เสน่ห์คมดาบ 228

ตอนที่ 228

คนของวิหารแห่งแสงรีบเดินทางมาทันที  

 

 

คนที่แต่งชุดสีขาวที่คิดว่าน่าจะเป็นอาร์ชบิชอปและทูตสวรรค์หกปีกกับทูตสวรรค์แปดปีกก็มาปรากฎตัวตรงหน้าของกลุ่มคนที่กำลังทักทายกันทันที  

 

 

“ราชามังกร! ท่านพาเผ่ามังกรมาที่ถิ่นอาศัยของมนุษย์มากมายขนาดนี้ ท่านคิดที่จะท้าทายเจตจำนงของเทพเจ้ามังกรงั้นหรือ? หรือท่านลืมไปว่าเทพเจ้ามังกรมีข้อตกลงกับเทพีแห่งแสงของพวกเรา?” ทูตสวรรค์แปดปีกที่อยู่ข้างหน้าสุดพูดกับเบนด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว  

 

 

แต่คำตอบที่เขาได้รับก็คือพลังที่น่าสะพรึงกลัว พลังยิ่งใหญ่โจมตีเข้าที่หน้าอกของเขา ในช่วงเวลานั้น ทูตสวรรค์แปดปีกถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมทั้งมีเลือดออกจากปากของเขาด้วย ทูตสวรรค์หกปีกทั้งสองที่อยู่ด้านหลังจึงรีบเข้ามาช่วยพยุงเขาไว้  

 

 

“เจ้า…” ทูตสวรรค์แปดปีกหน้าซีดไปทันที เขายกมือขึ้นมาแล้วชี้ไปที่เบนอย่างเหลือเชื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเบนจะกล้าทำแบบนี้  

 

 

“เจ้าอะไร? เจ้าเป็นใครกัน? ก็แค่ทูตสวรรค์ กล้ามาชี้นิ้วใส่ข้าหรือ?!” เบนยิ้มแล้วพูดอย่างเย็นชา “เจ้าต้องจำไว้เสมอนะว่าเจ้าเป็นแค่ผู้ที่อยู่ข้างกายเทพีแห่งแสง เป็นแค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ข้าเนี่ย ข้าเป็นราชามังกรผู้ยิ่งใหญ่ ตอนพูดกับข้าก็ระวังเรื่องน้ำเสียงด้วย ไม่เช่นนั้นมันจะทำให้ผู้คนเขาหัวเราะเยาะเอาได้ว่าผู้ใต้บัญชาของเทพีแห่งแสงน่ะไร้มารยาท เข้าใจหรือไม่?”  

 

 

กลุ่มคนด้านหลังเบนต่างหัวเราะกัน ชีอ้าวชวางเองก็อดขำไม่ได้ ดูท่าทางจะมีแนวโน้มว่าเบนจะเก่งเสียยิ่งกว่าผู้สอนเสียอีก เบนคนที่หุนหันพลันแล่นแบบตอนแรกไม่มีแล้ว ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยคนที่ฉลาดไร้ยางอายแทน ซัมเมอร์ปิดปากหัวเราะ  

 

 

“ท่าน!” หลังจากทูตสวรรค์แปดปีกยืนขึ้นได้ แม้ว่าเขาจะโกรธมาก แต่เขาก็เข้าใจว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชามังกร จึงถอนหายใจยาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ “ท่านราชามังกร ข้าขอถามว่าท่านพาเผ่ามังกรมาที่นี่จำนวนมากขนาดนี้ทำไม? เทพเจ้ามังกรมีข้อตกลงกับเทพีแห่งแสงว่าเผ่ามังกรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับโลกมนุษย์ไม่ได้ แต่การกระทำของท่านเมื่อครู่ ดูเหมือนกำลังละเมิดข้อตกลงของพวกเขานะ”  

 

 

“เจ้าเป็นคนหรือ?” เบนยิ้มเย็นชา “เจ้าไม่ใช่คนเสียหน่อย ที่ข้าลงมือกับเจ้าก็แค่จะสอนให้เจ้ารู้มารยาทเท่านั้น ข้าไปละเมิดข้อตกลงเมื่อไหร่กัน?”  

 

 

“ใช่ ไอ้พวกนก” ซัมเมอร์กระซิบ พวกนกนี่เป็นคำที่ชีอ้าวชวางสอนนาง พอนางได้ฟังแล้วคิดดูอย่างละเอียดก็รู้สึกว่าคำนี้ดูเหมาะดี  

 

 

“หุบปาก! เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ เจ้าจะพูดอะไรก็ได้นะ!” ทูตสวรรค์หกปีกที่อยู่ด้านหลังต่อว่าแล้วทำท่าเหมือนจะลงมือ  

 

 

“หึ!” เบนส่งเสียงเย็นชา จากนั้นลมหายใจที่น่ากลัวก็พุ่งไปที่ทูตสวรรค์หกปีก ทูตสวรรค์หกปีกมีเลือดไหลออกมาจากปาก เลือดกระเซ็นอยู่ในอากาศอย่างน่าตกใจ  

 

 

“ราชามังกร! ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้!” ทูตสวรรค์แปดปีกคุมสีหน้าไม่อยู่แล้ว  

 

 

ทุกคนเริ่มชมละคร พวกเขาทั้งหมดเลิกคิ้วดูการแสดงตรงหน้า  

 

 

“เจ้าฟังให้ชัดนะ ก่อนอื่นเลย ข้าไม่ได้ละเมิดข้อตกลงระหว่างเทพเจ้ามังกรและเทพีแห่งแสง พวกเราเผ่ามังกรแค่มาเที่ยวชมที่นี่เท่านั้น เจ้ามองอย่างไรถึงเห็นว่าเรามาทำร้ายมนุษย์หรือถิ่นที่อยู่ของมนุษย์? พวกเจ้าเสียอีกที่น่ารังเกียจ พวกเจ้าเอาแต่พูดว่าจะปกป้องมวลมนุษย์ แต่พวกเจ้ากลับมองพวกเขาราวกับมด ทั้งเหยียบย่ำและดูถูกพวกเขาสารพัด” เบนยื่นมือออกไปโอบซัมเมอร์แล้วพูด “สำหรับพวกนกหกปีกด้านหลังนั่น พวกเขาพูดจาดูถูกคู่หมั้นของข้า ข้าสั่งสอนพวกเขาไปนั่นก็ถือว่าเบาแล้ว ที่ข้าไม่เอาชีวิตพวกเขาเพราะข้าเห็นแก่เทพเจ้ามังกรหรอกนะ”  

 

 

พอเบนพูดจบทุกคนก็ตะลึงไป รวมถึงพวกของชีอ้าวชวางด้วย สุ่ยเหวินโม่มองไปที่ภาพตรงหน้า ตาเบิกกว้าง พูดอะไรไม่ออกสักคำ  

 

 

“ข้าไปเป็นคู่หมั้นของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซัมเมอร์กระซิบ แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวออกจากอ้อมแขนของเบน  

 

 

“เมื่อกี้นี้ไง” เบนยิ้มแล้วโอบซัมเมอร์แน่นยิ่งขึ้น  

 

 

ชีอ้าวชวางแอบถอนหายใจ นางมีทั้งความสุขและความกังวล ในที่สุดเบนก็ข้ามกำแพงนี้ไปได้แล้ว อีกทั้งดูจากท่าทีของซัมเมอร์ก็ไม่ได้รังเกียจเบน แถมอาจจะชอบเบนด้วยซ้ำ แต่ว่าพวกเขาคนหนึ่งเป็นมังกร คนหนึ่งเป็นมนุษย์ จะใช้ชีวิตร่วมกันได้จริงๆ หรือ?  

 

 

ความเจ็บปวดฉายในแววตาของสุ่ยเหวินโม่ เขามองซัมเมอร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของเบนแล้วกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เลือดจากมือของเขาไหลและหยดลงที่พื้นโดยที่เขาไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บนั้นเลย ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งแตะที่บ่าของเขา สุ่ยเหวินโม่หันไปมอง เขาเห็นสีหน้าเป็นห่วงของเฟิงอี้เซวียนจึงก้มหน้าลงแล้วไม่พูดอะไรอีก ความรักของเขาครั้งนี้ยังไม่ทันได้เริ่มต้นก็ดูท่าจะต้องจบลงเสียแล้ว  

 

 

“ราชามังกร!” ทูตสวรรค์แปดปีกโกรธจนตัวสั่นแต่ไม่กล้าทำอะไรราชามังกร เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชามังกร แต่ทูตสวรรค์แปดปีกไม่ได้โง่ เขาปรับอารมณ์ของตัวเองแล้วพูดเสียงเรียบ “ความหมายของราชามังกรก็คือท่านแค่จะมาเที่ยวชมเท่านั้น และจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับสงครามระหว่างมนุษย์ใช่หรือไม่?”  

 

 

“ใช่” เบนยิ้มน้อยๆ และพยักหน้า ใบหน้าที่งดงามของเขามองไปที่ทูตสวรรค์แปดปีกด้วยรอยยิ้มร้ายที่ทำให้ใจสั่น เพราะทูตสวรรค์แปดปีกรู้ดีว่าแม้จะเป็นอย่างที่ราชามังกรพูดจริงๆ ก็คือเผ่ามังกรจะไม่เข้ามาด้านใน แต่ว่าแค่มีเผ่ามังกรอยู่รอบๆ ก็เป็นการทำให้สั่นสะเทือนได้แล้ว หากสองประเทศประกาศสงครามกันแล้วมีเผ่ามังกรจำนวนมากมาอยู่ที่ลากัคก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามระส่ำระส่ายจนล่มสลายไปได้เลย!  

 

 

น่าเกลียด! น่าเกลียดเกินไปแล้ว! ทูตสวรรค์แปดปีกกัดฟันด้วยความโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะเทพีกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมสงครามศักดิ์สิทธิ์จนไม่มีเวลามาดูแลเรื่องทางนี้มากนัก สถานการณ์จะเลวร้ายถึงขนาดนี้ได้อย่างไร!  

 

 

“เช่นนั้น ท่านราชามังกร ความหมายของท่านก็คือถ้าพวกเราต่อสู้กับพวกเขา พวกท่านก็จะไม่ยุ่งใช่หรือไม่?” ทูตสวรรค์แปดปีกชี้ดาบไปที่ชีอ้าวชวางแล้วถามอย่างเย็นชา  

 

 

เบนหัวเราะแล้วโอบซัมเมอร์หลบไปอีกทาง จากนั้นก็พูดอย่างร่าเริง “เชิญเลย พวกเราจะรอดู” พอเบนพูดจบเขาก็เอาม้านั่งออกมาจากแหวนมิติไปวางไว้อีกด้าน จากนั้นก็ไปนั่งกับซัมเมอร์คนละตัว ซัมเมอร์มองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างกังวล พอนางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เบนก็มากุมมือของนางไว้แล้วส่ายหัวเป็นการบอกนางว่าไม่ต้องกังวล ซัมเมอร์อึ้งแล้วนั่งอยู่อย่างเงียบๆ ภาพเหล่านั้นอยู่ในสายตาของสุ่ยเหวินโม่ตลอด เขารู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดแทงใจ  

 

 

“ฉู่ซิน มานี่ เรามาดูการแสดงด้วยกันสิ” รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของตงเฟิงโฮ่ว เขาลากเฉียวฉู่ซินไปทางที่เบนอยู่แล้วสะบัดนิ้วเบาๆ จากนั้นก็มีเถาวัลย์ที่งดงามโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน เถาวัลย์นั้นมีดอกไม้เบ่งบานและส่งกลิ่นหอมด้วย จากนั้นเถาวัลย์ก็รวมกับอย่างรวดเร็วกลายเป็นที่นั่ง ตงเฟิงโฮ่วลากเฉียวฉู่ซินไปนั่งที่เก้าอี้ที่ทำจากเถาวัลย์นั้น ยิ่งไปกว่านั้นก็คือตงเฟิงโฮ่วได้ทำการอัญเชิญบางสิ่งที่ดูเหมือนถ้วยชาออกมาสองใบแล้วส่งให้เฉียวฉู่ซินใบหนึ่ง จากนั้นเขาก็อธิบายอย่างละเอียด “ฉู่ซิน น้ำผึ้งที่อยู่ข้างในจะมีรสชาติที่งดงามมากๆ เจ้าสัตว์เวทที่เป็นเหมือนถ้วยชานี้มันจะผลิตสิ่งนี้ออกมาห้าปีครั้งเท่านั้นเองนะ” เฉียวฉู่ซินมองไปทางชีอ้าวชวางอย่างกังวล แต่ตงเฟิงโฮ่วกลับพูด “วางใจเถอะ ความแข็งแกร่งของชีอ้าวชวางไม่มีใครเทียบได้แล้ว พวกเราไปช่วยไม่ได้หรอก เรามานั่งชมอยู่สบายๆ แบบนี้ดีกว่า แบบนี้ก็จะไม่ทำให้พวกเขาเดือดร้อนด้วย”  

 

 

ทุกคนนิ่งไปทันที มันเป็นเหตุผลที่ดีและแข็งแกร่งมาก แต่ก็เป็นความจริง ความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนนี้มีแต่จะทำให้ชีอ้าวชวางเดือดร้อนก็เท่านั้น  

 

 

ชีอ้าวชวางแสยะมุมปาก คนพวกนี้เชื่อในความแข็งแกร่งของนางมากเกินไปแล้ว พวกเขาไปนั่งดูเหมือนดูการแสดงกันจริงๆ  

 

 

ส่วนทางด้านของวิหารแห่งแสง ในที่สุดก็ระเบิดออกมาแล้ว! สิ่งที่พวกเขาได้รับรู้คือมนุษย์ต่ำต้อยพวกนี้ทำเหมือนพวกเขาเป็นเรื่องสนุกและดูถูกพวกเขา! ราชามังกรเดินออกไปแล้ว แต่มนุษย์พวกนี้ยังกล้าดูหมิ่นพวกเขาอยู่อีก! อภัยให้ไม่ได้!  

 

 

“ไปตายซะ! เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อย!” ทูตสวรรค์แปดปีกยกดาบขึ้นแกว่งไปทางเฉียวฉู่ซิน  

 

 

จากนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้น ตงเฟิงโฮ่วเรียกสัตว์เวทที่มีเกราะเหล็กออกมาป้องกันการโจมตีที่รุนแรงนี้ทันที จากนั้นตงเฟิงโฮ่วก็หันไปทางชีอ้าวชวางแล้วพูด “อ้าวชวาง เอาเลย สู้ๆ พวกเราจะคอยเสริมเจ้าเอง”  

 

 

เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาจากที่ท้ายทอยของชีอ้าวชวาง  

 

 

“เฮ้อ แบบนี้เรียกว่าคนเหมือนๆ กันมักอยู่ด้วยกัน คนพวกนี้ถูกเจ้าพาไปในทางที่ผิดหมดแล้ว” เสียงที่แฝงความปวดใจอยู่ของเฮยหยู่ดังขึ้นด้านหลัง  

 

 

ชีอ้าวชวางเหงื่อตกอีกครั้ง พอมาคิดๆ ดูมันก็เป็นจริงตามนั้น ตั้งแต่ที่คนเหล่านี้มาอยู่กับนางก็กลายเป็นแบบนี้กันไปหมดเลย  

 

 

“อย่ามัวพูดจาไร้สาระ” ไป๋ตี้พูดออกมาเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา เวลาต่อมา แสงสีขาวก็เปล่งประกายจากด้านหลังของชีอ้าวชวาง  

 

 

เฮยหยู่ยักไหล่ จากนั้นแสดงสีดำก็เปล่งประกายออกมาเช่นกัน  

 

 

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงกรีดร้องแล้วก็เงียบไปทันที  

 

 

การสังหารในเสี้ยววิ!  

 

 

ทูตสวรรค์แปดปีกและทูตสวรรค์หกปีกทั้งสองถูกตัดครึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น เลือดสีแดงสดไหลออกจากร่างของพวกเขาจนเต็มพื้นไปหมด  

 

 

ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นยังมองไม่ทันเลยด้วยซ้ำว่าไป๋ตี้และเฮยหยู่ลงมือกันอย่างไร  

 

 

คนที่มองทันมีเพียงแค่สามคนเท่านั้น นั่นก็คือเบน ชีอ้าวชวางและเฟิงอี้เซวียน  

 

 

อาวุธของไป๋ตี้คือดาบยาวสีขาวบริสุทธิ์ราวหิมะ ดาบนั้นออกมาจากมือข้างซ้ายของไป๋ตี้เอง ส่วนอาวุธของเฮยหยู่คือเคียวสีดำ หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วทั้งสองก็รีบเก็บอาวุธของตัวเองไปทันที  

 

 

ทุกคนตกตะลึงเพราะไม่มีใครคาดคิดเลยว่าไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่เพิ่งได้คืนร่างมนุษย์จะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวเช่นนี้  

 

 

อาร์ชบิชอปมองเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้าอย่างตะลึง เขาได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า สิ่งที่เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในใจของพวกเขากลับมาถูกฆ่าตายไปภายในเสี้ยววินาทีแล้ว  

 

 

บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยความเงียบ  

 

 

พวกกลุ่มคนที่นั่งดูการแสดงอยู่ก็มองภาพตรงหน้าอย่างตะลึงงันเช่นนั้น นี่จบแล้วหรือ?! ม้านั่งยังไม่ทันอุ่นเลยก็จบเรื่องแล้ว!  

Related

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

Score 10
Status: Completed

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง 

กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! 

เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!? 

Options

not work with dark mode
Reset