามากินั้นดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

 

“มีอะไรงั้นรึ?”

 

“…นายท่าน… เพราะเรื่องนี้ทำให้คุณทำตัวหยิ่งผยองแบบนี้เหรอคะ?”

 

“เป็นเรื่องปกติที่ผู้ปกครองที่ชั่วร้ายจะหยิ่งผยองไม่ใช่เหรอ แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ ว่าผมต้องการจะเอาชนะคนโง่ที่ยึดถือความยุติธรรมแบบเขา  

มันทำให้ผมอยากจะหัวเราะเมื่อคิดว่าคนแบบนั้นเป็นอันดับต้นๆของสถาบันการทหาร”  

 

สถาบันการทหารก็ไม่ได้ทำอะไรกับเรื่องนี้เหมือนกัน

 

เมื่อเห็นผมยิ้มแบบนั้น อามากิก็มองมาที่ผมอย่างเย็นชา

 

“มันจะเป็นปัญหา ถ้าคุณพอใจเพียงแค่ชนะนักเรียนในสถาบัน ดิฉันคาดหวังให้ท่านมุ่งมั่นในการศึกษามากกว่านี้ค่ะ”

 

…วันนี้อามากิไม่อ่อนข้อให้แม้แต่นิดเดียว

 

“คุณรู้ไหม คุณเป็นคนเดียวที่ผมยอมให้มีทัศนคติแบบนั้นกับผม ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงสั่งตัดหัวพวกเขาไปแล้ว”

 

“ดิฉันแค่บอกคุณในสิ่งที่คุณต้องฟัง นายท่าน คุณสามารถตัดหัวของดิฉันได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ”

 

ตัดหัวอามากิ? ต่อให้เป็นเรื่องตลกก็ไม่สมควรพูดแบบนั้น

 

ผมยกมือยอมแพ้

 

“โอเคๆ ผมจะพยายามทำตามคำแนะนำ ได้โปรดอย่าโกรธผมเลย”

 

“ดิฉันไม่ได้โกรธ”

 

“–ยังไงก็เถอะ อืม… โรเซตต้าเป็นยังไงบ้าง?”

 

โรเซตต้าเป็นผู้หญิงเจ้าปัญหาที่บอกว่าเธอจะตามผมมาที่สถาบันการทหารด้วย แต่ตอนนี้เธออยู่ที่คฤหาสน์ใช่ไหม?

 

เธอเรียกผมอย่างมีความสุขว่า “ที่รัก!” เมื่อเราอยู่ด้วยกัน ทำให้ผมไม่รู้จริงๆว่าควรปฏิบัติต่อเธออย่างไร

 

ในฐานะผู้เข้าชิงฮาเร็มในอนาคต เธอสวยมาก… แต่รู้สึกผิดแปลกๆเมื่อผมคิดถึงเรื่องนั้น

 

“ท่านหญิงโรเซตต้ากำลังผ่านการฝึกอย่างเข้มงวดภายใต้การดูแลของหัวหน้าสาวใช้  

มีการปรึกษากันว่าจะให้เธอเริ่มเรียนที่บ้านหลังอื่น แต่เรามีปัญหาในการหาบ้านที่จะเข้ารับการฝึกอบรม

เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเรากับครอบครัวเบิร์กลีย์”

 

“ครอบครัวเบิร์กลีย์อีกแล้ว?”

 

ผมได้ยินชื่อพวกเขาทุกที่เลย

 

สำหรับจักรวรรดิ มันคงเหมือนคนที่มีนามสกุล ‘ทานากะ’

 

“อืม… ผมจะปล่อยเรื่องนี้ให้คุณ”

 

“รับทราบค่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดิฉัน”

 

หลังจากสิ้นสุดการติดต่อ ผมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยืดเส้นยืดสาย

 

“ถ้าเอาตามที่อามากิบอก… ผมควรเรียนให้จริงจังกว่านี้สินะ”

 

◇ ◇ ◇

 

ชั้นเรียนในวันต่อมาสอนพื้นฐานของการทำสงครามกองยาน

 

ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้แล้วในแคปซูลการศึกษา แต่หลังจากได้ยินบทเรียนของครูฝึก เหงื่อเย็นๆก็ไหลออกมา

 

ครูฝึกยืนอยู่บนแท่นพูดเกี่ยวกับสงครามสมัยใหม่อย่างเฉยเมย

 

“ในขณะที่ขนาดของการรบกองเรือเพิ่มขึ้น ระยะเวลาในการทำการรบก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ฝ่ายที่อยู่รอดได้นานกว่าย่อมได้เปรียบ  ทำให้กลยุทธ์เชิงรุกเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความสูญเสีย”

 

ภาพโฮโลแกรมจำลองการต่อสู้ของกองยาน แสดงสถานการณ์ให้เราฟังในลักษณะที่เข้าใจง่าย

 

“ในขณะที่คุณภาพของยานรบและทักษะของลูกเรือก็เป็นปัจจัยอื่นที่ต้องพิจารณา แต่ความเสี่ยงในการพุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามในระดับเดียวกันก็อันตรายอยู่ดี”

 

อาจารย์กล่าวเสริม

 

“กลยุทธ์การจู่โจมสมัยใหม่มักใช้ในการไล่ตามกองเรือที่สูญเสียขบวนการรบไปแล้วและกำลังถอยทัพ ฉันขอให้ไม่มีใครในพวกคุณพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างกับฮีโร่น่ะนะ”

 

นักเรียนนายร้อยในห้องต่างหัวเราะร่วน

 

แต่ผมไม่

 

กลยุทธ์การโจมตีถือได้ว่าเป็นลายเซ็นของบ้านเบนฟิลด์

 

มันใช้งานได้ดีจนถึงตอนนี้ นั่นก็เพราะว่าคู่ต่อสู้คือโจรสลัด

 

ผมเอ่ยปากถามครูฝึก

 

“ถ้าอย่างนั้น ต้องการความแตกต่างด้านจำนวนมากแค่ไหนสำหรับกลยุทธ์บุกโจมตี?”  

 

“โอ้ นักเรียนนายร้อยเลียม? น่าประหลาดใจจริงๆ ฉันคิดว่าจะไม่มีอะไรเหลือให้สอนคุณซะแล้ว อืม…ในกรณีนั้น ฉันคิดว่าคุณต้องการกองกำลังมากกว่าศัตรูซักสี่เท่า”

 

สี่เท่า…

 

ถ้าเป็นแบบนั้น บ้านเบนฟิลด์จะไม่มีทางชนะถ้าอีกฝ่ายมีมากกว่าหนึ่งหมื่น (ปัจจุบันบ้านเบนฟิลด์มีกองกำลังสามหมื่น)

 

ยานรบและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เน้นการโจมตี – และทหารที่ได้รับการฝึกฝนที่เน้นการโจมตี

 

มันคือความผิดพลาด

 

“สี่เท่า…สี่เท่างั้นรึ?”

 

ขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิด วอลเลซก็ร้องทัก

 

“มีเรื่องอะไรเรอะ?”

 

“…เปล่าหรอก… แค่คิดที่จะเสริมกองทัพนิดหน่อย”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

จำเป็นต้องเปลี่ยนนโยบายทางทหารและขยายกองทัพโดยเร็วที่สุด

 

แม้ว่าผมจะเป็นผู้ปกครองที่ชั่วร้าย แต่ก็รู้สึกวิตกกังวลทันทีเพราะกองทัพของตนเองนั้นต่ำกว่ามาตรฐาน

 

ผมต้องการเหยียบย่ำคนอื่นจากตำแหน่งที่ปลอดภัย ไม่ใช่คนที่เสี่ยงชีวิตเพื่อทำแบบนั้น

 

“อาวุธยุทโธปกรณ์… ถ้าพูดถึงของพวกนั้นล่ะก็—”

 

ผมคิดว่าจะต้องติดต่อกับโรงงานอาวุธซะแล้วล่ะ

 

ผมต้องติดต่อหาอามากิอีกครั้ง

 

แม้ว่าจะเริ่มตอนนี้ แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อให้เกิดผลลัพธ์

 

เมื่อพิจารณาว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่สร้างขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องใช้เวลานานมากขึ้นไปอีก

 

บัดซบ! – ผมพลาดแล้ว

 

เมื่อมองย้อนกลับไปถึงการต่อสู้ทั้งหมดที่ผ่านมา ผมนั้นประมาทเกินไป

 

อย่างตอนที่สู้กับดอล์ฟ ผมก็เกือบแพ้เพราะใช้กลยุทธ์เน้นโจมตี

 

แต่โชคดีที่ผมสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ในทันทีถึงเอาชนะมาได้ (TL:เหรอออ)

 

แต่คิดในแง่ดี ต้องบอกว่าผมโชคดีที่สังเกตเห็นสิ่งนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่อะไรๆมันจะเกิดขึ้น

 

“ในตอนนี้ ต้องตั้งเป้าเพิ่มกำลังเป็นสองเท่า…หกหมื่นลำ ไม่สิ ผมควรเพิ่มสามเท่าให้รวมเป็นเก้าหมื่น”

 

เมื่อฟังเสียงพึมพำของผม วอลเลซก็พูดขึ้น “หืม? ต้องการมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ด้วยความประหลาดใจ

 

ใช่

 

กองทัพของผมไม่ควรพ่ายแพ้

 

นั่นเป็นเพราะว่าอำนาจทางการทหารเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นผู้ปกครองที่ชั่วร้าย

 

ทุกคนจะไม่ปริปากบ่น ตราบเท่าที่คุณมีกองทัพที่แข็งแกร่ง

 

กองทัพที่แข็งแกร่งเท่ากับอำนาจของผู้ปกครองที่เหนือกว่า

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมจะแพ้ไม่ได้

 

อ่า… นั่นสินะ

 

อามากิพูดถูก ผมไม่ควรมาหยิ่งผยองกับเรื่องแบบนั้น!

 

ตอนนี้ผมไม่มีอำนาจทางทหารกระทั้งจะรับประกันความปลอดภัยของตัวเอง แต่ผมสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้

 

“จู่ๆ ผมก็รู้สึกมีแรงบันดาลใจขึ้นมา”

 

เห็นท่าทางจริงจังของผม วอลเลซก็ดูจะสับสน

 

“อ่อ อย่างงั้นเหรอ? อืม… ฉันเดาว่ามันคงดีสำหรับคุณสินะ? ทำให้ดีที่สุดละกัน”

 

ใช่แล้ว ผมจะทำให้ดีที่สุด!

 

◇ ◇ ◇

 

หลังจากได้ยินรายงานในสำนักงานของเขาซิการ์ก็หลุดจากปากของแคชมิโร่

 

“ว่ายังไงนะ”

 

ลูกชายที่รายงานผ่านเครื่องสื่อสารไม่ได้พยายามซ่อนว่าเขาอารมณ์เสียแค่ไหน

 

“บ้านแบนฟิลด์ขายโลหะหายากทั้งหมดที่พวกเขาเก็บไว้ให้กับจักรวรรดิ และหลังจากขายทอดตลาด พวกเขาก็ชำระหนี้เต็มจำนวนด้วยเงินสด”

 

แผนการของพวกเขาในการตัดอำนาจของบ้านแบนฟิลด์จบลงด้วยการที่บริษัทหน้าฉากของพวกเขาสูญเสียความน่าเชื่อถือ

 

“ยังไงก็ตาม กดดันมันต่อไป! ถ้าเราปล่อยให้เด็กเหลือขอแบบนั้นไปง่ายๆ ครอบครัวเบิร์กลีย์จะถูกดูหมิ่นแน่!”

 

“ รับทราบครับ”

 

เมื่อวางสาย แคชมิโร่ก็กุมหัว

 

“แม่งต้องล้อเล่นแน่ๆ มันเป็นแค่บ้านขุนนางที่ยากจนไม่ใช่เรอะ?”  

 

เขาไม่คิดว่าพวกนั้นมีทุนมากพอที่จะเคลื่อนไหวในเชิงเศรษฐกิจ

 

(การเลือกที่จะเป็นหนี้ทั้งๆ ที่มีเงินทุนเพียงพอในการชำระหนี้… พวกเขาไปได้แห่งเงินทุนมาจากไหนกัน?  

ฉันคิดว่ามันเป็นเพียงคนที่เพิ่งเริ่มต้นพัฒนาจากชายแดน แต่กลับสร้างปัญหาให้น่าประหลาดใจ)

 

เมื่อสิ่งต่าง ๆ มาไกลถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตัดสินกันจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้

 

ถ้าแคชมิโร่ถอยออกมาก่อน คนอื่นๆ จะเริ่มตั้งคำถามกับอำนาจของตระกูลเบิร์กลีย์

 

ไม่มีประประโยชน์ถ้าคุณเริ่มสงครามแล้วไม่ชนะ

 

ใช่– เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ความขัดแย้งระหว่างขุนนางนั้นไม่จบลงง่ายๆ

 

“เรามีน้ำยาอีลิกเซอร์ ด้วยสิ่งนี้ เราสามารถสร้างรายได้มหาศาล  แม้ว่าพวกเขาจะมีโลหะหายากมากมาย แต่บ้านของเบนฟิลด์ก็จะพ่ายแพ้”  

 

แม้ว่าจะมีข้อเสียที่พวกเขาต้องทำลายดาวเคราะห์เพื่อสร้างมันขึ้นมา แต่น้ำยาอีลิกเซอร์เป็นที่ต้องการสูงเสมอ

 

แคชมิโร่คิดว่า หากสู้ในระยาวเลียมจะพ่ายแพ้ในที่สุด

 

“แต่ว่า…สงครามเศรษฐกิจครั้งนี้เราพลาด… เราได้รับความเสียหายมากเกินไป”

 

บริษัทหน้าฉากของพวกเขาสูญเสียความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ

 

เพราะความจริงที่ว่าร้านพวกนั้นมีตระกูลเบิร์กลีย์อยู่เบื้องหลังถูกเปิดเผย

 

ถ้าเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เขาคงจะเริ่มการต่อสู้ด้วยวิธีที่ต่างไปจากเดิม

 

“…เราไม่สามารถจะแพ้เด็กคนนั้นได้อีกต่อไป”

 

การต่อสู้ของพวกเขาจะรุนแรงขึ้น – คงจะแบบนั้น

 

————

 

ไบรอัน (´・ω・) “ท่านเลียมมักจะพูดว่าเขาจะ ‘สร้างฮาเร็ม’  ถ้าเขาจะสร้างจริงๆข้าราชบริพารทุกคนก็หวังว่าเขาจะรีบสร้างมันขึ้นมาได้แล้ว

แล้วเราก็จะไม่ต้องกังวลอีกต่อไป แม้ว่าอามากิจะเป็นกรณีพิเศษ แต่ก็เจ็บปวดที่เขายังไม่ได้ทำอะไรกับท่านหญิงโรเซตต้าเลย ท่านเลียมโกหกเราตลอดเวลาว่าเขาจะสร้างฮาเร็ม… เจ็บปวดจริงๆ”

 

————

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset