Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 328

ตอนที่ 328

บทที่ 328

คณบดีพันไมล์

 

“ขบวนรูปแบบดาบวารีคราม ดาบวารีครามเฉือดเฉือน!”

 

นอกเหนือจากของช่วยชีวิตและของสิ่งอื่นต่างๆ แล้ว การสร้างรูปแบบดาบถึงเป็นปัจจัยใหญ่ที่สุด มันเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้อาวุโสนิกายชั้นในของนิกายวารีครามจึงสามารถอยู่มาได้นานขนาดนี้

 

ตราบใดที่นิกายเป็นนิกายเต๋าแห่งดาบ พวกเขาก็ต้องมีรูปแบบขบวนดาบและนิกายวารีครามเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

 

ในการสร้างรูปแบบดาบวารีครามนี้ ต้องใช้บุคคลห้าคนที่มีระดับพลังบ่มเพาะใกล้เคียงกันและทุกคนต้องได้รับการฝึกฝนทักษะดาบวารีคราม หากพวกเขาสามารถประสานงานกันได้อย่างไร้ที่ติ ว่ากันว่าพวกเขาจะสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้เกิดสี่หรือห้าระดับได้ แม้ว่าจะเป็นนักสู้ในขอบเขตสวรรค์แบบเดียวกันก็ตาม

 

แน่นอน การที่จะประสานงานได้อย่างไร้ที่ติมันจะเป็นไปได้ง่ายๆ ได้อย่างไร? ในบรรดาผู้อาวุโสนิกายชั้นในของนิกายวารีคราม มีเพียงนักดาบห้าคนเท่านั้นที่สามารถทักษะดาบวารีครามของพวกเขาจึงถึงขั้นดีเลิศได้ ในขณะที่ส่วนที่เหลือก็ขาดเล็กน้อยหรือด้อยมากไปกว่านั้น

 

บุคคลทั้งห้านี้มีระดับพลังฝึกฝนที่แตกต่างกัน สูงสุดอยู่ที่ระดับ 6 ของขอบเขตสวรรค์ ในขณะที่ต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 4 พวกเขามีข้อกำหนดเบื้องต้นที่ไม่สมดุลกันอยู่แล้ว และการประสานงานกันเองก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น พวกเขาจึงแทบไม่สามารถยับยั้งชายสวมหน้ากากแมวได้และพวกเขาเองก็ไม่สามารถปะทะกับเขาได้โดยตรง

 

กลุ่มพลังแห่งดาบที่งดงามและหลากสีสันพุ่งทะลุท้องฟ้าและฟันเข้าไปที่ชายสวมหน้ากากแมว แต่ชายสวมหน้ากากแมวทำการโจมตีด้วยกรงเล็บเพื่อทำลายพลังดาบหลากสีทั้งหมด

 

“ตาย!”

 

พลังเต๋าโลหิตในร่างกายของชายสวมหน้ากากแมวระเบิดออกมาอีกครั้ง ในขณะที่เขาต้องการทำลายรูปแบบดาบ

 

“ขบวนรูปแบบดาบวารีคราม วารีครามเกราะกำบัง!”

 

ทั้งห้าคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สร้างชั้นของแสงดาบขึ้นมา ส่งผลทำให้เกิดโล่ดาบหลากสีขึ้น

 

บูม!

 

โล่ดาบหลากสีแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และทั้งห้าก็ถูกส่งกลับไป แต่ทว่าโชคยังดี รูปแบบดาบของพวกเขาไม่ได้พังทลายลงไป

 

‘รูปแบบดาบลึกลับเช่นนี้เลย?’ เมื่อหลี่ฟู่เฉินเห็นรูปแบบดาบ เขาก็อุทานออกมาด้วยความชื่นชมอยู่ในใจ

 

รูปแบบดาบสามารถรวบรวมความแข็งแกร่งของหลายๆ คนเพื่อโจมตีหรือป้องกันได้ มันก็เพื่อรวมหลายๆ อย่างให้เป็นหนึ่งเดียว มันเป็นทักษะการผสมผสานขั้นสูง

 

“แรงดันโลหิตเทพ”

 

ชายสวมหน้ากากแมวบันดาลโทสะและต้องการใช้แรงดันโลหิตเทพเพื่อต่อต้านรูปแบบดาบ

 

แต่คราวนี้ เขาไม่สามารถเรียกใช้แรงดันโลหิตเทพได้เหมือนกับครั้งก่อนๆ มันไม่ใช่โลหิตที่ถูกควบแน่นมา และดูเหมือนจะเป็นแค่พลังโลหิตที่ดู

 

กระจัดกระจายแต่เพียงเท่านั้น

 

โดยธรรมชาติแล้วพลังโลหิตที่มีเพียงเท่านี้จึงไม่สามารถทำลายรูปแบบดาบได้

 

“พลังเต๋าโลหิตของเขากำลังจะสูญเสียการควบคุม” ผู้อาวุโสหลินคุนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

ความสามารถดั้งเดิมของศัตรูเหนือกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ด้วยการเพิ่มความสามารถจากพลังเต๋าโลหิต ศัตรูก็กลายเป็นผู้ที่เหนือกว่าอย่างสมบูรณ์

 

หากพลังเต๋าโลหิตสูญเสียการควบคุม ความหวังในชัยชนะของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

คนอื่นจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

 

“วารีครามเฉือดเฉือน!”

 

โจมตีด้วยพลังดาบหลากสีอีกครั้ง ครั้งนี้ พวกเขาก็กลายเป็นสูสีกับชายสวมหน้ากากแมว

 

ในอีกด้านหนึ่ง พลังเต๋าโลหิตของชายสวมหน้ากากตะขาบก็เริ่มไม่เสถียรเช่นกัน

 

แตกต่างจากชายสวมหน้ากากแมว ชายสวมหน้ากากตะขาบก็ไม่ได้เป็นผู้ฝึกฝนสายเต๋าโลหิต ด้วยเหตุนี้ เมื่อตอนที่เขาพยายามควบคุมพลังเต๋าโลหิตที่ไร้ขอบเขตเช่นนี้ มันก็เป็นการเพิ่มภาระให้แก่เขา และความสามารถที่เพิ่มขึ้นเองก็ไม่ได้โดดเด่นเท่ากับชายสวมหน้ากากแมว

 

“มีข้อบกพร่อง!”

 

เขาตรวจจับความผันผวนในเกราะพลังฉีโลหิตของชายสวมหน้ากากตะขาบได้ ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินเป็นประกาย ขณะที่เขายิงเศษชิ้นส่วนระดับปฐพีออกไป

 

ปิสส!

 

ครั้งนี้ ชิ้นเศษส่วนอาวุธระดับปฐพีได้เจาะส่วนที่อ่อนแอที่สุดของเกราะพลังฉีโลหิตของชายผู้นี้ มันได้สร้างบาดแผลไว้บนร่างกายของชายสวมหน้ากาตะขาบ

 

แม้บาดแผลอาจจะไม่ได้ลึกนัก แต่ในที่สุดเขาก็ทำให้ชายสวมหน้ากากตะขาบได้

 

ในความเป็นจริงแล้ว หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว ไม่ว่าเศษชิ้นส่วนอาวุธระดับปฐพีจะทรงพลังเพียงใด มันก็คงไม่สามารถทำร้ายชายสวมหน้ากากตะขาบได้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะชายสวมหน้ากากตะขาบไม่ได้กำลังจดจ่ออยู่กับหลี่ฟู่เฉินตั้งหาก

 

การต่อสู้กับศัตรูหลายคนเป็นสถานการณ์ที่ตรึงเคียด เนื่องจากสมาธิของคนๆ หนึ่งต้องจดจ่ออยู่ตลอดเวลา

 

“เวรเอ้ย!”

 

ชายสวมหน้ากากตะขาบระเบิดพลังเต๋าโลหิตออกมา และก็ระเบิดพลังให้ผู้คนโดยรอบออกไป

 

ด้วยชุดเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5 หลี่ฟู่เฉินรู้สึกเพียงแค่ว่าเลือดของเขาและพลังฉีพลุ่งพล่านขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

 

ดูดเศษชิ้นส่วนอาวุธระดับปฐพีกลับมา หลี่ฟู่เฉินก็ขึ้นไปยืนอยู่บนหลังของนกยักษ์เคียวสยองและโจมตีทุกครั้งที่มีโอกาส

 

หนึ่งแผล สองแผล…

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ หลี่ฟู่เฉินใช้ความตระหนักรู้ที่น่าตื่นตะลึงของเขาในการทำร้ายชายสวมหน้ากากตะขาบอย่างต่อเนื่องด้วยเศษชิ้นส่วนอาวุธระดับปฐพี

 

มันทำให้ชายสวมหน้ากากตะขาบตกสู่สถานการณ์เสียเปรียบอย่างรุนแรงและเจตนาสังหารของเขาที่มีต่อหลี่ฟู่เฉินก็รุนแรงกว่าใครๆ

 

“หัตถ์ปีศาจพันใบ!”

 

ในขณะที่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสะกดข่มพลังเต๋าโลหิตที่พลุ่งพล่านอยู่ ชายสวมหน้ากากตะขาบเริ่มใช้ฝ่ามือใส่หลี่ฟู่เฉิน

 

เมื่อฝ่ามือถูกใช้ออก ชั้นของเงาฝ่ามือก็ซ้อนกัน มันราวกับเงาฝ่ามือนับพันชั้นได้มารวมกัน ท้องฟ้าและพื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยฝ่ามือนี้

 

ระดับที่ 9 ของขอบเขตสวรรค์ไม่ได้มีไว้เพื่อแสดง มันเป็นความสามารถที่เด็ดขาดและเผด็จการยิ่ง

 

“ไม่ดีแล้ว”

 

ก่อนที่ชายสวมหน้ากากตะขาบจะใช้ทักษะฝ่ามือของเขา หลี่ฟู่เฉินตรวจพบอันตราย และเขาก็ได้สั่งให้นกยักษ์เคียวสยองหนีไปล่วงหน้าแล้ว

 

แต่พลังฝ่ามือของชายสวมหน้ากากตะขาบนั้นรวดเร็วเกินไป และมันก็ตามพวกเขาทันในช่วงเวลาสั้นๆ

 

“ทักษะดาบนภากระจ่าง!”

 

โดยไม่มีทางเลือก หลี่ฟู่เฉินเปิดใช้งานรูปแบบต่อสู้ทักษะดาบนภากระจ่างอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ผสมแก่นดาบทองแดงลงไปเล็กน้อยพร้อมกับแก่นดาบเหล็กสีดำด้วยเช่นกัน

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่อใช้พลังฉีดาบเหล็กดำและพลังฉีดาบทองแดง ดาบพลังฉีจะถูกย้อมด้วยสีดำและสีทองแดง แต่คราวนี้ สีของดาบพลังฉีทั้งเล่มเป็นสีของทักษะดาบนภากระจ่าง หลังจากทั้งหมดแล้ว ทักษะดาบนภากระจ่างก็เป็นทักษะดาบระดับปฐพี

 

แสงดาบที่งดงามกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ชั้นของสนามพลังที่มองไม่เห็นก็ขยายตัวออกไปเช่นกัน

 

ทักษะต่อสู้ระดับปฐพีมีสนามพลัง ในอีกแง่มุมหนึ่ง มันไม่เพียงแต่สามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ มันสามารถที่จะทำให้การโจมตีของศัตรูอ่อนแอลงด้วยซ้ำ

 

ปืสส ปืสส!

 

พลังฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉินยังต่ำเกินไปและแม้จะใช้ไพ่ลับของเขาออกไปแล้ว แต่ทักษะดาบนภากระจ่างของเขาก็ยังถูกทำให้เป็นกลางไปในทันที ในขณะที่สนามพลังดาบนภากระจ่างพังทลายลง พลังฝ่ามือที่เหลือกระแทกเข้าใส่หลี่ฟู่เฉินและนกยักษ์เคียวสยอง

 

ในช่วงเวลาสำคัญ หลี่ฟู่เฉินเปิดใช้งานพลังของเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5

 

ชุดเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5 มีพลังสายเลือดของสัตว์ปีศาจระดับ 5

 

กรรช์!

 

เกิดการระเบิดที่มองไม่เห็นขึ้น

 

แรงระเบิดนี้อาจจะเบา แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนใจสั่นสะท้าน พลังอำนาจของสัตว์ปีศาจระดับ 5 เทียบเท่ากับนักสู้ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด

 

ในช่วงเวลาต่อมา เงาสัตว์ปีศาจสีน้ำเงินเข้ามาล้อมรอบหลี่ฟู่เฉินและนกยักษ์เคียวสยองเอาไว้

 

เมื่อถูกปกคลุมด้วยเงาสัตว์ปีศาจสีน้ำเงิน นกยักษ์เคียวสยองก็มีความประพฤติดีกว่าเดิมขึ้นเยอะและมีร่องรอยของความเคารพยำเกรงอยู่ในสายตาของมัน
ชั้นของพลังฝ่ามือเป็นเหมือนกระแสน้ำที่ไร้ขอบเขต ซึ่งจะคอยกลืนกินให้มนุษย์และสัตว์ปีศาจตกตายลงไป

 

ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปเท่าไร เมื่อในท้ายที่สุดตอนพลังฝ่ามือสลายไป ป่าด้านล่างก็ถูกปรับเปลี่ยนไปแล้วอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ พื้นผิวดินจมลงไปหนึ่งเมตร มันสามารถจินตนาการได้ว่าฝ่ามือนี้ทรงพลังถึงเพียงใด

 

แค๊กๆ!

 

เมื่อพลังฝ่ามือสลายไป หลี่ฟู่เฉินและนกยักษ์เคียวสยองปรากฏตัวอีกครั้ง

 

มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของหลี่ฟู่เฉิน และดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสทีเดียว

 

แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว นกยักษ์เคียวสยองอยู่ในสภาพที่แย่ไปกว่านั้น ปีกข้างหนึ่งของมันหักและมีรอยประทับฝ่ามือมากกว่าหนึ่งโหลอยู่บนร่างกาย รอยประทับฝ่ามือทุกรอยหักกระดูกมัยไปหนึ่งชิ้น และตัวมันเองก็ยังได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน

 

หากการบาดเจ็บดังกล่าวไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ท้ายที่สุดก็จะต้องตายไป

 

“ไปหาที่พักฟื้นก่อน”

 

หลี่ฟู่เฉินหยิบยาอายุวัฒนะออกมาจากถุงเก็บและดันเข้าไปในปากของนกยักษ์เคียวสยอง ด้วยแสงวาบบนร่างกายของมัน เขาเริ่มแยกตัวออกจากนกยักษ์เคียวสยอง

 

นกยักษ์เคียวส่งเสียงร้องโหยหวนและร่อนลงสู่ที่ห่างไกลหลังจากกลืนยาอายุวัฒนะ เมื่อมันอยู่บนพื้นมันก็ไม่ได้ขยับตัวอีกเลย

 

“เขายังไม่ตาย!”

 

ชายสวมหน้ากากตะขาบสีหน้าดูแย่มาก การโจมตีด้วยฝ่ามือนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่เขาใช้มันในสภาพที่ดีที่สุดเสียอีก ตามหลักแล้ว มันกระทั่งสามารถสังหารนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับที่ 7 หรือ 8 ได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

“เป็นไปตามคาดจากชุดเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5”

 

ฉินหมิง ซูชาน และคนอื่นๆ เข้าใจเหตุผลว่าเป็นเพราะเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5

 

อย่างไรก็ตามเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5 ก็มีไม่กี่ชิ้นเท่านั้นและยังหายากเป็นอย่างยิ่ง เงาสัตว์ปีศาจสีน้ำเงินที่ดูทรงอำนาจตัวนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นพลังของสายเลือดสัตว์ปีศาจระดับ 5​

 

ดังนั้นแล้ว ทุกคนจึงไม่รู้สึกว่ามันเกินจริงเกินไป เมื่อตอนที่หลี่ฟู่เฉินสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดจากชายสวมหน้ากากตะขาบได้

 

หลังจากที่ระเบิดพลังโจมตีอันน่ากลัวเช่นนั้นออกมา สภาวะพลังฉีที่ปรากฏของชายสวมหน้ากากตะขาบก็ดูเหมือนจะลดลง ขณะที่พลังเต๋าโลหิตในร่างกายของเขาเองก็ดูเหมือนจะพลุ่งพล่าน ในช่วงเวลานึง สภาวะพลังฉีของเขาแข็งแกร่งขึ้นกระทันหัน แต่ในช่วงเวลาหนึ่งผ่านไปมันก็เหมือนจะอ่อนแอ เมื่อตอนที่พลังแข็งแกร่งขึ้น ​มันก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเมื่อมันอ่อนแอ่ลง มันก็อ่อนแอ่ลงอย่างชัดเจนเช่นกัน พลังต่อสู้ของเขาเหลือเพียงแค่ระดับของนักสู้ระดับที่ 6 หรือที่ 7 แต่เพียงเท่านั้น

 

“พลังเต๋าโลหิตของเขาเริ่มจะตีกลับแล้ว อย่าให้เขาได้มีเวลาฟื้นตัว”

 

ฉินหมิงและซูชางร่วมมือกันขณะที่ใช้ทักษะผสานกัน เพื่อเข้าไปโจมตีชายสวมหน้ากากตะขาบ

 

เมื่อคนอื่นได้ยินดังนั้นพวกเขาก็พุ่งเข้าใส่ศัตรูทีละคนๆ

 

บูม บูม บูม…

 

เมื่อเวลาผ่านไปนานมากขึ้นอาการบาดเจ็บของชายสวมหน้ากากตะขาบก็เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ในขณะที่ตัวเขาเองก็เริ่มจะสูญเสียการควบคุมพลังเต๋าโลหิตในร่างกายของเขามากขึ้นด้วยเช่นกัน

 

“ทักษะดาบนภากระจ่าง!”

 

ในขณะนี้เอง หลี่ฟู่เฉินได้ใช้ทักษะดาบนภากระจ่างอีกครั้ง ชั้นของสนามพลังที่มองไม่เห็นได้ห่อหุ้มชายสวมหน้ากากตะขาบไว้ ส่งผลทำให้ท่าร่างของเขาเหมือนจะดูสับสนขึ้นเล็กน้อย

 

ฉินหมิง ซูชาน และคนอื่นๆ ใช้โอกาสนี้ในการโจมตี

 

ปิสสส!

 

อาเจียนออกมาเป็นเลือดสดๆ ขณะที่ชายสวมหน้ากากตะขาบเองก็บินกลับออกไปในทันที

 

“ผู้ดูแลโถง ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน”

 

ชายสวมหน้ากากตะขาบไม่มีเวลามาใส่ใจกับชายที่สวมหน้ากากแมว ร่างของเขาดิ่งลงไปอย่างรวดเร็วและขุดลึดลงไปในพื้นดิน และในทันทีเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

“ข้านึกออกแล้ว เขาเป็นหนึ่งในห้าคณบดีของห้าพิษสามคณะ คณบดีพันไมล์” หนึ่งในผู้อาวุโสชั้นในที่เคยต่อสู้กับห้าพิษสามคณะตระหนักได้ในทันที
ห้าพิษสามคณะเป็นองค์กรเต๋าปีศาจสามอันดับแรกของแคว้นวารีคราม และในองกรณ์นี้มันก็มีคณบดีอยู่ทั้งห้าคน ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยข้อมูลที่ถูกรวบรวมมา นิกกายวารีครามได้ทำการกวาดล้างเพื่อกำจัดองค์กรเต๋าปีศาจส่วนใหญ่ไป ซึ่งนั้นมันก็รวมถึงห้าพิษสามคณะด้วยเช่นกัน

 

แต่พวกเขาก็ไม่คิดฝันว่าเคยคณบดีพันไมล์จะรอดชีวิตมาได้ และมันก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้พบเขาที่นี่

 

“คณบดีพันไมล์เชี่ยวชาญในการสำรวจใต้ดินและมีความสามารถในการเอาชีวิตรอดถึงขั้นผิดปกติ หากเราไม่สามารถสังหารเขาในครั้งนี้ให้ได้ ก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสอีกทีเมื่อใด”

 

“ปล่อยคณบดีพันไมล์ไปก่อน เรื่องสำคัญที่สุดก็คือต้องสังหารเจ้าคนผู้นี้ให้ได้ก่อน”

 

ในสายตาของทุกคน ชายสวมหน้ากากแมวถึงจะเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง

 

มันเห็นได้ชัดเมื่อตอนที่คณบดีพันไมล์กล่าวกับชายสวมหน้ากากแมว ว่าเป็นผู้ดูแลโถง มันย่อมต้องมีองค์กรเต๋าปีศาจที่ทรงพลังมากๆ คอยสนับสนุนชายสวมหน้ากากแมวอยู่ และองค์กรเต๋าปีศาจนี้น่าจะอยู่เหนือกว่าองค์กรเต๋าปีศาจอันดับ 1 ที่ชั่วร้ายของแคว้นวารีครามไปอีก

 

“เวรเอ้ย!”

 

ชายสวมหน้ากากแมวมีสีหน้าไม่พอใจ เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคณบดีพันไมล์จะหนีจากเขาไป

 

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าจะสามารถสังหารผู้ดูแลโถงผู้นี้ได้?”

 

ไข่มุกโลหิตของชายสวมหน้ากากแมวกำลังฟื้นฟูพร้อมกับเรืองแสงสีเลือดออกมา ขณะที่พลังเต๋าโลหิตเองก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขามากขึ้น

 

เขาวางแผนที่จะทุ่มทุกอย่างเพื่อสังหารทุกคน เมื่อเขาได้รับไข่มุกโลหิตมาเช่นนี้ เขาก็เชื่อว่าพวกระดับสูงจะใช้ทรัพยากรเพื่อช่วยให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมา และพวกเขาก็อาจจะมอบทักษะสำหรับสังการหรือสิ่งประดิษฐ์อันทรงพลังให้เขาได้เลยด้วยซ้ำ

 

พลังเต๋าโลหิตที่ไร้ขอบเขตบีบคั้นเจตจำนงของชายสวมหน้ากากแมว นอกจากนี้เขาเองก็ไม่สามารถควบคุมพลังเต๋าโลหิตได้มากนัก และสามารถควบคุมมันได้เพียง 20% หรือ 30% เท่านั้น

 

แต่เขาไม่สนใจ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่ด้วยพลังของไข่มุกโลหิต มันก็ไม่มีใครสามารถห้ามเขาได้อีกแล้ว

 

“พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!”

 

โลหิตทรงกลมขนาดมหึมาระเบิดออก และส่งผลทำให้ทุกคนบินออกไป แม้แต่กระทั้งรูปแบบดาบวารีครามก็ยังถูกทำลาย

 

“นี่มันจะเกินไปแล้ว เราทนไม่ได้แน่”

 

ทุกคนหวาดผวา เดิมทีพวกเขาคิดว่าชายสวมหน้ากากแมวอาจจะอยู่ได้ไม่นานนักแต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ถึงขีดจำกัด

 

“มดเต๋าปีศาจน้อยเจ้ากล้าสร้างความหายนะในแคว้นวารีคราม ของข้า? มา มารับความตายของเจ้า”

 

ในขณะนี้เอง มันมีเสียงคำรามดังทะลุผ่านท้องฟ้ามา ซึ่งเสียงนี้มันดังก้องอยู่ในหูของทุกคน

 

“มันคือผู้อาวุโสสูงสุด!” ทุกคนปลาบปลื้มใจ

 

 

ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ INdyNovel

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset