เสน่ห์คมดาบ 229

ตอนที่ 229

ลมพัดมาเบาๆ พัดใบไม้ปลิวร่วงหล่นไป

 

 

สายลมในฤดูใบไม้ร่วงไม่หนาวเย็นมากนัก แต่อาร์ชบิชอปผู้นั้นยังคงยืนแข็งค้าง เขาหยุดการกระทำและคำพูดทั้งหมดไปเลย

 

 

“อืม…” ในที่สุดชีอ้าวชวางทำลายความเงียบแล้วมองไปที่อาร์ชบิชอปที่นิ่งค้างอยู่แล้วพูด “เอ่อ ยังต้องต่อสู้กันอีกหรือไม่?”

 

 

“อ๊าก…”

 

 

เสียงร้องที่หวาดกลัวดังเสียดแทงเข้าไปในแก้วหูของทุกคน อาร์ชบิชอปผู้นั้นหมุนตัวจะหนี เฮยหยู่กำลังจะฆ่าเขาแล้ว แต่ถูกเหลิ่งหลิงยวิ๋นห้ามเอาไว้ก่อน

 

 

“เดี๋ยวก่อนอย่าฆ่าเขา” เหลิ่งหลิงยวิ๋นเอ่ยปากหยุดเขาทันที “จับตัวเขาไว้”

 

 

วินาทีต่อมาอาร์ชบิชอปผู้นั้นก็ถูกเฮยหยู่พากลับมาอย่างง่ายดาย

 

 

“จับข้าไปทำอะไร?”เฮยหยู่เขย่าตัวอาร์ชบิชอปที่เขาจับมาจนอวัยวะภายในทั้งห้าของอาร์ชบิชอปแทบจะถูกเขย่าออกมา

 

 

“เก็บเขาไว้ก่อน คำพูดของเขาโน้มน้าวใจคนได้” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดเรียบๆ

 

 

“พวก พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? ข้าไม่ยอมเชื่อฟังพวกเจ้าหรอก! ข้าจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทรยศต่อเทพีเด็ดขาด!” แม้ว่าอาร์ชบิชอปจะตัวสั่นแต่เขาก็พูดอย่างเฉียบขาด

 

 

“เหอะ!” สีเฉ่าซื่อส่งเสียงเย็นชา “เรารู้ว่าเจ้ามีความภักดี แต่สิ่งที่เราต้องการคือตัวตนของเจ้า เราต้องการร่างกายของเจ้า ไม่ได้ต้องการจิตวิญญาณภักดีของเจ้า”

 

 

ใบหน้าของอาร์ชบิชอปดูสิ้นหวังในทันที วินาทีต่อมาพอชีอ้าวชวางสะบัดนิ้ว เขาก็สลบไป จนกระทั่งเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าสายตาของเขาจะยังคงเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลย

 

 

“ต้องการให้ข้าทำอะไร?” อาร์ชบิชอปถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่สุภาพ

 

 

“วิธีนี้โหดร้ายมาก” ตงเฟิงโฮ่วพยักหน้าอยู่ข้างๆ การควบคุมจิตใจนั้นยอดเยี่ยมมาก ตงเฟิงโฮ่วรู้ดีว่าในบรรดาคนกลุ่มนี้ นอกเหนือจากเขาแล้ วชีอ้าวชวางคือคนที่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งที่สุด

 

 

จากนั้น ทุกอย่างก็คือการสังหารหมู่ที่เป็นความลับ

 

 

ทุกคนข้าไปในวิหารแห่งแสงของลากัคได้เพราะการนำของอาร์ชบิชอป พวกเขาพบทูตสวรรค์แปดปีกและทูตสววรค์หกปีกที่ด้านหลังวิหารอีก พวกเขาได้รู้จากอาร์ชบิชอปมาว่าทูตสวรรค์ที่ลงมาในครั้งนี้มีทั้งหมดสิบแปดตน แบ่งเป็นทูตสววรค์แปดปีกจำนวนแปดตนและทูตสวรรค์หกปีกอีกจำนวนสิบสองตน ส่วนที่อยู่ลากัคมีทั้งหมดหกตน ก็คือทูตสวรรค์แปดปีกสองตน และทูตสวรรค์หกปีกสี่ตน นอกนั้นอยู่ที่อันพาแกรนด์ ทูตสวรรค์ที่อยู่ที่ลากัคถูกกำจัดหมดแล้ว จากนั้นแผนการของคามิลล์ก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

 

 

เป็นดังที่คิดไว้ ผู้ศรัทธาในวิหารแห่งแสงสว่างที่ลากัคไม่เชื่อสิ่งที่เขียนไว้ในกระดาษเหล่านั้น แม้ว่าอาร์ชบิชอปจะออกมาพูดแต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่เชื่อ ความเชื่อฝังรากลึกมาหลายปีแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปลี่ยนความเชื่อนั้นในเวลาชั่วข้ามคืน แต่ก็อย่างที่คามิลล์บอก พวกเขาไม่จำเป็นต้องเชื่อ ขอเพียงแค่สงสัยเท่านั้นก็พอแล้ว ส่วนคนในกองทัพนั้น พวกเขาคือผู้ที่คอยปกป้องอำนาจกษัตริย์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เชื่อในวิหารแห่งแสงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

 

เพียงชั่วข้ามคืน พลังของวิหารแห่งแสงก็ถูกลบล้างไปอย่างลับๆ ตอนนี้ที่วิหารแห่งแสงกลายเป็นวิหารที่ว่างเปล่าไปแล้ว

 

 

เหล่ามังกรนั่งอยู่รอบๆ เมืองหลวง โดยมีอาหารและน้ำสะอาดที่ทางจักรพรรดิของลากัคจัดเตรียมไว้ให้ จักรพรรดิแห่งลากัคได้รับประโยชน์สูงสุดจากเหตุการณ์นี้ ในขณะนี้เขากำลังหัวเราะกับอันลิซ่าอยู่ภายในวัง

 

 

“ฮ่าๆ อันลิซ่า คราวนี้ฮ่าๆ…” จักรพรรดิเอาแต่หัวเราะไม่พูดคำต่อจากนั้นสักที “ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องคอยมองพวกของวิหารนั่นมาโกงกินอยู่ในแผ่นดินเราอีกแล้ว ฮ่าๆ…แถมยังมีความช่วยเหลือจากเผ่ามังกรอีกด้วย สงครามครั้งนี้ ฮ่าๆ ชนะแน่นอน”

 

 

“เผ่ามังกรไม่มีทางช่วยฝ่าบาทต่อสู้หรอก” อันลิซ่ากำลังรินน้ำเย็นอยู่

 

 

“เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว พอสงครามเริ่มขึ้น แค่มีพวกเขาบินอยู่เหนือหัวของพวกเราก็พอแล้ว” ดวงตาของจักรพรรดิหรี่ลงเป็นเส้นตรงพร้อมกับรอยยิ้ม “อันพาแกรนด์เอาแต่คอยกดและทำให้เราลำบากมาตลอด คราวนี้ถึงเวลาที่เราจะแก้แค้นแล้ว”

 

 

“การแก้แค้นของฝ่าบาทช่างยิ่งใหญ่จริงๆ ครั้งนี้ถือเป็นการกำจัดพวกเขาเลยนะ” อันลิซ่าแสยะมุมปาก

 

 

“อย่าพูดเช่นนั้นสิ ฮ่าๆ” จักรพรรดิกำลังอารมณ์ดีมาก “ต้องขอบคุณลูกสะใภ้ของเจ้าจริงๆ ความช่วยเหลือกลายๆ ของเผ่ามังกรในครั้งนี้ก็เป็นเพราะความสัมพันธ์ของนาง แถมความแข็งแกร่งของนางยังก้าวหน้าขึ้นมากด้วย ทุกคนรอบตัวนางก็มีพลังที่น่ากลัวมากๆ”

 

 

อันลิซ่าไม่พูดอะไรอีก จักรพรรดิเห็นท่าทางผิดปกติของอันลิซ่า เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถาม “เป็นอะไรไป มีปัญหาอะไรหรือ?”

 

 

“ฝ่าบาทก็รู้เรื่องคับแค้นใจและความเจ็บปวดที่เด็กคนนั้นต้องทนทุกข์ดี คราวนี้นางจะต้องเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้นตรงๆ ข้าไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วมันจะเป็นอย่างไร แต่ข้าไม่อยากให้คนเหล่านั้นมาทำให้นางต้องทนทุกข์อีกต่อไปแล้ว” อันลิซ่าพูดแล้วถอนหายใจยาว

 

 

“เรื่องนี้ไม่เป็นไรหรอก เรื่องตระกูลฮิลล์อะไรนั่น พวกเราไปจัดการกันเองก็จบแล้ว ไม่ต้องให้พวกเขาเผชิญหน้ากัน แล้วก็ไม่ต้องให้ลูกสะใภ้ของเจ้าไปเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนั้นด้วย” จักรพรรดิพูด

 

 

“ไม่” อันลิซ่าส่ายหัวเบาๆ “ฝ่าบาทไม่รู้จักเด็กคนนั้น…เราต้องปล่อยให้นางแก้ไขปัญหาด้วยเอง ปมในใจของนางจะได้คลายเสียที” อันลิซ่าพูดเบาๆ

 

 

“เช่นนั้นก็ได้ หลังจากที่กองทัพเดินหน้าแล้ว ข้าจะบอกทุกคนว่าอย่าไปยุ่งกับตระกูลฮิลล์” จักรพรรดิพูดอย่างเคร่งขรึม

 

 

“อื้ม” อันลิซ่าพยักหน้าเบาๆ ชีอ้าวชวางอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่แล้ว แต่นางกลับเงียบและปิดตัวเองอยู่ในห้องตลอด ไม่มีใครไปรบกวนนาง ทุกคนเข้าใจดีว่าในเวลานี้ให้นางได้อยู่เงียบๆ จะดีที่สุด

 

 

ในคืนที่เงียบเหงาและเย็นสบาย ชีอ้าวชวางนอนอยู่เงียบๆ บนเตียงและกอดแมวล่าสมบัติไปด้วย แมวล่าสมบัติหาวและเอาเท้าขึ้นมาปัดที่หน้า จากนั้นมันก็หาท่าที่สบายในอ้อมกอดของชีอ้าวชวาง

 

 

“อาเป่า เจ้าห่วงใยอะไรมากที่สุดหรือ?” ชีอ้าวชวางถามแมวล่าสมบติที่อยู่ในอ้อมกอดเบาๆ

 

 

“เหมียว?” แมวล่าสมบัติได้ยินก็มองไปที่ชีอ้าวชวางตาโต จากนั้นก็ร้องเหมียวๆ ออกมา

 

 

“โพ่เทียนใช่หรือไม่?” ชีอ้าวชวางมองท่าทางของแมวล่าสมบัติและยิ้มออกมา

 

 

“เหมียว!” แมวล่าสมบัติพยักหน้า

 

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดถึงเขาหรือไม่?” ชีอ้าวชวางยิ้มแล้วลูบหัวของแมวล่าสมบัติ

 

 

แมวล่าสมบัติพยักหน้าต่อ แม้ว่าโลกนี้จะมีอาหารอร่อยๆ มากมาย แต่ตอนนี้เริ่มคิดถึงคนๆ นั้นเสียแล้ว

 

 

“รอให้จัดการเรื่องต่างๆ เสร็จก่อนนะ แล้วข้าจะส่งเจ้ากลับไปดีหรือไม่?” ชีอ้าวชวางลูบแมวล่าสมบัติยิ้มๆ แมวล่าสมบัติพยักหน้าแล้วทิ้งตัวลงในอ้อมกอดของชีอ้าวชวางอีกครั้ง

 

 

ทันใดนั้น ชีอ้าวชวางก็เงยหน้ามองไปที่หน้าต่าง การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยที่หน้าต่างไม่อาจหลบเลี่ยงไปจากการรับรู้ของชีอ้าวชวางได้เลย นางวางแมวล่าสมบัติลงแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างอย่างเบามือ จากนั้นก็ยิ้มอย่างไม่พอใจนัก “ดึกขนาดนี้แล้วเจ้ามาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ที่นี่?”

 

 

พอชีอ้าวชวางพูดจบ คนๆ นั้นก็หันมา คนๆ นั้นคือเฟิงอี้เซวียนนั่นเอง!

 

 

“ข้าอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” หลังจากหันมาแล้วเฟิงอี้เซวียนก็พูดอย่างลังเล

 

 

ชีอ้าวชวางมองเฟิงอี้เซวียนอยู่สักพักและไม่ได้พูดอะไร มีเพียงประกายความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในดวงตา และความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ภายในใจของนาง

 

 

“สงครามกำลังจะปะทุขึ้นในอีกไม่ช้านี้แล้ว เดิมทีเจ้าเป็นประชากรของอันพาแกรนด์ แต่ครั้งนี้กลับมายืนอยู่ในตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้ ข้ารู้ว่าเจ้าคงรู้สึกไม่ดีนัก…” เสียงของเฟิงอี้เซวียนเบาลงเรื่อยๆ

 

 

ชีอ้าวชวางหลุบตาลงและถอนหายใจเบาๆ นางก้าวไปข้างหน้าและปิดหน้าต่างก่อน จากนั้นก็เดินไปที่เตียงและนั่งลงตบที่ตำแหน่งข้างๆ ของนาง “เจ้ามานั่งก่อนสิ”

 

 

เฟิงอี้เซวียนตะลึง รีบเดินไปนั่ง ตอนนี้ชีอ้าวชวางทำให้เขารู้สึกแปลกและไม่คุ้นเคยมากๆ แถมยังเศร้าและเหงามากๆ ด้วย!

 

 

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าโลกนี้มีกี่มิติ?” ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ

 

 

“อืม โลกอสูร โลกปีศาจ โลกเทพเจ้า” เฟิงอี้เซวียนพยักหน้าแล้วตอบ

 

 

“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่ายังมีโลกอื่นอยู่อีก?” ชีอ้าวชวางถอนหายใจยาว “โลกที่ต่างจากโลกนี้ ต่างจากที่แห่งนี้”

 

 

เฟิงอี้เซวียนตกใจเล็กน้อยจากนั้นก็มองชีอ้าวชวาแล้วพูด “ข้าไม่รู้ แต่ข้าเชื่อเรื่องโลกอื่นที่เจ้าพูดถึง”

 

 

“ใช่ ข้ามาจากโลกอื่น” ชีอ้าวชวางมองเฟิงอี้เซวียนด้วยรอยยิ้ม เฟิงอี้เซวียนไม่มีปฏิกิริยาอื่นเลย เขาเพียงแค่ประหลาดใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นเฟิงอี้เซวียนก็รอฟังคำพูดต่อไปของชีอ้าวชวางอย่างเงียบๆ เขารู้ว่าสิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือการฟังไม่ใช่การตั้งคำถาม

 

 

“ข้า…ไม่ได้เป็นคนของโลกแห่งนี้” รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชีอ้าวชวาง “ข้ามาจากโลกอื่น แคลร์คนเดิมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้ววิญญาณของข้าก็ผ่านไปพอดีจึงไปอยู่ในร่างของนาง ดังนั้น…” ดังนั้นคุณหนูใหญ่บ้าผู้ชายคนเดิมจึงเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน และสุดท้ายก็กลายเป็นดวงดาวจรัสแสงนี้!

 

 

ชีอ้าวชวางไม่ได้พูดอะไรเลย แต่นางตกอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นแล้ว เฟิงอี้เซวียนกอดชีอ้าวชวางไว้แน่นแล้วพูดเบาๆ แต่หนักแน่น “ไม่ว่าเจ้าจะมาจากไหน เจ้าก็คือเจ้า ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่และเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา เจ้าคือชีอ้าวชวาง เจ้าคือเพื่อนของพวกเราทุกคน เจ้าคือคนที่พวกเรารักและห่วงใยนะ”

 

 

ชีอ้าวชวางตะลึง นางมองตรงไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่าและรับอ้อมกอดอันอบอุ่นของเฟิงอี้เซียน ผ่านไปสักพัก ชีอ้าวชวางก็ค่อยๆ หลับตาลงและพิงไหล่ของเฟิงอี้เซวียนเบาๆ

 

 

“ขอบคุณนะ…”

 

 

ชีอ้าวชวางพูดประโยคที่นุ่มนวลและเงียบสงบ จากนั้นน้ำตาของนางก็ไหลจากหางตา

 

 

“อ้าวชวาง ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป หากเกิดเรื่องไม่คาดคิดที่มาแยกเราออกจากกัน ข้าก็จะตามหาเจ้า ข้าจะตามหา ตามหาไปเรื่อยๆ…ตามหาจนกว่าจะได้พบกับเจ้า” น้ำเสียงของเฟิงอี้เซวียนหนักแน่นและมั่นคงมาก

 

 

“เฟิงอี้เซวียน…” ชีอ้าวชวางอึ้งไปเล็กน้อย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชีอ้าวชวางไม่เคยมองความรู้สึกของตัวนางเองเลย นับประสาอะไรกับการจะไปสนใจความรู้สึกของเฟิงอี้เซวียนที่มีต่อนาง แต่ตอนนี้…

 

 

“น้องสาว!”ทั นใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกและใบหน้าที่งดงามของหลี่เยว่เหวินก็ปรากฎอยู่ที่ประตู พอหลี่เยว่เหวินเห็นสถานการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจนนางก็แทบคลั่งไปทันที!

 

 

“ไอ้เด็กบ้านี่! เจ้าเข้ามาในห้องน้องสาวข้ากลางดึกเช่นนี้คิดจะทำอะไร? เจ้ามันคิดไม่ดีใช่หรือไม่!” หลี่เยว่เหวินก่นด่าอย่างบ้าคลั่งแล้วเหวี่ยงกริชออกไปทันที

Related

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

Score 10
Status: Completed

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง 

กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! 

เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!? 

Options

not work with dark mode
Reset