Eternal Martial Sovereign 77 – กวาดล้าง

ตอนที่ 77 – กวาดล้าง

Chapter 77 – กวาดล้าง

“ฉีจงตายแล้วหรือ?” ไม่ใช่แค่คนของตระกูลฉีเท่านั้นที่พูดไม่ออก แม้แต่คนของตระกูลไทก็ตกตะลึงไปโดยสมบูรณ์ ผู้ฝึกตนขั้นปลายของขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงอันทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ พวกเขาจะสามารถถูกฆ่าตายง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?

“เขาตายแล้วหรือ?” ไม่ไกลเกินไป แม้แต่ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทผู้ที่ยังคงต่อสู้เพื่อทำให้พิษตกอยู่ภายใต้การควบคุมเขาก็ต้องตกใจอย่างเหลือเชื่อ ในฐานะที่ตัวเขาเองเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงผู้ที่ต่อสู้กับฉีจง เขารู้ดีว่าฉีจงแข็งแกร่งขนาดไหน!

“ขอบคุณความดีที่เขาสบายดี” คิ้วของท่านหญิงสามคลายตัวขณะที่นางตบหน้าอกเบาๆ เพราะในที่สุดก็จะสามารถผ่อนคลายได้แล้ว แต่ทันใดนั้นดวงตาของเด็กหนุ่มก็ปิดลง นางจึงมีความกระวนกระวายออกมาจากจิตใจของนาง

“ข้ายังไม่แข็งแกร่งพอ!” หลังจากสังหารฉีจงแล้ว เซี่ยวหยุนก็ถอนหายใจเงียบๆ และรีบเปิดใช้งานทักษะศักดิ์สิทธิ์ทำลายจิตวิญญาณเพื่อช่วยเขาฟื้นฟูพลังวิญญาณ เมื่อตอนที่เขาได้ผสานพลังวิญญาณเข้ากับนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ พลังที่ถูกปล่อยออกมาจากนกกระจอกกลืนกินสวรรค์นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ

แต่อย่างไรก็ตามมันยังมีความเสี่ยงอันยิ่งใหญ่มากอยู่ – ถ้าพลังวิญญาณของพวกเขาไม่สามารถประคับประคองหอกทำลายจิตวิญญาณได้ ผนึกวิเศษก็จะที่ผสานพลังวิญญาณของพวกเขาก็จะถูกทำลายลงไป และวิญญาณของพวกเขาก็ได้รับความเสียหายมากมาย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำสำเร็จ แต่เซี่ยวหยุนก็ยังรู้สึกความกลัวที่ยังไม่จางหายไปอยู่ดี

พวกเขาสามารถใช้วิธีแบบนี้ได้กับศัตรูปกติ แต่ถ้าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญอันทรงพลังผู้ที่ต่อต้านหอกทำลายจิตวิญญาณได้ พวกเขาก็จะต้องประสบกับการสะท้อนกลับอันรุนแรง

“ถ้าความแข็งแกร่งของนายท่านผู้นี้ฟื้นคืนมา ข้าก็จะสามารถกลืนกินได้หลายพันคน ถ้าไม่ใช่หมื่นคนแบบเขาในคราวเดียว” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ถอนหายใจ มันดูเหมือนจะค่อนข้างเศร้าขณะที่กล่าวว่า “หยุนน้อย เจ้าจำเป็นต้องฝึกฝนและบ่มเพาะอย่างหนักตลอดจนรวบรวมส่วนผสมสมุนไพรสำหรับกลั่นสกัดเม็ดยาวิญญาณสวรรค์ให้แก่ข้า เพื่อช่วยเจ้านั้น ข้าได้ใช้พลังวิญญาณของข้าไปเป็นจำนวนมหาศาล และข้าก็จะต้องฟื้นฟูกลับมาเป็นระยะเวลานาน”

เซี่ยวหยุนตอบ “อย่ากังวล ตราบเท่าที่ข้าสามารถเข้าสู่นิกายต้นกำเนิดสวรรค์ได้ มันจะมีอะไรต้องกังวลสำหรับพวกเราเกี่ยวกับเรื่องส่วนผสมสมุนไพรด้วย?”

นกกระจอกกลืนกินสวรรค์พยักหน้า เป็นธรรมดาทีมันจะรู้ถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมนิกายใหญ่เหล่านี้ นิกายเหล่านี้ได้ควบคุมทรัพยากรที่ดีที่สุดภายใต้สวรรค์และแม้แต่บางพวกก็ปลูกสมุนไพรเป็นของตัวเอง ตราบเท่าที่ใครก็ตามได้รับความชื่นชอบจากนิกาย มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาเลยที่จะได้รับส่วนผสมสมุนไพร เช่นนี้แล้วสิ่งแรกที่เซี่ยวหยุนจำเป็นต้องมีก็คือการได้รับความยอมรับจากนิกายต้นกำเนิดสวรรค์

หลังจากนั้นเซี่ยวหยุนก็เริ่มมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูแทนที่จะกล่าววาจาอีกต่อไป

“ตอนนี้เราควรทำอะไรกัน?” ภายในหุบเขา คนของตระกูลฉีตื่นตระหนกและตัวสั่นไปด้วยความกลัวโดยสิ้นเชิง ซึ่งไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงของพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกสังหารไปแล้วและเหลือทิ้งไว้แค่พวกเขาที่ไร้ซึ่งทางสู้เท่านั้น

หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวด้วยความจริงจังในดวงตาของเขา “รีบถอย!”

ผู้ฝึกตนของตระกูลฉีที่เหลืออยู่ 10 หรือมากกว่านั้น ทุกคนได้หมุนตัวแล้ววิ่งไป

“จะไม่มีพวกเจ้าแม้แต่คนเดียวได้จากไปในวันนี้!” คนของตระกูลไทที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหารได้ไล่ตามพวกเขาไป

ดวงตาของผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทส่งแสงขณะที่เขาก็เข้าโจมตีเช่นกัน แม้จะรู้ดีถึงผลที่ตามมา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้คนเหล่านี้หนีไปได้อย่างแน่นอน

ปัง!

กระบี่ใหญ่สไลด์ออกไป ดูราวกับทางเชือกเผือกที่บิดเบี้ยวอย่างเกรี้ยวกราด พลังอันมากล้นและวุ่นวายได้กวาดออกมา แล้วก่อนที่ผู้ฝึกตนของตระกูลฉีจะวิ่งไปได้ไกล พวกเขาก็ตกอยู่ภายในการโจมตี กระดูกของผู้ฝึกตนจำนวนมากแตกออกและเลือดของพวกเขาก็กลิ้งไปมาภายในร่างกายของพวกเขา พวกเขาบางคนก็บาดเจ็บแม้จะห่างออกไปหลายสิบเมตร

ภายใต้การโจมตีจากผู้ฝึกตนขั้นปลายของขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริง ผู้ฝึกตนเหล่านี้ที่กำลังหลบหนีอย่างน่าเวทนาก็ไม่สามารถรับได้แม้แต่การโจมตีเดียว

ฆ่า!

คนของตระกูลไทได้เข้าจู่โจมเพื่อกวาดล้างเศษเดนที่เหลืออยู่ของกลุ่มคนตระกูลฉี

ฟู่!

หลังจากโจมตีไปสองสามครั้ง พิษภายในร่างกายของผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทก็เข้าสู่เส้นลมปราณของเขาและเขาก็ได้ไอเอาเลือดสีดำออกมา

“ท่านผู้นำตระกูลที่สอง!” บางคนของตระกูลไทรีบวิ่งเข้ามา ซึ่งดูกังวลอย่างเหลือเชื่อ

ท่านหญิงสามก็รีบวิ่งมาเช่นกัน แล้วถามอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านลุงสอง ท่านสบายดีหรือไม่?”

“ข้าสบายดี” ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทกล่าวขณะที่เขาโบกมือและเช็ดเลือดออกจากริมฝีปาก เขามองไปยังหญิงสาวที่อยู่ข้างเขาแล้วถามว่า “หรงเอ๋อพิษของเจ้าถูกรักษาให้หายขาดแล้วใช่หรือไม่?” ผิวของหญิงสาวเป็นสีขาวราวกับแกะอ้วนและไม่ได้มีร่องรอยของสีดำมืดอีกต่อไป นี่จึงทำให้ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทยินดี

“อือ” ไทหรงเอ๋อพยักหน้า “ทั้งหมดล้วนต้องขอบคุณคุณชายคนนั้น”

ขณะที่นางพูด ดวงตาของไทหรงเอ๋อก็มองไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ในระยะไกลผู้ที่ดวงตากำลังปิดอยู่ขณะที่เขาฟื้นตัวจากการสู้รบอย่างเงียบๆ

มีระลอกคลื่นอยู่ภายในดวงตาของนางและเมื่อนางก็คิดเกี่ยวกับการสกัดพิษของนาง หัวใจของนางก็ได้เริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่ง นางหน้าแดงด้วยความเขินอายและความประหม่า แต่ตัวนางเองกลับไม่ได้สังเกตถึงสิ่งเหล่านี้เลย

“สหายตัวน้อยเซี่ยวหยุนคนนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว” ดวงตาของผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทหดแคบลงขณะที่เขาพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง พลังของเด็กหนุ่มคนนี้ได้ทำให้เขาต้องตกใจไปโดยสิ้นเชิง – แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด เขาก็ยังไม่สามารถสังหารฉีจงได้ในทันทีเช่นนั้นเลย!

“ท่านผู้นำตระกูลที่สอง คนของตระกูลฉีทั้งหมดถูกสังหารสิ้นแล้ว” ในขณะนี้ได้มีผู้ฝึกตนเดินเข้ามาและรายงานว่า “นี่คือยาแก้พิษที่เราพบในตัวของพวกเขา

“จงมอบมันไว้ให้เหล่าพี่น้อง”” ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทกล่าว

“ขอรับ!” คนๆ นั้นพยักหน้าแล้วจากนั้นก็ถาม “แล้วอาการบาดเจ็บของท่านล่ะ?”

“ข้าจำเป็นต้องหาพิษในศพของฉีจง” ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทตอบกลับ

หลังจากผู้ฝึกตนก็ค้นหายาแก้พิษในศพของฉีจง คนเหล่านี้มักจะพกยาแก้พิษไว้กับตัวของพวกเขาเองเผื่อใช้ในกรณีที่พวกเขาถูกพิษเอง แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละคนจะพกยาแก้พิษไว้คนละชุดเท่านั้น ในความจริงพวกเขาบางคนก็ได้ทำลายแม้แต่ยาแก้พิษของตนเองขณะที่ตายลงไป ดังนั้นแล้วคนของตระกูลไทจึงไม่สามารถใช้พวกมันได้

หลังจากได้รับเม็ดยาแก้พิษแล้ว ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทก็ได้ลอบชื่นชมยินดีอย่างเงียบๆ หากไร้ซึ่งยาแก้พิษ เขาก็จะไม่สามารถอยู่ได้อีกนานนัก

“เราจะพักที่นี่สองชั่วโมงก่อนที่จะเดินทางต่อ” ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทประกาศเสียงดังหลังจากที่ได้รับยาแก้พิษแล้ว

“ขอรับ!” คนของตระกูลไทเริ่มรีบไปทำการรักษาผู้บาดเจ็บ

“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ สหายน้อย” ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทไม่ได้รีบใช้ยาแก้พิษ แต่เขากลับเดินมาหาเซี่ยวหยุนและป้องหมัดคำนับขณะที่เขายิ้ม

“ข้าเดินทางกับพวกท่านทุกคน การช่วยเหลือท่านก็เท่ากับช่วยเหลือตัวข้าเอง” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่เขายิ้มอย่างสุภาพ “แล้วบาดเจ็บของท่านผู้นำตระกูลที่สองเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”

“ฮ่าฮ่า อาการบาดเจ็บของชายชราคนนี้มิได้รุนแรงนัก ตระกูลไทของเราจะจดจำความเมตตาของสหายน้อยเซี่ยวที่แสดงต่อเราในครั้งนี้ไปตลอดกาล ถ้าเจ้าต้องการสิ่งใดที่เราช่วยได้ สิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องทำก็คือขอมันมา” ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทกล่าวขณะที่เขาหัวเราะเสียงดัง นำเสียงของเขาที่มีต่อเซี่ยวหยุนได้กลายเป็นเคารพยำเกรงและสุภาพมากยิ่งขึ้น ในความจริง เซี่ยวหยุนมองเห็นได้แม้แต่ร่องรองของความหวาดกลัวที่อดกลั้นไว้อยู่ในดวงตาของเขา

เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่สังหารผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงไปสองคน แม้แต่ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทก็ยังรู้สึกขลาดเขลาเมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยวหยุน ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องการจะโจมตีพวกเขา มันจะไปมีอะไรที่พวกเขาทำได้กัน?

เมื่อได้เห็นความกังวลของอาวุโสในดวงตาของเขา เซี่ยวหยุนก็หัวเราะอยู่ภายในอย่างขมขื่น เขาได้ใช้พลังวิญญาณทั้งหมดไปแล้วและมันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับการที่เขาจะใช้หอกทำลายจิตวิญญาณอีกครั้งในเวลาสั้นๆ

อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เซี่ยวหยุนจะไม่เปิดเผยสภาพอันอ่อนแอของเขาออกไป ถ้าชายชราคนนี้มีเจตนาไม่ดี สิ่งต่างๆ มันก็จะกลายเป็นปัญหาขึ้นมา

“ท่านผู้นำตระกูลที่สองมิจำเป็นต้องสุภาพมากนักก็ได้ ข้าจะมีความสุขมากกว่าถ้าสามารถออกไปจากป่าหมอกลวงตาแห่งนี้ได้เสียที” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่เขายิ้ม “แน่นอน ถ้าท่านผู้นำสองสามารถรวบรวมส่วนผสมสมุนไพรแก่ข้าได้ มันก็คงจะสมบูรณ์แบบไปเลย”

“ฮ่าฮ่า ชายชราคนนี้จะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ได้รับมาซึ่งสิ่งใดก็ตามที่สหายน้อยเซี่ยวต้องการ” ร่องรอยความกังวลภายในสายตาของผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทได้หายไปแล้ว และเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “เนื่องจากมันเป็นเช่นนั้นแล้ว งั้นชายชราคนนี้ขอออกไปรักษาบาดแผลก่อน หรงเอ๋อจงดูแลสหายน้อยเซี่ยว” หลังจากพูด เขาก็หมุนตัวแล้วจากไป

“อือ” ไทหรงเอ๋อตอบกลับ ซึ่งนางกำลังอยู่ข้างเด็กหนุ่ม

“นายน้อยเซี่ยวหยุน ท่านเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดจริงหรือ?” ร่างของไทหรงเอ๋อทั้งสูงและสมส่วนซึ่งมาพร้อมกับหน้าอกทั้งคู่ที่ทั้งใหญ่และเต็มรูปแบบ ใบหน้าของนางก็ดูทรงเสน่ห์อย่างไม่มีใครเหมือน ดวงตาของนางก็ใสราวกับทะเลสาบ ขณะที่นางพูด ขนตาของนางก็ได้สั่นเล็กน้อยและนางก็มองไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ถัดจากนางด้วยความอยากรู้

“อืม” เซี่ยวหยุนพยักหน้า

“ท่านมีจิตวิญญาณการต่อสู้อัคคีหรือ?” ไทหรงเอ๋อถามด้วยเสียงต่ำ แล้วมองด้วยความอยากรู้อันเหลือเชื่อ เสียงอันอ่อนนุ่มของนางทำให้ใครก็ได้ตามที่ได้ยินต้องรู้สึกเบิกบานใจและถ้าเด็กหนุ่มคนใดจากเมืองหมอกเหนือได้รู้ว่าหญิงสาวคนนี้ได้ทำตัวสนิทสนมกับชายหนุ่มคนอื่น พวกเขาก็คงจะต้องเป็นบ้าไปด้วยความอิจฉา

แต่ทว่าเซี่ยวหยุนกลับยิ้มอย่างสงบขณะที่เขาตอบกลับ “บางสิ่งเช่นนั้น” เขาไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นอีกเลย

เขาแค่พบคนตระกูลไทโดยบังเอิญก็เท่านั้น และทั้งสองฝ่ายต่างก็พากันอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบาง ดังนั้นมันจึงไม่ดีถ้าเกิดเขาพูดอะไรมากเกินไป

“หากนายน้อยเซี่ยวหยุนต้องการสิ่งใด โปรดแจ้งให้ข้าทราบ” ไทหรงเอ๋อสามารถบอกได้ว่าเซี่ยวหยุนไม่อยากที่จะพูดอีกต่อไป ดังนั้นนางจึงไม่ได้ถามต่อ

“ได้” เซี่ยวหยุนพยักหน้าซึ่งเขาดูค่อนข้างสงบ ท่าทีของเขาทำให้เหล่าเด็กหนุ่มของตระกูลไทแทบบ้า ถ้ามันเป็นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เด็กหนุ่มเหล่านี้ก็คงจะเข้ามาทำทุกสิ่งให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับเซี่ยวหยุน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้เห็นเขากำราบสองผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงไปแล้ว พวกเขาก็ทำได้แค่ประหลาดใจต่อเขาอย่างลับๆ สำหรับคนรุ่นเยาว์ที่พิเศษเช่นนี้ เขาจะไม่ถูกล้อมรอบไปด้วยโฉมงามผู้ต้องที่จะอยู่เขาได้อย่างไรกัน?

เซี่ยวหยุนเมินเฉยคนเหล่านี้และเข้าไปยังเต็นท์ที่ถูกลูกศรทำฉีกขาดเพื่อเริ่มทำการฟื้นฟูพลังวิญญาณของเขา ตราบเท่าที่เขามีความแข็งแกร่ง เขาก็จะไม่ต้องกลัวไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตาม

คนของตระกูลไทก็รักษาบาดแผลของพวกเขาไปในเวลาเดียวกัน สองชั่วโมงต่อมา เกือบทุกคนที่ถูกพิษได้รับการฟื้นฟูแล้ว และผิวของผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทก็ดูดีมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาได้ประสบกับอาการบาดเจ็บอยู่เยอะพอสมควร ขวัญกำลังใจของคนตระกูลไทจึงไม่ได้สูงมากนัก

หลังจากเก็บของของพวกเขาแล้ว คนของตระกูลไทก็รีบออกเดินทางไปทันทีเพราะไม่กล้าจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป

ม้าของพวกเขาจำนวนมากได้ตายลงไประหว่างการต่อสู้ ดังนั้นเซี่ยวหยุนและไทหรงเอ๋อจึงแบ่งปันรถม้าให้กันและกันขณะที่พวกเขาออกไปจากหุบเขา

ป่าหมอกลวงตาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ เช่นเดียวกันกับหมอกลวงตาที่อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนได้ ด้วยการนำทางของคนตระกูลไท พวกเขาก็ผ่านมันออกไปอย่างราบรื่น
พวกเขาได้ผ่านสถานที่จำนวนมากที่ไร้ซึ่งมนุษย์ ซึ่งทำให้เซี่ยวหยุนรู้สึกค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น เป็นไปได้ไหมว่าหมอกลวงตาไม่มีผลกระทบต่อพวกเขา

“ป่าหมอกลวงตาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกและความพรามั่วทั่วทั้งปี แต่มีเส้นทางที่สามารถเดินตามไปได้อยู่” เมื่อเห็นรูปลักษณ์แปลกๆ บนใบหน้าของเซี่ยวหยุน ไทหรงเอ๋อก็ยิ้มอย่างประณีตขณะที่นางอธิบาย “ฟังนะ พระอาทิตย์จะค่อยๆ เคลื่อนไปยังทิศตะวันตก และรังสีของพระอาทิตย์สามารถแสดงให้เราเห็นได้ว่าทิศตะวันตกเป็นเช่นไร ตราบเท่าที่เราติดตามรังสีแห่งแสงอาทิตย์เหล่านี้ไป เราก็จะสามารถนำทางได้จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน”

“ง่ายแบบนั้นเชียวเหรอ?” เซี่ยวหยุนมองออกไปและพบว่ามีรังสีแสงกำลังมาจากทิศตะวันตกอยู่จริง แต่อย่างไรก็ตามรังสีแสงเหล่านั้นยากนักที่จะมองเห็นได้ และถ้าใครไม่ได้ค้นหาพวกมัน มันก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับการที่พวกเขาจะมองเห็นมันได้ เซี่ยวหยุนไม่ได้สังเกตสิ่งนี้มาตั้งแต่ต้นเลย แต่ด้วยสัมผัสอันทรงพลังของเขา เขาก็สามารถเข้าใจมันได้ทันที

“ฮ่าฮ่า มันดูเหมือนจะง่าย แต่มันก็จำเป็นต้องมีการสังเกตอย่างระมัดระวัง โดยปกติแล้วหลังจากที่ผู้คนเข้าสู่ป่าหมอกลวงตา พวกเขาก็จะหลงทางและเริ่มตื่นตระหนก แล้วต้องการที่จะจู่โจมออกไป เช่นนั้นแล้วมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่พวกเขาจะไม่สังเกตเห็นสิ่งเช่นนี้ได้” ไทหรงเอ๋อกล่าวขณะที่นางยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น ป่าลวงตาก็จะทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัว ซึ่งสามารถทำให้ไขว้เขวอย่างเหลือเชื่อ ภายใต้ผลกระทบจากหมอก มันก็จะเป็นเรื่องยากอย่างเหลือเชื่อสำหรับผู้ที่จะปักหลักและตรวจสอบรายละเอียดอันเล็กน้อยเช่นนี้”

“นั่นก็จริง” เซี่ยวหยุนพยักหน้า ย้อนกลับไปตอนนั้น เมื่อเขาต้องสับสนเพราะหมอก เขาก็ได้รู้สึกค่อนข้างตื่นตระหนกและต้องการที่จะออกไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่านั้น

“ดูสิ มันมีหญ้ากลิ่นลวงตาที่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ พวกมันจะปลดปล่อยกลิ่นหอมที่สามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจคนออกมาได้ ดังนั้นเราจึงต้อนกลั้นหายใจขณะที่เราผ่านมัน คนปกติมักจะไม่รู้ว่าพืชนั้นทรงพลังขนาดไหน แล้วจากนั้นก็จะตกเป็นเหยื่อของพวกมัน” ไทหรงเอ๋อกล่าวขณะที่นางชี้ไปยังหญ้าสีเขียวหยก ดอกไม้และหญ้าได้ปลดปล่อยกลิ่นหอมจางๆ ออกมา มันดูเกือบจะเหมือนดอกไม้และหญ้าปกติเลย

“ก็คงงั้น” ขณะที่ไทหรงเอ๋ออธิบาย เซี่ยวหยุนก็เริ่มมีความเข้าใจเกี่ยวกับป่าหมอกลวงตาแห่งนี้ดีขึ้น

Eternal Martial Sovereign

Eternal Martial Sovereign

Score 10
Status: Completed

เนื้อเรื่องโดยย่อ เซี่ยวหยุนซึ่งเป็นอัจฉริยะผู้ปลุกจิตสำนึกของจิตวิญญาณการต่อสู้ ถูกระบุว่าเป็นคนธรรมดาหลังจากการบ่มเพาะของเขาหยุดลง อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาคือจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 จิตวิญญาณการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ ในสมัยโบราณ หลังจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิตได้รับการพัฒนา มันสามารถดูดซับแก่นแท้ปราณของสวรรค์และโลกได้ รวมทั้งรักษาบาดแผลและแก้พิษที่รุนแรงได้

 

ด้วยศิลปะกลืนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่พ่อของเค้าทิ้งไว้ให้ ทำให้เซี่ยวหยุนสามารถรวบรวมจิตวิญญาณการต่อสู้ไว้ใช้ได้เป็นจำนวนมาก เด็กหนุ่มผู้สิ้นหวังได้ท้าทายชะตากรรมและล้างความอัปยศอดสูของตนเอง แล้วก้าวไปบนโลกที่ไร้จุดสิ้นสุดด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิตของเค้า เพื่อกลายเป็นราชันการต่อสู้อมตะ แล้วมีอำนาจเหนือเก้าสวรรค์และเก้าโลก!!!

Options

not work with dark mode
Reset