I Know That After School The saint is More Than Just Noble 3

ตอนที่ 3

หลังจากเวลาเลิกเรียน

 

ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ถึงวันนี้จะไม่มีใครอยากเข้ามาเป็นเพื่อนผมแม้แต่คนเดียว ยกเว้นเอตะที่เข้ามาทักทายผมตามปกติ น่าจะเป็นเพราะว่าผมยังไม่โดนว่าร้ายหรือโดนรังเกียจเหมือนตอนสมัยมัธยมต้น

 

ผมรู้สึกตื่นเต้นขณะอยู่คนเดียวหน้าอาคารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดสามป้าย

 

ที่นี่ ผมได้รับข้อความทางโทรศัพท์

 

“ฉันกำลังไป.”

 

ผู้ส่งคือคุณซิราเสะ มีร้านซีดีอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคาร และผมควรจะไปพบกับเธอที่นั่น

 

มีร้านซีดีอยู่ใกล้โรงเรียน แต่ผมไม่อยากไปที่นั่นเพราะอาจมีนักเรียนคนอื่นจากโรงเรียนมัธยมเดียวกัน เป็นคำแนะนำของผมที่จะไปพบกันที่ร้านอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิด

 

รอบๆอาคาร ผมสามารถเห็นนักเรียนสองสามคนสวมเครื่องแบบจากโรงเรียนอื่น และแม้ว่าผมจะรู้ว่าเป็นโรงเรียนอื่น แต่ก็ทำให้รู้สึกอึดอัดอยู่ดี

 

“ขอโทษที่ทำเธอให้รอนะ.”

 

เสียงเล็กแหลมดังมาถึงหูผม และหันกลับไปมองเป็นคุณซิราเสะที่ยืนอยู่

 

เนื่องจากเธอมาจากโรงเรียนเดียวกัน เธอจึงยังคงสวมชุดนักเรียนอยู่ เธอออกจากห้องเรียนก่อนผม แต่คิดว่าเธอคงพึ่งมาร้านซีดีนี้เป็นครั้งแรกเลยมาช้ากว่า

 

“ขอโทษนะครับ ที่ผมไม่อยากไปร้านซีดีที่คุณนัดไว้ ทําให้คุณซิราเสะเสียเวลา”

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากหรอก เราไปกันเถอะ”

 

เมื่อเราเข้าไปในร้าน มีชั้นวางซีดีที่เพิ่งออกใหม่ ที่มีประเภทหนังที่หลากหลาย

 

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสินค้ามากมาย ส่วนสำหรับเพลงยอดนิยมที่ตกแต่งด้วยอุปกรณ์ทำมือ และแม้แต่ส่วนสำหรับคำแนะนำจากพนักงานในร้าน

 

“มาทางนี้”

 

หัวใจของผมเริ่มเต้นเร็วขึ้นเมื่อคุณซิราเสะจับมือผมโดยไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ นักเรียนที่ผ่านไปมาต่างจ้องมองผมด้วยความอิจฉา ทำให้ผมรู้สึกอายมากขึ้นไปอีก

 

แต่ถึงอย่างนั้นคุณซิราเสะไม่ได้สนใจเมื้อแต่นิดเดียว

 

เธอเดินไปรอบๆ ร้าน ดูเหมือนไม่สนใจสายตารอบๆ ตัวของเธอ เหมือนเด็กไร้เดียงสาที่ตื่นเต้น ผมห็นว่าเธอชอบดนตรีมาก ผมรู้สีกไปด้วยที่เห็นเธอยื้ม

 

ดูเหมือนว่าเธอกำลังมองหาเพลงใหม่จากวงอินดี้

 

แนวเพลงอินดี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมรู้จักเท่าไร แต่เมื่อผมเห็นความสุขที่เธอสวมหูฟังพร้อมกับฟังเพลงนั้น ผมก็อยากรู้ว่ามันเป็นเพลงประเภทไหน

 

“─อยากฟังไหม”

 

เมื่อเธอสังเกตเห็นการมองที่อยากรู้ของผม คุณซิราเสะจึงถามผมขึ้นมา

 

เมื่อผมพยักหน้าอย่างนั้นแล้ว คุณซิราเสะก็ถอดหูฟังของเธอทั้งสองข้างที่เธอสวมอยู่และสวมเข้าไปที่หูของผม

 

เมื่อพวกเราเข้าใกล้กัน ร่างกายของพวกเขาอยู่ใกล้กันมากพอที่จะสัมผัสกัน และกลิ่นที่หอมหวานก็ส่งมาถึง ผมสงสัยว่านี่เป็นกลิ่นแชมพูของเธอหรือเปล่านะนอกจากนี้ หูฟังยังดูอุ่นเล็กน้อย  แต่ดูเหมือนว่า..

 

“โว้ว!?”

 

“เอ่อ ขอโทษนะ ฉันลืมลดเสียงลง”

 

หัวของผมยังคงดังไปด้วยเพลงอินดี้ ซึ่งดังมาก มากจนผมคิดว่ามันอาจระเบิดแก้วหูได้เลย

 

เมื่อผมจ้องไปที่เธอพร้อมกับหน้าของผมที่ไม่สู้ดีนัก คุณซิราเสะก็จับมือเธอไว้ด้วยกันโดยไม่รู้สึกผิดเล็กน้อย

 

เมื่อลดระดับเสียงลง เสียงของนักร้องก็ดังขึ้นในที่สุด… แม้จะฟังไปซักพัก ผมรู้สึกเหมือนว่าฟังไม่รู้เรื่อง

 

ดูเหมือนว่าพวกเขาแค่ตะโกน มีบางท่อนที่ฟังดูเท่ แต่เนื้อเพลงที่แทบไม่ได้ยิน ผมรู้สึกไม่อินเท่าไรเลยแฮะ

 

คุณซิราเสะที่ยืนอยู่ข้างผม เพียงแค่ขยับปากของเธอพลางถามว่า “เป็นไงบ้าง” ผมไม่รู้ว่าจะตอบไงดี

 

มันเป็นเพลงที่เธอชอบ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากชอบเหมือนกัน เพื่อให้เธอคิดว่าผมเป็นผู้ชายที่มีรสนิยมคล้ายคลึงกัน

 

แต่ถึงอย่างนั้นผมรู้สึกว่าเป็นการฝืนบังคับตัวเองให้ชอบ ถ้าผมโกหกเธอว่าผมชอบเพลงแนวนี้เหมือนกัน คงทําให้ผมรู้สึกผิดไปไม่น้อย

 

ดังนั้น ผมควรจะตอบความจริงไป ผมจึงถอดหูฟังออกและตอบอย่างตรงไปตรงมา

 

“พูดตามตรงผมฟังไม่รู้เรื่องจริงๆ อาจเป็นเพราะผมไม่ค่อยได้ฟังเพลงแนวนี้มากเท่าไร…”

 

“ใช่ไหมละ ฉันก็ฟังไม่เข้าใจเหมือนกัน”

 

(ห้ะ) ผมรู้สึกสับสนมื่อเห็นคุณซิราเสะหัวเราะขึ้นมา

 

“แต่คุณชิราเสะซังจะซื้อไป ทั้งที่ฟังมันไม่รู้เรื่องเนี่ยนะครับ”

 

“ใช่แล้ว ตอนที่ฉันกำลังฟังวิทยุและมีเพลงนี้เปิดขึ้นมา ฉันรู้สึกชอบนะ”

 

“ถึงจะฟังดูดี แต่คุณซิราเสะซังไม่รู้ความหมายของเนื้อเพลงว่ามันคืออะไร สรุปจะซื้อเลยเหรอครับ?”

 

“ใช่ ฉันคิดว่าคงชอบมันแน่นแน”

 

“ว้าว…”

 

เอาเถอะ คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกันอยู่แล้วละ แต่บางทีผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าทําไม

 

จากนั้นคุณซิราเสะซัง ก็ได้ถามคำถามขณะที่เธอจ้องไปที่ใบหน้าของผม

 

“มีอะไรที่ยามาโตะคุงอยากได้ไหม? เพลงที่นายสนใจนะ?

 

“เพลงที่ผมสนใจหรอครับ อืม….”

 

ปกติผมไม่ใช่นักฟังเพลงตัวยง ไม่มีวงดนตรีที่ผมติดตามมาตั้งแต่สมัยเพลงอินดี้ และไม่มีนักร้องคนไหนที่ผมชอบพอที่จะแนะนำให้คนอื่นฟัง

 

เมื่อวันก่อนผมไปร้องคาราโอเกะกับคุณซิราเสะเราร้องเพลงโวคาลอยด์ แต่นั่นเป็นเพราะว่าผมชอบเพลงพวกนี้มากกว่าแนวอื่น ผมไม่มีความรู้เรื่องดนตรีเป็นพิเศษ

 

ถ้ามีเพลงหนึ่งที่ติดหูผมจนถึงขั้นอดไม่ได้ที่จะฮัมมันในทุกวันนี้…

 

“ถ้าอย่างนั้น?”

 

ผมรู้สึกเขินและชี้นิ้วเล็กน้อย

 

เป็นมุมโปรโมตเพลงประกอบ OP ของอนิเมะ

 

มันเป็นเพลงที่ร้องโดยวงดนตรีที่ชื่อ Ambiguous Friends Group และเมื่อผมดูอนิเมะเรื่องนั้น มันติดหูผมมาจนถึงวันนี้เลย

 

ผมจะไม่บอกผู้หญิงในชั้นเรียนว่าเพลงโปรดของผมคืออะไร แต่ผมรู้สึกว่าคุณซิราเสะไม่ได้มีท่าทีจะดูถูกแต่อย่างใด

 

“โอ้?”

 

อย่างที่ฉันคาดไว้คุณซิราเสะไม่ได้ล้อผมเล่น แต่กลับดูประหลาดใจเมื่อเธอกําลังเดินไปดูตรงที่ผมชี้

 

มีมิวสิกวิดีโอบนจอโทรทัศน์ โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อปลาทูน่าเต้นอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่าคุณซิราเสะจะมีสายตาด้วยความรู้สีกแปลกๆ

 

ผมที่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นสายตานั้น 

 

ผมไม่ได้เป็นแฟนคลับอะไรขนาดนั้น แค่บังเอิญได้ยินแล้วติดหู…

 

“มันเป็นเพลงที่น่าสนใจนะ ยามาโตะคุงชอบเพลงแนวนี้นี่เอง”

 

ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจขึ้นมา

 

“เปล่าหรอกครับ ผมหมายถึงว่าชอบแค่เพลงแนวนี้… แต่ไม่ได้เป็นแฟนตัวยงอะไรแบบนั้นครับ”

 

ขณะที่ผมพูดพึมพำ คุณซิราเสะก็เอื้อมมือไปหยิบซีดี

 

“เอ๊ะ คุณซิราเสะจะซังซื้อด้วยเหรอ”

 

“ใช่. ฉันคิดว่ามันน่าสนใจดีนะ”

 

“โอ้..ผมดีใจที่คุณซิราเสะซังสนใจนะ”

 

หลังจากที่แนะนำให้เธอฟัง ผมรู้สึกประหลาดใจที่เธอชอบมันมากพอที่จะซื้อมัน แต่ผมก็ไม่มีซีดีเหมือนกัน

 

“ทำไมยามาโตะคุงไม่ซื้อล่ะ”

 

คุณซิราเสะถามผมมาอย่างนั้น เหมือนเธออ่านใจผมได้เลยแฮะ

 

“เงินผมฉันหมดนะ ดังนั้นผมว่าวันนี้จะยังไม่ซื้อ โทษทีที่แนะนําครับ”

 

“ไม่ต้องห่วง เดี่ยวฉันจะให้ยามาโตะคุงยืมเมื่อฟังเสร็จแล้ว”

 

“อย่างนั้นหรอครับ?”

 

“แน่นอน.”

 

ผมรู้สึกไม่ค่อยดีกับการยืมของคนอื่นเท่าไร แต่ผมก็บอกตัวเองว่าเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนที่จะให้ยืของกันและกัน

 

“อืม ขอบคุณครับ”

 

“ไม่เป็นไร เดี่ยวฉันจะไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ก่อนนะ”

 

“เดี่ยวผมจะไปรอข้างนอก”

 

หลังจากที่คุณซิราเสะจ่ายเงินให้กับพนักงาน ผมก็ไม่มีอะไรที่จะทําเป็นพิเศษ เราจึงตัดสินใจกลับบ้าน

 

ผมมาถึงสถานีหลังจากนั่งรถไฟมาเป็นเวลานานและจะบอกลากับคุณซิราเสะขณะเดินผ่านประตูตรวจตั๋ว

 

เมื่อพวกเรามาถึงทางแยก ผมตัดสินใจบอกลาคุณซิราเสะ และบอกเธอไม่ให้ออกไปตอนกลางคืนเหมือนเมื่อก่อนอีก ด้วยความเป็นห่วง

 

“มันก็ใกล้คํ่าแล้ว วันนี้ผมไม่อยากให้คุณซิราเสะซังออกไปเที่ยวเหมือนวันก่อน”

 

“อืม วันนี้ฉันอยากกลับบ้านไปฟังซีดีที่พึ่งซื้อมานะ”

 

“งั้น กลับบ้านปลอดภัยนะครับ”

 

“ขอบคุณสำหรับวันนี้. ไว้เจอกันนะ”

 

ผมโบกมือลาให้กับคุณซิราเสะ ซึ่งเธอก็โบกมือให้เล็กน้อย

 

จากนั้นพวกเราก็หันหลังและเริ่มเดิน

 

 

 

─Beep, beep, beep

 

ขณะผมกำลังดูทีวีในห้องนั่งเล่น โทรศัพท์ของผมก็เตือนมีสายเรียกเข้า

 

(แม่หรอ…เอ๋ คุณชิราเสะ?)

 

คนที่โทรมาไม่ใช่แม่ของผมอย่างที่คิดแต่แรก แต่เป็นคุณซิราเสะ

 

ผมกลืนน้ำลายลงคอ ปิดทีวีแล้วนั่งลงบนโซฟา

 

ด้วยปลายนิ้วที่สั่นอยู่ ผมแตะปุ่มรับสายและได้ยินเสียงของคุณซิราเสะทันที นํ้าเสียงที่ไพเราะมาสู่หูของผม

 

“สวัสดี?”

 

“สวัสดีครับ คุณซิราเสะซังมีอะไรหรือเปล่า”

 

ผมพยายามสงบสติอารมณ์เท่าที่จะทำได้ แต่เสียงของผมยังฟังดูตึงเครียด ในทางกลับกันคุณซิราเสะคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติของเธอ

 

“วันนี้พระจันทร์สวยจัง ตอนนี้ยามาโตะคุงเห็นรึยัง”

 

“เอ่อ เดี่ยวผมไปดูแปปนะครับ”

 

ด้วยความสับสน ผมจึงออกไปที่ระเบียงและเห็นพระจันทร์เต็มดวงส่องแสงอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน 

 

“ว้าว..เป็นพระจันทร์เต็มดวงที่สวยมากเลยนะครับ แต่ตอนนี้คุณซิราเสะซังอยู่ที่ไหนหรอ คงไม่ได้อยู่ข้างนอกนะครับ”

 

เมื่อผมถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณซิราเสะตอบพร้อมกับถอนหายใจ

 

“ฉันอยู่ที่บ้านนะ ที่ระเบียง”

 

“อ้อ งั้นดีแล้วครับ”

 

ผมรู้สึกโล่งใจว่าทำไมเธอถึงโทรมา

 

“โทรมาบอกว่าเรื่องพระจันทร์เต็มดวงเหรอครับ?”

 

“นั่นก็ใช่  แต่ฉันก็อยากจะถามเรื่องยามาโตะคุงเหมือนกัน”

 

“อะไรหรอครับ?”

 

จากนั้นหลังจากหยุดชั่วครู่หนึ่ง

 

“—เราเป็นเพื่อนกัน~ เราเป็นเพื่อนกัน~ พรุ่งนี้เราจะก็จะยังเป็นเพื่อนกัน~…♪”

 

คุณซิราเสะเริ่มร้องเพลง

 

เป็นเนื้อเพลงของเพลงอนิเมะที่ผมได้แนะนำ และคุณซิราเสะก็ร้องเพลงที่เหลือด้วยเสียงที่ไพเราะ

 

เธอร้องเพลงวลีที่ตลกแต่น่ารักโดยไม่อาย และเมื่อเธอร้องท่อนแรกเสร็จ เธอพูดว่า “เอาไว้เท่านี้ก่อนนะ”

 

ตลอดเวลานั้น ผมอยู่คนเดียวบนระเบียง

 

(ให้ตายสิ เธอน่ารักเกินไปแล้ว……เธอโทรมาเพื่อร้องเพลงให้ผมฟังเหรอเนี่ย!?)

 

“ฟังอยู่หรือเปล่า”

 

“เอ๊ะ ผมกำลังฟังอยู่  ผมแค่คิดว่าคุณชิราเสะซังร้องเพลงได้น่ารักมากเลย”

 

หน้าผมแดงไปขณะที่พูดอยู่ พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง

 

“งั้นหรอ ขอบคุณนะ”

 

“แต่มันสุดยอดเลยนะครับ ที่คุณซิราเสะซังจําท่อนเพลงได้ไม่ถึงหนึ่งวัน”

 

“ฉันเปิดเพลงไว้ตั้งแต่ฉันกลับถึงบ้าน และแม้แต่เวลาร้องเพลงในอ่างน้ำ ฉันถึงจําได้เร็วนะ ฉันก็เลยโทรหายามาโตะคุงเพื่อร้องเพลงนี้ให้ฟัง”

 

นั่นก็หมายความว่าคุณซิราเสะได้อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว

 

ผมกลืนน้ำลายขณะจินตนาการถึงฉากนั้น (นี่เราคิดอะไรอยู่วะเนี่ย!)

 

“…ระวังอย่าให้เป็นหวัดนะครับ”

 

วินาทีนั้นผมไม่รู้จะพูดอะไรกลับไปดี ผมพูดอย่างนั้นไปเพื่อที่เธอจะได้ไม่สามารถมองเห็นความคิดชั่วร้ายของผมได้ และคุณซิราเสะก็หัวเราะคิกคักทางโทรศัพท์

 

“ฉันเป่าผมให้แห้งทันทีนะ ไม่เป็นไร สายลมยามค่ำคืนรู้สึกดีจังเลยนะ~”

 

“ใช่เลยครับ ลมที่อบอุ่นในคืนฤดูใบไม้ผลิ และก็พัดเย็นสบายเช่นกัน”

 

“ว้าว ยามาโตะคุงระบายเรื่องแบบนี้เป็นด้วยหรอเนี่ย~”

 

“คุณซิราเสะซังดูถูกไปแล้วครับ ผมนี่ยิ่งชอบสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้วลครับ”

 

“ขี้โม้~”

 

“อย่างน้อยผมก็เอาใจใส่กับความรู้สึกคนอื่น มากกว่าคุณซิราเสะจังละกัน~

 

ผมเลียนแบบนํ้าเสียงของคุณซิราเสะ

 

พวกเราก็พูดหยอกกันไปกันมา และเราก็หยุดชั่วครู่หนึ่ง

 

ผมหัวเราะออกมา และตามด้วยเสียงหัวเราะของคุณซิราเสะ

 

 

“ผมรู้สึกว่าเราทําตัวเหมือนเพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายปีเลย”

 

“คิดเหมือนกันเลย ฉันอยากจะสนิทกับยามาโตะคุงให้มากกว่านี้อีกนะ”

 

เมื่อคุณซิราเสะพูดอย่างนั้น หัวใจของผมก็ยังเต้นเร็วขึ้น

 

“ฉันรู้สึกอยากไปร้องคาราโอเกะแล้วตอนนี้ ยามาโตะคุงคิดว่าไง?”

 

ผมกำลังจะเห็นด้วยกับคำเชิญของคุณซิราเสะ แต่ผมก็ยังมีสติอยู่

 

“วันนี้ผมว่าเราอย่าไปดีกว่าครับ ถ้าเราไป เราจะอยู่ถึงเช้า”

 

“จริงๆแล้วฉันคิดว่าไม่เป็นไร ถ้าเราแค่ร้องเพลงสองชั่วโมงแล้วกลับบ้าน”

 

“คิดว่าสองชั่วโมงจริงๆหรอครับ?”

 

“…อาจจะ?”

 

เมื่อเธอตอบ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่คงไม่ได้ร้องเพลงสองชั่วโมงจริงๆแน่นอน

 

“ผมคิดว่าซิราเสะซังคงไม่ได้อยู่สองชั่วโมงจริงๆหรอก แล้วผมคิดว่านี่มันดึกแล้ว ผมไม่อยากไปโรงเรียนสายเหมือนวันก่อน เป็นวันพรุ่งนี้ได้ไหมครับ”

 

ผมตัดสินใจบอกคุณซิราเสะไปตรงๆ

 

“เอาล่ะฉันเข้าใจแล้ว ฉันทนร้องคาราโอเกะในตอนเย็นไม่ได้หรอก งั้นเดี๋ยวฉันขอตัวก่อนนะ”

 

“ผมไม่คิดว่าจะมีความแตกต่างกันนะครับ เนื่องจากคุณซิราเสะซังกำลังร้องเพลงอยู่ในบ้านตอนนี้ก็ได้ นอกจากนี้ในตอนเย็นค่าเช่าห้องคาราโอเคะจะถูกกว่า มันเป็นการดีกว่าที่จะเหลือเงินไว้ทําอย่างอื่นนะครับ”

 

“มันได้อารมณ์แตกต่างกันนะ ฉันขอตัวนะ”

 

คุณซิราเสะยืนกรานที่จะไปที่ร้านคาราโอเกะตอนดึก ผมไม่เข้าใจเธอจริงๆเลย

 

ระหว่างที่คุยกัน ผมก็นึกขึ้นได้ว่าครั้งหน้าคงไม่มีโอกาสได้ไปร้องคาราโอเกะกับคุณซิราเสะอีกแล้วละ เพราะเธออยากจะออกไปร้องที่ร้านคาราโอเกะตอนดึกเท่านั้น

 

“…บางทีเราอาจจะร้องคาราโอเกะกันอีกครั้งก็ได้นะครับ”

 

“อืม คงงั้นหละ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ขอตัวก่อนนะ”

 

“โอเค อืม.. ผมขอโทษนะ”

 

“หืม ทำไมยามาโตะคุงถึงขอโทษละ? ฉันไม่เข้าใจ.”

 

“ผมคิดว่าผมทำให้คุณซิราเสะรู้สึกแย่ด้วยการปฏิเสธคำเชิญไปร้องคาราโอเกะ แต่ดูเหมือนว่าคุณซิราเสะจะไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้น”

 

“อืม แล้วเจอกันนะ”

 

ในที่สุดการโทรก็สิ้นสุดลง

 

ผมอยู่ที่ระเบียงสักพักด้วยความเป็นห่วง เสียงร้องเพลงของคุณซิราะเสะยังคงก้องอยู่ในหูของผม

 

 

-วันถัดมา

 

ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง

 

ผมหยิบกล่องอาหารกลางวันที่แม่ทําให้ออกจากกระเป๋า ขณะนั้นเอง

 

“ยามาโตะคุง วันนี้เราไปกินข้าวด้วยกันไหม”

 

คุณซิราเสะพูดกับผมอย่างนั้น

 

“ได้สิครับ”

 

ผมตอบอย่างไม่ลังเล ถ้าผมยังอายกับสายตาคนรอบข้างอยู่ เธอยังจะยิ่งห่างไกลกับผมไปเรื่อยๆ

 

ผมคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้กระวนกระวายใจอีกต่อไป ผมจึงคว้ากล่องอาหารกลางวัน แล้วลุกจากที่นั่ง

 

“…ถ้าอย่างนั้น เราไปกันเถอะครับ”

 

ขณะที่ผมกำลังจะออกจากห้องเรียน ผมสังเกตเห็นสายตาของเอตะที่มองผม แต่ดูเหมือนว่าเอตะจะไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษ

 

มีเพียงไม่กี่แห่งในโรงเรียนที่ผมสามารถทานอาหารได้โดยไม่มีใครเห็น

 

เป็นผลให้ผมกลับมาที่ดาดฟ้าอีกครั้ง

 

ภายใต้สภาพอากาศที่สดใส ผมและคุณซิราเสะนั่งลงใต้ร่มเงาถังเก็บน้ำ

 

“ว้าว….มีอาหารนี่หน้ากินเยอะเลย”

 

คุณซิราเสะอุทานด้วยความสนใจ ขณะที่ผมเปิดกล่องอาหารกลางวันของผม

 

ข้าวกล่องของผมประกอบด้วยข้าวผัด ไข่ดาว ลูกชิ้น ผักโขม และ คิปิระโกะโบะ

[TLN: คิปิระ โกโบะเป็นอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ทำจากรากหญ้าเจ้าชู้ขูดฝอยและแครอท โรยหน้าด้วยงาและผัดด้วยซีอิ๊ว]

 

เมื่อเทียบกับกล่องอาหารกลางวันของผมกับคุณซิราเสะแล้วค่อนข้างหน้าเศร้า

 

ผมบอกได้จากกระเป๋าร้านสะดวกซื้อที่คุณซิราเสะถืออยู่ว่าเธอกำลังจะไปกินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร และมีเพียงกล่องชานมเท่านั้น ซึ่งผมต้องบอกว่าไม่มากสำหรับมื้อกลางวันของเด็กสาวมัธยมปลายที่กำลังเติบโต

 

“คุณซิราเสะซังอยากได้อะไรไหม?”

 

เมื่อผมแสดงความกังวล คุณซิราเสะก็ชี้ไปที่ไข่เจียวอย่างมีความสุข ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ไดเอทหรืออะไรแบบนั้น

 

“ขอยืมตะเกียบของยามาโตะคุงได้ไหม”

 

“เอิ่ม”

 

ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าคุณซิราเสะมีแค่ขนมปังจากร้านสะดวกซื้อ ผมจึงต้องให้ยืมตะเกียบของผม

 

แน่นอนว่าผมมีตะเกียบแค่อันเดียว

 

…ถ้าเป็นอย่างนี้ พวกเราก็จะมี “การจูบทางอ้อม”

 

เมื่อผมรู้เรื่องนี้แล้ว ผมก็รู้สึกอายทันทีและสับสนว่าควรทำยังไง

 

เมือคุณซิราเสะเห็นอย่างนั้นก็พยักหน้าหนึ่งครั้ง และหยิบไข่เจียวขึ้นมาด้วยมือเปล่า อาจเป็นเพราะเธอเห็นท่าทีผม

 

“ผมรู้ว่ามันเป็นมารยาทที่ไม่ดี ผมขอโทษจริงๆนะครับ”

 

หลังจากพูดอย่างนั้น คุณซิราเสะก็กัดไข่เจียว และดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ

 

“อืม…อร่อย~ ยามาโตะคุงทำเองหรอ?”

 

“ปล่าวครับ แม่ผมทําให้นะ ผมแค่ปรุงรส คิปิระ โกะโบะ ลงไป”

 

“ฉันขอกินได้ไหม”

 

“ได้แน่นอนครับ”

 

คุณซิราเซะกัด คิปิระ โกะโบะ และพูดอย่างมีความสุข “อร่อย~” ทันทีที่เธอใส่มันเข้าไปในปาก

 

“ผมขอโทษจริงๆที่ผมให้กินได้ แต่ผมไม่ได้ให้คุณซิราเสะซังยืมตะเกียบ”

 

“ไม่เป็นไร. เป็นห่วงขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันไม่ได้ใส่ใจหรอก อย่ากังวลไปเลย”

 

คำพูดที่พูดในลักษณะที่เป็นจริงดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกเขินอายแต่อย่างไร

 

เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าเธอไม่รู้ว่าผมเป็นเพศตรงข้าม หรือเธอไม่สนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่แรกนะ

 

“ผมเข้าใจละครับ ผมจะพยายามไม่กังวลเรื่องนี้ครับ”

 

ดังนั้นผมจึงพยายามรักษาความสงบในขณะที่ตอบ

 

หลังจากนั้นพวกเราก็กินด้วยกันต่อไปอย่างเงียบๆ

 

“ว่าแต่ วันนี้คุณซิราเซะซังชวนผมมากินข้าวทำไมหรอครับ”

 

เมื่อผมทานอาหารกลางวันเสร็จ ผมก็ทนไม่ได้กับบรรยากาศ จึงถามบางสิ่งที่กวนใจผมมาเป็นเวลานาน

 

“อืม? ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษนะ”

 

“จริงเหรอครับ”

 

“อืม แต่มีอีกเรื่องที่ฉันคิดว่ายามาโตะคุงอยากคุยกับฉัน เรื่องเมื่อคืนนะ”

 

ผมเดาว่าเธอหมายถึงตอนที่ผมพยายามเตือนเธอเกี่ยวกับการไปคาราโอเกะคนเดียวตอนกลางคืน

 

ผมอยากไปร้องคาราโอเกะกับเธออยู่หรอก…และถึงแม้จะสงสัยว่าผมควรจะบอกเธอยังไง ผมก็ตัดสินใจคุยกับเธอเรื่องนี้

 

“คุณชิราเสะซัง ผมอยากบอกว่าผมไม่อยากออกไปเที่ยวกลางดึก นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามจะบอก”

 

“ทำไมละ?”

 

ไม่ใช่ว่าคุณซิราเสะโกรธหรือผิดหวัง เธอสนใจที่จะฟังความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ดังนั้น ผมจึงใจเย็นและพูดต่อ

 

“เพราะว่ามันอันตราย คุณซิราเสะไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้หญิงอยู่คนเดียว และคุณชิราเสะก็โดดเด่นเป็นพิเศษในสายตาของผู้ชาย นอกจากนี้ยังต้องมาระวังไม่ให้ถูกจับได้เรื่องอายุอีก”

 

“ยามาโตะคุงพยายามจะบอกว่าทุกครั้งที่จะไป ต้องพายามาโตะคุงไปด้วยหรอ”

 

“ไม่ใช่ มันก็ยังอันตรายอยู่ดี เหมือนกับครั้งที่แล้วที่มีกลุ่มผู้ชายตามคุณซิราเสะไป ถึงตอนนั้นจะรอดมาได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะรอดกลับมาได้ทุกครั้งนิครับ”

 

ผมพูดออกมาจากใจจริง  แต่คุณซิราเสะอาจจะรู้สึกรําคาญผมก็ได้ เธออาจคิดว่าผมเป็นคนเจ้าปัญหา และคิดจะเลิกยุ่งกับผม

 

แต่ยังไงผมรู้สึกว่าต้องบอกเธอ หลังจากเดินไปเล่นในเมืองกับคุณซิราเสะในตอนกลางดึก ผมก็ตรรหนักว่าได้ว่าไม่เพียงแต่สนุกเท่านั้น แต่มันยังอันตรายมากอีกด้วย

 

นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันก่อน ไม่ว่าคุณซิราเสะจะป้องกันตัวได้ดี ก็คงเป็นเรื่องยากอยู่ดีสำหรับเธอที่จะจัดการกับคนหลายคนพร้อมๆกัน

 

เมือคุณซิราเสะเห็นท่าทีของผมอย่างนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะมีความคิดของเธอเอง เธอเอียงศีรษะอย่างลังเล จากนั้นเอนหลังพิงกำแพง

 

“ตกลง ฉันจะพยายามงดเว้นให้มากที่สุด จะพยายามไม่ออกไปข้างนอกดึกมากเกินไป”

 

ความแตกต่างที่คลุมเครือของคำว่า “มากที่สุด” และ “มากเกินไป” ที่ออกจากปากของเธอทำให้ผมรู้สึกโล่งใจอยู่ประมาณหนึ่ง ถึงแม้ว่าผมจะมีความกังวลเล็กน้อยก็ตาม

 

“มันจะดีมากเมื่อคุณซิราเสะซังทําอย่างนั้น ผมขอโทษนะ มันฟังดูเหมือนว่าผมกำลังสอนคุณซิราเสะอยู่”

 

“ไม่หรอก ฉันรู้สึกได้ว่ายามาโตะคุงเป็นห่วงฉันมาก ขอบคุณนะ.”

 

คุณซิราเสะยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มของเธอช่างน่ารักน่าและสง่างามในเวลาเดียวกัน ทําให้ผมหน้าแดง

 

“อ้อ จริงสิ คุณชิราเสะซังซื้ออาหารกลางวันที่ร้านสะดวกซื้อตลอดหรือเปล่า”

 

เพื่อซ่อนความอายของผม ผมจึงเปลี่ยนเรื่องทันที

 

“อืม.. ฉันอยู่คนเดียวดังนั้นฉันจึงไม่ได้ทำอาหารเอง ฉันมักจะซื้ออาหารในตอนเช้า และฉันไม่ค่อยรู้สึกหิวในตอนเที่ยงนะ และจะไปซื้ออาหารที่ร้านค้าในตอนคํ่านะ”

 

“อืมอย่างนี้ ผมรู้แล้วว่าทำไมคุณซิราเสะถึงออกไปข้างนอกตอนคํ่า”

 

ผมพึ่งคิดได้ว่า ผมหยิบหัวข้อการเที่ยวกลางดึกขึ้นมาอีกครั้ง

 

ผมสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับสาเหตุที่คุณซิราเสะ นักเรียนมัธยมปลายอยู่คนเดียว และสงสัยว่ามันจะดีหรือไม่ที่จะถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ 

 

“ตอนนั้นยามาโตะคุงก็อยู่ที่นั่นด้วย”

 

คุณซิราเสะชี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเธอจะไม่โกรธแต่อย่าใด

 

“อ้อ ตอนนั้นผมออกไปแค่จะซื้อซาลาเปลา แล้วก็จะกลับบ้านทันทีนะครับ”

 

ผมรู้ว่ามันฟังดูเหมือนกำลังแก้ตัว แต่มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมดในวันนั้น ผมกำลังจะไปร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ เพื่อซื้อซาลาเปา

 

ที่นั่นผมบังเอิญเห็นคุณซิราเสะ กําลังเดินเข้าไปในเมื่องอยู่

 

“ตอนนั้นยามาโตะคุงเห็นฉันเดินคนเดียวอยู่ในเมืองเวลากลางคืน ถึงเราจะไม่รู้จักกันมาก่อนแต่ยามาโตะคุงก็อยากไม่ทิ้งฉันไว้ตามลำพัง”

 

“อย่างที่คุณซิราเสะเห็นผมเป็นอย่างนั้น ตอนนั้นผมอยากรู้จักกับคุณจริงๆ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจอยากเข้าหาคุณ”

 

“ฟุฟุ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่ายามาโตะคุงไม่ได้แค่เป็นห่วงฉันสินะ”

 

“ประมาณนั้นครับ…”

 

จากนั้น คุณซิราเสะก็แหงนมองบนฟ้าและพูดด้วยสายตาของเธอที่กําลังมองไปยังท้องฟ้า

 

“แต่ฉันดีใจมากนะที่ยามาโตะคุงมากับฉันในเวลานั้น ต้องขอบคุณ ฉันมีความสุขมากเลย”

 

คุณซิราเสะที่สามารถพูดเรื่องแบบนี้ได้โดยไม่อาย แง่มุมนี้ของเธอทำให้ผมรู้สึกอยากชื่นชม แต่ผมคงทําแบบนี้เธอไม่ได้จริงๆ

 

ดังนั้น ผมจึงซ่อนความอายของผมไว้แทนที่จะพูดตรงๆ

 

“ตราบใดที่คุณซิราเสะไม่ทำผิดกฎหมาย ยังไงผมก็ยังอยากไปกับคุณซิราเสะเสมอ”

 

“ต่อจากนี้ไปยามาโตะคุงต้องมาทานข้าวกับฉันทุกมื้อเที่ยงนะ เพราะมันสนุกที่ได้อยู่กับยามาโตะคุง แถมอาหารก็อร่อยด้วย”

 

ราวกับว่าความอายของผมนั้นไร้ความหมาย คุณซิราเสะก็พูดกับผมอย่างสุขใจ

 

“แต่ครั้งหน้าคุณซิราเสะซังเอง ต้องเอาตะเกียบมาด้วยนะ”

 

“ไม่ต้องบอกหรอก จากนี้ก็ต้องเอามาอยู่แล้วละน่าา ฝีมือทําอาหารของแม่ยามาโตะนี่สุดยอดเลย”

 

“แน่นอนอยู่แล้วครับ…”

 

ในขณะนั้นเองระฆังก็ดังขึ้น เป็นสัญญาว่าได้เวลาเข้าเรียน

 

“หมดเวลาแล้วหรอเนี่ย?”

 

“อืม…กลับกันเถอะครับ ผมไม่อยากโดนเรียกตัวเหมือนครั้งก่อน”

 

คุณซิราเสะพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นทั้งสองก็กลับไปที่ห้องเรียน…

 

_____________________

 

บทนี้ค่อนข้างสั้นกว่า 2บทแรกผมเลยคิดว่าเอาให้หมดในตอนเดียวเลยดีกว่า เลยไม่ต้องหั่นเป็น 2 ช่วง

 

ผมขอเปลี่ยนชื่อ จากเซย์ล่า เป็น คุณซิราเสะ แทนนะครับ ผมรู้สึกแปลกๆที่ตัวเอกพูดบรรยายแบบนั้น มันไม่เหมือนตัวเอกบรรยายมันดูเหมือนเอาบุคคลที่3มาบรรยายแทนพระเอกครับ

 

ปล. ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ และขอบคุณกําลังใจให้ผมแปลต่อไปครับ

I Know That After School The saint is More Than Just Noble

I Know That After School The saint is More Than Just Noble

Score 10
Status: Completed
คุรากิ ยามาโตะ นักเรียนมัธยมตอนปลาย ระหว่างทางกลับบ้านจากร้านสะดวกซื้อ เมื่อเขาได้พบกับชิราเสะ เซย์ลา สาวสวยจากชั้นเรียนของเขาซึ่งเป็นที่รู้จักในนามเซนต์ เธอชวนเขาไปใช้เวลากับเธอในย่านใจกลางเมืองตอนกลางดึก และวันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างทั้งสอง ทั้งสองเล่นปาเป้าด้วยกัน ให้ยืมแผ่นซีดี และไปกินร้านราเม็งด้วยกัน ชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อของยามาโตะมีสีสันมากขึ้นเมื่อเขาเข้าไปพัวพันกับเซย์ล่า ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เขานิสัยเสียและมีด้านที่ขี้เล่น “ฉันดีใจมากที่ยามาโตะมากับฉันในเวลานั้น” นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันแสนหวานอันล้ำค่าของวัยรุ่นของผมและความรักที่ใช้เวลากับเธอ

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset