I Know That After School The saint is More Than Just Noble 4

ตอนที่ 4

สองสามวันแล้วที่ผมและคุณซิราเสะเริ่มรับประทานอาหารกลางด้วยกัน

 

นับตั้งแต่ที่พวกเราไปที่ร้านซีดี  ผมกับคุณซิราเสะไม่ได้ออกไปไหนเลยหลังเลิกเรียน แต่การรับประทานอาหารกลางวันบนดาดฟ้าด้วยกันกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเรา

 

วันนี้ ผมกำลังทานอาหารเที่ยงกับคุณซิราเสะอยู่ แต่ดูเหมือนสภาพอากาศวันนี้จะไม่เต็มใจ

 

“เอ่อ…ฝน”

 

ทันทีที่คุณซิราเสะพึมพำ ฝนก็ตกลงมาที่จมูกของเธอ และฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นทันที

 

“รีบไปหลบฝนกันเถอะ”

 

“อืม!”

 

พวกเรารีบกลับเข้าไปข้างในอาคาร แต่เราทั้งคู่เปียกโชก

 

คุณซิราเสะถอดเสื้อคลุมนักเรียนและเสื้อของเธอออกเพราะทั้งสองอย่างปียกไปโดยนํ้าฝน ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะใส่ชุดชั้นใน…

 

ผมพยายามหันหลังเพื่อจะไม่ให้ตัวเองมองไปในที่ที่ไม่ควรมอง

 

ผมถอนหายใจขณะฟังเสียงฝน ดูเหมือนว่ามันจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

 

“ดูเหมือนฝนจะไม่หยุดตกในเร็วๆ นี้ คิดว่าเราจะต้องเปลี่ยนไปใช้ชุดพละที่โรงยิมแล้วละ และตอนนี้คาบพละก็ยังจะเริ่มแล้วด้วย”

 

“อะ ได้สิ ผมอยากจะเช็ดเสื้อให้แห้งแล้ว”

 

“ไปกันเถอะ”

 

ผมยังคงเดินตามคุณซิราเสะอยู่ โดยที่เธอไม่คิดจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจแม้แต่ต่อหน้าผม

 

ดังนั้น ผมจึงพยายามสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่ผมเหลือบมองสายสะพายไหล่ของเสื้อชั้นในโปร่งใสของคุณซิราเสะที่อยู่ด้านข้าง

 

เนื่องจากสภาพอากาศที่ฝนตก ครูจึงให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเล่นบาสเก็ตบอลในโรงยิม

 

ช่วงคาบพละ เดิมทีชั้นเรียนเป็นสองชั้นเรียนที่ต่างกัน จึงมีนักเรียนจำนวนมาก คอร์ทถูกแบ่งออกเป็นสองซีก ด้านหนึ่งสำหรับผู้ชายและอีกด้านหนึ่งสำหรับผู้หญิง

 

เป็นปกติของชั้นเรียนที่จะแยกเพศ ผู้ชายส่วนใหญ่ตอนนี้กําลังจะเล่นกีฬาโชว์พวกผู้หญิง จากชอบสนามของบาสเก็ตบอล

 

“““ สู้ๆน้าา~!””””

 

ทันทีที่การแข่งขันเริ่มขึ้น เสียงเชียร์ของสาวๆ ก็ก้องไปทั่วโรงยิม

 

แต่ตอนนี้ ดวงตาของเด็กผู้หญิงไม่ได้มุ่งไปที่พวกผู้ชาย

 

คุณซิราเสะกําลังดึงความสนใจของสาวๆ ทั้งหมดให้อยู่กับเธอ

 

คุณซิราเสะเปลี่ยนเป็นชุดพละที่มีแขนสั้นและกางเกงขาสั้น และเธอก็ปัดผมหน้าม้าออกโดยไม่เปลี่ยนท่าทาง

 

พวกผู้หญิงรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกเนื่องจากความสงบของเธอ

 

หนุ่มๆ ต่างทึ่งกับรูปลักษณ์อันสง่างามของเธอเช่นกัน

 

ไม่เพียงแค่กลุ่มชายที่ไม่ได้เข้าร่วมเล่น แม้แต่พวกผู้ชายที่กําลังนั่งเล่นโทรศัพท์กันอยู่ ก็ให้ความสนใจของเธอขึ้นมา

 

แน่นอน ผมก็เช่นกัน แต่ผมไม่ได้เข้าไปเล่น ดังนั้นผมจึงนั่งอยู่ตรงหัวมุมเงียบๆ

 

และในสถานการณ์ตอนนี้ มีผู้ชายเพียงคนเดียวที่เป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ

 

—นั่นคือ ชินโจ เอตะ

 

“นี่ พวกนายไม่อยากให้พวกเราเป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ? ฉันไม่ต้องการแบบนั้น! เราอยู่ที่เดียวกัน! ฉันอยากเอาใจสาวๆ!”

 

คนรอบตัว เอตะ ฟื้นจิตวิญญาณการต่อสู้ในสายตาของพวกผู้ชาย ในขณะที่เอตะสร้างขวัญกําลังใจ

 

ตามปกติ ผมยังคงนั่งอยู่ในโรงยิมต่อไป แต่ผมกำลังจะสูญเสียสถานะโดดเดี่ยว…

 

“นี่คุรากิคุง! นายก็ควรจะมาด้วยนะ!”

 

เอตะ กวักมือเรียกผมด้วยรอยยิ้ม และตามที่คาดไว้ ผมถูกบังคับให้ยืนขึ้น

 

“…ผมเล่นกีฬาไม่เก่ง”

 

“แน่ใจหรือว่าต้องการปล่อยให้เซนต์พรากความรุ่งโรจน์ไปจากเรา? ฉันหมายถึงคุรากิก็อยากจะฉายแสงเหมือนกันใช่ไหม”

 

“ปล่าว ผม…”

 

บอกตามตรง ผมก็อยากฉายแสงด้วย ต่อหน้าคุณซิราเสะเหมือนกัน

 

และเนื่องจากคุณซิราเสะเป็นที่โดดเด่น การที่ผมเป็นผู้ชายไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมนี้เลยทำให้ผมรู้สึกสังเวชตัวเอง สิ่งเดียวที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับสถานการณ์นี้คือดูเหมือนว่าเอตะจะใช้ผมเป็นกระบอกเสียง

[TLN: ใช้เพื่อหลอกคนอื่น ในกรณีนี้ เอตะกำลังใช้ยามาโตะเป็นตัวอย่างเพื่ออวดคนอื่น]

 

“”””ว้าว! เท่มาก!””””

 

จากนั้นเสียงของสาวๆก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

เมื่อผมเหลือบมองคุณซิราเสะ ผมเห็นว่าเธอเพิ่งยิงได้สามแต้ม

 

“…ผมเข้าใจ ผมเอาด้วย”

 

ดังนั้นอล้ว ผมก็มีแรงใจที่จะเล่น เป็นความมุ่งมั่นของผู้ชายที่อยากจะฉายแสงให้พวกผู้หญิงได้ดู

 

“เยี่ยมเลย ”

 

เอตะเคาะไหล่ผมอย่างมีความสุข สิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด และแรงใจของผมก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก

 

คนรอบๆตัวผมก็ได้รับแรงใจจากพวกเราเช่นกัน และตอนนี้พวกเราก็มีแรงใจเต็มเปรี่ยม

 

หลังจากเกมของพวกผู้หญิงจบลง และตอนนี้พวกผู้หญิงกำลังหยุดพัก และจำนวนเด็กผู้หญิงในโรงยิมก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น 

 

และตอนนี้เกมของฝั่งชายก็ได้เริ่มขึ้น เอตะซึ่งทำแต้มได้มากที่สุดด้วยความสามารถที่ยอดเยี่ยมของเขา ดูเหมือนจะเอตะมีความสุขเมื่อเขาได้รับเสียงเชียร์จากสาวๆ

 

แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว ผมยังไม่ค่อยเก่งเรื่องกีฬาและยังทำคะแนนไม่ได้เลย

 

นอกจากนี้ผมยังไม่สามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมได้ดี หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณซิราเสะ ทัศนคติของผู้คนรอบๆตัวผม ก็ไม่ดีเท่าไร แต่ถึงกระนั้น เอตะก็เป็นคนเดียวในกลุ่มที่พูดคุยกับผมอย่างดีด้วย ด้วยเหตุนี้ผมจึงกลายเป็นภาระให้กับทีมโดยสมบูรณ์

 

ผมรู้สึกอนาถใจ จนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่คุณซิราเสะ ซึ่งอยู่ตรงชอบสนาม

 

แต่อย่างนั้น เมื่อเกมใกล้จะจบ ผมก็ได้รับโอกาส เอตะส่งลูกบอลให้ผม

 

โอกาสอยู่ตรงหน้าผมแล้ว!

 

(—เอาล่ะ!) …อ้ะ!

 

ตอนนั้นเองผมเสียการทรงตัว ทําให้ยิงไปโดนขอบประตู หลังจากนั้นก็ทิ้งเสียงกระทบของลูกบอลอันไม่พึงประสงค์ และก็กลิ้งลงบนพื้นอย่างเงียบ ๆ

 

─ บี๊บ บี๊บ บี๊บ …….

 

จากนั้น ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด นาฬิกาจับเวลาก็ดังขึ้น มันคือสัญญาณของการจบเกม

 

ผมก้มหน้าลงและแข็งทื่อ ด้วยความอาย

 

(นี่มันโครตจะแย่เลย……)

 

นอกจากผมจะรู้สึกสงสารเพื่อนร่วมทีมแล้ว จิตใจของผมก็เต็มไปด้วยละอายใจที่ยิงพลาดไป

 

“ไม่เป็นไรนะ ยามาโตะคุง!”

 

ดูเหมือนว่าคุณซิราเสะที่ดูอยู่ระหว่างพัก และตอนนี้เหมือนจะตะโกนมาปลอบใจผม

 

คำพูดของเธอพัดผ่านโรงยิมราวกับสายลม และทำให้ท่าทางเครียดของผมลดลง

 

คำพูดของเธอตามมาด้วยคำพูดให้กำลังใจจากคนรอบข้างเธอ

 

“ไม่ต้องไปสนใจหรอก”

 

“นายทําดีที่สุดแล้ว คุรากิคุง”

 

ผมจึงกลับมาเงยหน้ายิ้มและขอโทษเพื่อนร่วมทีม “ผมขอโทษนะที่ยิงพลาด” และเอตะเข้ามาตบไหล่แล้วปลอบผม

 

“มันก็ไม่ได้แย่หรอกนะ คุรากิคุง ยังไงซะเราก็คะแนนนําฝังนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นอย่ากังวลไปเลย!”

 

เอตะพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกและยิ้มให้ผม

 

ราวกับเห็นใจผม และเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆก็เช่นกัน

 

“เราชนะแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”

 

(ท้ายที่สุดแล้ว เอตะเป็นคนดีใช่มั้ย?)

 

ผมรู้สีกผิดที่เมื่อก่อนผมคิดว่าเอตะเป็นตัวน่ารําคาญ และตอนนี้ก็รู้ได้แล้วว่าเอตะไม่ใช่อย่างนั้น

 

“ผมขอบคุณจริงๆนะ เอตะคุง”

 

“ไม่เป็นไรน่าา! —แต่ฉันก็รู้สึกอิจฉานายนิดนึงที่นายได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากเซนต์ ฮ่าๆๆ”

 

“ก็เธอเป็นเพื่อนผมนะ”

 

“เพื่อนหรอ…”

 

ผมและเอตะนั่งข้างกันนอกสนามเมื่อเกมต่อไปเริ่มต้นขึ้น

 

แล้วเอตะก็กระซิบผม

 

“บางทีนายน่าจะไปหาเธอนะตอนนี้”

 

ผมหันไปมองเอตะที่ยิ้มให้ผม

 

“เอาไว้เป็นคราวหลังละนะ ตอนนี้ผมอยากนั่งคุยกับเอตะนะ”

 

“ฉันดีใจนะที่เห็นว่าคุรากิคุง เปิดใจให้ฉันด้วย”

 

“จริงๆนะ แต่ก่อนผมไม่ค่อยชอบนายเท่าไรที่มาพูดกับผมอย่างกับคนที่สนิทกันมานานแล้ว แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แบบนั้นแล้วละ”

 

“ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ฉันดีใจนะที่นายพูดความจริงออกมา”

 

เมื่อผมมองไปยังใบหน้าของเอตะ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกเคื่องอะไรผมเลย

 

“นี่คุรากิคุง ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”

 

“อะไรหรอ”

 

“นายทํายังไงหรอที่ไปเป็นเพื่อนกับเซนต์ได้”

 

“มันเป็นเรื่องบังเอิญนะ…”

 

“ถ้านายไม่อยากบอกฉันก็ไม่เป็นไรหรอก”

 

มันคงเป็นอะไรที่ลําบากมาก ที่ผมจะบอกว่าไปรู้จักกับคุณซิราเสะได้ยังไง ผมจึงติดสินใจที่จะไม่บอก

 

“อืม ตามนั้นละ”

 

หลังจากนั้นผมและเอตะ ก็นั่งดูบาสเกตบอลจนหมดเวลา

 

 

 

 

─ ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ

 

จากนั้นนาฬิกาจับเวลาก็ดังขึ้น และในขณะเดียวกัน ครูก็เรียกก็เรียกเราให้ขึ้นไปเรียนคาบต่อไป

 

เอตะที่ยืนขึ้น ยื่นมือออกมาหาผม และผมก็จับมือของเอตะยืนขึ้น

 

“ก็ไม่ว่าจะเป็นความรักหรือมิตรภาพ มันเป็นเรื่องของจังหวะเวลาใช่ไหม”

 

คำพูดของเอตะที่พูดด้วยอารมณ์ลึกๆ เหมือนกับว่าเหตุผลที่ผมกับคุณซิราเสะเป็นเพื่อนกันได้ คงมีที่ไปที่มาไม่ธรรมดา

 

เหตุผลที่ผมสามารถพบกับคุณซิราเสะได้ก็เนื่องมาจากจังหวะที่ดีเช่นกัน

 

เมื่อผมคิดอย่างนั้น หลายสิ่งหลายอย่างดูเหมือนจะสมเหตุสมผล

 

“อืม ประมาณนั้นนะ”

 

ผมพูดไปแบบนั้น และเราทั้งสองก็เริ่มเดินไปที่ห้องเรียนด้วยกัน

 

 

 

“ฉันไปก่อนนะ ยามาโตะคุง”

 

“อื้ม ไว้เจอกัน”

 

หลังเลิกเรียน คุณซิราเสะก็บอกลาผมและออกจากห้องเรียนไป เป็นแบบนี้ตามปกติในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

 

ผมไม่แน่ใจว่าช่วงนี้เธอยุ่งกับบางอย่างอยู่หรือเปล่า

 

“อ้าว วันนี้อยู่คนเดียวอีกแล้วเหรอ”

 

ขณะที่ผมกำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน เอตะก็เริ่มพูดกับผม สงสัยว่าผมกำลังถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมหรือปล่าวนะ

 

“ผมกลับคนเดียวตลอดทางกลับบ้านนะ”

 

“งั้นวันนี้นาย—”

 

“เอ่อ คุณมีเวลาสักหน่อยไหม”

 

ทันใดนั้นเอง เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของฉันก็ขัดจังหวะขึ้นมา

 

เธอมีผมสีน้ำตาลเกาลัดถักเปียมีใบหน้าที่เล็ก  และเธอก็มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเธอ รวมทั้งน้ำเสียงที่นุ่มนวล

 

เธอชื่อ ทามากิ เมย์ เธอเป็นนักเรียนกิตติมศักดิ์ มีผลการเรียนดีเยี่ยมและเป็นกรรมการประจำชั้น เธอเป็นสาวสวยที่เป็นที่ชื่นชอบของทั้งผู้ชายและผู้หญิงเพราะเธอหน้าตาน่ารักและนิสัยดี

 

ผมคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะอยากมีอะไรคุยกับเอตะ แต่….

 

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุรากิคุง ขอเวลาหน่อยได้ไหม”

 

“โอ้?”

 

ผมตกใจกับการนัดหมายที่ไม่คาดคิด ขณะที่เออิตะที่กําลังคุยกับเอตะ

 

คนที่เหลือในห้องเรียนต่างกลอกตาด้วยความประหลาดใจ

 

ทามากิสังเกตเห็นว่าเธอกำลังดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง จึงรีบเสริมคำพูดของเธอด้วยท่าทาง

 

“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกนะ แต่! ฉันอยากถามคุรากิคุงเรื่องคุณเซนต์แค่นี้นะ”

 

ทันใดนั้น คนรอบข้างก็พูดว่า “โอ้ เป็นอย่างนี้นี่เอง” และหมดความสนใจในทันที

 

“งั้นไม่มีปัญหา ผมไม่คิดว่าเรามีอะไรต้องคุยกันมากนัก”

 

“ใช่ งั้นก็ดีแล้ว”

 

ดูเหมือนว่า ทามากิมีสีหน้าเคร่งขรึมและจริงจังบนใบหน้าของเธอ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สามารถอธิบายได้แบบสบายๆ เหมือนกับว่า…

 

เอตะซึ่งเห็นอย่างนี้แล้ว ก็พยักหน้าราวกับเข้าใจสถานการณ์ทันที

 

“ฉันว่าฉันคงต้องไปแล้วละ เจอกันนะคุรากิคุง”

 

“ฉันข้อโทษนะ เอตะคุงที่เข้ามาขัดจังหวะ”

 

“อืม ไม่เป็นไรหรอกไม่ต้องคิดมาก”

 

“อืม ขอบคุณนะ”

 

ทามากิยิ้มและขอบคุณเอตะ  หลังจากที่เอตะจากไป ทามากิก็พูดว่า “นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะคุย เราย้ายไปที่อื่นได้ไหม”

 

ผมต้องการหลีกเลี่ยงการพูดถึงคุณซิราเสะในห้องเรียน ดังนั้นผมจึงเห็นด้วย

 

 

“นี่ค่ะ”

 

พวกเราย้ายไปอยู่ที่ม้านั่งหลังโรงเรียน และเมื่อผมนั่งลงบนม้านั่ง ทามากิก็ยื่นชาให้ผม

 

ระหว่างทางเธอแวะที่ตู้ขายนํ้าอัตโนมัติ ผมไม่รู้ว่าเธอซื้อมาให้ด้วย แต่เป็นเครื่องดื่มที่ผมชอบอยู่แล้วอีกตังหาก

 

“เอ่อ ขอบคุณนะ”

 

ผมขอบคุณเธอและกำลังจะหยิบกระเป๋าเงินออกมา เมื่อทามากิเห็นอย่างนั้นแล้วจึงรีบห้ามผมทันที

 

“อะ ไม่เป็นไร ฉันแค่คิดว่ามันเป็นมารยาทนะ”

 

“อืม ถ้าอย่างนั้น…”

 

แล้วทามากิก็นั่งลงข้างผม แต่เธอกลับไม่พูดอะไรแม้แต่คําเดียว

 

ผมไม่สามารถทนต่อความเงียบแปลกๆแบบนี้ได้ จึงเปิดฝากระป๋องเหล็กเพื่อหันเหความสนใจของตัวเอง

 

หลังจากที่ผมจิบเครื่องดื่ม ทามากิก็ถอนหายใจ

 

“งั้นเข้าเรื่องละนะ”

 

เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วผมก็เก็บกระป๋องชาไว้ที่ตัก เพื่อจะฟังเรื่องที่เธอจะพูด

 

“อืม.. ”

 

“ฉันเป็นแฟนตัวยงของคุณเซนต์ ฉันอยากรู้จักเธอมานานแล้ว แต่มันก็ไม่มีโอกาสอยู่ดี… คุรากิคุงดูเหมือนจะเป็นเพื่อนกับเธอ ฉันเลยสงสัยว่า นายทำได้ยังไง”

 

“เอ่อ…?”

 

“ดูเหมือนว่านายจะกินข้าวกลางวันด้วยกันทุกวันเมื่อเร็ว ๆ นี้ และนายทั้งสองดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีมากในช่วงคาบพละ ฉันอยากรู้ว่านายสนิทกับคุณเซนต์ได้ยังไง”

 

ทามากิพูดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูดอย่างรวดเร็วแต่ราบรื่นอย่างน่าประหลาดใจ

 

ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเขินอายหรือความตื่นเต้น แต่ใบหน้าของเธอแดงก่ำและดูเหมือนเธอจะจริงจัง

 

คำถามของเธอเกือบจะตรงกับที่ผมคาดไว้ แต่ถึงอย่างงั้นคำพูดของเธอที่จริงจังนั้นไม่เหมือนกับที่ผมเคยเห็นมาก่อน

 

ผมต้องพูดอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่สามารถพูดได้ว่านักเรียนมัธยมปลายพบกันตอนดึกและกลายเป็นเพื่อนกันเพราะพวกเขาออกไปเที่ยวด้วยกันทั้งคืน

 

ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจเลือกที่พูดครึ่งและไม่พูดครึ่ง

 

“มันเป็นเรื่องบังเอิญนะ เราเจอกันที่ถนนและเราก็ได้คุยกันนะ”

 

ผมทิ้งความสงสัยให้กับทามากิ

 

“แล้วเธอสองคนคุยกันเรื่องอะไรกัน ถ้าเธอสองคนได้คุยกัน ต้องมีอะไรที่เหมือนกันใช่ไหม”

 

ดวงตาของทามากิเป็นประกาย พร้อมกับหันหน้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ผมจึงย้ายไปที่ขอบม้านั่งเพื่อให้ห่างจากเธอ

 

“มันไม่มีอะไรสำคัญหรอก มันเป็นแค่เรื่องธรรมดาๆ เท่านั้น”

 

“อย่างเช่นอะไรละ”

 

“….เรื่องเพลงที่ชอบนะ….”

 

“พูดถึงเพลงที่ชอบ แล้วคุณเซนต์ชอบอะไรละ?”

 

ผมรู้สึกอึดอัดที่เธอขยับเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง ท่าทีของผมกลับไม่ทําให้ทามากิรู้สึกตัวแต่อย่างใด

 

“เธอใกล้เกินไปแล้วนะ”

 

“เอ่อ ฉันขอโทษ ฉันแค่…”

 

ทามากินึกขึ้นได้แล้วก็เขยิบออกไป

 

ผมจึงเริ่มเล่าเรื่องที่เหลือ

 

“อย่าง… โวคาลอยด์”

 

“โวคาลอยด์เหรอ ฉันไม่คุ้นเคย มีอะไรอีกล่ะ”

 

“แล้วก็… เพลงอนิเมะ”

 

พอผมพูดแบบนั้น ผมก็เสียใจกับความผิดพลาดของผม

 

ก่อนอื่น ข้อมูลนี้เป็นเท็จ คุณซิราเสะไม่สนใจเพลงอนิเมะ และตอนนี้เธออาจไม่ชอบเพลงเหล่านี้มากนักเช่นกัน

 

และถึงแม้คุณซิราเสะจะชอบอนิเมะจริง ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ผู้ชายอย่างผมจะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นโอตาคุและทำให้รู้สึกไม่สบายใจหากผมสารภาพว่าผมชอบอนิเมะ

 

แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิด

 

ทามากิไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามเป็นพิเศษ แต่กลับอยากรู้อยากเห็นและถามว่า “ว้าว แล้วชอบเพลงอนิเมะเรื่องไหนละ”

 

“มันเป็นเพลงเปิดของอนิเมะที่กำลังฉายอยู่ในตอนนี้ เป็นเพลงที่ร้องโดยวง ‘Ambiguous Friends Group’ ”

 

ผมหันไปสังเกตทามากิ และตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจดอยู่

 

ผมดูเธออยู่พักนึง และเมื่อเธอจดเสร็จ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองและยิ้มให้ผม

 

“อืมอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณมากนะ”

 

ดูเหมือนว่าทามากิจะดูมีความสุขมาก ผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่าทําไมทามากิถึงสนใจคุณซิราเสะขนาดนั้นนะ

 

“ทำไมเธอถึงอยากเป็นเพื่อนกับคุณชิราเสะละ?”

 

ผมอยากรู้เหตุผลจึงตัดสินใจถามเธอไป

 

เธอพยักหน้าและยิ้ม

 

“ฉันแค่คิดว่าคุณเซนต์เป็นคนที่มีเสนห์มากในสายตาฉันนะคะ”

 

ผมไม่พูดอะไรต่อ เพราะดูเหมือนว่าเธอยังอยากจะมีอะไรที่จะพูดอยู่อีก

 

 

“คุณเซนต์ดูเหมือนจะใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยไม่ต้องกังวลกับสิ่งรอบข้าง ใช่ไหมละ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดว่าเจ๋งจริงๆ เกี่ยวกับตัวคุณเซนต์”

 

เมื่อผมพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบๆ ทามากิก็หน้าแดงทันที

 

“แต่อย่าเข้าใจฉันผิดไปละ ฉันไม่ได้หมายถึงว่าฉันชอบคุณเซนต์นะ!”

 

“ผมรู้ ผมรู้ เธอบอกว่าเธอชื่นชมคุณซิราเสะเท่านั้นเอง”

 

เมื่อผมตอบไปลักษณะนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าทามากิจะรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที

 

“ฉันพยายามดูบรรยากาศรอบตัวคุณเซนต์มาตลอดนะ ฉันเลยรู้สึกประทับใจในตัวเธอมากเลย”

 

“… จริงสิ ผมก็อยากอ่านบรรยากาศได้ดีเหมือนทามากิซังด้วยสิ”

 

“ฮ่าฮ่า ฉันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก..”

 

จากนั้นทามากิก็ทําท่าทีเพื่อสรุปเรื่องราวที่เราคุยกันมา

 

“ อะแฮ่ม นั่นละคือเหตุผลในวันนี้ที่ฉันอยากจะคุยกับนาย ฉันรู้สึกอิจฉานายที่นายได้เป็นเพื่อนกับคุณเซนต์ก่อนฉัน เลยอยากจะมาถามนายเพื่อจะเข้าหากับคุณเซนต์นะน่ะ”

 

 ทามากิพูดพร้อมกับกํามือไว้ที่ปาก…แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมีเรื่องจะถามอีก

 

“แล้วคุรากิคุง ถ้าฉันหรือใครบอกให้นายเลิกเป็นเพื่อนกับคุณเซนต์ นายจะเลิกเป็นเพื่อนกับเธอไหม”

 

ผมไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไรที่โดนถามแบบนี้ ผมจึงตอบเธอไปแบบไม่เสแสร้ง

 

“ไม่หรอก..”

 

“อืม ฉันดีใจนะที่ได้ยินคําตอบแบบนั้น”

 

เมื่อมองดูรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของทามากิ ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา 

 

“อืม…ฉันขอโทษนะที่พูดอะไรแปลกๆออกไปนะ”

 

“ไม่หรอกทามากิซัง”

 

“งั้นฉันขอเรียกนายว่า”อาจารย์”ได้ไหม”

 

เมื่อผมได้ยินอย่างนั้นแล้วผมก็รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน ที่จะมาเรียกผมแบบนั้น

 

“เอ่อ ทามากิซังคงไม่ได้หมายถึงผมใช่ไหม?”

 

“นายนั้นละ! คุรากิคุงเป็นเพื่อนที่ดีกับคุณเซนต์แล้ว และยังจะเป็นอาจารย์ที่จะคอยจะบอกฉันให้ได้เป็นเพื่อนกับคุณเซนต์อีกด้วย”

 

ผมรู้สึกได้ว่าตาของเธอเป็นประกายขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าที่มีควมสุข

 

“เอ่อ…อย่าเรียกผมแบบนั้นได้ไหม”

 

ดีที่ไม่มีนักเรียนคนอื่นอยู่ที่นี่ ถ้าเกิดเธอเรียกผมด้วยชื่ออาจารย์นําหน้าในห้องเรียนคงไม่ดีแน่ๆ

 

“อืม… งั้นผมอาจจะเป็นแค่รุ่นพี่ก็ได้มั้ง?”

 

“ไม่หรอกอาจารย์!”

 

“ถ้าอย่างนั้นเราเป็น ‘สหาย’ไหมละ”

 

“สหาย?”

 

“ยังไงซะเราก็ได้เป็นเพื่อนกับคุณซิราเสะอยู่แล้วนิ คงไม่มีปัญหาหรอก”

 

“ถ้าอย่างนั้นแล้ว ตกลง…”

 

เมื่อความสัมพันธ์ใหม่ก่อตัวขึ้น ทามากิก็ดีใจอย่างไร้เดียงสาและพูดว่า “ฉันทำได้!”

 

ด้านหนึ่ง ผมคิดว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่แปลก แต่ในอีกทางหนึ่ง ผมรู้สึกว่าการมีคนคุยด้วยเกี่ยวกับคุณซิราเสะนั้นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร

 

“เอาล่ะ ฉันจะขอให้นายช่วยเป็นครั้งคราวนะ! ฉันอาจขอคำแนะนำส่วนตัวจากนาย ในทางกลับกัน ถ้านายมีอะไรที่จะคุยกับฉันบอกได้เสมอนะ!”

 

“อืม ตราบใดที่ผมพอจะช่วยทามากิซังได้นะ”

 

“งั้นเรามาแลกเบอร์ติดต่อกันไหม”

 

ผมตอบตกลง จากนั้นเราจึงแลกเบอร์ติดต่อกัน

 

“วันนี้คงมีเรื่องที่จะคุยแค่นี้ละ เจอกันพรุ่งนี้นะยามาโตะคุง!”

 

“เจอกันพรุ่งนี้.”

 

จากนั้นเราก็จบบทสนทนาและบอกลากัน ขณะที่ผมนั่งดูแผ่นหลังของทามากิที่กําลังเดินจากไป ก็รู้สึกได้ว่าเธอคงมีความสุขมากในการคุยครั้งนี้

 

(ลองคิดดูแล้ว เธอไม่เคยถามผมเลยสักครั้งว่าคิดว่าผมกับชิราเสะเป็นคู่รักกันหรือเปล่า)

 

ณ จุดนี้ ทามากิ เมย์ น่าจะเป็นคนฉลาด หรือมากกว่า เป็นคนหัวดี

 

แต่ครั้งเดียวที่เธอดูงุ่มง่ามเล็กน้อย คือตอนที่เธอพูดถึงคุณซิราเซะ

 

ก่อนที่ผมจะได้พบกับคุณซิราเสะในคืนนั้น ผมไม่คิดเลยว่าจะมีความทรงจําดีๆในโรงเรียนจนถึงวันนี้ พูดตามตรงแม้ตอนนี้ผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าผมฝันไปหรือเปล่า

 

แต่ถึงผมจะคิดอย่างนั้นแล้ว นี่คือความจริง ผมเอามือผมตบที่แก้มผมอย่างแรง

 

เป็นความจริงที่ว่า “คนเลวในข่าวลือ” ในอดีตของผม แต่ก็มีคนที่ไม่สนใจเรื่องนี้เช่นกัน

 

ไม่ใช่แค่คุณซิราเสะเพียงเท่านั้น แต่รวมถึงเอตะและทามากิซึ่งอาจทราบข่าวลือก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ

 

หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแล้ว ผมก็ก้าวออกจากโรงเรียน และท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกก็ดูกว้างผิดปกติ

 

“หิวแล้วสิ…”

 

หลังจากพึมพำกับตัวเองอย่างนั้นแล้ว ผมก็เริ่มเดิน…

 

__________

 

จบไปอีก1ตอน ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ ^^

I Know That After School The saint is More Than Just Noble

I Know That After School The saint is More Than Just Noble

Score 10
Status: Completed
คุรากิ ยามาโตะ นักเรียนมัธยมตอนปลาย ระหว่างทางกลับบ้านจากร้านสะดวกซื้อ เมื่อเขาได้พบกับชิราเสะ เซย์ลา สาวสวยจากชั้นเรียนของเขาซึ่งเป็นที่รู้จักในนามเซนต์ เธอชวนเขาไปใช้เวลากับเธอในย่านใจกลางเมืองตอนกลางดึก และวันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างทั้งสอง ทั้งสองเล่นปาเป้าด้วยกัน ให้ยืมแผ่นซีดี และไปกินร้านราเม็งด้วยกัน ชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อของยามาโตะมีสีสันมากขึ้นเมื่อเขาเข้าไปพัวพันกับเซย์ล่า ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เขานิสัยเสียและมีด้านที่ขี้เล่น “ฉันดีใจมากที่ยามาโตะมากับฉันในเวลานั้น” นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันแสนหวานอันล้ำค่าของวัยรุ่นของผมและความรักที่ใช้เวลากับเธอ

Options

not work with dark mode
Reset