Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 327

ตอนที่ 327

บทที่ 327

หินวิญญาณ

 

ชายชุดดำสามคน คนหนึ่งอยู่ในระดับที่ 5 ของขอบเขตสวรรค์ และอีกสองคนที่เหลืออยู่ในระดับที่ 4 ของขอบเขตสวรรค์ หลี่ฟู่เฉินได้สังหารทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับที่ 4 ของขอบเขตสวรรค์

 

นี่เป็นเพราะไม่มีใครให้ความสนใจกับหลี่ฟู่เฉินในตอนเริ่มต้น เมื่อตอนที่พวกเขาเริ่มให้ความสนใจแก่หลี่ฟู่เฉิน เขาก็ได้เริ่มต้นใช้รูปแบบต่อสู้ปฐพีไปแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการที่หลี่ฟู่เฉินจะสังหารนักสู้ขอบเขตสวรรค์จำนวนมากได้

 

“รูปแบบต่อสู้ระดับปฐพีของเด็กผู้นี้ทรงพลังมาก แต่มันก็สมควรควรไร้ข้อจำกัด ถ่วงเวลาแล้วค่อยไปสังหารเขาในภายหลัง” ชายชุดดำระดับที่ 5 ของขอบเขตสวรรค์ส่งข้อความไปยังชายชุดดำอีกสองคน

 

“ไป!”

 

แต่การกระทำของหลี่ฟู่เฉินทำให้ทั้งสามคนรู้สึกแปลกๆ หลี่ฟู่เฉินกระโดดขึ้นไปบนหลังของนกยักษ์เคียวสยองและสั่งให้มันออกจากสนามรบ

 

“เขาพยายามจะหนี อย่าปล่อยให้เขาหนีไป!”

 

เมื่อหลี่ฟู่เฉินหนีออกจากการต่อสู้ ทั้งสามคนก็ยิ่งมั่นใจมากกว่าเดิมว่าหลี่ฟู่เฉินเหลือรูปแบบปฐพีเพียงไม่กี่ครั้งแล้ว

 

พวกเขาทั้งสามคนอยู่ด้านหลังหลี่ฟู่เฉิน พวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้เกินไปและไม่ได้ไกลเกินไป พวกเขาโจมตีด้วยพลังฉีได้เป็นครั้งคราว ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกโจมตีหลี่ฟู่เฉิน

 

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ทั้งสามคนไม่ได้รู้เลยว่าการหลบหนีของหลี่ฟู่เฉินไม่ใช่เพราะเขาเหลือรูปแบบต่อสู้ระดับปฐพีเพียงไม่กี่ครั้ง

 

แน่นอนว่าเขายังเหลือรูปแบบปฐพีหลักๆ อยู่

 

พลังของรูปแบบต่อสู้ระดับปฐพีนั้นทรงพลังเกินไปและมันก็ดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้นหลังจากถ่ายพลังฉีเหล็กดำลงไป ถ้าเขาถ่ายพลังฉีทองแดงลงไป เขาก็จะสามารถต่อสู้กับนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงได้อย่างแน่นอน

 

แต่ยิ่งใช้รูปแบบต่อสู้ระดับปฐพีทุกครั้งจำนวนที่มันจะใช้งานได้ก็จะลดน้อยลง หลี่ฟู่เฉินเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้ไพ่ตายของเขาหมดเร็วขนาดนั้น

 

ดังนั้นแล้ว เขาจึงตั้งใจที่จะใช้บทดาบทองแดงเพื่อใช้สังหารทั้งสามคนนี้

 

หลังจากทั้งหมดแล้ว บทดาบทองแดงก็ใช้ได้ไม่มีจำกัดจำนวน

 

หลังจากเว้นระยะห่างจากสนามรบมามากกว่า 100 ไมล์ หลี่ฟู่เฉินก็หยุด

 

“ไม่หนีต่อแล้ว?”

 

ผู้นำของชายชุดดำเลิกคิ้วและเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา

 

“ทำไมข้าถึงต้องหนีกันเล่า?” หลี่ฟู่เฉินหันกลับมา

 

“โจมตี!”

 

ผู้นำของชายชุดดำไม่ได้กล่าวอะไรและเริ่มการโจมตีจากระยะไกลทันที ชายชุดดำอีกสองคนก็โจมตีด้วยพลังฉีของพวกเขาตามไปติดๆ ทันที พวกเขาโจมตีหลี่ฟู่เฉินที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ไมล์

 

ความสามารถของหลี่ฟู่เฉินมาจากการหยิบยืมพลังจากภายนอก และพลังฉีของเขาเองก็ไม่ได้ดูลึกซึ้งอะไรขนาดนั้น ตราบใดที่พวกเขาให้หลี่ฟู่เฉินใช้พลังฉีจนหมด พวกเขาก็จะสามารถสังหารเขาได้

 

แผนของทั้งสามคนก็ไม่เลว แต่หลี่ฟู่เฉินไม่ใช่คนโง่

 

“ไปข้างหน้า!” หลี่ฟู่เจินสั่งนกยักษ์เคียวสยอง

 

หากระยะทางห่างออกไปเพียงหลายไมล์ หลี่ฟู่เฉินก็คงทำได้แค่ให้ทั้งสามคนบาดเจ็บและไม่สามารถสังหารพวกเขาลงได้ หลังจากทั้งหมดแล้ว หลี่ฟู่เฉินเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดเผยความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เขามี

 

ความเร็วของนกยักษ์เคียวสยองนั้นรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเหนือกว่านักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับกลางส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ ด้วยการกระพือปีกเพียงครั้งเดียว มันก็เข้าใกล้ทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว

 

ลางสังหรณ์ไม่ดีกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นอยู่ข้างในใจของทั้งสามคน พวกเขาถอยกลับในขณะที่พวกเขาโจมตีด้วยอย่างบ้าคลั่ง แต่คราวนี้ เป้าหมายของเขาไม่ใช่หลี่ฟู่เฉิน มันเป็นนกยักษ์เคียวสยอง

 

ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถสังหารนกยักษ์เคียวสยองได้ มันก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความเร็วของหลี่ฟู่เฉินอีกต่อไป

 

แคร็ก!

 

ในขณะที่ดาบพลังฉีดาบทองแดงถูกถ่ายลงไปในดาบแสงดำ หลี่ฟู่เฉินก็ตวัดมันออกไปด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา แสงดาบสีทองแดงส่องประกายออกมาราวกับแสงอาทิตย์ ซึ่งมันก็ได้ทำให้การโจมตีของทั้งสามคนเป็นกลางไปอย่างง่ายดาย และในขณะนี้เอง หลี่ฟู่เฉินก็อยู่ห่างจากทั้งสามคนไม่ถึงสองไมล์

 

“ถอยเร็วเข้า!” ชายชุดดำทั้งสามไม่โจมตีอีกต่อไป ขณะที่พวกเขาหันหลังและพยายามหนีออกไปอย่างสุดชีวิต

 

พวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะปะทะกับหลี่ฟู่เฉินและแค่ต้องการทำให้พลังฉีของเขาหมดไปก็เท่านั้น

 

แต่พวกเขากลับลืมเกี่ยวกับการมีอยู่ของนกยักษ์เคียวสยองไป

 

“ตาย!”

 

นกยักษ์เคียวสยองกำลังบินเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินใช้ความเร็วที่รุนแรงนี้เหยียบหลังของนกยักษ์เคียงสยองและทะยานออกไปด้วยความเร็วที่น่ากลัว เขาเข้าใกล้ทั้งสามคนอย่างรวดเร็วและดำเนินการใช้ท่าไม้ตายของทักษะดาบเพลิงโลกันต์ในทันที ผลาญเพลิงโลกันต์

 

ดาบพลังฉีที่แพรวพราวและสง่าผ่าเผยถูกตวัดออกราวกับดาวหางที่เป็นสีทองแดง มันสะท้านฟ้าสั่นคลอนผืนดิน ซึ่งได้เข้าไปเจาะทะลุร่างของทั้งสามคนนี้

 

ปิสส!

 

ด้วยควันสีเขียว ทั้งสามคนกลายเป็นขี้เถ้าทันที

 

“เทคนิคลับระดับ 6 ดาวทรงพลังเกินไป เมื่อเสริมด้วยทักษะเพลิงโลกันต์ขั้นดีเลิศ มันสามารถทำให้ข้าสังหารศัตรูข้ามระดับได้ถึงสี่ระดับ”

 

ในแง่ของคุณภาพพลังฉี หลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตสวรรค์ ทั้งสามคนไม่เพียงแต่ละเลยการมีอยู่ของนกยักษ์เคียวสยอง แต่พวกเขายังละเลยความสามารถพื้นฐานของหลี่ฟู่เฉินด้วยเช่นกัน หากไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็คงจะไม่ตายไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้

 

“อ้ะ มีถุงเก็บหรือไม่?”

 

ในคืนที่มืดมิดนี้ หลี่ฟู่เฉินสามารถมองเห็นถุงเก็บของที่ตกอยู่ได้

 

เขาเอื้อมมือไปดูดถุงเก็บของ

 

เห็นได้ชัดว่ากระเป๋าเก็บของนี้มีคุณภาพสูงเนื่องจากมีลวดลายลึกลับ จากมาตราฐานแล้ว วัสดุที่ใช้ทำถุงเก็บนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

 

หลังจากถ่ายพลังฉีลงไป หลี่ฟู่เฉินก็เปิดถุงเก็บของ

 

มีสมุนไพร เหรียญทอง และของเบ็ดเตล็ดอยู่มากมาย ทั้งยังมีบางอย่างที่ดูเหมือนวัสดุที่มีค่ามากอยู่อีกด้วย

 

นอกจากนี้ยังมีหินแวววาวมากกว่าหนึ่งโหลซึ่งกำลังแผ่คลื่นจิตวิญญาณออกมา

 

“นี่คือหินวิญญาณ?” หลี่ฟู่เฉินเผยสีหน้าดีใจ

 

หินวิญญาณถูกสร้างขึ้นโดยสวรรค์และโลก พวกมันมีจิตวิญญาณสวรรค์และโลกที่บริสุทธิ์และไร้ซึ่งขอบเขต

 

เมื่ออยู่ในขอบเขตสวรรค์ มันอาจจะช้าเกินไปหากพึ่งพาเพียงพลังงานแห่งสวรรค์และโลกสำหรับการฝึกฝน เนื่องจากเฉพาะผู้ที่มีความสามารถพิเศษและโครงกระดูกที่เหนือกว่าเท่านั้นที่จะสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว ผู้ที่มีโครงกระดูกด้อยกว่ามักจะติดอยู่ในระดับพลังบ่มเพาะที่ต่ำกว่าเป็นเวลานานมาก แต่ด้วยหินวิญญาณ คนผู้นึงก็จะสามารถย่นระยะเวลาดังกล่าวได้

 

ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก กล่าวกันว่าหินวิญญาณระดับต่ำถูกประมูลในราคาที่สูงเสียดฟ้าซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านเหรียญทอง มันอาจมีราคา แต่ก็ไม่มีการถูกซื้อขายใดๆ หินวิญญาณระดับต่ำเหล่านี้อย่างน้อยก็ต้องมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญทองหรืออาจมากกว่านั้น

 

แน่นอนว่าหลี่ฟู่เฉินจะไม่ขายหินวิญญาณเหล่านี้เนื่องจากเขาต้องการพวกมันในการฝึกฝน

 

ร่างกายของเขาอาจต้องแบกรับภาระอันใหญ่หลวง หากหลี่ฟู่เฉินต้องการใช้หินวิญญาณเพื่อฝึกฝน ก็ในเมื่อเขาอยู่ในขอบเขตปฐพีแต่เพียงเท่านั้น แต่คุณภาพพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินเกือบจะอยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตสวรรค์แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่น่าเป็นปัญหา

 

ด้วยหินวิญญาณมากกว่าหนึ่งโหล หลี่ฟู่เฉินมั่นใจว่าเขาสามารถทะลุไปถึงระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพีได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ

 

‘ช่างน่าเสียดาย’

 

หลี่ฟู่เฉินแอบลอบรู้สึกเสียใจเพราะเขาไม่สามารถรับถุงเก็บจากคนอื่นได้ ถ้าหลี่ฟู่เฉินรู้ว่าคนเหล่านี้มีหินวิญญาณ เขาคงจะใช้ความพยายามมากขึ้นในการรักษาถุงเก็บของพวกเขาไว้

 

แต่สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ก็คือไม่ใช่ว่านักสู้ขอบเขตสวรรค์ทุกคนจะมีหินวิญญาณ ในนิกายวารีคราม ผู้อาวุโสนิกายชั้นในระดับล่างจะได้รับหินวิญญาณระดับต่ำเพียงชิ้นเดียวทุกปี ผู้อาวุโสนิกายชั้นในระดับกลางจะได้รับหินวิญญาณระดับต่ำสองชิ้น ในขณะที่ผู้อาวุโสนิกายชั้นในระดับสูงจะได้รับหินวิญญาณสี่ชิ้น โดยทั่วไปแล้วพวกเขามีมันไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานของตนเองด้วยซ้ำ และแม้ว่าพวกเขาจะถูกสังหาร คนผู้นึงก็จะได้รับแค่หนึ่งหรือสองหินวิญญาณที่พวกเขาไม่สามารถใช้งานได้ทันเวลาก็เท่านั้น

 

หลังจากได้รับหินวิญญาณระดับต่ำทั้งหมดนี้มาแล้ว หลี่ฟู่เฉินก็ค่อนข้างอารมณ์ดี แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะดีใจ

 

เมื่อร่อนลงที่ด้านหลังของนกยักษ์เคียวสยอง หลี่ฟู่เฉินก็ขี่มันกลับไปที่สนามรบ

 

สถานการณ์ในสนามรบตอนนี้อยู่ในช่วงที่รุนแรงที่สุด

 

ไม่ทราบว่าชายสวมหน้ากากตะขาบได้มาบรรจบกับชายสวมหน้ากากแมวเมื่อใด

 

ร่างของชายสวมหน้ากากแมวเปล่งแสงสีเลือด ราวกับเทพปีศาจสีเลือด ขณะที่ชายสวมหน้ากากตะขาบกำลังปลดปล่อยแสงสีเลือดที่ดูสว่างน้อยกว่าออกมา

 

เขาอยู่ร่วมกับชายสวมหน้ากากแมวเพื่อต่อสู้กับผู้อาวุโสนิกายชั้นในของนิกายวารีคราม

 

ในขณะที่ผู้อาวุโสนิกายชั้นในของนิกายวารีครามทั้ง 11 คนนั้นกำลังใช้วิชาดาบที่คล้ายคลึงกันอยู่ ประสิทธิผลที่ออกมาจึงเพิ่มขึ้นอย่างไม่ทันสังเกต เมื่อพวกเขาประสานงานซึ่งกันและกัน ดาบพลังฉีจึงสร้างตาข่ายดาบที่ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามหลบหนีได้ออกมา

 

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แม้ว่าทั้ง 11 คนจะร่วมมือกัน มันก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถจัดการชายสวมหน้ากากแมวและชายสวมหน้ากากตะขาบได้

 

“พวกเขาทรงพลังมากเกินไป”

 

ไหล่และหน้าท้องของหลินคุนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นแล้วเขาจึงสามารถใช้ความสามารถของเขาได้เพียงแค่ 70% แต่เพียงเท่านั้น พลังของชายสวมหน้ากากแมวทำให้หัวใจของเขาหนาวสั่น แม้ว่าผู้อาวุโสเหมาชิวไห่จะมา เขาก็อาจจะไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของคนผู้นี้

 

หลี่ฟู่เฉินรีบกลับมาและเข้าร่วมในการต่อสู้

 

แต่จากสถานการณ์แล้ว หลี่ฟู่เฉินจะใช้แก่นแท้ดาบเหล็กดำและใช้ทักษะดาบเพลิงโลกันต์เป็นครั้งคราวในช่วงเวลาสำคัญเท่านั้น

 

“มันคงจะไม่ดี หากมันถูกลากยาวออกไป”

 

มองไปที่ข้อมือขวา หลี่ฟู่เฉินสังเกตเห็นว่ารูปแบบต่อสู้ทักษะดาบนภากระจ่างจางลงและไม่ยากที่จะจินตนาการเลยว่าเมื่อรูปแบบต่อสู้หายไป เขาก็จะไม่สามารถใช้มันได้อีกต่อไป

 

“ไป!”

 

หลี่ฟู่เฉินหยิบศรทลายปีศาจออกมา

 

ศรทลายปีศาจนี้ถูกมอบให้กับเขาโดยจ้าวหวูจินเมื่อตอนนั้น

 

ฟึบ!

 

ศรทลายปีศาจพุ่งเข้าหาชายสวมหน้ากากตะขาบที่กำลังอ่อนแอ

 

ชายสวมหน้ากากตะขาบถูกคนจำนวนมากรายล้อมและความสนใจของเขาก็กระจัดกระจายไปยังคนเหล่านั้น ซึ่งสิ่งนี้มันจึงไม่อนุญาตให้เขาตรวจจับศรทลายปีศาจได้ทันเวลา

 

เขาตระหนักถึงมันได้หลังจากที่ศรทลายปีศาจเจาะเกราะพลังฉีของเขาเข้ามาแล้ว

 

“ครึกๆ!”

 

ชายสวมหน้ากากตะขาบตะโกน และระเบิดพลังแสงสีเลือกออกมา ซึ่งได้สลายศรทลายปีศาจนี้ไป

 

“อย่างที่คาดไว้”

 

หลี่ฟู่เฉินไม่แปลกใจเลย

 

ศรทลายปีศาจอาจจะความสามารถในการสลายพลังฉี แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังมีขีดจำกัด ชายสวมหน้ากากตะขาบอยู่ในที่ระดับ 9 ของขอบเขตสวรรค์ และเขาได้รับการปรับปรุงความสามารถจากสิ่งของภายนอก มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ศรทลายปีศาจจะได้ผล

 

‘ข้าสงสัยเกี่ยวกับว่าเศษชิ้นส่วนอาวุธระดับปฐพีจะได้ผลหรือไม่’

 

หลี่ฟู่เฉินไม่มั่นใจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงซัดเศษชิ้นส่วนอาวุธระดับปฐพีที่เขาได้รับในแคว้นร้อยเทพยุทธ์เมื่อก่อนหน้านี้ออกไป

 

ความสามารถของเศษชิ้นส่วนอาวุธระดับปฐพีนั้นดีกว่าศรทลายปีศาจมากนัก แต่ด้วยเกราะพลังฉีสีเลือด มันก็ยังคงขับไล่และไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับชายคนนั้นได้เลย

 

บูม บูม บูม…

 

เมื่อการต่อสู้ขยายออกไป ข้อเสียจากคนฝั่งนิกายวารีครามก็เริ่มเพิ่มขึ้น พวกเขาหลายคนไม่สามารถต้านทานชายสวมหน้ากากแมวและตะขาบได้

 

ด้วยการปรับปรุงจากภายนอก ความสามารถของทั้งสองคนจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

หากไม่ได้มีของช่วยชีวิตและสิ่งของอื่นต่างๆ สมาชิกของนิกายวารีครามอาจจะถูกสังหารไปแล้ว

 

“พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”

 

ชายที่สวมหน้ากากแมวเองก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีเช่นกัน พลังเต๋าโลหิตที่ไร้ขอบเขตจากไข่มุกโลหิตมากมายกำลังเพิ่มความสามารถของเขา แต่มันเองก็กัดกร่อนร่างกายและจิตของเขาอยู่ด้วยเช่นกัน เขาสามารถแสดงความสามารถที่ทรงพลังที่สุดของเขาได้แค่ในตอนเริ่มต้นเท่านั้น ตอนนี้ เขาไม่สามารถควบคุมพลังเต๋าโลหิตในร่างกายของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกแล้ว หากไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงสังหารคนเหล่านี้ทั้งหมดไปแล้ว

 

หายใจเข้าลึกๆ ชายสวมหน้ากากแมวระเบิดพลังเต๋าโลหิตทั้งหมดในร่างกายของเขา แสงสีเลือดทรงกลมขนาดยักษ์ระเบิดออก และส่งทุกคนบินออกไปพร้อมกับอาเจียนออกมาเป็นเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสนิกายชั้นในขอบเขตสวรรค์ระดับต่ำได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที ตอนนี้พลังรบโดยรวมเหลือเพียง 30% หรือ 40% เท่านั้น

 

“เราจะพ่ายแพ้ไปทั้งๆ แบบนี้?”

 

ทุกคนไม่เต็มใจที่จะยอมรับชะตากรรมของพวกเขา

 

พวกเขาทำดีที่สุดแล้วและยังมีหลี่ฟู่เฉินที่เป็นตัวช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพอย่างน่าประหลาดใจ

 

 

แต่สถานการณ์ก็ยังคงจมตกลงไปเสียเปรียบทั้งๆ แบบนี้

 

“แรงดันโลหิตเทพ”

 

ชายสวมหน้ากากแมวรวบรวมจิตวิญญาณของเขาและยิงริ้วสีแดงเลือดออกมา ซึ่งมันก็ได้พุ่งทะลุหน้าอกของผู้อาวุโสนิกายชั้นในผู้หนึ่ง

 

ในทันที ผู้อาวุโสนิกายชั้นในก็เสียชีวิต

 

ณ ตอนนี้ เขาเป็นผู้อาวุโสนิกายชั้นในคนแรกที่ตายลงไป

 

“เวรเอ้ย!” ผู้อาวุโสนิกายชั้นในคำราม และโยนโลหะสีดำทรงกลมออกไปด้วยมือขวา

 

ปั๊ง!

 

ขณะที่โลหะทรงกลมระเบิดออก มันก็สร้างพลังที่เทียบเท่ากับการโจมตีสุดตัวของนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงออกมา

 

นี่คือระเบิดสวรรค์อัสนีคำรน ของนิกายอัสนีคำรน เขามีเพียงหนึ่งเดียวและควรจะเป็นที่พึ่งสุดท้าย

 

ระเบิดสวรรค์อัสนีคำรนไม่ได้ทำร้ายชายสวมหน้ากากแมว แต่กลับกันมันบังคับให้เขาถอยหลังแทน มันส่งผลทำให้พลังฉีสีเลือดไม่เสถียรชั่วขณะ

 

 

ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ INdyNovel

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset