Eternal Martial Sovereign 76 – สู้ตาย

ตอนที่ 76 – สู้ตาย

Chapter 76 – สู้ตาย

“ช่างเป็นกลิ่นอายที่ทรงพลังนัก!” คลื่นกระแทกอันน่ากลัวได้กวาดออกมา เหล่าผู้ที่อยู่ใกล้ต่างก็พากันรู้สึกว่าวิญญาณกำลังสั่นและจิตใจของพวกเขากำลังกลายเป็นพร่ามัว พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและรู้สึกแปลกประหลาดถึงความกลัวขณะที่พวกเขาร้องออกมา

ขณะที่ผู้คนร้องออกมา เสียงระเบิดกึกก้องก็ได้ดังออกมา

ปัง!

หอกทำลายจิตวิญญาณเจาะทะลุผ่านอากาศแล้วยิงตรงไปยังกระบองของฉีหมิง กระบองขนาดใหญ่ที่มีอำนาจเหนือทุกสิ่งในเส้นทางของมันกลับถูกทำลายอย่างง่ายดายโดยหอกทำลายจิตวิญญาณในการระเบิดแค่ครั้งเดียวราวกับว่ามันเป็นแค่ชิ้นส่วนของไม้ที่ผุพังที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธระดับสีดำ

ขณะที่เสียงระเบิดดังออกมา ดวงตาของฉีหมิงก็จ้องไปที่ข้างหน้าของเขาอย่างไร้จุดหมาย เขาอยากที่จะกรีดร้องออกมาแต่ก็ไม่สามารถทำได้ นี่เป็นเพราะว่าหอกทำลายจิตวิญญาณทรงพลังเกินไป จนทำให้วิญญาณต้องสั่นสะเทือน

ชวิ้ง!

แสงของหอกทำลายจิตวิญญาณกระพริบขณะที่มันแทงเข้าไปในฉีหมิง ซึ่งได้สลายดวงวิญญาณของเขาไป คลื่นกระแทกอันทรงพลังได้ทำให้ร่างกายของเขาแตกออกเป็นชิ้นๆ

ตอนนี้เซี่ยวหยุนได้ไปถึงขั้นสมบูรณ์ของชั้นแรกแห่งทักษะศักดิ์สิทธิ์ทำลายจิตวิญญาณแล้ว การควบคุมของเขาต่อทักษะศักดิ์สิทธิ์ทำลายจิตวิญญาณก็ได้ทรงพลังมากกว่าตอนที่เขาใช้มันกับฉิวหยูเฉินด้วย ในขณะนี้ เขารู้สึกราวกับว่าวิญญาณกำลังจะออกไปร่างของเขาและเกือบจะล้มลงไปกับพื้น

โชคดีที่พลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนก็ได้ทรงพลังมากกว่าที่เคยมีในอดีตเช่นกัน ดังนั้นอย่างน้องเขาก็ยังสามารถยืนไว้ได้อยู่

หวือ!

ด้วยความคิดเล็กน้อย หอกทำลายจิตวิญญาณก็ได้กลับเข้าในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขาและหลอมรวมเข้ากับหอคอยกลืนกินสวรรค์อีกครั้ง หลังจากที่แสงจากหอกทำลายจิตวิญญาณหายไป เซี่ยวหยุนก็กลายเป็นมุ่งเน้นไปที่การให้ความสนใจกับภายในหุบเขา

เงียบกริบ!

ทั่วทั้งหุบเขาเงียบอย่างผิดปกติ มันเคยเต็มไปด้วยเสียงคำรามกระหายเลือดและบรรยากาศแห่งความเหี้ยมโหด แต่ในขณะนี้ ความกระหายเลือดภายในหัวใจของทุกคนก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกหนาวสั่น… ทุกคนจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มขณะที่พวกเขาตัวสั่น

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงได้ตายลงไปอย่างลึกลับด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มผู้อยู่ที่ขอบเขตต้นกำเนิด – นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครยอมรับได้ เด็กหนุ่มที่ดูอายุแค่ประมาณ 16 ปีเท่านั้น เขาจะสามารถแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?

ทุกคงพากันจ้องมองไปด้วยความตกตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาพากันสูดลมหายใจเย็นเข้าไปและมองไปยังเด็กหนุ่มด้วยความเคารพนับถือ

ผู้ฝึกตนของตระกูลฉีและตระกูลไทพึมพำ “เด็กนั่นแข็งแกร่งเกินไป เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือ? เขาเป็นเหมือนพระเจ้ามากกว่า!”

แทบทุกคนไม่เห็นวิธีที่เซี่ยวหยุนใช้โจมตีเพราะว่าคลื่นกระแทกจากพลังวิญญาณของเขาทำให้จิตใจของทุกคนต้องพร่ามัวเป็นระยะเวลาสั้นๆ

เช่นนั้นแล้วเด็กหนุ่มจึงดูลึกลับมากยิ่งขึ้น

“น้องสอง!” ไม่ไกลเกินไป ฉีจงรู้สึกราวกับว่าดวงตาของเขากำลังจะระเบิดออกมาและเขาก็ได้คำรามออกมาด้วยความโกรธ ซึ่งต้องการที่จะวิ่งไปพร้อมกับสามง่ามของเขา

“ฉีจง พวกเจ้าทั้งคู่ต้องตกตายไปในวันนี้ จงเข้ามาเหล่าบุรุษแห่งตระกูลไทเพื่อสังหารผู้คนเหล่านี้จากตระกูลฉีทั้งหมด!” ใบหน้าผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะทรงพลังมากขนาดนั้น

หลังจากหัวเราะเสียงดังแล้วผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทก็ฟันออกไปยังฉีจงด้วยกระบี่ใหญ่ของเขาอีกครั้ง แสงกระบี่ได้เต็มไปทั่วสวรรค์และดูราวกับว่ามันเป็นสายรุ้งที่สามารถแยกผ่านสวรรค์และปฐพีออกจากันได้ ซึ่งมันกำลังปลดปล่อยกลิ่นอายอันลึกซึ้งออกมา

เมื่อเขาถูกโจมตีโดยฉีจงและฉีหมิง เขารู้สึกไร้อำนาจอย่างเหลือเชื่อ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉีหมิงได้ตกตายลงไปแล้ว สถานการณ์ก็สามารถพลิกกลับได้ เจตนาต่อสู้ของเขาถูกจุดคืนมาอีกครั้ง และรู้สึกมั่นใจในการเอาชนะฉีจงอย่างเหลือแสน การบ่มเพาะของมันต่ำกว่าเขาเล็กน้อย เพียงแค่กลิ่นอายที่กระบี่ของเขาปลดปล่อยออกมาก็เพียงพอที่จะทำให้คนต้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

“ฮึ่ม อย่าพยายามหยุดยั้งข้าเลย!” ฉีหมิงแค่นเสียงเย็นชาขณะที่เขาโยนลูกเหล็กลูกอื่นออกไป

ปัง!

ลูกเล็กถูกทุบด้วยแก่นแท้แห่งปราณอันบ้าคลั่ง ซึ่งได้ปลดปล่อยหมอกพิษอันหนาแน่นออกมา ผู้นำที่สองของตระกูลไทได้ขมวดคิ้วลึก แล้วใช้แก่นแท้ที่แท้จริงของเขาเพื่อกระจายแก๊สพิษออกไป แล้วโจมตีไปยังฉีจงด้วยการฟันหลังมืออีกครั้งหนึ่ง

“เจ้ารนหาที่ตาย!” สายตาของฉีจงมืดครึ้มลงขณะที่เขาใช้สามง่ามเพื่อโจมตีโต้กลับไป

แกร้ง!

เสียงของอาวุธกระทบกันดังออกมา การปะทะกันระหว่างสามง่ามและกระบี่ใหญ่ทำให้เกิดประกายไฟสว่างไสว ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทถูกส่งสะดุดเท้ากลับหลังไป และเขาก็หายใจเข้าลึกๆ สองครั้งก่อนที่เขาจะขมวดคิ้ว แก๊สพิษได้เข้าสู่ร่างกายของเขา แต่เขาก็ได้ระงับมันอย่างรุนแรงไปด้วยความรวดเร็ว

ฉีจงก็ถูกส่งสะดุดเท้ากลับไปข้างหลังเช่นกัน มีรอยเลือดปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา

“เจ้าถูกพิษแล้วไอ้ผีเฒ่า ข้าจะดูว่าเจ้าจะต่อสู้กับข้าต่อไปได้อย่างไร” ฉีจงมองไปยังผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทด้วยความมุ่งร้ายขณะที่เขาพูดตอว่า “เมื่อพิษนี้ได้เข้าสู่ร่างกายแล้ว หากเจ้าหมุนเวียนแก่นแท้ที่แท้จริงของเจ้า มันก็จะเคลื่อนที่ผ่านไปทั่วทั้งร่างกายของเจ้าและทำให้เจ้าสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไป”

ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทหมุนเวียนแก่นแท้แห่งปราณของเขาและค้นพบพิษที่เริ่มจะเคลื่อนที่ผ่านร่างกายของเขาไปด้วยกันกับแก่นแท้แห่งปราณ นี่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วแน่น ท่าทีของเขามืดครึ้มลง – เขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว!

“อะไรนะ? ท่านผู้นำตระกูลที่สองถูกพิษ?” ได้ยินสิ่งนี้ คนของตระกูลไทเริ่มเสียขวัญด้วยความกลัว ถ้าผู้นำตระกูลที่สองถูกพิษ ใครจะไปหยุดฉีจงคนนี้ได้กัน? การบ่มเพาะของเจ้านั่นอยู่ที่ขั้นปลายของขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริง!

ในที่สุดดวงตาของพวกเขาก็ตกลงไปบนเด็กหนุ่มที่อยู่ในสนามรบ

พวกเขาพึมพำ “เขาจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้หรือไม่?”

เพียงแค่เซี่ยวหยุนสังหารฉีหมิงได้ก็ทำให้ทุกคนต้องตกใจแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ฉีจงอยู่ที่ขั้นปลายของขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงและช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยิ่งใหญ่เกินไป มันไม่ง่ายเลยที่จะสังหารฉีจง – เนื่องจากเซี่ยวหยุนเป็นแค่เด็กหนุ่มอาย 16 ปีเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว ก็ไม่มีใครที่สามารถปกป้องตระกูลไทได้ในเวลานี้อีกแล้ว

“ข้าจะให้เจ้าชดใช้ให้กับความตายของน้องสองข้าด้วยชีวิตของเจ้า!” ราวกับว่าเขารู้สึกถึงความคาดหวังจากคนในตระกูลฉี ฉีจงได้เรียกค่าชดใช้ต่อเซี่ยวหยุนด้วยสามง่ามในมือของเขาและมีความโหดเหี้ยมอยู่บนใบหน้าของเขา การก้าวอันหนักและมั่นคงดูเหมือนจะกระแทกจิตใจของผู้คนให้มีความกลัวอยู่ในตัวพวกเขาได้

ขณะที่ฉีจงเข้ามาใกล้ แรงกดดันอันหน่วงก็ลดต่ำลงมา ดูเหมือนว่าจะแช่แข็งอากาศรอบๆ ตัวเขา คลื่นแห่งจิตสังหารอันไร้ที่สิ้นสุดได้พรั่งพรูออกมาจากเขา

เซี่ยวหยุนในตอนนี้กำลังปรับลมหายใจของเขา กำลังพยายามให้ที่สุดเพื่อฟื้นคืนพลังวิญญาณของเขา เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันน่ากลัว

ขั้นปลายของขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงทรงพลังเกิน และแค่แรงกดดันอย่างเดียวก็ทำให้เขาต้องรู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว

“คนๆ นี้ไม่ใช่ศัตรูง่ายๆ !” เซี่ยวมองไปยังฉีจงด้วยความจริงจัง จากนั้นก็รีบพยายามควบคุมหอกทำลายจิตวิญญาณในหอคอยกลืนกินสวรรค์ แต่อย่างไรก็ตามมันช่างน่าเสียดายที่พลังวิญญาณของเขาไม่เพียงพอที่จะใช้ยุทธภัณฑ์วิญญาณชิ้นนี้และมันก็ไม่ง่ายสำหรับเขาเลยที่จะเอาชนะศัตรูคนนี้

“จงอย่ากังวล นายท่านผู้นี้อยู่ที่นี่แล้ว” เช่นเดียวกับเซี่ยวหยุนกำลังมองไปด้วยความกังวล เสียงของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ก็ดังออกมา

“เจ้า?” เซี่ยวหยุนค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าสามารถจัดการกับผู้ฝึกตนขั้นปลายของขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงได้หรือ?”

“แม้ว่าข้าจะไม่สามารถทำอะไรกับเขาตรงๆ ได้ แต่ข้าก็สามารถช่วยเจ้าใช้หอกทำลายจิตวิญญาณได้” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตอบกลับ

“โอ้!” ดวงตาของเซี่ยวหยุนสว่างขึ้น “เจ้าจะช่วยอย่างไร?”

“ถ้าเราผสานพลังวิญญาณของเราเข้าด้วยกัน เจ้าก็จะสามารถใช้หอกทำลายจิตวิญญาณได้” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตอบกลับ

“ผสานพลังวิญญาณของเรา?” เซี่ยวหยุนถาม “มันไม่ง่ายใช่ไหม?”

“นายท่านผู้นี้มีทักษะที่จะทำให้เราผสานพลังวิญญาณของเราได้” นกกระจอกกลืนกิสวรรค์อธิบายขณะที่มันสอนทักษะนั้นให้กับเซี่ยวหยุนอย่างรวดเร็ว

“งั้นมันก็เป็นเช่นนั้น” หลังจากที่ฟังนกกระจอกกลืนสวรรค์ เซี่ยวหยุนพยักหน้าของเขา แล้วทำการตีความทักษะ

ทักษะนี้และการเชื่อมโยงจิตใจเป็นเทคนิคที่แตกต่างกันแต่ให้ผลเหมือนกัน มันเป็นตราผนึกวิญญาณที่จะทำให้คนทั้งสองผสานวิญญาณของพวกเขาเข้าด้วยกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้มันค่อนข้างอันตราย – ถ้าหนึ่งในนั้นซ่อนเร้นความคิดชั่วร้ายเอาไว้ มันก็จะเป็นผลให้เกิดอันตรายอันยิ่งใหญ่ต่ออีกคน

เช่นนี้แล้ว มันจึงต้องการความไว้ใจอย่างสูงสุด

“อะไรกัน เจ้าไม่ไว้ใจนายท่านผู้นี้หรือ?” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์กลอกตาของมันเมื่อเห็นความลังเลของเซี่ยวหยุน

“ถ้าเจ้าจะลองทำมัน แล้วทำไมข้าจะไม่กล้าล่ะ?” เซี่ยวหยุนตัดสินใจและเริ่มผสานพลังวิญญาณของเขาเข้ากับของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์

ตอนนี้ฉีจงได้เข้ามาอยู่ค่อนข้างใกล้เขาเรียบร้อยแล้ว

“เจ้าเด็กสารเลว เจ้าสังหารพี่น้องของข้า ดังนั้นเจ้าจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้า” ฉีจงหยุดอยู่กับที่ห่างจากเซี่ยวหยุนประมาณ 3 เมตร ดวงตาของเขามุ่งร้ายอย่างเหลือเชื่อขณะที่แก่นแท้ที่แท้จริงทั้งหมดรอบๆ ตัวเขากวาดไปยังเซี่ยวหยุนเหมือนกับพายุ และเขาก็แทงไปยังเซี่ยวหยุนด้วยสามง่ามเช่นกัน

บุซ!

สามง่ามส่องสว่างด้วยแสงและนำพาลมกรรโชกอันรุนแรงมากับมันด้วย ง่ามของมันส่งประกายด้วยแสงอันเย็นชาขณะที่มันแทงทะลุผ่านอากาศแล้วปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวออกมา การโจมตีนี้ดูเหมือนกับสายฟ้าฟาดที่วูบผ่านท้องฟ้าไปและมันก็รวดเร็วจนมิอาจจินตนาการได้

“บัดซบ รีบหลบเร็วเข้าเซี่ยวหยุน!” จากระยะไกล ดวงตาของไทเฟิงเบิกกว้างขณะที่เขาตระหนักว่าดวงตาของเด็กหนุ่มยังคงปิดอยู่ นี่ทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกอย่างเหลือเชื่อ และก็ร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าเซี่ยวหยุนไม่เคลื่อนไหว แล้วเขาจะหลบการโจมตีอันดุร้ายนี้ได้อย่างไร?

“ระวัง!” ใบหน้าของท่านหญิงสามเต็มไปด้วยความกังวล ใบหน้าของนางนั้นซีดขาวอย่างเหลือเชื่อ

“หยุด!” ไกลออกไป ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไททำให้พิษภายในร่างกายของเขาคงที่ขณะที่เขาเดินก้าวเท้ายาวไปยังพวกเขาด้วยกระบี่ใหญ่

“เจ้าประเมินค่าตนเองสูงเกินไป” ขณะที่ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทเข้ามาใกล้ ฉีจงก็หัวเราะเย็นชาและโบกฝ่ามือของเขาแล้วส่งมือขนาดมหึมาที่ก่อตัวจากแก่นแท้แห่งปราณไปยังผู้นำตระกูลที่สอง แสงกระบี่ของผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทหายไปในทันที และแก่นแท้แห่งปราณอันทรงพลังก็ส่งเขาสะดุดกลับหลังไป 5 เมตร

“อั๊ก!” เลือดสดๆ คำหนึ่งพ่นออกมาจากปากของผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไท ซึ่งมีร่องรอยของสีดำอยู่ด้วย

หลังจากถูกพิษแล้ว ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทก็กลายเป็นอ่อนแอลงมากและไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้เลย

ในขณะนี้ ฉีจงกำลังยิ้มกว้างขณะที่เขาแทงไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าของเขา

หวือ!

สามง่ามส่งประกายด้วยแสงอันเย็นชา นำพากลิ่นอายอันหนาวเหน็บจนเจ็บปวดมากับมันด้วย ขณะที่มันแทงไปยังเซี่ยวหยุน อากาศรอบๆ ก็กระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวเลย ทำให้ผู้ฝึกตนที่เฝ้าดูอยู่ต้องรู้สึกราวกับว่าหัวใจของพวกเขากำลังจะกระโจนออกมาจากลำคอ

“เขากำลังทำอะไรอยู่?” คนของตระกูลไทหวาดกลัว พวกเขาหวังว่าเด็กหนุ่มจะสามารถเปลี่ยนกระแสน้ำได้ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าเขาจะต้องสูญเสียชีวิตของเขาไปแบบนี้เสียแล้ว นี่ทำให้ทุกคนต้องสิ้นหวัง

“เขาสัมผัสถึงอันตรายไม่ได้หรือ?” ท่านหญิงสามกำมือของนางแน่นและขมวดคิ้วลึกด้วยความกังวลอันยิ่งใหญ่

และในขณะนี้เองดวงตาของเด็กหนุ่มก็ได้เปิดขึ้นขณะที่คลื่นอันทรงพลังแห่งพลังวิญญาณพุ่งออกมาจากภายในจิตใจของเขา พลังวิญญาณอันล้มหลามดูเหมือนจะบิดเป็นเกลียวขณะที่มันคำรามไปยังข้างหน้า

หึ่งๆ !

อำนาจที่อยู่เบื้องหลังสามง่ามได้แตกเป็นเสี่ยงๆ จากพลังวิญญาณ

การแสดงออกของฉีจงมืดครึ้มลงขณะที่จิตใจของมีเสียงหึ่งๆ รู้สึกราวกับว่ามีพายุอยู่ภายในจิตใจของเขาซึ่งกำลังคุกคามเพื่อฉีกวิญญาณของเขาออกเป็นชิ้นๆ นี่ทำให้ร่างกายของเขาแกว่งเล็กน้อย และในขณะนี้ก็ได้มีน้ำวนปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเซี่ยวหยุน

หอกทำลายจิตวิญญาณ!

หอกสั้นได้ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งได้ปลดปล่อยแสงอันเย็นชาออกมาขณะที่มันแทงทะลุผ่านอากาศ แล้วแทงเข้าไปในหัวของฉีจง

จิตใจของฉีจงสั่นราวกับว่ามันโดนฟ้าผ่า ขณะที่วิญญาณของฉีจงกระจายไป กลิ่นอายรอบตัวเขาก็หายไปเช่นกัน และเขาก็รู้สึกเหมือนกับบอลลูนที่แฟบลง

แคร้ง!

สามง่ามได้ตกลงกับพื้น

เซี่ยวหยุนสูดหายใจเข้าลึกและนำหอกทำลายจิตวิญญาณกลับเข้าสู่ภายในร่างกายของเขา ในขณะนี้ เขาได้ทุ่มสุดตัวไปโดยสมบูรณ์แล้ว ราวกับว่าทุกหยดของความแข็งแกร่งถูกบีบเค้นออกมาจากร่างกายของเขา ดวงตาของเขาได้มืดลง

ขณะที่ฉีจงล้มลง บรรยากาศภายในหุบเขาดูเหมือนจะแข็งตัวขึ้น

ผู้ฝึกตนของตระกูลฉีมองไปยังกันและกันจากนั้นก็มองไปยังศพบนพิ้นด้วยท่าทีปฏิเสธ ผู้ฝึกตนขั้นปลายของเขตแก่นแท้ที่แท้จริงได้ตายไปแล้ว แบบนั้นเลยเหรอ? มันพึ่งเกิดขึ้นจริงเหรอ?

มีหลายคนที่กำลังเขย่าศีรษะของตัวเอง เพราะไม่สามารถยอมรับสิ่งนี้ได้ – มันเป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อชั่วครู่ที่ผ่านมา ดวงตาของเด็กหนุ่มยังคงปิดอยู่ และไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาจะโจมตีเลย

“เขาสังหารผู้นำตระกูลฉีได้อย่างไรกัน?” คนของตระกูลฉีทั้งหมดมองไปด้วยความสับสนอย่างเหลือเชื่อ

Eternal Martial Sovereign

Eternal Martial Sovereign

Score 10
Status: Completed

เนื้อเรื่องโดยย่อ เซี่ยวหยุนซึ่งเป็นอัจฉริยะผู้ปลุกจิตสำนึกของจิตวิญญาณการต่อสู้ ถูกระบุว่าเป็นคนธรรมดาหลังจากการบ่มเพาะของเขาหยุดลง อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาคือจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 จิตวิญญาณการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ ในสมัยโบราณ หลังจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิตได้รับการพัฒนา มันสามารถดูดซับแก่นแท้ปราณของสวรรค์และโลกได้ รวมทั้งรักษาบาดแผลและแก้พิษที่รุนแรงได้

 

ด้วยศิลปะกลืนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่พ่อของเค้าทิ้งไว้ให้ ทำให้เซี่ยวหยุนสามารถรวบรวมจิตวิญญาณการต่อสู้ไว้ใช้ได้เป็นจำนวนมาก เด็กหนุ่มผู้สิ้นหวังได้ท้าทายชะตากรรมและล้างความอัปยศอดสูของตนเอง แล้วก้าวไปบนโลกที่ไร้จุดสิ้นสุดด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิตของเค้า เพื่อกลายเป็นราชันการต่อสู้อมตะ แล้วมีอำนาจเหนือเก้าสวรรค์และเก้าโลก!!!

Options

not work with dark mode
Reset