Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 331

ตอนที่ 331

บทที่ 331
เทคนิคศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจร

 

 

‘สิบภูมิภาคปีศาจยึดนิกายหกแคว้นไปแล้ว?’

 

หลี่ฟู่เฉินประหลาดใจมากที่ได้รับรู้เรื่องนี้

 

ภูมิภาคปีศาจอาจมีเพียง 10 ภูมิภาค แต่ในแต่ละภูมิภาคกลับมีขนาดใหญ่มาก แม้แต่แคว้นที่อยู่ในสิบอันดับแรกก็ไม่สามารถเทียบเท่าได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น จักรพรรดิของแต่ละภูมิภาคสิบปีศาจล้วนเป็นตัวตนที่น่าหวาดกลัว ซึ่งแต่ละตนมีความสามารถในการทำลายล้างทวีป เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพึ่งพาเพียงแค่นิกายสิบอันดับแรก เพื่อต่อต้านสิบภูมิภาคปีศาจ

 

แคว้นที่ถูกยึดเหล่านั้นต้องกำลังประสบกับชะตากรรมที่น่าสังเวชอยู่อย่างแน่นอน! หลี่ฟู่เฉิน รู้สึกอึดอัด

 

ในหกแคว้นเหล่านั้นมีอย่างน้อยๆ ก็ 2-3 พันล้านชีวิต เมื่อสองสามพันล้านชีวิตอยู่ภายใต้การปกครองของปีศาจ มันก็อาจจินตนาการได้เลยว่าชีวิตของพวกเขาจะอดสูขนาดไหน

 

‘โชคยังดีที่แคว้นวารีครามอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากสิบภูมิภาคปีศาจ’

 

หลี่ฟู่เฉินนึกภาพไม่ออกด้วยซ้ำว่าว่าหากพื้นที่ที่ถูกยึดครองไปเป็นแคว้นวารีคราม ตอนนี้เขาจะเห็นทัศนียภาพแบบไหนกัน?

 

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่านิกายวารีครามเป็นเพียงนิกายระดับสาม และแคว้นวารีครามย่อมต้องเป็นแคว้นระดับสามไปโดยธรรมชาติ และมันเองก็ไม่ได้อยู่เหนือไปกว่าแคว้นทั้งหกที่ถูกยึดครองมากนัก

 

‘พลังของข้ายังอ่อนแอเกินไป ข้าไม่มีความสามารถในการปกป้องตัวเองเลยด้วยซ้ำ’ หลี่ฟู่เฉินส่ายหัว

 

เขาสังเกตเห็นว่าตั้งแต่ที่ เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับปิดตัวลง เหตุการณ์ต่างๆ ก็เกิดขึ้น และเขาเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

 

สงครามเริ่มปะทุขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

 

ทั้งร้อยนิกายยินดีที่จะยอมแพ้สำหรับหกแคว้น แต่เงื่อนไขของพวกเขาคือต้องให้มนุษย์หลายพันล้านคนอพยพออกจากหกแคว้น แต่ในครั้งนี้ สิบภูมิภาคปีศาจนั้นทรงพลังอย่างมาก และไม่เพียง แต่ไม่อนุญาตให้มนุษย์เหล่านั้นอพยพออกไป แต่พวกเขายังร้องขอให้ทั้งร้อยนิกายยอมแพ้อีกสำหรับ 14 แคว้นต่อไปอีกด้วย เพื่อที่จะได้ให้สิบภูมิภาคปีศาจสามารถปกครองพื้นที่ของมนุษย์แห่งละสองภูมิภาค

 

เมื่อเผชิญกับการข้อเรียกร้องที่มากเกินไปเช่นนี้ ทั้งร้อยนิกายย่อมไม่เห็นด้วย และสงครามก็เริ่มขึ้นโดยทันที

 

สิบภูมิภาคปีศาจที่อยู่ทางด้านตะวันตกของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก ทั้งหกแคว้นที่ถูกยึดครองได้กลายเป็นสนามรบสำหรับสงครามระหว่าง สิบภูมิภาคปีศาจ และร้อยนิกายทันที

 

ในนิกายทั้งร้อยมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดเพียงไม่กี่ร้อยคน ในขณะที่ สิบภูมิภาคปีศาจมีสัตว์อสูรหรือปีศาจระดับ 5 หลายร้อยตัว

 

ในฐานะที่เป็นนิกายระดับสาม นิกายวารีครามได้ส่งนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดสามคนไปยังทั้งหกแคว้น

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากขนาดของสงคราม มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดจะควบคุมสถานการณ์ในสนามรบทั้งหมดได้ ดังนั้นนิกายต่างๆ จึงส่งนักสู้ขอบเขตสวรรค์ และขอบเขตปฐพีจำนวนมากไปยังสนามรบ

 

นิกายวารีครามได้ส่งนักสู้ขอบเขตสวรรค์ไปกว่า 200 คน และนักสู้ขอบเขตปฐพีกว่า 3,000 คนออกไป เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว นิกายอื่นๆ ก็ส่งไปไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน

 

มีข่าวลือว่านิกายสวรรค์ปีศาจได้ส่งนักสู้ขอบเขตสวรรค์ไปมากกว่า 300 คน ไปคู่เคียงกับนักสู้ขอบเขตปฐพี 5,000 คน

 

การต่อสู้ช่วงแรกของสงครามดำเนินไปตลอดทั้งเดือน

 

ทั้งร้อยนิกายรู้สึกท้อแท้ เพราะการต่อสู้ช่วงแรกนี้ทำให้พวกเขาสูญเสียกำลังพลไปมาก

 

หลังจากอยู่อย่างสันติมานานความแข็งแกร่งของ สิบภูมิภาคปีศาจนั้นแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนคาดคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีอำนาจสูงสุดของ สิบภูมิภาคปีศาจ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีพลังที่ท้าทายสวรรค์ เมื่อช้างเขย่าภูผากลับคืนสู่สภาพเดิมมันก็กลายเป็นช้างยักษ์ที่สูงกว่า 1,000 ฟุตในทันที ร่างของมันกระแทกไปรอบๆ มันแยกชั้นบรรยากาศระหว่างท้องฟ้าและพื้นดิน มันสามารถทุบภูเขาขนาดใหญ่ให้เละเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดาย ลำตัวของมันสามารถเปลี่ยนขนาดได้ และแม้แต่นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับสูง เมื่อถูกมันรุมล้อม ก็ยังได้รับบาดเจ็บ ถึงเป็นเช่นนั้น แรงดูดของมันกลับน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะมันจะสูบฉีดพลังงานสวรรค์และปฐพีที่ไร้ขอบเขตเข้าไป แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดก็ยังถูกทำให้ลอยออกไปสามฟุต

 

ปีศาจเสือลายเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าช้างเขย่าภูผา มันมีทั้งลักษณะของสัตว์อสูรและปีศาจ ในขณะที่มีความสามารถเองก็ดูแปลกและน่ากลัว ในสนามรบมันเป็นตัวเดียวที่ฆ่านักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับสูงได้ในทันทีที่มันเห็น แต่หลังจากที่ทุกคนได้รู้ถึงความสามารถของมันก็ไม่มีใครไปโดนอีกเป็นครั้งที่สอง

 

ไม่จำเป็นต้องพูดถึงปีศาจ

 

ในแง่ของรูปแบบชีวิต ปีศาจคืออันดับหนึ่ง สองคือสัตว์อสูร และเผ่าพันธุ์มนุษย์คือลำดับที่สาม นี้เป็นสิ่งที่รู้กันโดยทั่วไป และด้วยเหตุนี้ เราสามารถเข้าใจได้ว่าปีศาจที่ทรงพลังเป็นอย่างไร

 

ทั้งร้อยนิกายแพ้การต่อสู้ แต่พวกเขายังไม่ยอมหยุดแค่นี้ ขณะที่พวกเขาส่งนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดออกไปมากขึ้น และนักสู้ระดับต่ำกว่านั้นเองก็ถูกส่งออกไปยังสนามรบเช่นกัน

 

คราวนี้นิกายวารีครามได้ส่งนักสู้ขอบเขตสวรรค์ออกไปเพิ่มอีก 100 คน และนักสู้ขอบเขตปฐพีจำนวนกว่า 1,000 คน ซึ่งนำโดยนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด

 

สำหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากองค์กรเต๋าปีศาจในแคว้นวารีคราม ตอนนี้พวกมันทั้งหมดถูกมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็ในเมื่อหากพวกเขาร้อยนิกายพ่ายแพ้ การสูญเสียก็จะยิ่งมากขึ้นไปกว่านี้และอาจเรียกได้ว่าเป็นหายนะ เนื่องจากพวกเขาจะสูญเสียพื้นที่ไปมากกว่าหนึ่งโหล และผู้คนอีกหลายพันล้านชีวิต

 

เนื่องจากในแคว้นวารีครามมีผู้เชี่ยวชาญอยู่น้อยลง กองกำลังเต๋าปีศาจก็ยิ่งเหิมเกริมมากขึ้น

 

อันที่จริง ร้อยนิกายรู้ดีว่ากองกำลังเต๋าที่ปีศาจกำลังสมรู้ร่วมคิดกับสิบภูมิภาคปีศาจ อย่างน้อยๆ สองถึงสามภูมิภาค มันไม่มีทางเลือกอื่นอีก พวกเขาสามารถเลือกได้เฉพาะแค่สิบภูมิภาคปีศาจกับกองกำลังเต๋าปีศาจแต่เพียงเท่านั้น เลือกเพื่อเป็นศัตรูหลักของร้อยนิกาย

 

หลี่ฟู่เฉินต้องการเข้าร่วมสนามรบเป็นอย่างมาก แต่เขารู้ดีว่าการเข้าร่วมของเขาจะไม่ส่งผลดีใดๆ ขึ้นมาสำหรับสนามรบครั้งนี้ แม้ว่าเขาจะเข้าร่วมสนามรบและปฏิบัติอย่างสุดกำลังแล้วก็ตาม เขายังคงอยู่ และต่อต้านกองกำลังเต๋าปีศาจในแคว้นวารีครามต่อไป

 

‘ตอนนี้ดีขึ้นหน่อย หากไม่มีผู้อาวุโสฉินหมิง และผู้อาวุโสซูชางอยู่รอบๆ ข้าก็สามารถใช้ไพ่ลับที่อยู่ในตัวข้าได้มากเท่าที่ข้าต้องการ’

 

ในภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ ฉินหมิง และ ซูซางต่างก็ถูกย้ายออกไป ในพื้นที่หลักอันดับสี่พื้นที่รองที่เจ็ด ซึ่งเดิมเคยมีผู้อาวุโสชั้นในอยู่ถึงสิบห้าคน แต่ตอนนี้กลับเหลือแค่แปดคนแต่เพียงเท่านั้น

 

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ หลี่ฟู่เฉินไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการใช้รูปแบบทักษะดาบระดับปฐพีและรูปแบบเทคนิคต่อสู้ระดับปฐพีอีกต่อไป เขาไม่คิดปกปิดไพ่ลับของตัวเองอีกต่อไปและเปิดเผยมันออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ในเวลานี้เองกองกำลังเต๋าปีศาจสร้างหายนะในแคว้นวารีคราม เข่นฆ่าชีวิตนับไม่ถ้วน

 

เขาไม่ใช่คนเลือดเย็นและโหดเหี้ยมที่จะเพิกเฉยต่อมัน และสิ่งนี้เองไม่สอดคล้องกับเต๋าแห่งดาบของเขา

 

ในตอนนี้เป็นเวลากลางคืน หลี่ฟู่เฉินสวมหน้ากาก และไม่ได้พานกยักษ์เคียงสยองมาด้วย ในขณะที่เขาลาดตระเวนพื้นที่รองที่เจ็ดแห่งนี้

 

เมืองหยกเขียว

 

เมืองนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการผลิตขวดโหลสีเขียว

 

ในคืนที่เงียบงัน จู่ๆ คนในชุดดำมากกว่าพันคนก็ปรากฏตัวขึ้น และเข้ามาล้อมรอบเมืองหยกเขียว

 

ผู้นำคือชายสวมหน้ากากสุนัข ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากกองกำลังเต๋าปีศาจที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายแสนคนในเมืองภูผาเหล็ก และทำให้ซูหวังสงได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

“ฮี่ๆ ตอนนี้ร้อยนิกายกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการกับสิบภูมิภาคปีศาจ มันนับเป็นโอกาสที่หาได้ยาก น่าเสียดายที่เมืองที่มีผู้อยู่อาศัยอยู่หลายล้านคนมีการป้องกันที่เข้มงวด และไม่มีช่องให้ข้าลอบเข้าไปได้เลย หากข้าสามารถสกัดไข่มุกโลหิตระดับสูงได้ บรรพบุรุษโลหิตจะต้องให้รางวัลข้าอย่างแน่นอน”

 

ชายสวมหน้ากากสุนัขอารมณ์ดี ก่อนหน้านี้ชายที่สวมหน้ากากแมวได้ถูกฆ่า ซึ่งมันก็ทำให้เขาตกตะลึง แต่ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญจากนิกายวารีครามมากกว่าครึ่งออกไปสนามรบแล้ว เขาไม่เชื่อว่าการป้องกันของแคว้นวารีครามจะยังคงเข้มงวดอยู่

 

ฟึบ!

 

มีเสียงทะลวงชั้นอากาศเข้ามาจากระยะไกล

 

ชายสวมหน้ากากสุนัขตวัดดวงตาของเขาและมองไปยังท้องฟ้าที่มืดทึบ และเห็นเปลวไฟที่ร้อนแรงกำลังพุ่งเข้ามา

 

เมื่อเปลวไฟใกล้เข้ามาชายที่สวมหน้ากากสุนัขก็รู้สึกแปลกๆ เนื่องจากเปลวไฟนั้นเป็นของนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 9 ซึ่งกำลังทะยานอยู่บนท้องฟ้า เขาไม่เข้าใจว่านักสู้ขอบเขตปฐพีจะลอยอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างไร

 

“ฆ่ามัน”

 

ชายสวมหน้ากากสุนัขสั่งชายชุดดำขอบเขตสวรรค์ระดับต่ำที่อยู่ข้างๆ เขา

 

“เข้าใจแล้ว”

 

ชายชุดดำรีบลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และโต้ตอบเปลวเพลิงนี้

 

“ตาย!”

 

มือของชายในชุดดำสั่น ซึ่งมีจุดสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนถูกห่อหุ้มด้วยแสงที่ส่องสว่างปรากฏอยู่

 

“เจ้านั้นแหละคือผู้ที่จะต้องตายเป็นคนแรก”

 

หลี่ฟู่เฉินชักดาบแสงดำของเขาออกมา และถ่ายพลังฉีลงไปในดาบ ในนช่วงเวลาต่อมา มีแสงดาบสีสำริดพุ่งออกไป ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้จุดสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนเป็นถูกหักล้างออกไป แต่มันยังพุ่งไปทั่วร่างของชายชุดดำอีกด้วย

 

ปิสส!

 

ชายชุดดำถูกตัดขาดผ่านเอวและได้ตายลงไป

 

“ผู้ชายคนนี้ซ่อนระดับการฝึกฝนของเขา”

 

ชายที่สวมหน้ากากสุนัขมีสีหน้าตกตะลึง ในขณะที่เขาไม่เชื่อว่านักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 9 จะสามารถสังหารผู้ฝึกตนเต๋าปีศาจในขอบเขตสวรรค์ระดับต่ำได้อย่างง่ายดาย เขารู้สึกว่าศัตรูต้องซ่อนความสามารถของตนเองเอาไว้ เพื่อทำให้พวกเขาสับสน

 

“ผู้คุมห้องโถง ให้ข้าเป็นคนจัดการกับมันเอง”

 

ชายชุดดำขอบเขตสวรรค์ระดับกลางลอยออกมา

 

“ทักษะกระบี่กระหายเลือด!”

 

อาวุธของชายในชุดดำคนนี้คือกระบี่โลหิต เมื่อเขากวัดแกว่งกระบี่ออกไป กระบี่ก็เปล่งแสงสีเลือดที่น่าหวาดกลัวออกมา เมื่อแสงกระบี่ใกล้เข้ามา หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ว่าเลือดของเขาพลุ่งพล่านเล็กน้อย

 

“ทักษะต่อสู้เต๋าโลหิตอาจส่งผลต่อเลือดได้หากได้รับบาดเจ็บ หากเขาไปประชิดตัวอาจจะถูกสังหารเอาได้”

 

หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้ว เขาไม่กลัวคู่ต่อสู้ของเขา แต่เขาค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับความสามารถของทักษะเต๋าโลหิต

 

“ตาย!”

 

หลี่ฟู่เฉินใช้การตวัดดาบออกเพื่อฟันแสงกระบี่สีเลือด ขณะที่แสงดาบสีบรอนซ์ของเขาฟาดฟันออกไปด้วยพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ และแทงเข้าไปในร่างของชายชุดดำ

 

ปั๊ง!

 

ร่างของชายชุดดำระเบิดและกลายเป็นขี้เถ้า

 

เพียงแค่อาศัยบทดาบไร้สมบรูณ์บทดาบเหล็กดำ ความแข็งแกร่งของหลี่ฟู่เฉินก็เทียบได้กับนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับที่ 4 แล้ว แต่ทว่าในตอนนี้โครงกระดูกของเขาถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายดาบทองแดงกว่า 70% พลังของบทดาบไร้สมบร์บทดาบทองแดงไม่ได้เพียงแค่แข็งแกร่งกว่าบทดาบเหล็กดำหลายเท่า แต่มันยังทำให้หลี่ฟู่เฉินสามารถสังหารนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับกลางได้ในทันที

 

ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น หลี่ฟู่เฉินใช้พลังฉีดาบเหล็กดำเพื่อเปิดใช้งานรูปแบบต่อสู้ทักษะดาบนภากระจ่าง แต่ทว่าความแข็งแกร่งของมันก็ยังจัดว่าด้อยกว่าการเปิดด้วยพลังฉีดาบทองแดงอยู่ดี มันมีเพียงแค่สนามพลังเท่านั้นที่มีมากมหาศาลมากพอที่จะจัดการกับศัตรูได้

 

“ไม่ดีแล้ว บุคคลผู้นี้อยู่ในระดับไหนในขอบเขตสวรรค์กันแน่?”

 

ชายสวมหน้ากากสุนัขตกใจมาก เนื่องจากผู้ใต้บังคับบัญชาของขอบเขตสวรรค์ผู้นี้เป็นผู้ช่วยคนสนิทของเขา หากคนส่วนใหญ่ต้องล้มลงที่นี่มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินงานในอนาคตของเขา

 

“เวรเอ้ย เจ้าต้องชดใช้!”

 

ชายสวมหน้ากากสุนัขไม่สามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้อีกต่อไป ขณะที่เขาพุ่งเข้าหาหลี่ฟู่เฉินด้วยแสงสีเลือดในมือ

 

“ขอบเขตสวรรค์ระดับที่ 8”

 

หลี่ฟู่เฉินไม่กล้าประมาท รูปแบบต่อสู้ดาบนภากระจ่างที่ข้อมือขวาของเขาสว่างโล่ขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฟู่เฉินใช้พลังฉีดาบทองแดงของเขาเพื่อเปิดใช้งานทักษะดาบนภากระจ่าง

 

ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ!

 

แสงดาบที่เด่นชัดและสง่างามปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า และรู้สึกราวกับว่ารอบบริเวณนั้นถูกอัดแน่นด้วยการกระบวนท่านี้แต่เพียงท่าเดียว มันไร้ซึ่งจุดบอด และในเวลาเดียวกัน สนามพลังฉีที่น่าสะพรึงกลัวก็รายล้อมเข้าใส่ชายที่สวมหน้ากากสุนัขไว้ในทันที

 

“ไม่ดีแล้ว นี่มันสนามพลังในตำนาน? มันเป็นทักษะดาบระดับปฐพีงั้นหรือ?”

 

ชายสวมหน้ากากสุนัขรู้สึกหวาดกลัว ขณะที่เขาโคจรพลังฉีของเขาอย่างเร่งรีบ และนำไข่มุกโลหิตระดับต่ำออกมาเพิ่มทันที พลังเต๋าโลหิตที่ไร้ขอบเขตพุ่งเข้าสู่ร่างของชายสวมหน้ากากสุนัข ในขณะที่เขาต่อกรโดยใช้กรงเล็บซัดเข้ากับแสงดาบที่เด่นชัดและสง่างาม มีเงาสีเลือดที่น่าหวาดหวั่นปรากฏขึ้นกลางอากาศ

 

ครืน!

 

เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ขึ้น ขณะที่ชายสวมหน้ากากสุนัขกระเด็นลอยออกไป และมีเลือดสดๆ ไหลออกมาจากมุมปากของเขา

 

หลี่ฟู่เฉินส่งเสียงครางฮึ่มๆ ออกมา

 

ถ้าเขาไม่มีเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5 แรงดันอากาศจากการปะทะกันของพวกเขาก็เพียงพอที่จะสังหารเขาได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ระดับการฝึกฝนของเขาต่ำเกินไป และการป้องกันของเขาก็ไม่ได้อยู่ใกล้เคียงกับระดับของชายสวมหน้ากากสุนัขเลยแม้แต่น้อย

 

“พลังทัดเทียมกับข้าได้จริงๆ ทั้งๆ ที่ข้าดูดซับพลังจากไข่มุกโลหิตตั้งมากมาย?”

 

การแสดงออกของชายสวมหน้ากากสุนัขดูแย่ลง ที่สำคัญที่สุดคือเขามองไม่เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลี่ฟู่เฉินเลย

 

“มาประลองกันใหม่!”

 

ชายสวมหน้ากากสุนัขในตอนนี้ใช้ความสามารถได้น้อยลงจากเดิม ในขณะที่เขาสั่งให้คนสวมชุดดำขอบเขตสวรรค์คนอื่นล้อมรอบ และโจมตีหลี่ฟู่เฉิน

 

“ได้เวลาทดสอบพลังของรูปแบบเทคนิคต่อสู้ระดับปฐพีแล้ว”

 

ด้วยความคิดในใจของเขา หลี่ฟู่เฉินโคจรพลังฉีเพลิงโลกันต์แท้จริงที่มีลวดลายสีม่วงปรากฏอยู่ภายใน

 

บูม!

 

สภาวะพลังฉีที่น่ากลัวกระจัดกระจายออกไปครอบคลุมสภาพแวดล้อมทั้งหมดรอบตัวของหลี่ฟู่เฉิน มันถูกปกคลุมด้วยชั้นของพลังฉีสีม่วงที่น่ากลัว เนื่องจากพลังฉีสีม่วงนี้ ผม คิ้ว ดวงตา และผิวของหลี่ฟู่เฉินจึงถูกย้อมเป็นสีม่วงราวกับว่าเขาเป็นเทพแห่งการต่อสู้ที่มีสีม่วง

 

เจตจำนงปรากฏขึ้นในการรับรู้ของหลี่ฟู่เฉิน

 

“เทคนิคศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจร!”

 

“มันเป็นเทคนิคการฝึกฝนที่ลึกลับและน่ากลัวเช่นนี้เชียวหรือ” หลี่ฟู่เฉินอุทานกับตัวเอง

 

หลี่ฟู่เฉินเปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 4 ดาว พลังฉีหยางบริสุทธิ์ ในขณะที่เขาตั้งใจที่จะแปลงพลังฉีสีม่วงนี้ไปโคจรเทคนิคที่เพิ่งเปิดใช้โดยตรง แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าพลังฉีหยางบริสุทธิ์นั้นกลับไม่สามารถเข้าไปแปลงพลังฉีของเทคนิคนี้ได้นั้นได้

 

‘เกิดอะไรขึ้น? แม้ข้าจะใช้เทคนิคศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจรอยู่ก็จริง แต่คุณภาพของพลังฉีที่ได้มาก็อยู่แค่ในขอบเขตสวรรค์เท่านั้น หากเป็นเช่นนั้น เทคนิคลับระดับ 4 ดาวก็น่าจะยังใช้ได้ผลกับข้าอยู่สิ’

 

สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ก็คือเทคนิคศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจรระดับสูงเกินไป ซึ่งค่อนข้างอยู่สูงกว่าพลังฉีหยางบริสุทธิ์มากนัก ทำให้มันยากต่อการแปลงสภาพพลังฉี หากหลี่ฟู่เฉินได้ฝึกฝนเทคนิคศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจร เขาก็จะแปลงพลังมันได้ แต่ประเด็นสำคัญคือ… เทคนิคศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจรของหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงรูปแบบเทคนิคที่ถูกประทับตราอยู่บนหลังของเขาเท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้เป็นของเขาเลย

 

โชคดีที่พลังฉีสีม่วงสามารถเปลี่ยนเป็นพลังฉีดาบบรอนซ์ได้ มิฉะนั้นความแข็งแกร่งของ หลี่ฟู่เฉินจะลดลงแทนที่จะเพิ่มขึ้น

 

ขณะที่พลังฉีสีม่วงเปลี่ยนเป็นพลังฉีดาบบรอนซ์หลี่ฟู่เฉินก็ตระหนักว่าพลังฉีดาบบรอนซ์ไม่ใช่สีบรอนซ์ แต่เป็นสีบรอนซ์ผสมกับสีม่วง

 

เมื่อเห็นว่ากลุ่มชายชุดดำขอบเขตสวรรค์ และชายสวมหน้ากากสุนัขกำลังจะร่วมมือกันเข้ามาสังหารเขา หลี่ฟู่เฉินจึงเริ่มกวัดแกว่งดาบของเขาทันที

 

 

ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ INdyNovel

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset