Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 330

ตอนที่ 330

บทที่ 330

การประชุมร้อยนิกาย

 

 

บูม!

 

ไม่กี่วันหลังจากที่หลี่ฟู่เฉินตัดผ่าน ก็ได้มีพลังฉีที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าของเขาระเบิดและเข้าปกคลุมคฤหาสน์ ในทันทีมันขยายออกไปถึงสองสามไมล์ ขยายออกไปบริเวณโดยรอบคฤหาสน์

 

“นั่นมันผู้อาวุโสซูชาง?” หลี่ฟู่เฉินเผยรอยยิ้ม

 

ผู้อาวุโสซูชางเคยอยู่ที่ระดับ 5 ของขอบเขตสวรรค์ ตอนนี้เขาได้มาอยู่ระดับที่ 6 ของขอบเขตสวรรค์แล้ว

 

“ซูชาง แสดงความยินดีกับเจ้าด้วย” ผู้อาวุโสฉินหมิงมาแสดงความยินดีกับซูชาง

 

ซูชางหัวเราะและกล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ข้าติดอยู่ระดับ 5 ของขอบเขตสวรรค์มาห้าปีแล้ว”

 

ฉินหมิงพยักหน้า “ตอนนี้เจ้าและข้าทั้งคู่อยู่ในระดับ 6 ของขอบเขตสวรรค์ ไม่เพียงแต่ทักษะประสานของเราจะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น มันยังสมบูรณ์แบบขึ้นอีกด้วยเช่นกัน”

 

ไม่ว่าจะเป็นทักษะผสานหรือรูปแบบดาบ หากผู้ฝึกฝนมีระดับการฝึกฝนอยู่ในระดับเดียวกันพวกเขาก็จะสามารถแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้อย่างแท้จริง

 

เว้นแต่จะเป็นทักษะประสานหรือรูปแบบดาบที่ต้องใช้หุ่นเชิด

 

 

ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกยึดครองโดยนิกาย แต่ก็ยังมีพื้นที่อื่นๆ อีกมากมายที่ถือว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามของนิกาย เช่นเดียวกับ ภูมิภาคปีศาจ

 

หนึ่งในสิบภูมิภาคปีศาจคือภูมิภาคปีศาจโลหิต

 

ภูมิภาคนี้อยู่ทางตะวันออกสุด และตั้งอยู่ในที่ราบสีเทาหม่น ภายใต้แผนสีเทาหม่นลึกลงไป 10,000 ฟุตคือถ้ำน้ำพุขนาดมหึมา
ถ้ำน้ำพุนั้นกว้างขวาง และไม่มีใครรู้ว่ามันยื่นออกไปไกลแค่ไหน

 

ใจกลางถ้ำน้ำพุมีบ่อโลหิตอยู่ ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บนสระโลหิตเป็นผู้อาวุโสที่สง่างาม ซึ่งร่างกายทั้งหมดนั้นถูกโคจรวนเวียนไปด้วยพลังฉีโลหิตที่ไร้ขอบเขต

 

“ท่านบรรพบุรุษเจ้าโลหิต นี่คือไข่มุกโลหิตชุดใหม่”

 

ชายวัยกลางคนที่มีการฝึกฝนอยู่ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดกล่าวด้วยความเคารพ

 

“มีกี่อัน?” ผู้อาวุโสที่ดูยิ่งใหญ่ไม่ได้ลืมตา และกล่าวถามแบบขอไปที

 

ชายวัยกลางคนตอบ “ไข่มุกโลหิตระดับสูงหนึ่งอัน ระดับกลาง 180 อัน ระดับต่ำ 1200 อัน”

 

หากนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดอยู่ที่นี่ และเคยได้ยินเรื่องของชายวัยกลางคนคนนี้ พวกเขาอาจจะต้องบันดาลโทสะกันถ้วนหน้า

 

ไข่มุกระดับสูงต้องการแก่นแท้โลหิตจากบุคคลนับล้านเพื่อที่จะควบแน่นมันได้สำเร็จ ไข่มุกโลหิตระดับกลางต้องใช้ 100,000 ชีวิต ในขณะที่ไข่มุกโลหิตระดับต่ำจะต้องใช้ 10,000 ชีวิต

 

ซึ่งนั้นก็หมายความว่า … เพื่อที่จะได้รับไข่มุกโลหิต องค์กรเต๋าปีศาจนี้ก็ต้องสังหารผู้คนมาแล้วอย่างน้อยๆ ก็ 30 ล้านคน

 

มันอาจจะมีประชากรในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกอยู่จำนวนมากก็จริง เพราะแม้แต่แคว้นวารีครามเองก็มีประชากรอย่างน้อยก็เกือบหนึ่งพันล้านคนแล้ว และยังมีแคว้นขนาดใหญ่บางแห่งที่มีประชากรหลายพันล้านคน ซึ่งจะทำให้มีชีวิตมากกว่าหนึ่งแสนล้านคน แต่ 30 ล้านชีวิตก็ยังคงนับเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ
เพียงแค่ก็เพียงนี้พอแล้วที่จะทำให้ทุกคนมีมนุษยธรรมโกรธแค้นถึงขีดสุด

 

นอกจากนี้นี่เป็นข้อมูลเพียงชุดเดียว ใครจะรู้ว่ามีกี่ชีวิตที่องกค์กรเต๋าปีศาจสังหารมาจนกระทั้งตอนนี้? บางทีพวกเขาอาจสังเวยชีวิตไปแล้วกว่า 100 ล้านชีวิต และเมื่อเวลาผ่านไป ตัวเลขก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่มันก็เป็นเพียงการคาดเดา

 

“ครั้งนี้มันดูน้อยลง” พลังฉีโลหิตรอบๆ ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ราวกับกำลังจะควบแน่นตัว

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ร่างของชายวัยกลางคนก็เริ่มสั่นเครือ

 

บรรพบุรุษโลหิตอยู่ในระดับสูงสุดของและอยู่ห่างจากขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น และถึงแม้ว่าชายวัยกลางคนอาจจะอยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดเช่นกัน แต่เพียงการขยับนิ้วแค่ครั้งเดียวของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ก็เพียงพอแล้วเขาจะถูกส่งไปยังนิรันดร์กาล

 

“ท่านบรรพบุรุษโลหิต ตอนนี้นิกายต่างๆ ได้เพิ่มการเฝ้าระวังและสาดส่องอย่างเข้มงวด มันเลยทำให้ความเร็วในการได้รับไข่มุกโลหิตช้าลงมากนัก” ชายวัยกลางคนอธิบาย

 

บรรพบุรุษโลหิตลืมตาขึ้นและจับจ้องไปที่ชายวัยกลางคน

 

ทันใดนั้นเอง ชายวัยกลางคนก็ได้รู้สึกราวกับว่าเขาตกลงไปในทะเลโลหิต ซึ่งมีซากศพนับไม่ถ้วนร้องโหยหวน และเหมือนจะพุ่งเข้ามาฉีกขาของเขา

 

“ท่านบรรพบุรษโลหิต เป็นข้าที่ผิดพลาดเอง”

 

ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น

 

หลังจากที่บรรพบุรุษโลหิตหลับตาลง เขาก็พูดอย่างไม่สนใจว่า “พยายามให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นข้าเองก็ไม่ได้รังเกียจ หากจะเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นศพโลหิต”

 

“เข้าใจแล้วขอรับ” ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืน และถอยจากไป

 

หลังจากที่ชายวัยกลางคนจากไป สระโลหิตที่อยู่ใต้ต้นบรรพบุรุษโลหิตก็เริ่มเดือด ขณะที่มีร่างสีเลือดโผล่ออกมา เมื่อดูคร่าวๆ แล้ว มันมีอย่างน้อย 1,000 ร่าง และในหมู่พวกมันเองก็มีร่างสีเลือดสองสามตัวที่ปลดปล่อยคลื่นพลังฉีโลหิตที่โดดเด่นออกมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกมันอยู่ที่ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด ส่วนที่เหลือปล่อยพลังฉีในระดับขอบเขตสวรรค์ออกมาทั้งหมด

 

บรรพบุรุษโลหิตเปิดกระเป๋าเก็บของเขา คว้าไข่มุกโลหิตออกมา และโยนออกไปอย่างลวกๆ

 

จ๋อม!

 

สระโลหิตปั่นป่วนขึ้นมาทันที ขณะที่ร่างสีเลือดทั้งหมดกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงไข่มุกโลหิต ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับไข่มุกโลหิตระดับต่ำ และมีเพียงไข่มุกโลหิตระดับกลางเท่านั้นที่กำลังถูกต่อสู้แย่งชิงกัน

 

ในเวลาเพียงชั่วครู่ ไข่มุกโลหิตกว่าหนึ่งพันลูกก็ถูกกระชากออกไป และในทันทีหลังจากนั้น ร่างสีเลือดเหล่านี้ก็จมลงไปในบ่อโลหิต ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังพยายามย่อยพลังเต๋าในไข่มุกโลหิตเหล่านี้

 

“ข้าสงสัยว่าพวกเจ้าผู้ใดกันที่ก้าวขึ้นไปสู่ระดับ 5 ได้” บรรพบุรุษโลหิตยิ้มกว้าง ขณะที่เขาหยิบไข่มุกโลหิตออกมา

 

ไข่มุกโลหิตเม็ดนี้เป็นไข่มุกคุณภาพสูง เขาคงไม่อาจทนได้ห่กต้องมอบมันให้กับศพโลหิตเหล่านี้ เขาสามารถใช้ไข่มุกโลหิตเม็ดนี้เพื่อเสริมสร้างพลังเต๋าโลหิตของเขาได้ เนื่องจากไข่มุกโลหิตระดับกลางและระดับต่ำไม่ส่งผลใด ๆ กับเขาอีกต่อไป

 

***

 

ในใจกลางของภูมิภาคปีศาจโลหิต มีปราสาทสีเลือดตั้งตระหง่านอยู่

 

ภายในปราสาทสีเลือดนั้นกว้างขวางและลึกล้ำ

 

บนที่นั่งของผู้ปกครองมีปีศาจสีเลือดตัวสูงใหญ่นั่งอยู่ที่นั่น

 

สภาวะพลังฉีของปีศาจตนนี้มีแรงกดดันมหาศาล และดูเหมือนว่ามันจะแข็งแกร่งกว่าบรรพบุรุษโลหิตเสียอีก ร่างกายของมันมีหนามแหลมสีเลือด และดวงตาของมันเปล่งประกายสีแดงสดออกมา

 

“ลูกข้า เจ้าแก่โลหิตนั้นส่งไข่มุกโลหิตมาให้หรือไม่”

 

ปีศาจสีเลือดถามปีศาจสีเลือดตัวเล็กกว่าที่อยู่ด้านล่างเขา

 

ปีศาจสีเลือดตัวนี้มีหนามแหลมบนร่างกายของเขาเช่นกัน แต่มีปริมาณน้อยกว่ามาก ในขณะที่สีเองก็ยังดูอ่อนกว่ามากเช่นกัน เขาตอบ “ท่านพ่อ ข้ายังไม่ได้สิ่งใด”

 

“ตาแก่นั้นต้องถูกทุบตีเสียบ้าง ส่งข้อความถึงเขา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมื่อเขาได้รับไข่มุกโลหิต ข้าต้องการ 30% ทันที ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น ก็ให้เขาออกไปจากภูมิภาคปีศาจโลหิตของข้า!” ปีศาจสีเลือดส่งเสียงครวญครางด้วยเสียงที่น่ากลัวประดุจปีศาจ ซึ่งปีศาจสีเลือดตัวเล็กกว่าไม่สามารถต้านทานมันได้แม้แต่น้อย “ได้ขอรับ ท่านพ่อ”

 

ปีศาจสีเลือดตัวเล็กกว่าถอยออกมาจากห้องโถงอย่างตื่นตระหนก

 

“มนุษย์เป็นแหล่งอาหารที่ดีเสียจริง ทวีปยูนิคอร์นตะวันออกนี้ควรถูกควบคุมโดยปีศาจอย่างพวกเรา มนุษย์ทุกคนสมควรเป็นเพียงปศุสัตว์ เป็นได้เพียงเท่านั้น” มือขวาของปีศาจสีเลือดเปล่งประกายสีเลือดออกมา ซึ่งมันได้เข้าไปดูดร่างของนักสู้ขอบเขตปฐพีที่อยู่ในกรงเหล็กขนาดยักษ์ที่อยู่ด้านบนมาทันที

 

กร๊วบ!

 

ปีศาจสีเลือดอ้าปากและกัดไปที่ศีรษะของนักสู้ขอบเขตปฐพี ส่งผลทำให้เลือดกระเซ็นออกมาทั่วทุกที่

 

***

 

หลังจากพลังฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉินตัดผ่านมายังระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพี เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความเร็วในการทำความเข้าใจของเขาที่มีต่อทักษะดาบเพลิงโลกันต์นั้นเร็วมากขึ้นและมีร่องรอยของพลังที่น่ากลัวเริ่มก่อตัว

 

‘เมล็ดพันธ์ของเจตจำนงดาบเพลิงโลกันต์ก่อตัวขึ้นแล้ว ข้าสงสัยว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่ามันจะเติบโตมาเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่สามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้’

 

หากระยะเริ่มต้นของเจตจำนงแห่งดาบเป็นต้นไม้ขนาดเล็กแสดงว่าระยะที่เติบโตเต็มที่แล้วมันก็จะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ในขณะที่ระยะที่สมบูรณ์จะเป็นต้นไม้ที่ยื่นออกไปบนท้องฟ้า ก่อนขั้นตอนเริ่มต้นของการมีเจตจำนงแห่งดาบ มันก็เป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ และไม่สามารถเพิ่มพลังของทักษะดาบของเขาได้

 

แต่เมื่อสร้างเมล็ดพันธ์เจตจำนงแห่งดาบได้แล้ว การทำความเข้าใจต่อเจตจำนงของแห่งดาบได้ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

 

ขณะเดียวกับที่หลี่ฟู่เฉินกำลังปกป้องเมืองเมฆหมอก เหตุการณ์ใหญ่ได้เกิดขึ้นซึ่งมันก็ทำให้ทั่วทั้งทวีปยูนิคอร์นตะวันออกเริ่มตื่นตระหนก

 

แคว้นธารไพศาล แคว้นภูผาสีขาว แคว้นแสงทอง… ทั้งหมดหกแคว้นตกอยู่ในมือของศัตรู ด้วยเวลาเพียงเดือนเดียว นิกายที่คุมเหนือแคว้นของพวกเขาพบกับจุดจบที่น่าเศร้า ในขณะที่มีผู้รอดชีวิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถหลบหนีและเข้าร่วมนิกายอื่นได้

 

มีพื้นที่ร่วมกันในหกแคว้น พวกเขาทั้งหมดอยู่ใกล้กับสิบภูมิภาคปีศาจ

 

ผู้ที่เข้ามารุกรานและยึดครองทั้ง 6 แคว้น ได้แก่ ภูมิภาคพันปีศาจ ภูมิภาคปีศาจพยัคฆ์ และ ภูมิภาคเขาปีศาจ

 

ผู้ปกครองดินแดนพันปีศาจเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุด คชสารสะเทือนผา ว่ากันว่าช้างตัวนี้มีสายเลือดของราชาสัตว์ป่าคือ คชสารกระชากผา มันน่าเกรงขามมาก และครั้งหนึ่งเคยมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดห้าคนเข้าล้อมช้างตัวนี้ แต่พวกเขาทั้งหมดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และหากไม่ใช่เพราะช้างตัวนี้มีความเร็วที่ช้า พวกเขาทั้งหมดก็อาจจะตายไปแล้ว

 

ผู้ปกครองของ ภูมิภาคปีศาจพยัคฆ์ก็เป็นสัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุดเช่นกัน มันคือ ปีศาจลวดลายพยัคฆ์ ชเสือตัวนี้ดูเหมือนจะกินสิ่งประดิษฐ์ของปีศาจเข้าไป ซึ่งมันก็ได้ทำให้เกิดการกลายพันธุ์บางอย่างในร่างกาย มันสามารถมีลักษณะของปีศาจทั้งสองได้ นั้นก็คือ สัตว์ปีศาจและปีศาจ ทำให้มันดุร้ายกว่าสัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุดทั่วไป เคยมีครั้งหนึ่งที่มันกำจัดไปสองนิกายเนื่องจากความโกรธแต่เพียงเท่านั้น

 

 

แตกต่างจากผู้ปกครองทั้งสองในภูมิภาคก่อนหน้านี้ ผู้ปกครองของภูมิภาคเขาปีศาจเป็นปีศาจที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง

 

ความสามารถของปีศาจนั้นทรงพลังโดยกำเนิด

 

นอกจากนี้ ในระดับเดียวกันจะไม่มีการแยกชั้นที่แตกต่างกัน แม้แต่ปีศาจระดับ 5 ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีความสามารถที่เหนือกว่าสัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุด มีเพียงคชสารสะเทือนผาเท่านั้นที่มีร่องรอยของสายเลือดราชาสัตว์ปีศาจ และปีศาจลวดลายพยัคฆ์ที่กลายพันธุ์เท่านั้นถึงจะเทียบกับปีศาจระดับ 5 ได้
แน่นอนว่าทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียเสมอ ปีศาจอาจมีอำนาจเหนือกว่า แต่มันก็ยากมากที่จะเลื่อนขั้นไปยังขั้นถัดไปถัดไป

 

ภูมิภาคพันปีศาจและภูมิภาคปีศาจพยัคฆ์มีสัตว์ปีศาจระดับ 5 อยู่จำนวนมาก

 

แต่ภูมิภาคเขาปีศาจมีปีศาจระดับ 5 เพียงสามตัวเท่านั้น

 

ทั้งสามภูมิภาคของกองกำลังปีศาจต่างก็บุกเข้ามาและยึดครองสองแคว้นของนิกาย เมื่อข่าวนี้ออกไป มันก็สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งทวีป แม้แต่กลุ่มนิกายชั้นยอดสิบอันดับแรกก็เรียกใช้งานกองกำลังฉุกเฉินของพวกเขา

 

สำหรับทุกสิ่งในโลก เมื่อมีครั้งแรกก็จะมีครั้งที่สองอย่างแน่นอน

 

หากพวกเขาไม่หยุดยั้ง สิบภูมิภาคปีศาจก็อาจจะบุกและยึดครองแคว้นของนิกายมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

แคว้นร้อยเทพยุทธ์มีสถานที่ที่เรียกว่า ภูเขาร้อยนิกาย และบนเขาร้อยนิกายก็มีห้องโถงใหญ่ร้อยนิกายตั้งอยู่

 

ห้องโถงใหญ่ร้อยนิกายนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกเพื่อการรวมตัวกันของนิกายต่างๆ ในศตวรรษที่ผ่านมาเจ้านิกายต่างๆ ได้เคยมารวมตัวกันในสถานที่แห่งนี้แล้วครั้งหนึ่ง ทำให้การชุมนุมครั้งนี้เป็นครั้งที่สองในรอบศตวรรษ

 

ในห้องโถงใหญ่ร้อยนิกายมีโต๊ะหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดยักษ์ บนโต๊ะหินทั้งสองข้างมีเก้าอี้หินหลายสิบตัวที่เจ้านิกายต่างๆ จะนั่งตามลำดับของกองกำลังที่นิกายมี

 

ที่ด้านหน้าส่วนใหญ่ของโต๊ะหินเป็นเก้าอี้หินสีทองสิบตัว เป็นที่ซึ่งเจ้านิกายสิบอันดับแรกจะนั่งอยู่ที่นั่น

 

เจ้านิกายวารีครามโอหยางเหวินเทียนก็อยู่ที่นี่เช่นกัน แต่นิกายวารีครามเป็นเพียงนิกายระดับสาม และถูกจัดลำดับไว้ท้ายๆ

 

นิกายสวรรค์ปีศาจเป็นนิกายระดับสอง ดังนั้นหลี่เซี่ยเทียนจึงนั่งอยู่ข้างหน้าเล็กน้อย

 

ตอนนี้ห้องโถงใหญ่ร้อยนิกายนั้นเงียบกริบ ขณะที่ทุกคนกำลังรอให้บุคคลทั้งสิบบนเก้าอี้หินสีทองเป็นผู้กล่าว

 

คนแรกที่พูดคือเจ้านิกายเทพอัสนี สือตูชัว ซึ่งเป็นปู่ของลูกพี่ลูกน้องสือตูเหล่ย

 

ในฐานะที่เป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับสูง สือตูชัวได้กวาดสายตามองไปรอบโต๊ะและกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “การปิดของเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเป็นทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีสำหรับเรา ย้อนกลับไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สัตว์ปีศาจระดับ 5 ได้สังหารศิษย์ส่วนตัวของเจ็ดเชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ สัตว์ปีศาจตนนั้นจึงถูกสังหารโดยเจ็ดผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ ซึ่งสิ่งนี้มันนับเป็นการข่มขู่สิบภูมิภาคปีศาจได้ทางอ้อม แต่ทว่าตอนนี้เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับได้ปิดลงไปแล้ว สิบภูมิภาคปีศาจคงไม่ต้องการอยู่ร่วมกับเราอย่างสงบสุขอีกต่อไป ดังนั้นคราวนี้เราต้องเลือกว่าจะต่อสู้เพื่อไปข้างหน้า หรือไม่ก็ถอยหลังและยอมแพ้ ยกทั้งหกแคว้นให้มันยึดครอง แน่นอนว่าอย่างหลังจะเป็นผลประโยชน์ต่อพวกเรามากที่สุด และหากพวกมันต้องการบุกรุกแคว้นอื่นๆ เมื่อนั้นเราจะสู้กลับมันไป”

 

ในฐานะเจ้านิกายเทพอัสนี สือตูชัวไม่ต้องการทำสงครามกับสิบภูมิภาคปีศาจ แต่เขาก็ไม่ต้องการถอยกลับเช่นกัน ผู้บุกรุกไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพวกเขา ฉะนั้นมันจึงต้องเผชิญหน้าด้วยความสามัคคีของพวกเขาเอง เมื่อพวกเขาอนุญาตให้สิบภูมิภาคปีศาจได้รับพื้นที่มากขึ้นดินแดนที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะมีพื้นที่อยู่อาศัยลดน้อยลง

 

“ท่านเจ้านิกายกล่าวถูก เราสามารถสละหกแคว้นที่ถูกยึดครองได้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามากกว่า” เจ้าวิหารหญิงไตรสิกขากล่าวเสริม

 

“ข้าเห็นด้วย”

 

“ข้าก็เห็นด้วย”

 

ผู้นำของนิกายชั้นยอดทั้งสิบต่างก็เห็นพ้องต้องกัน ผู้นำที่เหลือต่างก็เห็นด้วยไปโดยปริยาย

 

 

ในความเป็นจริงในการประชุมร้อยนิกายโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาไม่มีสิทธิในการพูดใดๆ พวกเขามาที่นี่เพื่อทำการโหวต แต่เนื่องจากสิบอันดับแรกมีความเห็นเป็นเอกฉันท์จึงไม่ต้องมีการลงคะแนนใดๆ

 

 

ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ INdyNovel

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset