(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 49

ตอนที่ 49

สถาบันอัลแกรนด์อิมพีเรียล

 

เป็นสถานที่ที่ใช้ดาวเคราะห์ทั้งดวงเป็นสถานที่เพื่อการศึกษาทางทหาร

 

มีทั้งพื้นที่ในเมือง ป่า ทะเลทราย ทุ่งหิมะ ซึ่งทั้งหมดถูกใช้เป็นสนามฝึกซ้อม

 

พวกเขาดูแลทหารเพื่อสนับสนุนจักรวรรดิแม้แต่ในอวกาศ มีทั้งท่าจอดยาน ยานรบ และอาณานิคมอวกาศ

 

ผม- [เลียม เซรา เบนฟิลด์] เข้าโรงเรียนการทหารและกำลังศึกษาอยู่ในแผนกยุทธศาสตร์ที่เต็มไปด้วยเหล่าขุนนาง

 

นักศึกษาที่คาดว่าจะเลื่อนยศเป็นผู้บัญชาการ ต่างลงทะเบียนในหลักสูตรนี้และได้รับการศึกษาเป็นพิเศษ  

 

นอกจากขุนนางแล้ว ยังมีการรวบรวมนักเรียนนายร้อยที่มีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

 

เป็นสถานที่ชนชั้นสูงมารวมตัวกันอย่างแท้จริง แต่ในฐานะดยุคในอนาคต ผมสามารถอยู่ในแผนกกลยุทธ์ได้โดยไม่สนผลการเรียน

 

นักเรียนนายร้อยทั่วไปสามารถเข้าได้หลังจากทำผลการเรียนในระดับยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่บางคนสามารถเข้ามาได้เพราะพวกเขาเกิดในตระกูลขุนนางระดับสูง

 

ใช่แล้ว เกรดไม่สำคัญตราบใดที่พวกเขาเป็นขุนนาง

 

“ใครว่า จะเกิดจากไหนก็ไม่สำคัญ? เฮอะ แต่การเกิดจากครอบครัวขุนนางนั้นก็มีสิทธิพิเศษกว่าครอบครัวธรรมดาอยู่ดี”

 

ที่โรงอาหารของสถาบันการทหาร

 

วอลเลซกำลังกินอาหารที่เน้นเรื่องโภชนาการอยู่ตรงหน้า ผมของเขาถูกตัดจนสั้น ตอบกลับคำพูดของผมขณะกัดขนมปังแข็งๆ

 

“เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ?”

 

ในสถาบันการทหาร คุณถูกบังคับให้ตัดผมจนเกรียน

 

และผู้หญิงได้รับอนุญาตให้ไว้ผมสั้นเท่านั้น

 

–หัวของผมก็ถูกตัดจนโล่งเหมือนกัน

 

แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่สาม เราจะได้รับอิสระเล็กน้อยกับทรงผมของตนเอง

 

“แค่เกิดมาในตระกูลขุนนาง ก็มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่หลักสูตรระดับสูงแล้ว ถ้าเป็นคนธรรมดานี่คงจะเคืองไม่น้อย”  

 

เกิดมาเป็นผู้ชนะในชีวิตและดูถูกคนที่ด้อยกว่า

 

หลังจากที่เขาเหลือบมองมาทางผม วอลเลซก็เริ่มมองไปรอบๆ

 

“เลียม คุณพูดด้วยเสียงที่เบากว่านี้ไม่ได้เหรอ? สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่คุณ”

 

เมื่อมองไปรอบๆ ผมก็เห็นคนพากันจ้องมาที่ผม  

 

นักเรียนนายร้อยบางคนมองมาที่ผมราวกับเห็นด้วย

 

ผมแน่ใจว่าคนเหล่านั้นมาจากตระกูลขุนนาง พวกเขาเห็นด้วยกับความคิดเห็นนั้นของผม

 

“มันเป็นความจริงไม่ใช่เหรอ? หากจะมีใครค้าน ก็มาพูดกับผมตรงๆได้เลย”

 

แต่ก็ไม่มีใครทำแบบนั้น

 

นักเรียนนายร้อยที่จ้องมาที่ผมก่อนหน้านี้ ต่างหันหน้าหนีเมื่อผมมองไป

 

ก็นั่นไงล่ะ –พวกเขากลัวที่จะต่อต้านผมที่เป็นขุนนางระดับสูง

 

โรงเรียนใหญ่เกินกว่าจะจำชื่อและหน้าตาของนักเรียนนายร้อยได้ทั้งหมด

 

แต่คนที่ไม่พอใจคือเหล่านายร้อยจากครอบครัวธรรมดาอย่างแน่นอน

 

นี่คือสิ่งที่ผมกำลังพูดถึง

 

ลอร์ดที่ชั่วร้ายที่ผมคิดไว้มันต้องเป็นแบบนี้แหละ ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง!

 

ขณะที่ผมคิดอย่างนั้น นักเรียนรุ่นพี่บางคนคงไม่พอใจกับสิ่งที่ผมพูดและเดินเข้ามาหา

 

“นั่นเป็นทัศนคติที่ค่อนข้างแย่เลยนะ”

 

วอลเลซรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นรุ่นพี่คนนั้น

 

“รุ่นพี่ดอล์ฟ?!”

 

โรงเรียนทหารใหญ่เกินกว่าจะรู้จักนักเรียนนายร้อยทุกคน

 

แต่ถึงอย่างนั้น แม้แต่ผมก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร

 

เป็นหัวหน้าของเหล่ารุ่นพี่ ผู้มีคะแนนภาคสนามสูงที่สุด

 

แม้ว่าเขาจะเกิดในตระกูลขุนนางเหมือนกัน แต่เหมือนเขาจะมีความเที่ยงธรรมมากพอจะต่อต้านผม หลังจากที่ผมถ่มถุยใส่พวกสามัญชน  

 

– เป็นคนแบบที่ผมเกลียด

 

“ฉันได้ยินมาว่าคะแนนของคุณนั้นอยู่ในระดับยอดเยี่ยม แต่กลับมีทัศนคติแบบนั้น คุณไม่ละอายใจในฐานะขุนนางบ้างรึไง?”

 

เหมือนว่าเขาเกลียดผมพอสมควร จึงมาพูดประชดประชันใส่กันแบบนี้

 

ชายที่ผมพอกไปด้วยเจลจนแข็งเสยขึ้นไปด้านหลังคนนี้

 

เขาคือ [ดอล์ฟ เซรา ลอว์เรนซ์] คนที่เข้าข้างสามัญชน ทั้งที่ตัวเขาเองก็เป็นขุนนาง

 

ร่างกายของเขาค่อนข้างผอม แต่ก็ยังสามารถบอกได้ว่าเขาเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

 

ผมไม่ค่อยชอบการแสดงออกว่าตัวเองเหนือกว่าของเขา

 

“โอ้ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ต้องการอะไรจากผมกันล่ะ”

 

“…นั่นไม่ใช่ทัศนคติที่คุณควรใช้กับรุ่นพี่”

 

ในขณะที่เขาเป็นรุ่นพี่ในสถาบันการทหาร แต่ถ้าเป็นยศทางขุนนาง ผมมีระดับที่สูงกว่า

 

ทั้งในฐานะเคานต์ในปัจจุบัน และในฐานะดยุคในอนาคต ไม่มีเหตุผลใดที่ผมจะปฏิบัติต่อคนอย่างเขาอย่างเท่าเทียมกัน

 

วินัยทหาร? คุณคิดว่าผมบริจาคให้กับสถาบันการทหารเท่าไหร่? ต่อให้ถูกเรียกร้องเรื่องนั้นพวกเขาก็ยังต้องปล่อยเรื่องของผมไปอยู่ดี

 

วอลเลซมองมาทางผมขณะส่ายหัว

 

เขาอาจต้องการบอกว่าอย่าหาเรื่อง แต่ผมเกลียดคนที่มีศีลธรรมแบบไอ้หมอนี่

 

พวกเขาทำให้ผมนึกถึงตัวเองในชาติที่แล้ว

 

ด้วยความยุติธรรมตั้งแต่กำเนิดหรืออะไรก็ตาม แต่ความดีมันก็ไม่เคยช่วยอะไรผมเลย

 

ผู้ชายคนนี้ก็เหมือนกัน…คงโกรธผมเพราะไปดูถูกสามัญชน

 

เขาเป็นคนดีจนทำให้ผมอยากจะอ๊วก

 

“แล้วไง? คุณจะทำอะไรกับมันล่ะ”

 

อารมณ์ของเขาพุ่งสูงขึ้น ดอล์ฟยกคางขึ้นเล็กน้อย มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หน้าผากของเขา

 

“ตามฉันไปที่ห้องจำลองการรบ ฉันจะให้บทเรียนแก่คุณ คุณจะได้รู้ว่าควรปฏิบัติกับรุ่นพี่ยังไง”

 

“…ถ้าคุณทำได้น่ะนะ”

 

ด้วยรอยยิ้มที่ยียวนของผม โรงอาหารก็เกิดความโกลาหล

 

“เฮ้ เลียมและดอล์ฟกำลังจะต่อสู้ในเกมจำลองการรบ!”

 

“สองคนนั้นน่ะเหรอ!”

 

“นี่มันเรื่องใหญ่! เราจะพลาดไม่ได้!”

 

ผู้คนในโรงอาหารที่อยู่ในอารมณ์ตื่นเต้น วอลเลซเป็นคนเดียวที่กุมหัว

 

“เลียม ทำไมเป็นแบบนี้อีกแล้ว—”

 

(ปล.1 เลียมคิดว่าตัวเองพูดจาดูถูกคนธรรมดา แต่คนฟังกลับคิดไปว่าเลียมไม่พอใจกับสิทธิพิเศษของพวกขุนนาง – จะแปลยังไงให้มันสวย – -*ยากจริง)

(ปล.2 เลียมย้ำสองรอบ ว่า “โรงเรียนทหารใหญ่เกินกว่าจะรู้จักนักเรียนนายร้อยทุกคน” เขาแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าใครเป็นขุนนางหรือคนธรรมดาทำให้เขาเข้าใจสลับกัน)

◇ ◇ ◇

 

ห้องจำลองการรบ

 

นักเรียนนายร้อยหลายคนรวมตัวกันเพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

เลียมนักเรียนหัวกะทิชั้นปีหนึ่ง กับดอล์ฟหัวกะทิของปีหก กำลังจะนำกองยานของพวกเขาต่อสู้กันในการต่อสู้จำลองการรบ

 

มีนักเรียนนายร้อยหลายคนสนใจเรื่องนี้

 

วอลเลซถอนหายใจขณะที่เขามองดูการแบ่งฝ่ายของผู้ชม

 

“เช่นเคย เลียมเป็นที่นิยมในหมู่สามัญชน”

 

คนที่สนับสนุนดอล์ฟคือขุนนางที่เกลียดเลียม

 

ในทางกลับกัน คนที่สนับสนุนเลียมส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนายร้อยจากครอบครัวธรรมดา

 

มีขุนนางสองสามคนปะปนอยู่ในนั้นด้วย แต่ส่วนใหญ่เป็นสามัญชน

 

“ถึงจะพูดและทำเหมือนทะเลาะกับพวกขุนนางในโรงอาหาร—แต่เป้าหมายของเขาคือดอล์ฟ”

 

ดอล์ฟเป็นลูกชายคนที่สองของบ้านลอว์เรนซ์และเป็นคนที่มองว่าขุนนางนั้นเหนือกว่าคนธรรมดา

 

สำหรับเขาแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกขุนนางเท่านั้นที่จะได้รับการปฏิบัติพิเศษ

 

เลียมที่พูดว่า “แค่เกิดมาในตระกูลขุนนาง ก็มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่หลักสูตรระดับสูงแล้ว ถ้าเป็นคนธรรมดานี่คงจะเคืองไม่น้อย” ก็เหมือนการคิดว่าขุนนางไม่ควรมีสิทธิ์พิเศษและเป็นการแกล้งคนธรรมดา สำหรับดอล์ฟแล้ว นั่นคือการตบหน้าความคิดของเขา

 

“แย่แล้ว…อาจมีข่าวลือแย่ๆ มากมายเกี่ยวกับดอล์ฟ แต่ฝีมือของเขาเป็นของจริง”

 

วอลเลซเป็นกังวลเพราะนักเรียนที่เลียมต้องต่อสู้ด้วยคือรุ่นพี่ดอล์ฟ

 

ความแตกต่างเพียงห้าปีอาจดูเหมือนสั้น แต่จริงๆ แล้วมีผลอย่างมาก

 

ไม่ว่าเลียมจะเก่งแค่ไหน มันก็เป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะประสบการณ์ทางการทหารที่ดอล์ฟมีมานานหลายปี

 

(ไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นหัวหน้าของพวกรุ่นพี่)

 

ข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับดอล์ฟ ส่วนใหญ่เกิดจากการที่เขาบดขยี้นักเรียนคนอื่นๆ ที่อาจคุกคามตำแหน่งของเขา

 

มีข่าวลือมากมายว่าหากมีนักเรียนนายร้อยที่มีแนวโน้มจะเป็นคู่แข่งของเขา พวกเขาจะถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียนเพราะข้อกล่าวหาที่ไม่มีอยู่จริง

 

มีแม้กระทั่งเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีที่เขาจ้างอาชญากรให้จับครอบครัวของคู่แข่งเป็นตัวประกัน เพื่อบีบให้พวกเขาลาออก

 

(ฉันล่ะหวั่นกับความยุติธรรมของเลียมที่ทำให้เขาเลือกต่อสู้ได้อย่างง่ายดายไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร)

 

ถึงเขาจะปากเสีย แต่ศีลธรรมของเลียมนั้นของจริง และเขายังมีอำนาจพอในการทำแบบนั้น

 

เลียมจึงเป็นที่พึ่งของสามัญชนและเป็นอันตรายสำหรับพวกขุนนางเลว

 

– การจำลองการรบเริ่มต้นขึ้น

 

ขณะที่ทั้งสองเคลื่อนกองยานของตนผ่านแผงควบคุม เลียมก็เปิดฉากโจมตีทันที  

 

แต่ดอล์ฟก็ตอบโต้การเคลื่อนไหวเหล่านั้นแบบสบายๆ

 

“กลวิธีพวกนั้นอาจใช้ได้ผลกับพวกโจรสลัด แต่มันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”

 

“หะ?”

 

การยั่วยุของดอล์ฟอาจเป็นแผนการทั่วไป แต่กองกำลังของเลียมนั้นค่อยๆลดลง

 

“คนที่รู้จักแต่การโจมตี มันเปล่าประโยชน์”

 

กองยานของเลียมมีความเชี่ยวชาญในการโจมตี

 

ในทางกลับกัน กองยานของดอล์ฟมีความเชี่ยวชาญในการป้องกัน และสถานการณ์ก็เริ่มไม่เอื้ออำนวยต่อเลียมมากขึ้นเรื่อยๆ

 

โดยปกติจะไม่มีการแจกแจงจำนวนกองยานของฝ่ายตรงข้ามก่อนการจำลองจะเริ่มขึ้น

 

มันเป็นการต่อสู้ที่คุณไม่สามารถเตรียมมาตรการรับมือและจัดการสิ่งต่างๆล่วงหน้าได้ เพื่อความยุติธรรม  

 

ถึงอย่างนั้น ดอล์ฟทำราวกับว่าเขารู้ว่ากองยานของเลียมได้รับการจัดแจงมาแค่ไหนตอนเริ่มต้น

 

เขาใช้ยุทธวิธีที่ดูเหมือนจะรู้ว่ายานลำไหนที่เลียมเลือกและเขาจะเคลื่อนที่อย่างไร

 

(ท่าไม่ดีแล้ว… ดอล์ฟ ต้องแอบทำอะไรบางอย่างกับเครื่อง)  

 

เมื่อเลียมกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ บรรดาขุนนางที่ให้กำลังใจดอล์ฟก็เริ่มพูดออกมา

 

“อะไรเนี่ย นักล่าโจรสลัด มีดีแค่นี้งั้นเรอะ?”

 

“แม้ว่าแผนของเขาใช้กับโจรสลัดได้ แต่ในกองทัพมันก็แค่แผนธรรมดาสินะ”

 

“พวกขุนนางชายแดนก็ควรรู้จุดยืนของตัวเองซะบ้าง”

 

พวกขุนนางเริ่มบ่นทัศนคติแย่ๆออกมา

 

ในทางกลับกัน พวกสามัญชนได้แต่นิ่งเงียบ ทั้งที่รู้ว่าพวกขุนนางได้ทำอะไรบางอย่างกับเกมจำลองการรบ  

 

หากไม่มีหลักฐาน การทักท้วงของพวกเขาจะทำให้เลียมอับอายเท่านั้น

 

พวกเขามั่นใจว่าดอล์ฟโกง แต่หากไม่มีหลักฐานก็ทำอะไรไม่ได้

 

(หากเป็นแบบนี้ต่อไปเลียมจะแพ้)

 

สถานการณ์ของเลียมค่อยๆแย่ลง จนแม้แต่วอลเลซก็ยังคิดว่าเลียมจะแพ้

 

◇ ◇ ◇

 

มีชายคนหนึ่งยืนอยู่บนเพดานห้องจำลอง

 

เขาสวมหมวกทรงสูงและสวมชุดเสื้อโค้ทยาวมีหาง

 

ในตอนนี้ชายคนนั้นกำลังยิ้ม

 

“…เรื่องนี้ช่างน่าสนใจ”

 

[ไกด์] ที่ดูการเผชิญหน้าระหว่างเลียมและดอล์ฟนั้น ดูมีพลังมากกว่าเมื่อก่อน

 

ต้องขอบคุณพลังที่เขาสะสมมาตอนอยู่ในเมืองหลวง ในที่สุดเขาก็เป็นอิสระจากความทุกข์ทรมานที่มีมานาน

 

อย่างไรก็ตาม แม้กระทั้งตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขา ก็ยังถูกกัดเซาะจากความกตัญญูของเลียม

 

หากปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ เขาจะกลับมาเจ็บปวดอีกครั้ง

 

เลียมในปัจจุบันนี้ กลายเป็นที่รักของประชาชนในอาณาเขต

 

ความกตัญญูของเขามีพลังมหาศาลเมื่อรวมกับความรู้สึกของพลเมืองของเขา

 

ในขณะที่ไกด์ได้รวบรวมพลังจำนวนมากมาได้ แต่ก็ยังไม่พอที่จะทำให้เลียมไม่มีความสุขโดยตรง

 

เพราะแบบนั้นเขาจึงคอยเฝ้าดูสถานการณ์เพื่อหาโอกาสที่จะทำร้ายเลียม – แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นดอล์ฟ

 

ไกด์เข้าหาดอล์ฟซึ่งตอนนี้กำลังวางท่าทางสบายๆ แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถสังเกตุเห็นไกด์ได้ในตอนนี้  

 

“ดูเหมือนเขาจะชอบทำให้คนสิ้นหวังมาหลายคนแล้ว คนแบบนี้ล่ะฉันชอบนัก”

 

ผู้ชายที่ชื่อดอล์ฟได้บดขยี้คู่แข่งนับไม่ถ้วนเพื่อที่เขาจะได้เป็นผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุด

 

ความขุ่นเคืองมากมายเกาะติดอยู่กับร่างกายของเขา  

 

ต่างจากเลียม เขาเป็นขุนนางชั่ว ในมุมมองของไกด์เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก

 

นอกจากนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะปรับแต่งเครื่องจำลองการรบเพื่อรับประกันว่าเขาจะชนะ  

 

ความละเอียดถี่ถ้วนของเขาช่างน่าชื่นชม  

 

“…ฉันคิดอะไรสนุกๆได้ละ”

 

เมื่อพูดอย่างนั้น ไกด์ก็วางมือบนเครื่องจำลอง

 

ทันใดนั้น กองยานของดอล์ฟก็เริ่มถูกผลักกลับ

 

แม้ว่ากองยานของเลียมจะถูกทำลายฝ่ายเดียวมาจนถึงตอนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นความแตกต่างระหว่างพวกเขาค่อยๆลดลง  

 

ดอล์ฟรู้สึกสับสน

 

“กะ-เกิดอะไรขึ้น!”

 

ในทางกลับกัน เลียมก็ยิ้ม

 

“เกิดอะไรขึ้นล่ะรุ่นพี่! นี่คือทั้งหมดของคุณแล้วเรอะ! ”

 

เมื่อเหลือบมองเลียม ไกด์ก็ยิ้มอย่างดีใจ

 

“นั่นสมบูรณ์แบบ กระตุ้นเขาให้มากขึ้นอีกสิเลียม สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความหายนะของคุณ”

 

แม้ว่าเขาจะเกลียดเลียม แต่ไกด์ก็ทำให้เลียมชนะ

 

เหตุผลก็คือ-

 

“ไอ้บ้าเอ้ย! บัดซบ!”

 

แม้ว่าดอล์ฟจะรีบย้ายกองยานของเขาเพื่อตอบโต้ แต่เขากลับสร้างช่องโหว่ให้เลียมฉวยโอกาส ดันตัวเองไปสู่จุดอับ

 

“ทะ-ทำไมกัน!”

 

เมื่อนาทีที่แล้วเขายังมั่นใจในชัยชนะอยู่เลย แต่ตอนนี้ดอล์ฟได้แต่ตกตะลึงและใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด

 

ไกด์พูดกับดอล์ฟ

 

เขายังวางมือบนไหล่อีกฝ่าย แต่ดูเหมือนดอล์ฟจะไม่รู้สึกตัว

 

“ดอล์ฟ ฉันคาดหวังไว้สูงสำหรับคุณ ความพ่ายแพ้ของคุณที่นี่จะกลายเป็นแรงบันดาลใจที่จะช่วยให้คุณเติบโต ในขณะที่เลียม คนที่นำความอัปยศมาสู่คุณจะกลายเป็นคนที่คุณเกลียด และจะทำทุกอย่างเพื่อกำจัดเขา”  

 

ในตอนนี้ดอล์ฟมีเส้นเลือดปูดโปนที่หน้าผาก ขณะที่เขาจ้องมองเลียม

 

เพื่อที่จะเป็นที่หนึ่งและยืนอยู่บนจุดสูงสุด เขาทำกระทั้งเรื่องปรับแต่งเครื่องเพื่อที่จะไม่แพ้ใคร  

 

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็แพ้เลียมอย่างน่าอับอาย คนที่เป็นรุ่นน้องของเขาหลายปี

 

“อะไรวะเนี่ย!”

 

เมื่อเครื่องจำลองประกาศชัยชนะของเลียม นักเรียนนายร้อยสามัญชนก็โห่ร้อง

 

ในทางกลับกัน พวกขุนนางมองดูดอล์ฟด้วยสายตาที่เย็นชา  

 

“นี่คือหัวหน้าที่อยู่บนจุดสูงสุดของปีเราเหรอ?”

 

“เขามันก็มีแค่นี้แหละ”

 

“ต่อให้เขาโกง แต่เขาก็ยังแพ้เลียมอยู่ดี…”

 

เสียงรอบข้างเหล่านั้นเยาะเย้ยเขา

 

ดอล์ฟไม่เคยถูกทำให้อับอายมากขนาดนี้ตั้งแต่เกิดมา

 

ก่อนที่เลียมจะซ้ำเติมเขาอีกต่อ

 

“นั่นเป็นเพราะคุณรู้จักแค่เครื่องจำลอง มันเทียบไม่ได้กับประสบการณ์การต่อสู้จริงที่ได้รับจากสงครามจริงๆ ในฐานะผู้อาวุโสกว่าในการต่อสู้จริง ผมยินดีที่จะให้บทเรียนเพิ่มเติมกับคุณ–คุณดอล์ฟ ”  

 

เมื่อเห็นเลียมในท่าทีหยิ่งผยอง ไกด์ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

 

วิธีที่ดอล์ฟจ้องมองเลียมในตอนนี้ช่างเป็นอาหารตาที่ดีจริงๆ

 

“ไอ้สารเลว…”

 

ไกด์ยิ้มให้กับเสียงพึมพำของดอล์ฟ

 

“แบบนั้นแหละ…เกลียดเลียมให้มากยิ่งขึ้น มากกว่านี้อีก เพราะคุณจะเป็นคนที่เอาชนะเลียม ฉันจะเตรียมสนามรบที่สมบูรณ์แบบให้คุณเอง”

 

ตอนนีไกด์มีกำลังเพียงพอแล้ว ในตอนนี้เขาแค่ต้องค่อยๆรัดบ่วงรอบคอของเลียมให้แน่นพอที่จะจัดการเขาได้

 

เมื่อคิดถึงความเจ็บปวดที่เขาได้รับมาจนถึงตอนนี้ เขาต้องการให้แน่ใจว่าเลียมไม่ได้ทำอะไรเกินความคาดหมายของเขา

 

และเมื่อถึงเวลา เขาจะสามารถบดขยี้เลียมได้ในครั้งเดียว

 

“ตอนนี้คุณสนุกกับชีวิตไปก่อนเถอะเลียม เพราะเมื่อคุณสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป มันจะสร้างความบันเทิงสุดยอดให้ฉัน!”

 

เมื่อพูดอย่างนั้น ไกด์ก็หายตัวไปราวกับกำลังจมลงไปกับพื้นเบื้องล่าง

 

สิ่งเดียวที่ทิ้งไว้เบื้องหลังคือดอล์ฟที่กัดฟันขณะที่เขาจ้องมองเลียม

 

“–ฉันจะไม่ให้อภัยคุณ ไม่มีวัน!”

 

ขุนนางที่เกลียดชังเลียม ก็ถือกำเนิดขึ้นในลักษณะนั้น

 

———–

 

ไบรอัน ( “・ω・゛) “มันเจ็บปวด ฉันรู้ว่าบทนี้เน้นไปที่สถาบันการทหาร แต่ความจริงที่ว่าไบรอันคนนี้ไม่มีโอกาสปรากฏตัวเลย… มันช่างเจ็บปวด”

 

———–

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ  กสิกร 475-2-65694-8 นายเมือง บ.

 

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset