Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 332

ตอนที่ 332

บทที่ 332
มรดกเส้นทางดวงดาว

 

 

โดยธรรมชาติแล้วดาบนี้ย่อมเป็นกระบวนท่าของทักษะดาบนภากระจ่าง

 

เทียบกับดาบก่อนๆ ดาบนี้ทรงพลังและน่ากลัวอย่างน่าเหลือเชื่อ

 

เพียงดาบเดียวแต่ถึงกับระเบิดพลังออกมาถึงสองประเภท หนึ่งคือสนามพลังของพลังฉีศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจรและอีกอันนึงเป็นของทักษะดาบนภากระจ่าง

 

ภายใต้การสะกดข่มของสองสนามพลังนี้ ชายสวมหน้ากากสุนัขและชายชุดดำขอบเขตสวรรค์และอีกหลายคนต่างรู้สึกหายใจลำบาก ขณะการเคลื่อนไหวของพวกเขาเองก็ดูทื่อลง ความแข็งแกร่งของพวกเขาถูกยับยั้งไปน้อยๆ ก็ 50%

 

ในขณะเดียวกัน แสงดาบนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน รวมตัวเป็นแสงทรงกลมอันยิ่งใหญ่ที่เข้าไปโอบล้อมทุกคน

 

บูม!

 

เมื่อแสงทรงกลมระเบิดออก ชายสวมหน้ากากสนุขที่ถูกขังไว้ภายในและชายชุดดำเองก็ถูกแรงระเบิดออกจนกระจายออกเป็นชิ้นๆ

 

หลี่ฟู่เฉินยื่นมือออกไปเพื่อดูดของเข้ามา มือของเขาดึงถุงเก็บออกมาได้เพียงใบเดียวเท่านั้น

 

ถุงเก็บนี้เป็นของชายสวมหน้ากากสุนัข และถ้าหลี่ฟู่เฉินเดาไม่ผิดล่ะก็ มันเป็นกระเป๋าเก็บของระดับกลาง วัสดุไม่เพียงแต่มีความทนทาน แต่มันยังมีค่ายกลขนาดเล็กที่เอาไว้ป้องกันไม่ให้ถุงเก็บของถูกทำลายอยู่ด้วย

 

ส่วนถุงเก็บอื่น ๆ กลายเป็นฝุ่นไปแล้ว

 

หลี่ฟู่เฉินเก็บกระเป๋าเก็บลงไปทันทีโดยไม่ได้มองเข้าไปข้างใน จากนั้นเขาก็คิดกับตัวเองว่า ‘ไม่น่าแปลกใจที่ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับจะสามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับร้อยนิกายในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกและสิบภูมิภาคปีศาจได้ แม้ว่าพลังบ่มเพาะของพวกเขาจะถูกจำกัดเอาไว้หลังจากที่ออกมาจากเขตแดนมา แต่เพียงแค่ใช้เทคนิคบ่มเพาะระดับปฐพีและทักษะต่อสู้ระดับปฐพีก็เพียงพอแล้วที่พวกเขาจะครองทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมด เข้าบดขยี้นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับสูงสุดให้เป็นผุยผง’

 

เมื่อชายชุดดำกว่า 1,000 คนที่เหลือเห็นว่าหลี่ฟู่เฉินได้สังหารสมาชิกระดับสูงทั้งหมดด้วยดาบเดียว พวกเขาทุกคนกลายเป็นหวาดกลัวจนตัวแข็ง หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มวิ่งหนีไปทุกทิศทางในทันที

 

“ฆ่า!”

 

เมื่อต้องมาจัดการกับลูกสมุนตัวเล็กตัวน้อยเหล่านี้ หลี่ฟู่เฉินจึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังฉีศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจรหรือรูปแบบการต่อสู้ทักษะดาบนภากระจ่างใดๆ เขาไม่จำเป็นต้องใช้แก่นแท้ดาบทองแดงด้วยซ้ำ ก็ในเมื่อเขาสามารถใช้ความแข็งแกร่งตั้งต้นของเขาเข้าไล่สังหารได้เลย ในช่วงเวลาสั้นๆ ชายชุดดำอย่างน้อย 100 ถึง 200 คนถูกสังหาร

 

น่าเสียดายที่มีชายชุดดำจำนวนมากเกินไป ขณะที่ตอนนี้เองพวกเขาก็กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบของเมืองหยกเขียว ทำให้ไม่สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้ ชายชุดดำที่เหลือทั้งหมดหนีไปได้ทีละคนๆ

 

หลังจากเสร็จสิ้นการสังหาร หลี่ฟู่เฉินก็ออกจากเมืองหยกเขียวอย่างรวดเร็ว

 

ภายในเมืองหยกเขียว เจ้าเมืองเริ่มตื่นตระหนก แต่เพียงไม่นาน เมื่อเขารู้ว่าชายชุดดำทั้งหมดกำลังหลบหนี ขณะนั้นเองเขาก็โล่งใจ

 

‘ศิลาวิญญาณระดับต่ำ 78 ก้อน น้อยกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับชายสวมหน้ากากแมว’

 

ระหว่างทาง หลี่ฟู่เฉินเปิดที่เก็บของชายสวมหน้ากากสุนัขและพบศิลาวิญญาณระดับต่ำจำนวน 78 ชิ้น

 

นอกเหนือจากนั้น ยังมีไข่มุกสีแดงเลือดอยู่ด้วยเช่นกัน จากไข่มุกเหล่านั้น หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ถึงความขุ่นเคืองและพลังเต๋าโลหิต

 

‘บัดซบ พวกผู้ฝึกตนเต๋าปีศาจ’

 

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าไข่มุกสีเลือดเหล่านี้? มันถูกกลั่นโดยใช้แก่นแท้โลหิตจากมนุษย์นับไม่ถ้วน มันมีโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่อยู่ภายในไข่มุกสีแดงนี่

 

‘ข้าควรมอบมันให้กับคนระดับสูงๆ ของนิกายเพื่อจัดการมัน!’

 

หลี่ฟู่เฉินไม่รู้วิธีจัดการกับไข่มุกสีเลือดเหล่านี้ หากเขาทำลายมันโดยตรง พลังแห่งเต๋าโลหิตอาจจะกระจายออกมาพร้อมกับความคุ้มคลั่ง พลังแห่งเต๋าโลหิตนี้อาจก่อให้เกิดความชั่วร้ายบางอย่าง ซึ่งอาจทำให้เกิดการทำลายล้างมากยิ่งขึ้น

 

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ฟู่เฉินก็เก็บไข่มุกสีเลือดทั้งหมดไว้ในกระเป๋าที่ถูกแยกเอาไว้

 

หนึ่งเดือนถัดมา หลี่ฟู่เฉินออกลาดตระเวนพื้นที่รองที่เจ็ดเป็นบ่อยครั้ง และบางครั้งก็จะลาดตระเวนพื้นที่รองที่หกหรือแปดอีกด้วยเช่นกัน

 

อย่างช้าๆ มันค่อยๆ มีข่าวลือเกี่ยวกับชายสวมหน้ากากที่เริ่มแพร่กระจายไปในพื้นที่เล็กๆ สามแห่งนี้

 

จากข่าวลือนี้ นิกายวารีครามรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าชายสวมหน้ากากคนนั้นคือใคร แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าชายสวมหน้ากากมีความเกลียดชังอย่างมากกับกองกำลังเต๋าปีศาจ ซึ่งก็นับเป็นสิ่งที่นิกายวารีครามเองก็รู้สึกเช่นกัน

 

‘ไม่มีสัตว์วิญญาณในการเดินทาง มันเป็นเรื่องที่เหนื่อยอย่างยิ่ง’

 

หลี่ฟู่เฉินไม่ใช่นักสู้ขอบเขตสวรรค์ และถึงแม้ว่าเขาจะเป็น เขาก็จะยังคงรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าหากต้องเดินทางโดยไม่ได้พักผ่อนเป็นเวลาหลายวัน สำหรับจุดนี้ สัตว์วิญญาณที่บินได้นั้นเหนือกว่ามนุษย์มาก สัตว์วิญญาณบินระดับ 4 สามารถบินได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า ในความเป็นจริง พวกมันใช้กระแสอากาศเพื่อช่วยให้ลอยอยู่ได้ และมีช่วงเวลาหนึ่งที่สัตว์วิญญาณบินเหล่านี้คงอยู่ในสภาพร่อนบิน ซึ่งนี่เองไม่ต้องใช้จิตวิญญาณหรือความแข็งแกร่งจากพวกมันแม้แต่นิดเดียว

 

‘หืม? นี่มันหินดารา’

 

ในวันนี้ เมื่อผ่านเมืองมา หลี่ฟู่เฉินต่อต้านกองกำลังเต๋าปีศาจได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่เขากำจัดหัวหน้ากลุ่ม หลี่ฟู่เฉินพบหินดาราในกระเป๋าเก็บของผู้นำ

 

หินดวงดาวนั้นไร้ประโยชน์สำหรับสือตูเหล่ยที่ก้าวหน้าไปยังขอบเขตสวรรค์แล้ว แต่ก็ยังมีประโยชน์อย่างมากสำหรับหลี่ฟู่เฉินผู้ซึ่งอยู่ในขอบเขตระดับปฐพี

 

อย่างน้อยๆ เขาก็สามารถเข้าสู่เขตแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาวได้อีกครั้ง

 

นอกจากนี้ ด้วยการสนับสนุนจากพลังของเส้นทางดวงดาว เขาอาจสามารถไปยังระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพีได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั้นก็จะช่วยเขาในการขึ้นไปยังขอบเขตสวรรค์ด้วยเช่นกัน

 

นอกเหนือจากสิ่งเหล่านั้นแล้ว มีข่าวลือว่าถ้าใครผ่านเส้นทางดวงดาว พวกเขาจะได้รับมรดกที่ยิ่งใหญ่

 

มรดกคืออะไร? หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ แต่เขาก็ต้องพยายาม

 

หลังจากได้รับหินดารามาแล้ว หลี่ฟู่เฉินก็กลับไปที่คฤหาสน์ชานเมืองหมอกเมฆาทันที

 

หลังจากบดหินดาราแล้ว หลี่ฟู่เฉินก็เข้าสู่เขตแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาว

 

ด่านที่หนึ่ง ด่านที่สอง ด่านที่สาม…

 

หลี่ฟู่เฉินเป็นเหมือนขุมพลังหนึ่งที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้และเขาก็ใช้เวลาไม่มากก่อนที่จะผ่านด่านที่เจ็ด และมาถึงส่วนที่แปดของเส้นทางดวงดาว

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาอยู่บนส่วนที่แปดของเส้นทางดวงดาวเขาสามารถเดินได้เพียงแค่ร้อยก้าวเท่านั้น

 

ครั้งนี้ พลังฝึกฝนของเขาอยู่ระดับที่ 9 ขอบเขตปฐพี และเขาก็สมควรจะผ่านด่านที่แปดไปได้โดยไม่ยากมากนัก

 

เช่นเดียวกับที่หลี่ฟู่เฉินคาดไว้ เขาไม่พบกับความยากลำบากใดๆ ขณะผ่านด่านที่แปด

 

หลังจากที่เขาผ่านด่านที่แปด พลังงานเส้นทางดวงดาว 128 ส่วนก็ลงมาและเข้าสู่ร่างกายของเขา

 

แทนที่จะมุ่งตรงไปยังส่วนที่เก้าของเส้นทางดวงดาว หลี่ฟู่เฉินกลับนั่งขัดสมาธิอยู่บนเกาะ และเริ่มเพิ่มพลังฝึกฝนของเขา

 

ด้วยการสนับสนุนจากพลังงานเส้นทางดวงดาวพร้อมๆ กับหินวิญญาณระดับต่ำ พลังฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพีขั้นกลาง… ขั้นสูง

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ พลังฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉินก็มาถึงระยะหลังของระดับที่ 9 ขอบเขตปฐพี

 

ขณะนี้เอง พลังงานจากเส้นทางดวงดาวที่เขาได้รับมาก็หมดลงแล้ว

 

‘ต่อไปก็’

 

หลี่ฟู่เฉินก้าวไปข้างหน้า ก้าวไปยังส่วนที่เก้าของเส้นทางดวงดาว

 

สนามพลังฉีในส่วนที่เก้าของเส้นทางดวงดาวนั้นน่ากลัวอย่างมาก โชคดีที่พลังฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉินอยู่ในขั้นระยะหลังของระดับที่ 9 ขอบเขตปฐพีแล้ว และเขายังมีจิตวิญญาณที่ไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นแล้ว เพียงแค่สนามพลังฉีของเส้นทางดวงดาวเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะขับไล่หลี่ฟู่เฉินให้ออกจากเขตแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาวได้ในทันที

 

อดทนต่อความเจ็บปวด หลี่ฟู่เฉินก้าวไกลขึ้นอีก

 

100 ก้าว 1000 ก้าว 10000 ก้าว

 

หลี่ฟู่เฉินกำลังเดินลึกเข้าไปในส่วนที่เก้าของเส้นทางดวงดาวอย่างช้าๆ

 

หลี่ฟู่เฉินไม่รู้มาตั้งแต่สมัยโบราณ นับประสาอะไรกับการผ่านด่านที่เก้า ไม่มีใครเคยก้าวเข้าสู่ส่วนที่เก้าของเส้นทางดวงดาวเลยเสียด้วยซ้ำ

 

หลี่ฟู่เฉินเป็นบุคคลแรกที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน เป็นบุคคลที่ได้ก้าวเข้าสู่ส่วนที่เก้าของเส้นทางดวงดาว

 

มีหลายสาเหตุที่ทำให้เขาบรรลุเป้าหมายนี้ได้

 

ประการแรก ขั้นเทคนิคบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินนั้นสูงมาก ก็ในเมื่อเขาได้ฝึกฝนเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงไปจนถึงขั้นที่ 18 แล้ว

 

ประการที่สอง จิตวิญญาณของเขาได้พัฒนาเป็นจิตวิญญาณสีน้ำเงินแล้ว จิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม และอยู่ในอีกระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับความพยายามครั้งก่อนของเขาที่เส้นทางดวงดาว

 

หากเขามาทดสอบเส้นทางดวงดาวด้วยจิตวิญญาณระดับก่อนหน้านี้อีกครั้ง เขาก็คงไม่สามารถอดทนมันได้จนถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้แน่นอน

 

ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปเท่าไร หลี่ฟู่เฉินเงยหน้าขึ้นและสามารถมองเห็นเกาะได้อยู่ในระยะไกล

 

มันเป็นเกาะสีทองและบนท้องฟ้าเหนือเกาะมีความผิดปกติลอยอยู่มากมาย บางครั้งมันจะดูเหมือนเป็นภูเขาขนาดใหญ่ บางครั้งมันดูเหมือนเป็นพายุลมที่พัดกระหน่ำไม่สิ้นสุด บางครั้งมันดูเหมือนเป็นดาบพลังฉีนับหมื่นเล่ม หรือดวงอาทิตย์อันโอ่อ่าที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า…

 

‘บางทีด่านที่เก้าอาจมีมรดกซ่อนอยู่จริงๆ?’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง

 

ความคิดดังกล่าวฉายอยู่ภายในใจของเขา ขณะที่เขายังคงก้าวต่อไปข้างหน้า สนามพลังฉีเส้นทางดวงดาวที่น่าสะพรึงกดดันร่างกายและจิตวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่อง หากสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากสองนี้พังทลายลง มันจะทำให้เกิดผลพวงและเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที

 

หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ว่าเขาเดินมานานแค่ไหนแล้ว แต่ระยะห่างระหว่างเขากับเกาะทองคำนั้นใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

 

เมื่อหลี่ฟู่เฉินอยู่ใกล้มากพอ เขาก็สังเกตเห็นว่ามีแสงสีทองขนาดยักษ์อยู่ใจกลางเกาะ แสงทรงกลมสีทองเหมือนจะสิ่งต่างๆ ที่เดินไปมาอยู่ข้างใน ในขณะที่บางครั้งพวกเขาก็จะปล่อยพลังฉีที่น่ากลัวผ่านแสงทรงกลมสีทองออกมา ส่งผลทำให้เกิดความผิดปกติและเกิดภาพลวงตาเหนือเกาะ

 

หลังจากกัดฟัน ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินก็เริ่มเป็นประกายแวววาว ขณะที่เขาเพิ่มความเร็ว

 

จิตวิญญาณสีน้ำเงินได้มอบความมุ่งมั่นที่ไม่ธรรมดาให้กับเขา

 

และจิตวิญญาณเช่นนี้ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเผชิญกับความท้าทาย หลี่ฟู่เฉินยังไม่ถึงขีดจำกัด

 

แรงกดดันของสนามพลังฉีเส้นทางดวงดาวเป็นเพียงสิ่งที่ทำให้เขาเข้าใจขีดจำกัดของตัวเอง

 

แต่เมื่อหลี่ฟู่เฉินเข้าใกล้เกาะทองคำมากขึ้นในที่สุดความเร็วของเขาก็ช้าลง

 

แน่นอน มันมีเพียงความเร็วที่ลดลง แต่เขาก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากการถึงขีดจำกัดของจิตวิญญาณ อย่างน้อยก็ตอนนี้ หลี่ฟู่เฉินมั่นใจว่าเขาจะสามารถไปถึงเกาะทองคำและผ่านด่านที่เก้าได้

 

เมื่อเวลาผ่านไปหลี่ฟู่เฉินก็เข้าสู่ช่วงสุดท้าย ทันใดนั้นเองพลังฉีที่น่ากลังและไร้ขอบเขตก็หายไป

 

หลี่ฟู่เฉินอยู่บนเกาะทองคำเรียบร้อยแล้ว

 

ไม่มีการทดสอบใดๆ ในด่านที่เก้า ขณะที่หลี่ฟู่เฉินเองก็เดินตรงไปที่ด้านหน้าของแสงทรงกลมสีทอง

 

มีสิ่งของที่เคลื่อนที่อยู่ภายในแสงทรงกลมสีทอง เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นอาวุธ มีดาบที่ดูโบราณ มีค้อนที่ดำสนิท ง้าวโบราณที่ดูหนัก ถุงมือที่ปล่อยแสงเหมือนพระอาทิตย์ออกมา และยังมีชุดเกราะต่อสู้ที่เรียบง่ายและไม่มีการตกแต่งใดๆ วางไว้อยู่

 

‘อาวุธและชุดเกราะเหล่านี้ใช่มรดกหรือไม่?’ คิ้วของหลี่ฟู่เฉินขมวดมุ่น

 

มรดกมีหลายประเภท เช่นมรดกทางจิตวิญญาณ มรดกอาวุธ และอื่นๆ อีกมากมาย

 

มรดกทางวิญญาณคือการถ่ายทอดมรดกทั้งหมดลงไปในจิตสำนึกของเจ้าและให้เจ้าค่อยๆ ทำความเข้าใจ

 

มรดกอาวุธคือการถ่ายทอดมรดกลงในอาวุธ และเมื่อมีความเชี่ยวชาญด้านอาวุธเพียงพอ พวกเขาก็จะได้รับมรดก

 

หลังจากลองคิดดูแล้ว หลี่ฟู่เฉินพยายามยื่นมือเข้าไปใกล้กับแสงทรงกลมสีทอง

 

เมื่อมือของเขาวางลงบนแสงทรงกลมสีทอง แสงทรงกลมเปล่งประกายสว่างอย่างไร้สิ้นสุด ทันทีหลังจากนั้น ดาบต่อสู้ที่ดูโบราณพุ่งออกมาจากวงแสงสีทองและตกลงมาในมือของหลี่ฟู่เฉิน

 

บูม แคร็ก!

 

สายฟ้าที่ไร้บรรจบเกิดการระเบิดอยู่บนท้องฟ้าเหนือเส้นทางดวงดาว ขณะที่สายฟ้าทุกเส้นสายขยายออกไปเป็นล้านๆ ล้านไมล์

 

“ดาบร่วมสวรรค์!”

 

ทันทีที่หลี่ฟู่เฉินจับดาบสงครามโบราณเล่มนั้น เจตจำนงเข้าสู่จิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินทันที

 

ดูจากชื่อของมัน ดาบร่วมสวรรค์เล่มนี้เป็นดาบโบราณและทำมาจากวัตถุที่โดดเด่น มันต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

 

แต่หลี่ฟู่เฉินก็ตระหนักได้ทันทีว่าดาบร่วมสวรรค์เล่มนี้เป็นดาบประดิษฐ์ระดับลึกลับขั้นสูงสุด ซึ่งเป็นระดับที่เหนือกว่าดาบแสงดำไปหนึ่งระดับ

 

“หืม มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ดูเหมือนดาบเล่มนี้จะถูกผนึก”

 

ใช้การรับรู้ของเขากับพลังฉีเพื่อตรวจสอบดาบร่วมสวรรค์ หลี่ฟู่เฉินค้นพบเบาะแสบางอย่าง

 

ในส่วนลึกของดาบร่วมสวรรค์ มีโซ่ที่สลักตัวหนังสือรูนปิดผนึกรูปแบบดาบหลักของดาบร่วมสวรรค์ไว้อยู่ หากโซ่เส้นเดียวก็เป็นผนึกชั้นเดียว งั้นแล้วก็เห็นได้ชัดว่าดาบร่วมสวรรค์เล่มนี้ย่อมต้องมีผนึกหลายชั้นแน่นอน

 

แม้ว่าดาบเล่มนี้จะถูกผนึกไว้หลายชั้น แต่มันกลับเป็นดาบประดิษฐ์ระดับลึกลับขั้นสูงสุดแล้ว หากผนึกทั้งหมดถูกทำลาย มันคงจะไม่ธรรมดาแน่นอน

 

‘หากข้าต้องการรับมรดกจากดาบร่วมสวรรค์ ข้าจะต้องปลดผนึกทั้งหมดออกไป ไม่เช่นนั้นแล้ว การมีดาบประดิษฐ์นี้ก็ไม่นับว่ามีค่าใดๆ’ หลี่ฟู่เฉินคิดในใจ

 

ทันทีที่หลี่ฟู่เฉินได้รับดาบร่วมสวรรค์ มันก็มีพลังขับไล่ที่เคลื่อนย้ายหลี่ฟู่เฉินออกจากเขตแดนเส้นทางดวงดาว

 

ในคฤหาสน์นอกเมืองหมอกเมฆา หลี่ฟู่เฉินปรากฏตัวขึ้นจากอากาศ

 

‘ข้าสงสัยว่าความแข็งแกร่งของดาบประดิษฐ์ระดับลึกลับขั้นสูงสุดจะเป็นอย่างไร’

 

แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะยังไม่ได้ปลดผนึกบนดาบร่วมสวรรค์ มันก็ยังคงเป็นดาบระดับลึกลับขั้นสูงสุดซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่หาได้ยากอยู่ดี ในบรรดานักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดทั้งเจ็ดของนิกายวารีคราม มีเพียงผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่คนและผู้นำนิกายโอหยางเหวินเทียนเท่านั้นที่มีดาบประดิษฐ์ระดับลึกลับขั้นสูงสุดไว้ในครอบครอง แม้แต่ผู้พิทักษ์ทั้งสองก็ยังไม่มีแต่อย่างใด

 

ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ INdyNovel

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset