(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 38

ตอนที่ 38

ด้านมืด

 

หอพักนักเรียนของอาคารเรียนหลังที่หนึ่ง

 

บนหลังคามีผู้ชายสามคน

 

“เป็นไงบ้าง”

 

“ไม่น่ามีปัญหา”

 

“ดูเหมือนว่าเราจะจบเรื่องนี้ได้อย่างราบรื่น”

 

พวกเขาพูดคุยกัน

 

แต่ทันใดนั้น ชายร่างใหญ่ในชุดดำก็ปรากฏขึ้นจากเงามืด

 

แขนของเขายาวผิดปกติเมื่อเทียบกับสัดส่วนของร่างกายทั้งหมด

 

หน้ากากที่น่าขนลุกอยู่บนใบหน้าของเขา

 

ผู้ชายทั้งสามชักอาวุธ

 

“อะ-อะไรน่ะ!?”

 

ชายร่างใหญ่ทักทายพวกเขาด้วยการกางแขนออก

 

“ราตรีสวัสดิ์ ขอให้คืนนี้คงเป็นคืนที่ดี”

 

ทันทีหลังจากตำพูดนั้น ผู้คนจำนวนมากซึ่งมีลักษณะเหมือนกันกับชายร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของผู้ชายทั้งสาม และใช้มีดกรีดคอพวกเขาสองคน เหลือเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่

 

ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างกระฉับกระเฉง

 

“โปรดให้อภัยฉันที่รบกวนงานของคุณในคืนนี้”

 

-ณ หอพักชายที่เลียมอาศัยอยู่

 

หลังจากที่ชายร่างใหญ่หายตัวไปจากหลังคาโดยจมลงไปในเงามืด เขาก็ปรากฏตัวขึ้นภายในห้องของเลียม

 

เลียมกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของเขา

 

ชายร่างใหญ่เอื้อมมือไปหาเลียมและ… ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขา

 

เลียมลืมตาขึ้นเล็กน้อย

 

“…คุคุริ ทำอะไรกันเสียงดังเชียว”

 

หลังจากเห็นว่าเลียมตื่นแล้ว คุคุริก็คุกเข่าลงทันทีและโค้งคำนับเขาแทบติดพื้น

 

“ได้โปรดยกโทษให้ฉันนายท่านเลียม มีสุนัขเดินเข้ามาในอาคาร และฉันก็กำลังไล่มันออกไป”

 

“สุนัข? …ถ้ามันเป็นแค่สุนัข ให้คืนมันให้เจ้าของด้วยล่ะ”

 

คุคุริยอมรับคำสั่งของเลียม

 

“ตามที่ท่านสั่งครับ”

 

คุคุริหายตัวด้วยการที่ร่างของเขาผสานรวมกับพื้น เมื่อเขาออกไปข้างนอกเขารวบรวมลูกน้องของเขาทันที

 

เขาหันไปหาชายที่รอดตายบนหลังคา

 

“แล้ว…เจ้าของคุณเป็นใคร?”

 

ชายที่หวาดกลัวไม่ตอบเขาและยังคงตัวสั่นต่อไป

 

แต่เมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาของคุคุริ— เขาก็เริ่มพูดด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

 

“…ท่านเดอร์ริคส่งฉันมาที่นี่ ฉันถูกสั่งให้ลักพาตัวเลียมและทรมานเขา”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนของคุคุริก็ดึงมีดออกมาเตรียมหั่นชายผู้นี้เป็นชิ้นๆ

 

แต่คุคุริหยุดพวกเขา

 

“เดี๋ยว… ท่านเลียมสั่งให้เราส่งเขาคืนให้เจ้าของ หากเราสับมันละเอียดเกินไปจะไม่มีใครจำเขาได้”

 

คุคุริหัวเราะเย็น ลูกน้องของเขาก็เริ่มหัวเราะด้วย

 

ชายผู้นั้นพลันมีสติสัมปชัญญะกลับคืนมาพร้อมเหงื่อแตกพลัก

 

คนพวกนี้เป็นกลุ่มที่น่าขนลุก

 

และเวทมนตร์นั้นคืออะไรกัน? แม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นผู้ลอบสังหาร แต่เขาไม่เคยเห็นเวทมนตร์แบบนั้นมาก่อนในชีวิต

 

“พวกแกเป็นใครกันแน่?”

 

คุคุริเงยหน้าขึ้นและตอบเขา

 

“พวกเราคือใคร? อืม… ตระกูลที่น่าจะถูกทำลายไปแล้ว หรือควรจะเรียกว่าตระกูลที่ฟื้นคืนชีพจากความตาย? แต่เรื่องราวของเรานั้นไม่เกี่ยวข้องกับคุณ เรากำลังส่งคืนคุณให้กับเจ้าของของคุณ เราคงต้องตกแต่งคุณซักหน่อย”

 

แขนที่ยาวผิดปกติของคุคุริยื่นไปทางชายคนนั้น

 

“ม-ไม่ ออกไปนะเว้ยยย!!!!”

 

คุคุริกระซิบไปทางชายที่กรีดร้อง

 

“คุณพยายามลงมือกับนายท่านเลียม การกระทำนั้นเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะรับประกันความตายของทั้งคุณและนายของคุณ”

 

◇ ◇ ◇

 

“กรี๊ดดดดดดด!!!!!”

 

ณ หอพักนักเรียนในอาคารเรียนหลังที่สอง

 

เดอร์ริกตื่นขึ้นมาและกุมหัวเพราะเสียงกรีดร้องของคนรับใช้ของเขา

 

“หุบปากได้แล้ว ไอ้พวกงี่เง่า! ฉันปวดหัวเพราะเมาค้าง ทำไมคุณถึงตะโกน—”

 

เมื่อเขามองไปรอบๆ ห้อง คนที่เขาส่งไปลักพาตัวเลียมก็อยู่ที่นั่น  

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้กลายเป็นวัตถุที่น่าขนลุกอย่างสุดจะพรรณนา

 

“-?!”

 

สภาพมันดูสยดสยองมาก แม้แต่เดอร์ริกก็ทนไม่ได้ที่จะมองพวกมัน

 

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมของแบบนั้นถึงมาอยู่ในห้องของเขา

 

“ร-รีบเอามันออกไป! แล้วทำความสะอาดพวกมันด้วย”

 

อาการเมาค้างของเขาหายไปทันทีและหัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้น

 

(ต-ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาเข้ามาในห้องของฉันเมื่อไหร่?)

 

การรักษาความปลอดภัยของหอพักนักศึกษานั้นเข้มงวดมาก

 

แม้ว่าตัวเขาเองจะวางแผนที่จะลักพาตัวและทรมานเลียม แต่การรักษาความปลอดภัยที่เขารู้ก็ยังเข้มงวดมาก

 

อีกทั้งเขายังจ้างอัศวินที่มีทักษะระดับสูงมาปกป้องเขาเป็นการส่วนตัว

 

แต่ก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น ประติมากรรมที่น่าสยดสยองนี้ก็ถูกวางไว้ในห้องของเขา เดอร์ริก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าสถานการณ์นี้มันผิดปกติเกินไป

 

อัศวินที่เข้ามาในห้องหลังจากฟังเสียงร้องของเดอร์ริคก็ตกตะลึง ในขณะที่คนใช้ที่เข้ามาก็อาเจียน

 

“ท่านเดอร์ริค ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”

 

“ถ-ถามว่าเป็นอะไรงั้นเรอะ! มีคนแอบเข้ามาในห้องของฉัน! ท-ที่สำคัญกว่านั้น ทำความสะอาดพวกมันซะที!”

 

“แต่ก่อนอื่น เราควรติดต่อเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนประถม—”

 

“ไอ้โง่! นี่คือคนที่เราส่งไปเพื่อลักพาตัวเลียม! พวกเขาไม่ควรอยู่ในโรงเรียน ถ้าข่าวนี้กระจายออกไป ปัญหาต่างๆจะมาลงที่ฉัน”

 

เดอร์ริกรู้ว่าเขาซวยแน่หลังจากพิจารณาสถานการณ์

 

อย่างแรกเลย ประติมากรรมของศพที่ปรากฏอยู่ในห้องของเขา นี่เป็นงานของเลียมอย่างไม่ต้องสงสัย

 

พวกเขาเป็นข้อความที่หมายความว่า “ฉันสามารถฆ่าคุณได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”

 

เดอร์ริคกุมหัวของเขา

 

(ให้ตายสิ แม่งเอ้ย! กองยานที่ฉันรวบรวมมาถูกทำลาย พี่ชายของฉันกำลังตำหนิฉันสำหรับความล้มเหลว และที่สำคัญที่สุด ฉันสูญเสีย’สิ่งนั้น’ในครั้งนี้ด้วย ฉันกำลังไม่มีที่ยืนในตระกูลอยู่แล้ว)

 

ตำแหน่งของเดอร์ริก ในตระกูลเบิร์กลีย์ตกต่ำอย่างมากหลังจากที่กองยานของเขาถูกทำลาย

 

พี่น้องของเขาต่างไม่ชอบใจการกระทำของเขา ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เขาคิดซักอย่าง

 

และที่สำคัญคือเขาสูญเสีย’สิ่งนั้น’

 

ตระกูลของเขาแทบจะฆ่าเขาให้ตายตั้งแต่นั้น

 

“ให้ตายสิ ไอ้ห่าเอ้ย!!! ทำไมมันถึงมีระดับป้อมปราการ!”

 

ในสถานที่ที่กองยานของเขาถูกส่งไปนั้น ยานรบระดับป้อมปราการกำลังรอพวกเขาอยู่

 

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงส่งยานระดับป้อมปราการ ซึ่งหาได้ยากแม้แต่ในกองทัพจักรวรรดิและขุนนางชั้นสูง ไปประจำการบนดาวเคราะห์ผู้บุกเบิก

 

ถ้าเขารู้ว่ามีสัตว์ประหลาดแบบนั้นอยู่ที่นั่น เดอร์ริคคงไม่คิดที่จะโจมตีด้วยซ้ำ

 

“ไม่ ไม่ ฉันยังมีโอกาสรักษาหน้า ฉันต้องกำจัดเลียมด้วยมือของฉันเอง”

 

เดอร์ริกเป็นนักเรียนชั้นปีที่สี่แล้ว

 

ขณะที่เลียมเป็นนักเรียนปีที่สอง

 

ถ้าเขาไม่กำจัดเขาก่อนจบการศึกษา พี่น้องของเขาจะเริ่มเคลื่อนไหวข้ามหัวเขา

 

เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เขาจะไม่มีข้อแก้ตัวอีกต่อไป

 

“…ไอ้นั่นไงล่ะ การแข่งขัน… ถ้าฉันฆ่าเลียมที่นั่น ตำแหน่งของฉันจะยังคงอยู่ เขาจะเข้าร่วมอย่างแน่นอน ฉันต้องฆ่าเขาโดยแกล้งทำเป็นอุบัติเหตุ”

 

มันเป็นเพียงงานโรงเรียนประถม แต่เมื่อคุณขับอัศวินขับเคลื่อนอะไรก็เกิดขึ้นได้

 

–คุณสามารถเข้าร่วมแข่งขันได้แต่คุณต้องยอมรับความเสี่ยงของมันด้วย

 

เขาจะบดขยี้เลียมในระหว่างการแข่งขัน

 

เดอร์ริกจะใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีเพื่อฆ่าเลียมซะ

 

เขาได้ตัดสินใจแล้ว

 

◇ ◇ ◇

 

เมื่อเร็วๆนี้รอบๆตัวผมค่อนข้างเสียงดัง

 

เมื่อคืนที่ผ่านมา มีสุนัขตัวหนึ่งหลงเข้าไปในหอพักโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

ชาติก่อนผมเคยเลี้ยงหมา ผมจึงหวังว่ามันจะกลับไปหาเจ้าของได้อย่างปลอดภัย

 

ในตอนนี้คุคุริเป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวของผม ชื่อของเขาดูน่ารักเกินไปสำหรับรูปลักษณ์ของเขา  

 

ผมว่ามันเข้ากับนิสัยของเขา เพราะเขารู้ว่าผมชอบสุนัขจึงได้ปลุกผมเพราะมีสุนัขหลงทางเมื่อคืน

 

เหมือนกับมารี เขาเป็นหนึ่งในคนที่กลายเป็นหินที่ผมช่วยไว้ในดินแดนของบารอนเอ็กซ์เนอร์ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับจากการช่วยเหลือที่นั่น

 

ยังไงก็ตาม ตอนนี้ผมอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 แล้ว  

 

เนื้อหาของบทเรียนไม่แตกต่างจากปีที่แล้วมากนัก

 

ผมเริ่มรู้สึกเบื่อ

 

เพราะแบบนั้นผมจึงเริ่มคิดหาวิธีว่าจะทำลายโรเซตต้าอย่างไร

 

ที่มาของความภาคภูมิใจของเธอดูเหมือนจะมาจากตำแหน่งของเธอ ในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัวดัชเชสที่มีชื่อเสียง

 

แม้ในความเป็นจริงเธอจะยากจน แต่สถานะของเธอคือของจริง

 

เหมือนที่วอลเลซพูดไว้ ว่าบ้านของเธอได้รับความทุกข์ทรมานมานับพันปีเนื่องจากคำสั่งของจักรพรรดิองค์ก่อน

 

อย่างไรก็ตาม เธอนั้นไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

 

ในฐานะผู้ครอบครองจิตวิญญาณแห่งเหล็กกล้าของบ้านคลอเดียซึ่งไม่ยอมจำนนต่อชะตากรรมอันโหดร้ายของพวกเขา มันยิ่งน่าสนใจที่จะทำลายเธอลง

 

“แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่าย”

 

เมื่อพิจารณาว่านี่เป็นเรื่องของความภาคภูมิใจ นี่ไม่ใช่ปัญหาที่ผมสามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน  

 

ผมไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้น ที่จะทำให้เธอพังทลายลง

 

แม้ว่าผมจะอวดสถานะของตัวเองว่าเป็นเคานต์ เธอก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ

 

นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับหญิงสาวที่หยิ่งผยองใช่ไหมล่ะ

 

“ตอนนี้ผมจะทำลายเธออย่างไรดี”

 

ผมอยากให้ผู้หญิงที่หยิ่งผยองคุกเข่าลงต่อหน้าขณะที่ผมหัวเราะอย่างชั่วร้าย

 

นั่นเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบของลอร์ดที่ชั่วร้าย

 

เมื่อผมเข้าไปในห้องเรียน วอลเลซเข้ามาใกล้และดึงผมเข้ามาคุย

 

“ทำไมตอนนี้คุณถึงดูมีความสุข”  

 

“ใช่แล้ว ผมกำลังสนุกเลยทีเดียว”

 

ผมคาดหวังที่จะให้หญิงสาวผู้ภาคภูมิใจแบบเธอยอมจำนนต่อผม

 

“ฉันไม่เข้าใจคุณเลยซักนิด เลียม ตอนนี้ฉันเต็มไปด้วยความกังวล”

 

ปกติเขาเป็นคนไม่สู้คน แต่พอเป็นเรื่องเงินหรือเรื่องอื่นๆ เขาก็ดูมีปากมีเสียงขึ้นมา

 

เหตุการณ์เมื่อวานก็ด้วย

 

เราเพิ่งผ่านไปได้ครึ่งเดือน แต่เขาไม่ได้วางแผนให้ดี เขาใช้เงินเก็บไปจนหมดไปแล้ว

 

คนคนนี้รู้ตัวหรือเปล่าว่าเขาเป็นลูกน้องของผม?

 

เขาคิดว่าผมเป็นเหมือนกระเป๋าเงินที่สะดวกสบายรึไง?

 

ผมอาจต้องการให้เขาช่วยอะไรนิดหน่อย…แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ไร้ประโยชน์

 

“เฮ้ วอลเลซ”

 

“ว่าไง? คุณจะเพิ่มเงินเบี้ยเลี้ยงให้ฉันเหรอ?”

 

ผมเงยหน้าขณะถามคำถาม

 

“ผมต้องการรู้วิธีเพิ่มสถานะของตัวเอง โดยวิธีที่ใช้เวลาน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

 

“หืม?”

 

วอลเลซเริ่มไตร่ตรองคำถามของผมขณะกอดอก

 

แล้วดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างออก

 

“วิธีที่เร็วที่สุดคือซื้อมัน”  

 

“ผมสามารถซื้อสถานะจากวังได้เหรอ? ราคาเท่าไหร่?”

 

“ไม่ว่าคุณจะเสนอราคาเท่าไหร่ พระราชวังก็ไม่ขายมันแน่นอน คุณต้องซื้อจากบ้านขุนนางอื่นๆ”

 

วอลเลซอธิบายต่อไปว่ามีบ้านหลายหลังที่มีสถานะเพียงในนามเท่านั้น

 

ตัวอย่างที่ดีที่สุดนั่นคืออดีตบ้านเบนฟิลด์

 

แต่ก็แน่นอนว่าสถานะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขายกัน

 

ประการแรก บ้านที่ซื้อจะต้องมีเงินเพียงพอที่จะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างจากผู้ขาย

 

ประการที่สอง หัวหน้าของบ้านที่ซื้อจะส่งต่อกรรมสิทธิ์ให้ลูกชายหรือลูกสาวของตน ให้แต่งงานกับผู้ขาย เพื่อได้รับสิทธิ์ในการสืบทอดตำแหน่ง  

 

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

 

บ้านที่จะขายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มักมีหนี้สินมหาศาล

 

“ถ้าคุณสามารถแก้ไขหนี้และปัญหาอื่นๆ ได้ จักรวรรดิก็จะยอมรับว่าคุณเข้ายึดสถานะของพวกเขา” (TL:แต่งเข้าบ้านเพื่อเอาสถานะ ซึ่งจะต้องยอมรับทรัพย์สินและหนี้สินของอีกฝ่าย เหมือนกรณีบ้านพีตัค)

 

ผมเริ่มยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น

 

“อย่างงี้นี่เอง หากคุณมีเงินเพียงพอ คุณสามารถซื้อสถานะได้สินะ”

 

ผมอยู่ในความคิดลึกๆ

 

การเป็นเคานต์ไม่ได้ทำให้ผมพอใจ

 

ขุนนางมีหลายระดับ ซึ่งยศที่สูงกว่าตัวผมนั้นคือมาร์ควิสและดยุค

 

ด้วยราคาที่เหมาะสม ผมสามารถซื้อสถานะขุนนางของบ้านหลังอื่นได้  

 

ผมได้ความคิดดีๆละ

 

ถ้าผมขโมยสถานะที่เธอภาคภูมิใจไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความภาคภูมิใจของเธอจะแตกสลาย

 

“พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าผมเอาบ้านที่ยากจนมาอยู่ในความดูแลของผม – ชำระหนี้ของพวกเขาให้หมด และรับลูกสาวของพวกเขาเป็นภรรยา สถานะของผมจะสูงขึ้นจริงไหม?”

 

วอลเลซพยักหน้า

 

“มันจะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานะปัจจุบันของคุณ ตัวเลือกของคุณค่อนข้างจำกัด แม้จะพิเศษไปหน่อย แต่คุณคิดว่าคุณสามารถรับหนี้สินบ้านอีกหลังได้ทั้งหมดงั้นเหรอ? แทนที่จะใช้เงินไปกับเรื่องแบบนั้น เอาเงินมาเพิ่มเบี้ยเลี้ยงของฉัน—”

 

ผมหยุดวอลเลซด้วยการดีดหน้าผากของเขา และเริ่มกำหนดแผนของตัวเอง

 

ถ้าผมเดินเข้าไปหาโรเซตต้า และพูดว่า “ให้สถานะของคุณกับผมซะ” เธอก็คงจะจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่เย็นชา

 

ทัศนคติที่ดื้อรั้นของเธอนั้นไร้ที่ติอย่างแน่นอน มันยิ่งทำให้ผมอยากเห็นการแสดงออกของเธอพังทลายลงด้วยความสิ้นหวัง

 

เมื่อรู้ว่าสถานะที่เธอภาคภูมิใจนั้นถูกขโมยไปจากเธอ – เธอจะทำหน้าแบบไหนกันนะ?

 

ในชีวิตก่อน ผมยังจำคนที่หัวเราะเยาะผมที่กำลังสิ้นหวังได้ดี

 

แต่ตอนนี้ถึงตาผมแล้วที่จะเหยียบย่ำคนอื่นและหัวเราะ

 

ผมยืนขึ้น

 

“จะเข้าห้องน้ำเหรอ?”

 

เมื่อวอลเลซถาม ผมก็ส่ายหัว

 

ไม่ ผมแค่ยืน ทำไมคุณถึงคิดว่าต้องไปห้องน้ำ?

 

และถึงแม้จะนั่งห่างออกไปเล็กน้อย เคิร์ทก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน

 

หรือว่าคุณอยากไปห้องน้ำ?

 

“ผมจะไปติดต่อกับทางบ้าน มันจะต้องสนุกแน่”

 

-ภายในห้องเรียน.

 

มีร่างของโรเซตต้านั่งอยู่คนเดียว

 

เธอให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว และกีดกันสิ่งรอบข้างออกไปจากตัวเธอ

 

ผมไม่ได้เกลียดสิ่งเหล่านี้

 

แม้ว่าเธอจะไม่ได้ฉลาดหรือแข็งแรง แต่เธอก็ยังพยายามอย่างเต็มที่

 

เธอมีจิตวิญญาณแห่งเหล็กล้า

 

โรเซตต้า ผมล่ะคาดหวังในตัวคุณจริงๆ

 

◇ ◇ ◇

 

พระราชวังในเมืองหลวง

 

มีรายงานด่วนมาจากเซเรน่า

 

“เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”

 

“…ท่านเลียมตัดสินใจว่าเขาต้องการหมั้นกับลูกสาวของบ้านคลอเดีย คิดว่าผลคงออกมาในไม่ช้า”

 

เมื่อเซเรน่า- หัวหน้าสาวใช้พูดอย่างนั้น นายกรัฐมนตรีก็เบิกตากว้างและส่ายหัว

 

“ถ้าฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ฉันก็คงจะคิดว่าเขาเป็นคนงี่เง่า แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเรากำลังได้รับการปลดปล่อยจากภาระอันหนักอึ้ง”

 

การโดดเดี่ยวบ้านคลอเดียเป็นสิ่งที่อดีตจักรพรรดิตัดสินใจเมื่อนานมาแล้ว

 

ขุนนางหลายคนรู้สึกสงสารพวกเขาตั้งแต่นั้นมา

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถช่วยได้

 

บ้านดัชเชสคลอเดีย ที่น่าอับอายซึ่งตอนนี้เป็นหนี้อยู่มหาศาล

 

“ไบรอันได้เริ่มพูดคุยกับบ้านของพวกเขาแล้ว ฉันไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์จะเป็นในทางไหน แต่ถ้าพวกเขาตกลง พระราชวังจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้รีเปล่า?”

 

“ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะปฏิเสธ”

 

บ้านคลอเดียซึ่งทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานาน ดูเหมือนจะยังไม่เชื่อใจบ้านเบนฟิลด์

 

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสนี้อีกหรือไม่

 

พวกเขาถูกบีบให้เลือก

 

“ฉันจะเริ่มคุยกับคนที่อยู่ฝั่งฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

“คุณจะสนับสนุนเรื่องนี้?”

 

“คุณก็รู้สถานการณ์ของพวกเขานี่? ฉันคิดว่าบ้านคลอเดียได้รับความทุกข์ทรมาณมานานเกินไปแล้ว”

 

“ฉันรู้ แต่-“

 

“ตอนนี้เหล่าขุนนางผู้มีคุณธรรมกำลังจับตาดูบ้านเบนฟิลด์ เหตุจากข่าวลือที่ว่าพวกเขาขัดแย้งกับครอบครัวเบิร์กลีย์ ”

 

นายกฯยิ้มกว้าง

 

การช่วยบ้านคลอเดียเป็นเรื่องที่ยากลำบากและได้รับสิ่งตอบแทนน้อยนิด

 

จะพูดว่า ‘การยื่นมือช่วยเหลือไปยังบ้านหลังนั้นไม่มีประโยชน์สำหรับเลียม’-อย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว

 

‘เลียมเข้าช่วยบ้านคลอเดียซึ่งได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชา’

 

บรรดาขุนนางผู้มีคุณธรรมที่ได้ยินเช่นนั้นย่อมเข้าใจว่าแท้จริงแล้วบ้านเบนฟิลด์เป็นบ้านมีเกียรติเพียงใด

 

นายกรัฐมนตรีคาดหวังว่าเลียมจะต่อต้านครอบครัวเบิร์กลีย์อย่างจริงจัง

 

“เราปล่อยพวกมันไว้ตามเฉยๆนานเกินไปแล้ว ถึงเวลากำจัดพวกมันให้สิ้นซาก”

 

“จักรวรรดิจะยอมให้มันเกิดขึ้นรึ?”

 

“ต้องยอมอยู่แล้ว จักรวรรดิไม่ได้เสียอะไรเลยกับการที่ทั้งสองสู้กัน นอกจากนี้ การมีบุคคลที่ทรงพลังผู้ซึ่งสนับสนุนจักรวรรดิได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งของดยุคนั้นย่อมเป็นผลดีต่อจักรวรรดิ  

ต่อให้จักรวรรดิจะเสียหายเล็กน้อย แต่ฉันก็อยากให้ล้างสิ่งสกปรกพวกนั้นออกไปอยู่ดี”

 

หัวหน้าสาวใช้ดูไม่มั่นใจ แต่เธอยอมรับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี

 

“แล้วฉันจะบอกท่านเลียมว่าเขาได้รับอนุญาตจากวังแล้ว”

 

“เป็นหน้าที่คุณแล้ว”

 

เมื่อวางสาย นายกรัฐมนตรีก็เริ่มหัวเราะ

 

“เคานต์…. ไม่สิ ดยุค ฉันตั้งตารอที่จะได้เห็นอนาคตของคุณ”  (TL: คาดหวังสูงจนหลอน – -*)

 

—————————-

 

ไบรอัน (´・ω・`)  “เมื่อยื่นข้อเสนอหมั้นกับอีกฝ่าย มันช่างเจ็บปวดที่โดนบอกว่า ‘เราไม่โดนหลอกง่ายๆหรอกนะ!’”

 

ไบรอัน (´;ω;`)  “ส่วนการที่หนี้ของเราเพิ่มขึ้นอีกครั้งก็เจ็บปวดเช่นกัน”

 

—————————-

ปล.ช่วงคุยการเมืองนี่จับจุดแปลยากอีกละ – -*

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.

กราบ

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset