(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 50

ตอนที่ 50

ณ ห้องเรียนภายในสถาบันการทหาร

 

ในห้องบรรยายแบบขั้นบันได เลียมถูกรายล้อมด้วยนายร้อยจากตระกูลขุนนาง  

 

ตั้งแต่การจำลองการรบกับดอล์ฟเมื่อวาน พวกขุนนางก็เข้ามาหาเขามากขึ้น

 

“เลียม คุณยอดเยี่ยมมาก!”

 

“ทั้งที่ยังอยู่ปีหนึ่ง คุณกลับเอาชนะดอล์ฟรุ่นพี่อันดับหนึ่งคนนั้นได้!”

 

“อย่างที่คิดเลย ประสบการณ์การต่อสู้จริงนั้นคนละระดับกันเลย”

 

ขณะที่เลียมได้รับคำชม เขาก็ยืดอกอย่างภูมิใจ

 

“ไม่เท่าไหร่หรอกน่า…เขาแค่อ่อนแอเกินไป”

 

ผู้คนรอบๆยังคงสรรเสริญเขาอย่างต่อเนื่อง

 

วอลเลซเฝ้าดูเหตุการณ์จากระยะไกล พวกนายร้อยจากตระกูลขุนนางต่างประจบประแจงเลียมอย่างโจ่มแจ้ง ต่างจากเมื่อวาน  

 

“…รีบเกาะขาคนมีอำนาจขนาดนั้นเลยนะ เจ้าพวกนี้ตรงไปตรงมาจนน่าประทับใจทีเดียว”

 

นักเรียนในห้องเรียนมีสีหน้าขมขื่นขณะที่พวกเขาเฝ้าดูเหตุการณ์นี้

 

เหมือนกับวอลเลซ พวกเขารู้สึกทึ่งกับความรวดเร็วในการเปลี่ยนหน้าของเหล่าขุนนาง

 

(เมื่อวานนี้พวกเขาเรียกเลียมว่าเป็นคนบ้านนอกโง่ๆ แต่ตอนนี้พวกเขาแทบจะเลียรองเท้าเลียมด้วยซ้ำ)  

 

ด้วยชัยชนะของเลียมเหนือดอล์ฟ ขุนนางที่เคยเยาะเย้ยเขาในตอนนี้ทำตัวเหมือนเป็นผู้ติดตามของเขา

 

(ฮา… ฉันคิดถึงโรงเรียนประถม)

 

ในตอนนั้นยังมี เคิร์ท เพื่อนอีกคนของเลียมอยู่ด้วย

 

ถ้าเขามาที่สถาบันการทหารด้วย เขาคงจะจัดการกันคนพวกนี้ให้ห่างจากเลียมอย่างแน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม เคิร์ตเป็นทายาทของตระกูลบารอนเอ็กซ์เนอร์ ซึ่งเป็นครอบครัวที่มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับกองทัพ

 

บ้านที่เป็นแบบนั้นมักเลือกสถาบันการทหารให้เป็นทางเลือกสุดท้ายในการฝึกอบรม

 

หลังจากจบการศึกษาระดับประถม เคิร์ทได้ลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาเพื่อเข้ารับคุณสมบัติเป็นข้าราชการก่อน

 

หลังจากที่เขาจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษา เขาจะเข้ากองทัพหลังจากที่ประจำการอย่างน้อยสี่ปี *1

 

เพราะแบบนั้น เคิร์ตจึงไปเป็นนักศึกษาของสถาบันการศึกษา

 

(จะว่าไป เขาดูหดหู่ไม่น้อยเมื่อต้องแยกทางกับเลียม)  

 

เนื่องจากเลียมตัดสินใจไปสถาบันการทหารก่อน เคิร์ตจึงค่อนข้างหดหู่

 

แม้ว่าเขาอยากจะให้เลียมลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาด้วยกัน แต่เลียมเป็นเคานต์ เขาไม่สามารถอยู่ในกองทัพได้ตลอด

 

เข้าไม่ได้เป็นผู้สืบทอด แต่เขาได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านไปแล้ว และจำเป็นต้องกลับไปปกครองอาณาเขตของตน

 

วอลเลซมองเลียมที่กำลังได้รับคำสรรเสริญจากคนรอบข้าง

 

“มันเร็วไปสิบปีที่มือสมัครเล่นที่ไม่มีประสบการณ์การต่อสู้จริง จะเอาชนะผมได้”

 

เมื่อเลียมพูดแบบนั้น สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวของเขาเริ่มสับสนและพูดว่า “สิบปี?” “ใช้เวลาเพียงสิบปีก็เก่งได้แบบนั้นเลย?” “นั่นเร็วจนน่าตกใจทีเดียว” *2

 

ในตอนนั้นเอง – [มารี เซรา แมร์เรียน] พุ่งเข้ามาในห้องเรียนด้วยผมสั้นสีม่วงของเธอ

 

ใช่แล้ว ผมสีม่วง

 

ในสถาบันการทหารที่เต็มไปด้วยผู้ชาย ความงามระดับเธอเธอจึงเป็นบุคคลที่โดดเด่นมาก

 

“ดิฉันได้ยินข่าวแล้วค่ะ ท่านเลียม!”

 

เธอเข้าประชิดตัวเลียมทันที และจับมือเขาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

 

“…มารีเหรอ?”

 

มารียังคงร่ายคำสรรเสริญเลียมต่อ โดยไม่สนใจใบหน้าบึ้งตึงที่เขากำลังทำอยู่

 

“ท่านเอาชนะอันดับหนึ่งของสถาบันในการต่อสู้จำลอง! ท่านเลียมสุดยอดที่สุด! น่าเสียดายที่มารีคนนี้ ไม่สามารถเห็นท่าทางอันกล้าหาญของคุณเมื่อวานนี้ ถ้าดิฉันรู้ดิฉันจะรีบวิ่งไปทันที!”

 

วอลเลซถอนหายใจ

 

(อัศวินของเลียมทุกคนนี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ)

 

มารีก็เข้ามาสถาบันการทหารกับเลียมด้วย

 

เหตุผลก็เพื่อที่เธอจะได้รับคุณสมบัติอัศวิน

 

แม้ว่าบันทึกของเธอจะหายไป แต่จริงๆแล้วเธอเป็นวีรสตรีที่ได้รับตำแหน่งอัศวินไปตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อน

 

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนแบบนั้นเข้ามาในสถาบันการทหาร?

 

–สถาบันการทหารไม่ค่อยได้รับนักเรียนที่มีที่มาที่ไปแปลกๆ และยังไม่มีมาตรการใดๆ ที่เตรียมไว้เพื่อจัดการกับคนเหล่านั้น

 

ดังนั้นจึงมีการแยกจากหลักสูตรทั่วไป เป็นชั้นเรียนที่ทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อรองรับกลุ่มคนดังกล่าว

 

มันเป็นสถานที่ที่เก็บผู้ที่มีพรสวรรค์ หรือแม้แต่พวกคนที่มีเบื้องหลังแปลกๆเข้าเรียน

 

กล่าวโดยย่อ มันคือสถานที่รวบรวมเด็กที่มีปัญหา และผู้สอนทั้งหมดที่สอนก็มีแต่ทหารผ่านศึก

 

ในชั้นเรียนดังกล่าว มารีปฏิเสธที่จะตัดผมสั้นในวันแรก

 

ซึ่งแน่นอนว่าครูฝึกสั่งให้เธอตัดผมสั้น แต่มารีกลับตอบโต้ด้วยการทุบตีพวกเขาทั้งหมดด้วยกำลังและเริ่มสอนพวกเขาแทน

 

เธอเบ้ปาก “อาจารย์ของจักรวรรดิมีน้ำยาแค่นี้งั้นเรอะ? ฉันไม่คิดว่าคุณจะสอนอะไรฉันได้” มารีกล่าวด้วยความผิดหวัง

 

ครูฝึกไม่สามารถเอาชนะเธอได้ และการขับไล่เธอออกไปโดยตรงจะบ่อนทำลายอำนาจของพวกเขา จากปัญหานี้ สุดท้ายพวกเขาลงเอยด้วยการขอความช่วยเหลือจากเลียม  

 

เลียมที่เพิ่งตัดผมได้กล่าวขึ้น “อะไร? ทั้งที่ผมก็ตัดผมจนสั้นเหมือนกัน แต่คุณกลับเอาแต่บ่นอย่างงั้นเรอะ? ไปตัดมันเดี๋ยวนี้!”  

 

ในวันรุ่งขึ้น มารีถึงได้มาพร้อมผมสั้นทรงใหม่ของเธอ

 

เมื่อเห็นแบบนั้น ครูฝึกก็บ่น “พวกเราเสียเวลาขนาดนั้นไปทำไมกันนะ?”  

 

ถึงจะเป็นแบบนั้น มารีก็ถูกโยนเข้าไปในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยเด็กที่มีปัญหาซึ่งแยกจากเลียม ซึ่งพยายามหาเหตุผลที่จะออกมาพบเขาอยู่เสมอ

 

หลังจากเห็นเธอ เลียมก็ดูห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที

 

“นั่นล่ะๆ น่าเสียดายจังเนอะ ผมเข้าใจแล้ว…. เพราะงั้น มารี คุณควรกลับไปที่ห้องเรียนของคุณได้แล้ว”

 

“ไม่ค่ะท่านเลียม ดิฉันยังสรรเสริญท่านไม่พอ! ถ้าดิฉันไม่บอกว่าคุณวิเศษแค่ไหน นั่นจะเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของมารี!”

 

ดวงตาของเธอแดงก่ำ

 

มารีกล่าวชมเชยต่อไป และพวกคนที่ทำตัวเหมือนเป็นผู้ติดตามของเลียมต่างพากันถอยห่าง

 

“แน่นอนว่า การที่ท่านเลียมผู้แสนวิเศษนั้น ทำเรื่องสุดยอดอันแสนยอดเยี่ยมเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้—”

 

เมื่อเห็นมารีที่เริ่มร่ายคำสรรเสริญยืดยาว วอลเลซก็เริ่มคิด

 

(อา… ฉันคิดถึงวันเก่าๆขึ้นมาเลย)

 

◇ ◇ ◇

 

ผมชอบคนที่ทำตามคำสั่ง

 

คนที่เหมือนสุนัขที่กระดิกหางมาหาอย่างมีความสุข และต้อนรับผมด้วยความตื่นเต้น  

 

แต่เมื่อมองไปที่มารีที่พูดพร่ำเพ้ออย่างตื่นเต้นต่อหน้าผมแล้วนั้น…

 

มันต่างกัน…

 

มารีที่ตื่นเต้นจนตาแดงก่ำ พลางตะโกนออกมาอย่างแรงกล้า “ท่านเลียมเป็นศูนย์รวมแห่งความสมบูรณ์แบบ!” และสิ่งอื่น ๆ ตามแนวทางเหล่านั้น  

 

–ผมชอบคนที่ประจบสอพลอและยกยอผม แต่เมื่อเห็นแบบนี้ ผมได้แต่รู้สึกผิดหวัง

 

แม้แต่หัวหน้าอัศวินของผม เทียก็เหมือนกัน

 

ผมแน่ใจเลยว่าแม้แต่ตอนที่ผมสะดุดล้ม พวกเขาจะชมเชยและพูด “ท่านเลียมสุดยอด!” อะไรแบบนั้น

 

เมื่อมันมากเกินไป คำชมทั้งหมดของพวกเขาเริ่มรู้สึกเหมือนกำลังล้อเลียนผมซะมากกว่า

 

-คำพูดของพวกเขามันช่างว่างเปล่า

 

“ท่านเลียมเป็นคนที่ยอดเยี่ยม!”

 

“…เข้าใจแล้วๆ มันเยี่ยมมาก ตอนนี้มารี กลับไปที่ห้องเรียนของคุณได้แล้ว”

 

“ท-ทำไมล่ะคะท่านเลียม!”

 

“คลาสเรียนจะเริ่มแล้ว”

 

“เอ่อ แค่เรื่องแบบนั้น—”

 

“กลับไปได้แล้ว!!!”

 

“ค่ะ!”

 

คุณมีความตระหนักตนในฐานะรองหัวหน้าอัศวินของผมบ้างไหมเนี่ย?

 

เธอมีความสามารถอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะลืมไขสกรูสักสองสามตัว

 

ผมห่อไหล่ลงอย่างเหนื่อยใจเมื่อเห็นมารีวิ่งออกจากห้องเรียน และดูเหมือนทุกคนจะเริ่มรักษาระยะห่างจากผม

 

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพฤติกรรมที่รุนแรงของเธอ

 

ทั้งที่ในที่สุดผมก็มีกลุ่มลูกน้องมารวมตัวกัน แต่เธอก็มาทำลายมันซะงั้น

 

มารีบางครั้งก็ไร้ประโยชน์จริงๆ

 

เธอไม่รู้ว่าจะชมเชยอย่างพอประมาณอย่างไร เธอจึงลงเอยด้วยการทำให้ผมดูเหมือนคนโง่อยู่เสมอ

 

อา~ ตอนนี้เล่นเอาหมดอารมณ์เรียนเลย

 

◇ ◇ ◇

 

หนึ่งในนักเรียนนายร้อยที่เข้าไปล้อมรอบเลียมกำลังแอบออกจากห้อง

 

ขณะที่เขาพยายามจะหลบหนีไปด้วยความประหม่า มารีซึ่งซ่อนอยู่หลังมุมห้อง ร้องเรียกเขา

 

“เฮ้ ชั้นเรียนกำลังจะเริ่ม คุณจะไปไหน?”

 

นักเรียนคนนั้นลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่ในทันใดนั้นก็ดึงมีดออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่เธอ

 

มารีคว้าแขนของเขา แล้วตรึงคนร้ายลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว

 

“…คุณจะทำอะไรถึงต้องพกมีดมาด้วย”

 

“ป-ปล่อยฉันนะ!”

 

มารีจับนิ้วของนักเรียนนายร้อยคนนี้แล้วบิดมันไปในทิศทางตรงกันข้าม พร้อมยิ้ม

 

“อือออ-!”

 

เมื่อเห็นนักเรียนคนนี้พยายามกลั้นเสียงกรีดร้อง รอยยิ้มของมารีก็ยิ่งกว้างขึ้น

 

“พวกมือสมัครเล่น…บอกฉันหน่อยซิว่าทำไมคุณถึงเข้าหาท่านเลียม”

 

เธอดัดนิ้วอีกครั้ง แต่นักเรียนคนนี้ก็ยังไม่ตอบ

 

ขณะที่เขาพยายามจะหลบหนี ชายคนหนึ่งในชุดดำขณะสวมหน้ากากที่น่าขนลุกก็ผุดขึ้นจากพื้น

 

มารีไม่ได้ตกใจ แต่นักเรียนนายร้อยตัวสั่นด้วยความกลัว

 

คนที่ปรากฏตัวขึ้นคือ [คุคุริ]

 

เขาเป็นลูกน้องที่ปกป้องเลียมจากเงามืด

 

“มารี คุณอาจจะสร้างปัญหาได้ถ้าคุณลงมือด้วยตัวเอง”

 

“คุคุริ คนๆนี้ทำงานให้ใคร? อย่าบอกนะว่าเป็นตระกูลเบิร์กลีย์ที่ส่งนักฆ่าระดับนี้มา”

 

คุคุริหัวเราะเล็กน้อยกับคำพูดนั้น

 

“…ไม่ใช่ครับ เขาเป็นแค่หนึ่งในลูกน้องของบ้านลอว์เรนซ์ และเขาไม่ใช่นักฆ่า”  

 

“งั้นเขาก็เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งของดอล์ฟสินะ?”

 

เมื่อมารีหักนิ้วของนักเรียนคนนี้อีกนิ้ว ลูกน้องของบ้านลอว์เรนซ์คนนี้พลันมีสีหน้าขมขื่นขึ้นมา เขาไม่สามารถซ่อนอารมณ์ขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายรู้จักนายจ้างของเขาแล้ว

 

“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะปลอมแปลงตัวตนและแทรกซึมเข้ามาในสถาบันการทหาร ทุกอย่างในบันทึกของชายคนนี้เป็นข้อมูลปลอม ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยส่งเสริมให้ดอล์ฟเป็นอันดับหนึ่งของรุ่น”

 

“เข้าใจล่ะ มันเป็นแบบนี้นี่เอง…”

 

เพื่อให้ดอล์ฟได้เปรียบ เขารวบรวมข้อมูลและบางครั้งกระจายข่าวลือ

 

เห็นได้ชัดว่าเขาเกี่ยวข้องกับสิ่งแย่ๆในข่าวลือ แต่จากมุมมองของคุคูริและมารี ทั้งหมดนี้แค่การละเล่นของเด็ก

 

คุคุริบ่นกับมารี

 

“ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าหาท่านเลียมเพื่อรวบรวมข้อมูล ฉันก็เลยแค่เฝ้าสังเกตการณ์”

 

“เขาเข้าหาท่านเลียมด้วยเจตนาร้าย เพียงแค่นั้นก็สมควรตายแล้ว ว่างั้นไหม?”

 

คุคุริทำท่าทางลำบากใจ

 

“ฉันก็คิดแบบนั้น แต่ก็มีหลายอย่างที่ต้องเอามาพิจารณาด้วย ฉันแค่จับเขาไว้เพราะการลอบสังหารดูเหมือนจะไม่ใช่เป้าหมายของเขา เอาล่ะ มาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของบุคคลนี้และรายงานเขาต่อกองทัพดีกว่า”

 

“หือ แปลว่าฉันไม่สามารถฆ่าเขาได้งั้นเรอะ?”

 

“คุณจะฆ่าเขาก็ได้ แต่การกระทำของดอล์ฟก็จะไม่ถูกเปิดเผย อีกอย่าง ถ้าเราจะฆ่าเราสามารถกำจัดเขาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”

 

มารีปล่อยตัวนักเรียนคนนี้ไปอย่างไม่เต็มใจ ปล่อยให้คุคุริคว้าตัวเขาขณะที่จมลงไปกับพื้น

 

เขาพยายามตะโกน แต่คุคุริปิดปากเขาไว้ ทำให้เขาสามารถขอความช่วยเหลือได้

 

เมื่อมองดูพวกเขาหายไป มารีจึงเดินทางต่อไปยังห้องเรียนของเธอ

 

“… สถาบันการทหารมีศัตรูของท่านเลียมอยู่มากมายทีเดียว”

 

ศัตรูทุกคนที่เข้าใกล้เลียมได้รับการจัดการโดย มารีและคุคุริอย่างลับๆ

 

◇ ◇ ◇

 

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา

 

ดอล์ฟ ต่างจากเลียม ที่รายล้อมไปด้วยศัตรู

 

“ไอ้พวกเวร บ้าเอ๊ย! ไอ้พวกนั้นแม่งล้อเลียนฉันเหมือนคนโง่! ทำไมฉันต้องรับผิดพร้อมพวกมันด้วยวะ ไอ้พวกไร้ประโยชน์เอ้ย!”

 

นักเรียนนายร้อยที่รับใช้ดอล์ฟถูกเปิดโปงสถานะที่แท้จริงโดยสถาบันและกักขังไว้

 

พวกเขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนทันที และเพราะเป็นลูกน้องของดอล์ฟ ทำให้ดอล์ฟต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขาเช่นกัน

 

แต่ถึงอย่างนั้น ดอล์ฟก็ไม่ถูกขับไล่ไปด้วยเพราะระดับขุนนางของเขา  

 

ในตอนนี้เนื่องจากเขาถูกขึ้นบัญชี ทำให้ผลการเรียนของเขาส่วนใหญ่ถูกระงับ

 

สำหรับกองทัพ ถือได้ว่าเขาได้ถูกปลดจากทุกตำแหน่งในทางทหารแล้ว

 

“ฉันจะทำยังไง? ฉันควรทำยังไงดี!”

 

บ้านลอว์เรนซ์เป็นครอบครัวที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับกองทัพ ดังนั้นพฤติกรรมของดอล์ฟจึงสร้างปัญหาให้กับพวกเขาอย่างมาก

 

เพราะแบบนั้น เขาจึงถูกญาติของเขารังเกียจและไม่สามารถคาดหวังความช่วยเหลือจากพวกเขาได้

 

“…ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเลียมจากบ้านแบนฟิลด์ ฉันควรจะเป็นผู้ชายที่ก้าวหน้าจากตำแหน่งการทหารและกลายเป็นจอมพล” *3

 

แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเป้าหมายนั้น แต่การทำงานหนักทั้งหมดของเขาก็หายไปในพริบตา

 

ดอล์ฟเกลียดเลียมยิ่งขึ้นไปอีก

 

“ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณ เลียม!”

 

ดอล์ฟที่โกรธจัดสาบานว่าจะแก้แค้น ไม่ว่าด้วยวิธีอะไรก็ตาม

 

———–

 

ไบรอัน (´・ω・`) “มันเจ็บปวด… เมื่อเห็นว่าอัศวินแห่งบ้านแบนฟิลด์ไม่รู้จักวิธีสรรเสริญอย่างพอประมาณก็… เจ็บปวด”

 

Avolenn (*´ω`*) “ตอนที่ 50 ละโว้ย!!”

 

ไบรอัน (`・ω・´) “….”

 

———–

เชิงผู้แปล

*1 การศึกษา แบ่งเป็นสองสาย ถ้าเลือก

-สถาบันการทหาร เหมือนการเกณฑ์ทหาร เข้าเรียน พร้อมรับใช้จักรวรรดิ แล้วหลังจากนั้นก็จะไปทางไหนก็ได้ รับราชการ/ดูแลบ้านในฐานะขุนนาง

-สถาบันการศึกษา เรียนระบบศึกษาธรรมดา เพื่อเป็นราชการ แต่ถ้าอยากอยู่กับกองทัพก็เข้าเรียนปรับพื้นฐานสถาบันการทหารอีกรอบเพื่ออยู่กับกองทัพในภายหลัง

คิดว่างั้นนะ

*2 “มันเร็วไปสิบปี”  สำหรับโลกเราอาจจะถือว่านาน แต่ในโลกนิยายนี่ 10ปีถือว่าไม่นานขนาดนั้นเพราะคนในโลกนั้นอายุสามารถยืนได้หลายร้อยปี  

งงมากระบบการเรียน – -พวกนี้*

 

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset