หมัดอัสนีสวรรค์ปะทะฝ่ามือโฮคุชิน เย่เทียนเฉินสู้กับมัตสึโมโตะชิโมะเค็น
หลังจากที่สู้กันมา 10 นาที ทั้งสองก็ผละออกจากกัน แม้ต้องเผชิญหน้ากับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง เย่เทียนเฉินก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว ต่อให้ถูกฝ่ามือโฮคุชินไปแล้วสามฝ่ามือแต่เย่เทียนเฉินก็ยังคงมีท่าทีแข็งกร้าว ในดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอันไร้คู่ต่อกร ต่อให้อยู่เบื้องหน้ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นที่แข็งแกร่งกว่าเขา เขาก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว จิตใจอันไร้คู่ต่อกรที่เกิดจากความกลัวเช่นนั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความกล้าหาญ
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเปลี่ยนความคิดแล้ว เดิมทีเขายังอยากให้เย่เทียนเฉินเข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริว จะอย่างไรชายหนุ่มชาวจีนคนนี้ก็สร้างความสั่นสะท้านให้เขามากเกินไป เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินยังอายุน้อยจ อายุน้อยกว่าฮิคาวะมาก แต่ความสามารถในการต่อสู้กลับแข็งแกร่งขนาดนั้น ถึงกับสามารถฆ่าฮิคาวะได้ ตอนนี้ถ้าหากคนเช่นนี้ทำงานให้สำนักโฮคุชินอิตโตริวของตนและให้พวกเขาบ่มเพาะเลี้ยงดูก็เป็นไปได้มากว่าจะเป็นเรื่องดีต่อสำนักโฮคุชินอิตโตริวอย่างใหญ่หลวง ส่วนเรื่องฮิคาวะย่อมไม่สำคัญเช่นนั้นอีก
เพียงแต่เมื่อผ่านการต่อสู้เมื่อครู่นี้มาแล้ว มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเห็นสายตาอันไร้คู่ต่อกรของเย่เทียนเฉิน แม้พลังบ่มเพาะของเขาจะสูงกว่าเย่เทียนเฉิน ความสามารถจะแข็งแกร่งกว่าเย่เทียนเฉินมาก แต่สายตาที่ไร้คู่ต่อกรของเย่เทียนเฉินเช่นนั้นทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกหวาดกลัวจริงๆ กระทั่งไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง
สำหรับยอดฝีมืออย่างแท้จริงจะสามารถอ่านสายตาเช่นนั้นได้ ความแข็งแกร่งของคนผู้หนึ่งไม่ได้มีแค่ด้านพลังการบ่มเพาะเท่านั้น ที่สำคัญกว่าก็คือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันแข็งกร้าวและไร้ซึ่งศัตรู ความสามารถของเขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นแข็งแกร่งมาก เรียกได้ว่านับเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ ในสำนักโฮคุชินอิตโตริวเลยก็ว่าได้ นอกจากจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ แล้ว เหนือกว่าเขายังมีผู้อาวุโสระดับสูงอีกหลายท่าน แต่คนเหล่านี้ ไม่ได้มาวุ่นวายอะไร รู้จักแต่บ่มเพาะความสามารถหรือไม่ก็นั่งรักษาลมหายใจเฮือกสุดท้ายเอาไว้ ดูว่าจะยืดเวลาออกไปได้นานแค่ไหน ถึงแม้ว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะแข็งแกร่งถึงระดับนี้เขาก็ไม่เคยมีสายตาเช่นนั้นได้เลย เขาเคยได้ยินจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่กล่าวว่าคนที่มีสายตาไร้คู่ต่อสู้เช่นนี้จะมีความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจและความแน่วแน่เป็นอย่างมาก การที่คนเช่นนี้จะแข็งแกร่งขึ้นมาได้ก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น เนื่องจากเขามีจิตวิญญาณแน่วแน่ไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับความยากลำบากใด จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ นี่จะน่ากลัวขนาดไหนกัน?
ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงไม่ยอมให้สำนักโฮคุชินอิตโตริวใช้ประโยชน์ มัตสึโมโตะชิโมะเค็นต้องการฆ่าเขา หากเย่เทียนเฉินไม่ตาย สำนักโฮคุชินอิตโตริวจะต้องเกิดความยุ่งยากอย่างใหญ่หลวงแน่นอน นี่เป็นคนที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้เอง ฝ่ามือทั้งสองของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแฝงไปด้วยปราณแท้สีดำขนาดใหญ่ แข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้อีก เขาเดินเข้าไปหาเย่เทียนเฉินทีละก้าว ในตอนที่อยู่ห่างจากเย่เทียนเฉิน 10 เมตรก็ใช้น้ำเสียงเผด็จการชี้เป็นชี้ตายชีวิตของผู้อื่นกล่าวขึ้นว่า “ไปตายซะ!”
พลั่ก!
ฝ่ามือตบลงไป พลังของฝ่ามือนี้แข็งแกร่งมาก เรียกได้ว่าปกคลุมไปครึ่งท้องฟ้าเลยก็ว่าได้ ไม่ได้อวดอ้างแม้แต่น้อย นั่นคือปราณแท้สีดำแปรสภาพออกมาบริเวณมือขวาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็น ความอำมหิตและไอสังหารของปราณแท้สีดำนี้แข็งแกร่งมาก ในตอนที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะเริ่มสู้กับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นเขาก็รับรู้ได้แล้วว่าหากไม่ใช่เพราะกายเนื้อของตนแข็งแกร่งและสามารถเลี่ยงจุดสำคัญได้ หากถูกซัดเข้าไปสามฝ่ามือจริงๆ เขาคงลุกไม่ขึ้นแน่นอน
เย่เทียนเฉินรู้สึกจิตวิญญาณสั่นไหว คิดถึงฝ่ามือหนึ่งที่อาจจะยับยั้งฝ่ามือโฮคุชินนี้ได้ บางอย่างไม่อาจใช้เพียงความสามารถอันแข็งแกร่งไปกดข่ม แต่ต้องพิจารณาการแพ้ทางของสรรพสิ่งให้ดี นี่ก็คือเคล็ดวิชาห้าธาตุ หลักการก็คือสรรพสิ่งล้วนมีแพ้มีชนะต่อกัน
ฟุ่บ!
เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามืออันโหดเหี้ยมถึงขนาดนั้นของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นที่ซัดลงมา ทั้งยังมีพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เย่เทียนเฉินกลับยืนอยู่กับที่ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน มือขวาโบกสะบัดพริ้วไหว ปรากฏเป็นเงาลวงตาบางอย่างคล้ายกับฝ่ามือของผู้หญิง มีความบอบบางปานนั้น โจมตีเข้าไปรับฝ่ามือโฮคุชินด้วยความเชื่องช้าจนถึงขีดสุด ช้าได้เท่าไหร่ก็จะช้าเท่านั้น แปลกเป็นอย่างมาก มัตสึโมโตะชิโมะเค็นที่ได้เห็นก็ต้องขมวดคิ้ว ฝ่ามือโฮคุชินนี้เรียกได้ว่ามีพลังอำนาจและความโหดเหี้ยมมาก แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นใครรับมือเช่นนี้ ตามปกติหากไม่ปะทะรุนแรงก็ต้องหลบไป แต่เย่เทียนเฉินถึงกับใช้วิชาฝ่ามือของผู้หญิงมารับมือ ทำให้เขามองไม่ออกจริงๆ
ฟุ่บ!
เสียงอันกระจ่างชัดดังขึ้น ไม่ใช่เสียงระเบิดดังลั่นฟ้าแบบนั้น มัตสึโมโตะชิโมะเค็นตกตะลึง ฝ่ามือนี้เขาใช้พลังไปร้อยส่วน ต่อให้เป็นภูเขาก็สามารถทำลายได้ด้วยฝ่ามือนี้ แต่ในตอนที่เย่เทียนเฉินซัดฝ่ามือที่เหมือนกับผู้หญิงแบบนั้นออกมาถึงกับสลายพลังของฝ่ามือโฮคุชินของเขาไปทั้งหมด ไม่ได้มีการระเบิดสะเทือนฟ้าสะเทือนดินอะไร แต่สามารถสลายพลังของฝ่ามือโฮคุชินไปได้ ทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคิดไม่ถึงจริงๆ
“แก…นั่นมันฝ่ามืออะไร? ทำไมดูเหมือนผู้หญิง?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“นี่คือฝ่ามือที่คนจีนทุกคนใช้เป็น มีไว้ทำลายฝ่ามือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของแกโดยเฉพาะ ชื่อว่าฝ่ามือล่องลอยไว้อัดพวกสารเลวจนหน้าเขียว เป็นไงร้ายกาจหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินเห็นว่าฝ่ามือนี้สามารถสลายพลังของฝ่ามือโฮคุชินอันรุนแรงได้จริงๆ ก็รู้สึกชอบมาก นี่คือการเดิมพันของเขา และเป็นการเดิมพันที่ถูกต้อง
“เหลวไหลฝ่ามือล่องลอยอะไร ฉันมัตสึโมโตะชิโมะเค็นศึกษาวรยุทธของประเทศจีนของพวกแกมามาก แต่ไม่เคยได้ยินชื่อฝ่ามือนี้มาก่อน แกเพ้อเจ้อให้มันน้อยหน่อยเถอะ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดอย่างดุดัน
“ฉันไม่ได้พูดจาเพ้อเจ้อ ถ้าไม่เชื่อแกก็ลองโจมตีมาอีกครั้งเป็นไง?” เย่เทียนเฉินพูด ยังคงมีรอยยิ้มประดับที่มุมปาก
พลั่ก!
ฟิ้วๆ!
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นย่อมไม่เชื่อว่าจะมี “ฝ่ามือล่องลอยไว้อัดพวกสารเลวจนหน้าเขียว” อะไรนั่น เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนเฉินพูดจาไร้สาระ แต่ฝ่ามือนี้แปลกประหลาดมากจริงๆ ซัดฝ่ามือออกไปอย่างเชื่องช้าเป็นอย่างมาก ในตอนที่เย่เทียนเฉินใช้ออกมาก็เหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่ง เข้าปะทะอย่างไม่กระวนกระวาย แต่กลับสามารถกดข่มแบบนั้นได้ ทำให้ฝ่ามืออันโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างเช่นฝ่ามือโฮคุชินสลายไปได้ นี่จะทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อเกินไปแล้ว แปลกประหลาดจริงๆ
ฝ่ามือทั้งสองโจมตีมา ต่างมีพลังอำนาจรุนแรงเป็นอย่างมาก ปกคลุมเย่เทียนเฉินไว้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ามือขนาดใหญ่สีดำทั้งสองนี้ยังค่อยๆ พุ่งไปรวมที่เย่เทียนเฉินอย่างเชื่องช้า อากาศฟุ้งกระจายรอบด้าน พื้นสั่นสะเทือนจนแยก ทั่วทั้งเมืองเทียนซาสั่นสะท้านราวกับจะถล่มก็มิปาน เย่เทียนเฉินรู้สึกได้ว่าพลังเขตแดนปิดกั้นของตนใกล้จะพังทลายไปโดยสิ้นเชิง เนื่องจากไอสังหารที่แผ่ออกมาจากบนร่างของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแข็งแกร่งมากจริงๆ หากตนต้องการฆ่าเขานับว่ากินแรงอยู่บ้าง
แต่เย่เทียนเฉินยังคงยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับเขยื้อน โบกสะบัดฝ่ามือทั้งสองของตนเบาๆ คล้ายกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังฝึกวิชาฝ่ามืออย่างไรอย่างนั้น ความเบาและอ่อนนุ่มเช่นนั้น การเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าเช่นนั้น ทำให้คนอื่นแปลกใจจริงๆ เผชิญหน้ากับพลังฝ่ามืออันรุนแรงที่ซัดลงมา แต่เขาทำราวกับไม่เกี่ยวข้องกับตน ยังคงซัดฝ่ามือของตนออกไปอย่างเชื่องช้า
ทันใดนั้น รอบๆ เย่เทียนเฉินมีรอยประทับฝ่ามือจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้น รอยประทับฝ่ามือนี้ลอยอยู่รอบตัวเขา เป็นฝ่ามือที่ถูกใช้ออกมาจากพลังในร่างกายของเขา ฝ่ามือแล้วฝ่ามือเล่าปรากฏ ฝ่ามือหนึ่งค่อยๆ โจมตีออกไปยังฝ่ามือขนาดใหญ่สีดำทั้งสองอย่างเชื่องช้า ฝ่ามือที่ซัดออกไปสลายไปแล้วแต่กลับไม่สามารถโจมตีฝ่ามือขนาดใหญ่สีดำให้สลายไปได้ ฝ่ามืออีกฝ่ามือหนึ่งโจมตีเข้าไป ยังคงไม่สามารถทำลายฝ่ามือที่ถูกซัดมาหาตนได้เช่นเดิม เพียงแต่พลังอำนาจถูกลดทอนไปบ้างแล้ว เย่เทียนเฉินยังคงไม่รู้สึกกระวนกระวาย ยังคงเคลื่อนไหวต่อไปเช่นนั้น
“หึ คิดว่าร่ายรำเหมือนผู้หญิงในสถานการณ์แบบนี้จะหนีความตายได้รึไง? เป็นไปไม่ได้หรอก!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง เห็นว่าถึงแม้เย่เทียนเฉินจะใช้ฝ่ามือแปลกประหลาดออกมาแต่ยังไม่สามารถทำลายฝ่ามือที่ตนซัดออกไปสุดแรงได้จึงพูดอย่างลำพองใจ
“เป็นไปได้หรือเปล่าแกก็ดูเองแล้วกัน ทำไมต้องพูดจาไร้สาระด้วย!” เย่เทียนเฉินไม่มองท่าชายหนังสือแม้เพียงสายตา ยังคงเคลื่อนไหวร่ายรำตามใจ รอบๆ ร่างกายของเขาปรากฏรอยประทับฝ่ามือออกมานับพันนับหมื่น ทั้งหมดต่างเกิดจากพลังที่แท้จริงของเขาและถูกเขาควบคุมไว้แล้ว
“ได้ ฉันจะดูสิว่าแกจะปากดีได้ถึงเมื่อไหร่ จะตายยังไง!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดอย่างดุดัน
“เดี๋ยวแกก็จะรู้เอง…ไป!”
ทันใดนั้น เย่เทียนเฉินตะโกนเสียงดัง ฝ่ามือทั้งสองที่เดิมทียังเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าพลันพุ่งไปยังฝ่ามือขนาดใหญ่สีดำที่ถูกซัดลงมา ขณะเดียวกันรอยประทับฝ่ามือจำนวนมากบริเวณรอบกายของเย่เทียนเฉินทั้งบนล่างต่างก็โจมตีไปยังฝ่ามือขนาดใหญ่สีดำทั้งสอง
ตู้ม!
เสียงดังสะเทือนฟ้า พลังเขตแดนปิดกั้นของเย่เทียนเฉินแตกสลาย โล่ทองคำของเขาเกิดหลุมใหญ่ ขณะเดียวกันป้ายหินขนาดใหญ่ทั้งสองป้ายบริเวณทางเข้าเมืองเทียนซาต่างก็สลายไปทั้งหมด บ้านเรือนถล่มลงมา จินตนาการได้เลยว่าการดวลกันระหว่างสองคนนี้เกิดการปะทะกันของพลังที่รุนแรงขนาดไหน
“เป็นไปได้ยังไง แก…แกใช้ฝ่ามืออะไรกันแน่?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความตื่นตะลึง เนื่องจากเย่เทียนเฉินทำให้ฝ่ามือโฮคุชินที่เขาโจมตีลงไปสุดแรงสลายไปได้ สามารถใช้ฝ่ามือที่เหมือนผู้หญิงเช่นนั้นสลายพลังเขาได้ มัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกสั่นสะท้านมากจริงๆ อดไม่ได้ที่จะคิดว่าบนร่างของชายหนุ่มชาวจีนคนนี้ยังมีพลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งมากขนาดไหนที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา และยังมีวิชาที่ร้ายกาจขนาดไหนที่ยังไม่ได้แสดงออกมา?
“ฉันบอกแล้ว นี่เรียกว่าฝ่ามือล่องลอยไว้อัดพวกสารเลวจนหน้าเขียว แกก็ไม่เชื่อ หรือจะลองต่อไปล่ะ?” เย่เทียนเฉินพูดด้วยท่าทีนิ่งเรียบ
“ฉันไม่เชื่อ…”
ครั้งนี้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงสีดำนั้นอีก แต่พุ่งเข้ามาหาเย่เทียนเฉินอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองยังอยู่ในสภาพฝ่ามือ โจมตีเย่เทียนเฉินไม่หยุดด้วยฝ่ามือโฮคุชิน เขาไม่เชื่อว่าจะมี “ฝ่ามือล่องลอยไว้อัดพวกสารเลวจนหน้าเขียว” อะไรนั่น และไม่เชื่อว่าจะมีฝ่ามือที่เอาไว้ใช้รับมือกับฝ่ามือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของตนโดยเฉพาะ ถ้าเป็นเช่นนั้นคงเป็นอันตรายต่อสำนักโฮคุชินอิตโตริวอย่างยิ่งยวด ดังนั้นเขายังคงใช้ฝ่ามือโฮคุชินออกไปสุดแรง ต้องการโจมตีเย่เทียนเฉินให้ตาย
ในใจของเย่เทียนเฉินลอบหัวเราะเย็นชา เขารู้ว่าต่อให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะสู้กับตนหลายวันหลายคืน ขอเพียงเขาใช้ฝ่ามือโฮคุชินตลอดก็ไม่สามารถฆ่าตนได้แน่ เนื่องจากเย่เทียนเฉินทดสอบมาแล้ว ฝ่ามือดรุณีหยกที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์ดรุณีหยกคือดาวข่มของฝ่ามือโฮคุชิน ใช้ช้ารับเร็ว ใช้อ่อนรับแข็ง
ฆ่าคนในพริบตา เพียงอ้าปากก็ส่งปราณดาบที่มีพลังมหาศาลออกมาได้ นี่ทำให้ผู้อื่นเพียงแค่คิดก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวแล้ว ในความคิดของยอดฝีมือเหล่านี้ มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นยอดฝีมือระดับสูงแน่นอน ในความคิดของคนธรรมดาที่ไม่รู้ว่าอะไรคือความร้ายกาจ บางทีอาจจะมีเพียงประโยคเดียวที่สามารถบรรยายได้ นั่นก็คือ โลกนี้กว้างใหญ่ ไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่มี!
เย่เทียนเฉินใช้หมัดอัสนีสวรรค์เข้าปะทะกับปราณดาบสีดำทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นต้องขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มชาวจีนคนนี้จะมีศักยภาพและความใจกล้าขนาดนี้ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือความสามารถของเขา หลังจากโจมตีเข้าปะทะกันแล้ว เย่เทียนเฉินก็ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป แน่นอนว่าเขาสามารถสลายปราณดาบสีดำนั้นได้ แต่ร่างกายกลับกระแทกเข้ากับป้ายหินใหญ่บริเวณทางเข้าเมืองเทียนซา ทำให้ป้ายหินที่สูงประมาณสิบกว้าจั้ง กว้างประมาณห้าหกเมตร หนาเกือบหนึ่งเมตรถูกกระแทกจนแตกเป็นผง ถึงแม้กายเนื้อของเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งหาใดเปรียบก็ยังรู้สึกว่าเลือดในกายเอ่อทะลักออกมา มีความรู้สึกคล้ายกับจะกระอักเลือด
นี่เป็นครั้งแรกในชั่วชีวิตของเย่เทียนเฉิน หรืออย่างน้อยก็ตั้งแต่ได้มาเกิดใหม่บนโลกใบนี้ เป็นครั้งแรกที่มีคนสู้กับเขา เพิ่งจะดวลกันด้วยการโจมตีเดียว เขาก็ถูกโจมตีจนกระเด็นออกมา กระทั่งได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง นี่เป็นสิ่งที่เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึง ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถของเขายังทะลวงขอบเขตไปถึงขอบเขตผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิแล้ว เรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของมัตสึโมโตะชิโมะเค็น เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ มิใช่เรื่องเท็จเลย
ในตอนที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นอ้าปากปล่อยปราณดาบสีดำออกมา เย่เทียนเฉินก็สัมผัสได้ว่าปราณดาบนั้นร้ายกาจมาก เต็มไปด้วยกลิ่นอายอำมหิต ยังอำมหิตยิ่งกว่าฝ่ามือสลายกระดูกของหลี่ชิงสุ่ยอยู่หลายส่วน แต่เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ถอย ตั้งแต่วินาทีที่เขาก้าวเข้ามาในเมืองเทียนซาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องฆ่าล้างให้ได้ จะต้องสู้เอาชีวิตกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็น ไม่อาจปล่อยให้มีอันตรายใดหลงเหลือไปถึงครอบครัวของตน ดังนั้นแม้จะรู้ว่าปราณดาบสีดำนี้บ้าคลั่งอำมหิต เย่เทียนเฉินก็ยังกระตุ้นหมัดอัสนีสวรรค์เข้าปะทะ นี่คือความใจสู้และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขา
ความใจสู้และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของคนผู้หนึ่งจะเป็นสิ่งค้ำจุนพลังการต่อสู้ของคนคนนั้น เมื่อความใจสู้และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พังทลาย ต่อให้คนคนนั้นจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่อาจใช้ออกไปได้ จะต้องแพ้ให้คู่ต่อสู้แน่นอน
“แกคือเย่เทียนเฉินงั้นเหรอ? พอมีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
“ฝีมือ? ฝีมือของฉันมีมาก ต้องดูว่าฝีมือของแกจะมีมากแค่ไหน!” เย่เทียนเฉินลุกขึ้นยืน ฝืนระงับความรู้สึกอยากกระอักเลือดเอาไว้ สายตามองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอย่างแน่วแน่เด็ดเดี่ยวหาใดเปรียบ
“ไม่เลวๆ ตอนนี้ฉันมีความคิดอยากจะให้แกเข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเราแล้วจริงๆ แกมีศักยภาพและพรสวรรค์ยิ่งกว่าฮิคาวะซะอีก!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้ลงมือทันที ความสามารถของเย่เทียนเฉินทำให้เขารู้สึกชื่นชม อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา ตอนนี้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นทำลายหญิงบริสุทธิ์ไปสองคนแล้ว พลังการต่อสู้ฟื้นคืนไปกว่าครึ่ง เดิมทีตัวเขาก็เป็นคนที่มั่นใจในตนเองมากอยู่แล้ว และตอนนี้พลังการต่อสู้ก็ได้รับการฟื้นฟูแล้วจึงยิ่งยโสมากขึ้น เขาเชื่อว่าตนจะฆ่าเย่เทียนเฉินได้ดังนั้นจึงไม่รีบร้อน
“เข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกแกเหรอ? แกคิดจริงๆ เหรอว่าสำนักตดหมาของแกมีดีมากมายอะไรขนาดนั้น?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่พอใจ
“งั้นหรือ? ไอ้หนุ่ม ที่ประเทศจีนของพวกแกมีคนไม่รู้เท่าใหญ่ที่อยากเข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเรา ทำไมแกไม่เรียนรู้จากพวกมันบ้างล่ะ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกล่าวไปตามปาก
“คนพวกนั้นมีแต่โจรขายชาติ แกก็ไม่ได้ดีไปกว่าโจรขายชาติเท่าไหร่หรอก ไปบวชที่วัดเส้าหลินในประเทศจีนของพวกเราหน่อยเป็นไง?” เย่เทียนเฉินถามกลับด้วยรอยยิ้ม
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้พูดอะไร การตายของฮิคาวะในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความหงุดหงิด ไม่ง่ายเลยกว่าที่สำนักโฮคุชินอิตโตริวจะมีคนหนุ่มที่มีความสามารถแข็งแกร่งเหมือนฮิคาวะออกมาสักคน จนกระทั่งกลายเป็นเป้าหมายที่จะต้องให้ความสำคัญในการบ่มเพาะดูแล ฮิคาวะเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากจริงๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่มาพบกับเย่เทียนเฉิน เขาแพ้แล้ว ถูกฆ่าไปแล้ว ดังนั้นเมื่อได้พบกับเย่เทียนเฉินที่ยังหนุ่มแน่นเช่นนี้อีกทั้งยังมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าฮิคาวะ หากเลี้ยงดูบ่มเพาะบุคคลเช่นนี้ต่อไปบางทีอาจจะกลายเป็นลูกศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่ร้ายกาจกว่าฮิคาวะก็เป็นได้ เพียงแต่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้รู้เลยว่า หากต้องการโน้มน้าวเย่เทียนเฉินย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ฟุ่บ!
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้ตอบเย่เทียนเฉินแต่หายแวบไปจากที่เดิม เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง หมัดทั้งสองกำแน่น มองไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง มัตสึโมโตะชิโมะเค็นแข็งแกร่งมาก เขาจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการระมัดระวังให้ดี ไหนเลยจะรู้ว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะไม่ได้ลงมือกับเขาแต่กลับทะยานตัวขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของเมืองเทียนซา เหนือศีรษะของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็คือพลังสีทองที่เย่เทียนเฉินใช้โล่ทองคำครอบปิดเมืองเอาไว้
“เคล็ดวิชาป้องกันของแกไม่เลวเลย ตอนนี้ฉันจะให้แกได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพลังภายในแห่งสำนักโฮคุชินอิตโตริวสักหน่อย จะทำให้แกต้องเชื่อฟังทั้งกายใจ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดกับเย่เทียนเฉินอย่างไม่สบอารมณ์
เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงมองมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอยู่เช่นนั้น สีหน้าของเขาเกิดความสงสัย พบว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นนำมือซ้ายไปไขว้อยู่ด้านหลัง ส่วนมือขวายื่นนิ้วกลางและนิวชี้ออกไป รวบรวมปราณดาบสายหนึ่งออกมา ยังคงเป็นปราณดาบสีดำที่ปรากฏขึ้น คล้ายเก็บซ่อนคล้ายปรากฏ มิใช่เป็นปราณดาบที่มีขนาดใหญ่เช่นนั้นอีก แต่คล้ายกับมีดขนาดเล็กมากกว่า
บึ้ม!
เสียงอันกระจ่างชัดดังขึ้น ปราณดาบที่รวบรวมออกมาบริเวณนิ้วกลางและนิ้วชี้ที่มือขวาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นถูกยิงไปยังโล่ทองคำของเย่เทียนเฉินแตกสลายในพริบตา พลันนั้นทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ฝีมือของชายชราคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราณดาบสีดำของเขาคล้ายกับว่าจะไร้เทียมทาน แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หรือว่านี่จะเป็นเพลงดาบระดับสูงของสำนักโฮคุชินอิตโตริว? อำมหิตถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
ฟุ่บ! มัตสึโมโตะชิโมะเค็นทะยานมาถึงเบื้องหน้าของเย่เทียนเฉิน ห่างจากเย่เทียนเฉินเพียงแค่ 5 เมตร เย่เทียนเฉินไม่ได้ก้าวถอยหลัง ยืนมองมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอยู่เช่นนั้น ในใจรู้สึกแปลกใจขึ้นมา ชายชราคนนี้แข็งแกร่งมาก ตนจะทำอย่างไรถึงจะฆ่าเขาได้? การต่อสู้ครั้งนี้หากเย่เทียนเฉินไม่ตายมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็ต้องตาย นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้การต่อสู้ยังไม่ทันได้เริ่ม นั่นเป็นเพราะมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอยากจะเห็นเสียหน่อยว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เย่เทียนเฉินเข้าร่วมเป็นศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของเขาหรือไม่ จะอย่างไรหากมีความเป็นไปได้ย่อมเป็นเรื่องดีต่อสำนักโฮคุชินอิตโตริว
“เย่เทียนเฉิน ฝีมือของฉันเป็นยังไง? ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ขอเพียงแกเข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของฉัน ไม่เพียงแต่ฉันจะไม่ฆ่าแก แต่เรื่องที่แกฆ่าซาโต้และฮิคาวะก็จะนับว่าไม่เอาเรื่อง!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดจาโน้มน้าวเย่เทียนเฉินต่อไป
“เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันเข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของแก แล้วเรื่องที่ฉันฆ่าแกก็หายกันเป็นไง?” เย่เทียนเฉินถามด้วยรอยยิ้มเย็นชา
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองเย่เทียนเฉิน ในดวงตาปรากฏไอสังหาร เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะไม่รู้จักแยกแยะชั่วดีขนาดนี้ หากไม่ใช่ว่าเห็นแก่ฝีมือและความสามารถของเขา มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคงไม่เสียเวลามาพูดจาไร้สาระขนาดนี้ คงลงมือฆ่าเย่เทียนเฉินไปนานแล้ว ไหนเลยจะรอมาจนถึงตอนนี้
“ไม่รู้จักแยกแยะ ไม่รู้จักที่ตาย!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดออกมาอย่างดุดัน
“ฉันว่าคนที่ไม่รู้จักแยกแยะน่ะมันแกต่างหาก พวกไม่รู้จักที่ตายก็คือคนสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกแก!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
พลั่ก!
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นคนอำมหิตคนหนึ่ง มีไอสังหารและกลิ่นอายอำมหิตอันเข้มข้น ฝ่ามือหนึ่งถูกตบไปยังเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินชะงักไป เขารู้ว่านี่คือฝ่ามือโฮคุชิน ในตอนที่สู้กับฮิคาวะ ฮิคาวะเคยใช้ฝ่ามือนี้แล้ว เพียงแต่ตอนนี้เมื่อถูกใช้ออกมาจากมือของมัตสึโมโตะชิโมะเค็น เรียกได้ว่าแข็งแกร่งจนผิดปกติจริงๆ ทั่วทั้งเมืองเทียนซาสั่นสะท้าน นั่นเป็นฝ่ามือที่ดูธรรมดามากเท่านั้น
เย่เทียนเฉินชะงักไป ยังคงใช้หมัดอัสนีสวรรค์เข้าต่อสู้เช่นเดิม อาศัยกายเนื้ออันแข็งแกร่งรวมกับความแข็งแกร่งของหมัดอัสนีสวรรค์ต่อต้าน มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคิดไม่ถึงจริงๆ ฝ่ามือโฮคุชินของตนฝึกมาถึงขั้นสูงสุดแล้ว เป็นคนเพียงคนเดียวในสำนักโฮคุชินอิตโตริวนอกจากจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายที่ฝึกฝ่ามือถึงขั้นที่ร้ายกาจที่สุด ความร้ายกาจของฝ่ามือโฮคุชินนี้มีพลังอำนาจเคลื่อนภูเขาพลิกมหาสมุทร มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมีความมั่นใจมากว่าฝ่ามือนี้จะทลายตึกสูงได้ในฝ่ามือเดียว ส่วนจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของเขา หากใช้ฝ่ามือออกมาจะต้องสะเทือนฟ้าสะเทือนดินแน่ นั่นไม่ใช่เรื่องเกินจริงแม้แต่น้อย เย่เทียนเฉินอายุไม่ถึง 20 ปีเท่านั้นก็สามารถปะทะกับฝ่ามือโฮคุชินได้แล้ว ชั่วชีวิตของมัตสึโมโตะชิโมะเค็น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอคนเช่นนี้
ตู้มๆๆ …
หมัดอัสนีสวรรค์เข้าปะทะกับฝ่ามือโฮชิน สู้กันถึง 10 นาทีแล้ว เย่เทียนเฉินไม่รู้ว่าตัวเองซัดหมัดออกไปมากน้อยแค่ไหน และไม่สนใจบาดแผลบนร่างของตนด้วย ทำเพียงมุ่งโจมตีไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นสุดชีวิต ชายชราคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ เย่เทียนเฉินซัดออกไปหลายหมัดแต่กลับไม่สามารถโจมตีถูกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้แม้แต่หมัดเดียว แต่ตัวเขากลับโดนไปแล้วหลายฝ่ามือจนมุมปากมีเลือดไหลออกมา
ตู้ม!
เสียงหนึ่งดังสนั่น เย่เทียนเฉินและมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแยกออกจากกัน การโจมตีปะทะกันรุนแรงเกินไป บนหมัดทั้งสองของเย่เทียนเฉินเต็มไปด้วยเลือด มุมปากมีเลือดไหล ส่วนมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่มีความเสียหายแม้แต่น้อย ไม่ได้ถูกเย่เทียนเฉินโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว แต่สีหน้าของเขากลับไม่ได้ผ่อนคลาย ออกจะเครียดขรึมมากด้วยซ้ำ บนฝ่ามือทั้งสองมีปราณแท้สีดำลุกโชนมากยิ่งขึ้น มีความรู้สึกราวกับว่าเพียงฝ่ามือเดียวก็สามารถตบเย่เทียนเฉินให้ตายได้แล้ว
การต่อสู้เมื่อครู่นี้ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะโจมตีไม่โดนมัตสึโมโตะชิโมะเค็น ส่วนตัวเองกลับถูกโจมตีเข้าไปหลายฝ่ามือ แต่นี่ไม่ได้ทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกว่าตนชนะเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกถึงความอัปยศด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้ยิ่งขึ้น เนื่องจากจะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะสามารถสู้กับตนได้เช่นนี้ ดูเหมือนเขาจะลงมือเต็มที่เพื่อใช้ฝ่ามือโฮคุชินออกไป ฝ่ามือนี้แข็งแกร่งและอำมหิตเป็นอย่างมาก หากเป็นคนธรรมดาโดนฝ่ามือนี้เข้าไปจะต้องลุกไม่ขึ้นแล้ว แต่เย่เทียนเฉินโดนไปอย่างน้อยสามหมัด ไม่เพียงแต่จะลุกขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นพลังการต่อสู้ก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย คนเช่นนี้ยังมีชีวิตอยู่และยังตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักโฮคุชินอิตโตริวด้วย มัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกกดดันมากจริงๆ หากปล่อยให้เย่เทียนเฉินเติบโตต่อไป สำนักโฮคุชินอิตโตริวย่อมต้องมีอันตรายที่จะถูกล้างสำนักแน่นอน
“เย่เทียนเฉิน ฉันอยากให้แกเข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเราจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว คนแบบแกจะต้องตายเท่านั้น ฉันจะไม่ปล่อยให้อุปสรรคชิ้นใหญ่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมีชีวิตอยู่!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกล่าวพลางเดินไปหาเย่เทียนเฉิน ปราณแท้สีดำบนฝ่ามือทั้งสองพลุ่งพล่าน แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่นี้ไม่รู้กี่เท่า
ยอดฝีมือทั้งสามของสำนักโฮคุชินอิตโตริวถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตายไปเช่นนี้ พวกเขาไม่มีโอกาสแม้จะชักดาบออกมา นี่ทำให้คาเมดะอิจิโร่อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไป
ไม่พบกันแค่ไม่กี่เดือน ความสามารถของเย่เทียนเฉินก็เพิ่มขึ้นจนทำให้คาเมดะอิจิโร่ต้องตื่นตะลึงจนตัวสั่น เช่นนี้จะไม่ให้เขาหวาดกลัวได้อย่างไร? หากคนที่เข้าไปก่อนคือเขาคาเมดะอิจิโร่ บางทีศพที่อยู่บนพื้นคงเป็นศพของเขาแล้ว
ที่แท้ในตอนที่คาเมดะอิจิโร่พบว่าผู้ที่มาโจมตีก็คือเย่เทียนเฉิน แม้ในใจจะรู้สึกแปลกใจมาก คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะกล้าบุกเข้ามาเช่นนี้ แต่กลับไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เขามีความเชื่อมั่นในการต่อสู้กับเย่เทียนเฉิน ในตอนที่อยู่บ้านตระกูลจาง แม้เขาจะฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ แต่เย่เทียนเฉินก็ฆ่าเขาไม่ได้เช่นกัน ทั้งสองสู้เสมอกัน ดังนั้นหากพูดกันถึงเรื่องความสามารถ คาเมดะอิจิโร่ไม่กลัวเย่เทียนเฉินแม้แต่น้อย
ไหนเลยจะรู้ว่ายอดฝีมือทั้งสามของสำนักโฮคุชินอิตโตริวพุ่งเข้าไปหาเย่เทียนเฉินทั้งหมดแล้ว แต่ถึงกับไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบก็ล้มลงบนพื้นตายไปเช่นนี้ จะทำให้ผู้อื่นตื่นตะลึงและสั่นสะท้านเกินไปแล้ว ลูกศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนนี้มีความสามารถในการบ่มเพาะอยู่ในระดับนักรบราชันขั้นกลาง เรียกได้ว่าแข็งแกร่งห้าวหาญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะในประเทศชิบะหรือประเทศจีนก็นับว่าเป็นยอดฝีมือชั้นสูง เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียนเฉินกลับไม่มีโอกาศโจมตี ดาบยังไม่ได้ชักออกมาก็ถูกฆ่าตายแล้ว จะไม่ให้เขาสั่นสะท้านได้อย่างไร?
“เย่เทียนเฉิน แก…” คาเมดะอิจิโร่ตื่นตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองเดือนเท่านั้น ความสามารถของเย่เทียนเฉินก็แข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้แล้ว ฆ่ายอดฝีมือในระดับนักรบราชันได้โดยไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย ความสามารถอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้มากเพียงพอที่จะทำให้ผู้ใดก็ตามต้องตื่นตะลึง
“ไอ้สุนัขเฒ่า ตอนนี้ถึงตาแกแล้ว รับความตายไปซะ!”
เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เขาพูดพลางเดินไปหาคาเมดะอิจิโร่ ชายชราคนนี้โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก โหดเหี้ยมจนถึงขั้นที่ว่า ทั้งๆ ที่รู้ว่ายาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันมีผลต่อร่างกายอย่างรุนแรง คนที่ใช้ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันทั้งหมดเป็นไปได้มากว่าสุดท้ายจะไม่เหลือแม้แต่ศพ แต่คาเมดะอิจิโร่ก็ยังมอบให้ซาโต้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้บอกซาโต้เรื่องผลกระทบนี้ แต่กลับกระตุ้นซาโต้ให้ใช้ยา ด้วยขอบเขตพลังของเย่เทียนเฉินในตอนนั้น หากกล่าวกันตามจริง ถ้าต้องการฆ่าซาโต้เป็นเรื่องยากมากจริงๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คู่มือของซาโต้เลย ซาโต้ตายเพราะยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมที่เขากินลงไป เรียกได้ว่าถูกคาเมดะอิจิโร่ทำร้ายจนตาย
“หึ เย่เทียนเฉิน ต่อให้ความสามารถของแกจะเพิ่มขึ้นมาก แต่คิดจะฆ่าฉันก็เป็นไปไม่ได้หรอก แกรู้หรือเปล่าว่าครั้งนี้ใครมาประเทศจีน?”
คาเมดะอิจิโร่แค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง มือขวากำดาบทหารสไตล์ชิบะแน่น แม้สายตาจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ยังเจือไปด้วยประกายแห่งความหวัง เนื่องจากเขาคิดถึงความสามารถของมัตสึโมโตะชิโมะเค็น ชายผู้เป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบคนนี้ คาเมดะอิจิโร่คิดว่าต่อให้มีเย่เทียนเฉินสิบคนก็ไม่พอให้ชายตามอง ความสามารถของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแข็งแกร่งจนถึงขั้นที่คาเมดะอิจิโร่ต้องเงยหน้ามอง มิฉะนั้นเขาคงไม่กลัวมัตสึโมโตะชิโมะเค็นจนถึงขั้นนั้น ที่เขาหวาดกลัว ประการแรกเป็นเพราะมัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือความสามารถของเขาน่ากลัวมากจริงๆ มิฉะนั้นคนเช่นคาเมดะอิจิโร่คงไม่กลัวถึงขนาดนี้
“มัตสึโมโตะชิโมะเค็น น้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ!” เย่เทียนเฉินพูดเสียงเย็น
“ในเมื่อรู้แล้วแกยังกล้ามารนหาที่ตายอีก ฉันล่ะนับถือความกล้าของแกจริงๆ!” คาเมดะอิจิโร่พูดอย่างดุดัน
เมื่อเย่เทียนเฉินได้ยินคำพูดของคาเมดะอิจิโร่ก็ไม่ได้หยุดฝีเท้า มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเพียงคนเดียวยังไม่พอที่จะทำให้เขาหยุดฝีเท้าลง คราวนี้เขาพากลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์มาด้วย นั่นก็เพื่อมาฆ่ายอดฝีมือทั้งสามสิบคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริว เขาใช้ “โล่ทองคำ” ปิดกั้นเมืองเทียนซาอย่างแน่นหนาแล้ว หากเขาเย่เทียนเฉินไม่ตายก็ต้องเป็นมัตสึโมโตะชิโมะเค็นที่ตาย เย่เทียนเฉินเตรียมใจมาแล้ว มิฉะนั้นหากคนคนนี้ยังอยู่ในเมืองหลวงคงจะเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง จำเป็นต้องกำจัดทิ้ง
ฉัวะ!
ปราณกระบี่ขนาดใหญ่ถูกฟาดฟันไปยังคาเมดะอิจิโร่ คาเมดะอิจิโร่ตื่นตะลึงจนหน้าถอดสี เขารู้สึกได้ตามสัญชาตญาณว่าเขาไม่สามารถสกัดกั้นปราณกระบี่นี้ได้ ถ้าหากปะทะเข้าไป เขาจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย เขารีบหลบไปด้านข้าง เพียงแต่คาเมดะอิจิโร่เพิ่งจะหลบ เท้ายังไม่ทันยืนได้มั่นคง เย่เทียนเฉินก็มาถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว หมัดซ้ายซัดไปยังใบหน้าของคาเมดะอิจิโร่จนเขากระเด็นออกไป
อั่ก!
มุมปากของคาเมดะอิจิโร่มีเลือดไหลออกมา ใบหน้าด้านขวาถูกต่อยจนยุบลงไป กระดูกบริเวณแก้มหัก แต่ชายชราคนนี้ก็ยังไม่ตาย มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ ในตอนที่กระอักเลือดออกมาจากปากก็มีฟันร่วงลงมาด้วย กลายเป็นชายชราที่ไม่มีฟันอย่างสิ้นเชิง เขาพยายามลุกขึ้นจากพื้นด้วยร่างกายอันสั่นเทา หมัดนี้ของเย่เทียนเฉินเป็นหมัดที่มีพลังในขอบเขตพลังพิเศษระดับจักรพรรดิ ความสามารถจะมากมายขนาดไหน จินตนาการได้เลยทีเดียว
“อั่ก…ไอ้เศษสวะ ฉันจะสู้ตายกับแก!” คาเมดะอิจิโร่ตะโกน ชักดาบทหารออกมาจากเอว พุ่งเข้าหาเย่เทียนเฉินอย่างรวดเร็ว
เคร้ง!
คราวนี้เย่เทียนเฉินไม่ได้ใช้พลังพิเศษที่แข็งแกร่งอะไร เมื่อเผชิญหน้ากับคาเมดะอิจิโร่ที่ฟาดฟันดาบทหารเข้ามา เขาก็ใช้กระบี่เซียวหยวนเข้าสกัดกั้น เป็นไปตามสัญชาตญาณ
กระบี่เซียวหยวนในมือขวาของเย่เทียนเฉินสั่นสะท้าน คาเมดะอิจิโร่ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปแล้วร่วงลงพื้น ดาบทหารในมือของเขาขาดสะบั้น แหลกจนกลายเป็นชิ้นๆ มือทั้งสองที่กำดาบทหารต่างก็มีเลือดไหลออกมา เพียงแค่กระบี่ง่ายๆ ก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว นี่ทำให้สายตาของคาเมดะอิจิโร่เปลี่ยนไปหวาดกลัวและหวาผวา ความคิดที่จะต่อสู้ในใจถูกทำลาย รู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนเฉิน ชายหนุ่มคนนี้สามารถพัฒนาความสามารถในการต่อสู้จนไปถึงระดับที่เขาไม่อาจขัดขวางได้ในเวลาสั้นๆ เพียงสองเดือน เขาพลันพบว่าการตั้งตัวเป็นศัตรูกับชายหนุ่มชาวจีนคนนี้เป็นการรนหาที่ตาย
“แก…” คาเมดะอิจิโร่ร่วงลงพื้น เผชิญหน้ากับเย่เทียนเฉินที่ยังคงมีสายตาเย็นชา ถือกระบี่เดินเข้ามา ทำให้เขาตกใจจนตัวสั่น ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เนื่องจากความสามารถของเย่เทียนเฉินสูงส่งจนเขารับไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว นี่จะให้เขาสู้อย่างไร?
“เมื่อกี้แกบอกว่าฉันเอาความกล้าที่ไหนมาถึงที่นี่งั้นเหรอ? ฉันจะบอกแกให้ ฉันเย่เทียนเฉินมีความกล้ามากล้น และมีไอสังหารมากยิ่งกว่า ฉันมาเพื่อฆ่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็น!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเย็นชา
“แกฆ่าเขาไม่ได้หรอก แกต้องตายแน่!” คาเมดะอิจิโร่ตะโกนใส่เย่เทียนเฉิน
เย่เทียนเฉินไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ในสายตาของเขา ชั่วขณะที่เห็นคาเมดะอิจิโร่เมื่อครู่นี้ คาเมดะอิจิโร่ก็เป็นแค่คนตายคนหนึ่งแล้ว พูดจาไร้สาระกับเขาให้มากมายก็ไม่มีประโยชน์ สำหรับพวกสารเลวนี่ โดยเฉพาะพวกหน้าด้านไร้ยางอาย พวกสารเลวที่มีนิสัยโหดเหี้ยมเช่นนี้ มีเพียงคำเดียวที่จะพูดด้วย นั่นก็คือ ตาย!
คาเมดะอิจิโร่ลุกขึ้นจากพื้น จิตใต้สำนึกยังคงอยากมีชีวิตอยู่ คราวนี้เขาละทิ้งการต่อต้านไปแล้ว รู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนเฉิน รีบหมุนตัววิ่งไปด้านหลัง เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ไล่ตาม ทำเพียงเดินไปเบื้องหน้าอย่างเชื่องช้า ยกกระบี่เซียวหยวนที่อยู่ในมือขวาขึ้นสูง ใช้เพียงปราณกระบี่ของกระบี่เล่มนี้ก็ฆ่าคาเมดะอิจิโร่ที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตรได้แล้ว เป็นเรื่องง่ายมาก
ฉัวะ!
แต่ในตอนที่เย่เทียนเฉินเตรียมจะสังหารคาเมดะอิจิโร่ที่กำลังวิ่งหนี กระบี่เซียวหยวนในมือขวาของเขายังไม่ได้ฟาดฟันออกไป ประกายดาบสายหนึ่งพลันส่องสว่าง เร็วถึงระดับที่เย่เทียนเฉินมองไม่ทัน คาเมดะอิจิโร่ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ถูกปราณดาบนั้นฟันจนขาดเป็นท่อนๆ
เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว บริเวณไม่ไกลมีคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น คนคนนั้นสูงประมาณ 160 เซนติเมตร เส้นผมขาวโพลนทั้งหมด ดูแล้วแก่ชรามาก แต่ในตอนที่เห็นร่างกายและกล้ามเนื้อแขนอันเปลือยเปล่าของเขากลับต้องพบว่าเขาไม่ได้แก่เลย เหมือนกับชายฉกรรจ์อายุ 20 กว่าปีคนหนึ่ง บนร่างห้อมล้อมไปด้วยปราณหยินอันเข้มข้น เจตนาฆ่าฝันในดวงตาทั้งสองเข้มข้น ดาบทหารที่อยู่ด้านหลังของเขายังไม่ได้ถูกชักออกมา ปราณดาบสายนั้นถูกยิงออกมาจากดวงตาของเขาเนื่องจากเย่เทียนเฉินเห็นประกายดาบลุกโชนในดวงตาของเขาพอดี อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง
ทำให้ปราณดาบลุกโชนเข้ามาอยู่ในดวงตาได้ พลังภายในเช่นนี้ลึกล้ำหาใดเปรียบจริงๆ เย่เทียนเฉินคิดว่าเพลงดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแข็งแกร่งมาก ดวงตาของคนคนหนึ่งอ่อนแอขนาดไหนกัน? ถึงกับบรรจุปราณดาบอันแข็งแกร่งแบบนี้เข้าไปได้ด้วย เมื่อครู่คนคนนี้เพียงกระพริบตาก็ส่งปราณดาบอันแข็งแกร่งออกมาได้แล้ว ทำให้คาเมดะอิจิโร่ถูกฟันขาดเป็นท่อนๆ ร้ายกาจมาก กระทั่งเย่เทียนเฉินก็จำเป็นต้องสนใจ ลอบเพิ่มความระมัดระวังขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังคาดเดาฐานะของคนคนนี้ได้แล้วด้วย
“แกคือเย่เทียนเฉินงั้นเหรอ? คิดไม่ถึงว่าประเทศจีนจะมีชายหนุ่มที่มีความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่งแบบแกโผล่ออกมา ไม่ทันไรก็บีบบังคับจนฉันมัตสึโมโตะชิโมะเค็นต้องลงมือด้วยตัวเองแล้ว ดูถูกไม่ได้จริงๆ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นสังหารคาเมดะอิจิโร่ในพริบตา แต่กลับไม่มองศพของเขาแม้เพียงสายตา เห็นเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง
“มัตสึโมโตะชิโมะเค็น แกมันก็แค่นี้เอง!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ชิ!”
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน สายตาพลันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ตะโกนเสียงดัง ปราณดาบสีดำอันใหญ่โตหาใดเปรียบสายหนึ่งถูกฟาดฟันไปยังเย่เทียนเฉิน ปราณดาบนี้เพิ่งจะพุ่งออกไปก็ให้ความรู้สึกราวกับจะแบ่งแยกฟ้าดิน เมืองเทียนซาที่ถูกห่อหุ้มด้วยโล่ทองคำที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังได้รับผลกระทบจนสั่นสะเทือนราวกับจะถูกระเบิด ในใจของเย่เทียนเฉินตื่นตะลึง ปักกระบี่เซียวหยวนลงบนพื้นจนส่งเสียงดังเคร้ง มือขวากำแน่น พลังสายฟ้าลุกโชน เขาเตรียมจะใช้หมัดอัสนีสวรรค์เข้าปะทะกับปราณดาบสีดำนี้แล้ว
เย่เทียนเฉินรู้สึกได้ว่าหมัดอัสนีสวรรค์ของตนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถทำลายได้ในทุกครั้งที่ผ่านการต่อสู้จริง นี่เป็นเพลงหมัดที่แข็งแกร่งรุนแรง จำเป็นต้องผ่านการปะทะอันมั่นคงครั้งแล้วครั้งเล่า ในระหว่างสู้เช่นนั้นเย่เทียนเฉินถึงจะสามารถทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุดหย่อน เรียนรู้เจตนาหมัดที่แตกต่างกันไป
ตู้ม!
เกิดเสียงดังสนั่น หมัดขวาของเย่เทียนเฉินซัดไปยังปราณดาบสีดำ เขาถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป…
พลังเขตแดนปิดกั้น โล่ทองคำ!
เพียงพริบตาเดียวเย่เทียนเฉินก็ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษอันแข็งแกร่งทั้งสองไปแล้ว คู่ต่อสู้ของเขาคือมัตสึโมโตะชิโมะเค็นซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ ทำให้เขาไม่อาจลำพองใจได้ นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจนถึงขั้นลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนเฉินยังไม่อยากเสียเวลา การต่อสู้ก็คือการต่อสู้ เมื่อสู้แล้วก็ต้องสู้จนถึงที่สุด สู้จนหมดแรงจนตายกันไปข้างหนึ่ง ยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมีมากมาย อย่างน้อยก็มียอดฝีมือ 30 คน ต่อให้ถูกเขาฆ่าไปแล้วหลายคน แต่เมื่อเทียบจำนวนกันแล้วยังมากกว่ากลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์อยู่มาก อีกฝ่ายก็เป็นยอดฝีมือเช่นเดียวกัน ทั้งยังมีคนมากกว่า สำหรับกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ ความกดดันในการต่อสู้ครั้งนี้มากมายจริงๆ
การดวลกันกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ไม่ว่าตัวเองจะทำอย่างไรก็ต้องลงมือ ตอนนี้เขารีดเร้นพลังการต่อสู้ของตนจนไปถึงระดับสูงสุดของขอบเขตจักรพรรดิ ตั้งแต่ตนทะลวงมาถึงขอบเขตนี้ อาจเป็นเพราะการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกหรืออาจเป็นเพราะการสนทนากับปรมาจารย์กระบี่ในช่องว่างอันแปลกประหลาดในกระบี่เซียวหยวน ทำให้เย่เทียนเฉินได้เรียนรู้มากมาย หลังจากที่เขาทะลวงไปถึงขอบเขตพลังพิเศษระดับจักรพรรดิก็รู้สึกว่าตนแข็งแกร่งมาก ต่อให้เขามีความสามารถเพียงขั้นต้นของขอบเขตพลังพิเศษระดับจักรพรรดิ หากต้องเผชิญหน้ากับยอฝีมือขั้นสุดท้ายของระดับนี้เขาก็ยังรู้สึกว่าตนมีความสามารถเพียงพอที่จะกดดันอีกฝ่าย นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงและไม่ใช่การหยิ่งยโส แต่เป็นการรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของพลังภายในร่างกายอย่างแท้จริง
ฟิ้ว!
ศีรษะของสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวคนหนึ่งปลิวออกไป เลือดพุ่งกระฉูดทั่วฟ้าก่อนจะล้มลงกับพื้น หัวกับตัวแยกออกจากกัน ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง จ้องมองไปทางเย่เทียนเฉินด้วยความหวาดกลัว เขาคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มเช่นนี้จะร้ายกาจขนาดนี้ เดิมทีคิดว่าเย่เทียนเฉินเดินอยู่ด้านหลังสุดของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์อาจเป็นไปได้ว่าพลังบ่มเพาะจะอ่อนแอที่สุดจึงคิดจะพุ่งออกมาฆ่าเจ้าไก่อ่อนนี่สักหน่อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะเป็นพวกเคี้ยวยาก แข็งซะจนเขารับไม่ไหวแม้แต่กระบวนท่าเดียว ถูกฟันจนหัวขาด ในชั่วขณะที่ล้มลงกับพื้น มือสังหารสารเลวคนนั้นเห็นว่าบนแขนเสื้อของเย่เทียนเฉินปักคำว่า “หัวหน้าจ้าวสวรรค์” สีทองอยู่
สวมชุดคลุมต่อสู้สีแดงที่เป็นชุดหัวหน้าของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ เย่เทียนเฉินมีสีหน้าเคร่งขรึม ในดวงตาแน่วแน่ บนมือขวาถือกระบี่เซียวหยวน พลังที่สามารถบดขยี้โลกได้เช่นนั้นไม่อาจต่อต้านได้เลย เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไรให้มาก ตอนนี้เขากลายเป็นจักรพรรดิที่ไม่อาจแตะต้องแล้ว ก้าวเดินไปเบื้องหน้า มือขวาถือกระบี่ เปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ ตอนนี้เขาตัดสินใจจะเริ่มทำการฆ่าฟันแล้ว
ตั้งแต่ได้มาเกิดใหม่จากดาวสิ้นโลกเย่เทียนเฉินก็ไม่เคยโกรธอีกเลย ไม่เคยเปิดฉากฆ่าฟันครั้งใหญ่อีก ครั้งนี้เขาไม่ไว้ไมตรีแม้แต่ครึ่งส่วน เมื่อลงมือก็เริ่มฆ่าคน ต้องการฆ่าคนที่ไปข่มขู่ครอบครัวของเขาเหล่านี้ให้หมด ครอบครัวของฉัน ใครกล้าแตะต้อง ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ประโยคนี้ไม่ได้ล้อเล่น
เสียงปังดังขึ้น ประตูบ้านหลังหนึ่งบริเวณกลางเมืองเทียนซาถูกผลักออก พบว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นกำลังนอนคร่อมอยู่บนร่างของหญิงบริสุทธิ์คนหนึ่ง กำลังเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง หญิงบริสุทธิ์คนนั้นสลบไปแล้ว บริเวณร่างกายส่วนล่างเต็มไปด้วยเลือด สีหน้าขาวซีด บนร่างกายเล็กๆ อันเปลือยเปล่ามีรอยช้ำอยู่หลายแห่ง จะต้องถูกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นทรมานแน่นอน และบนพื้นด้านข้างยังมีหญิงบริสุทธิ์อีกคนหนึ่งขาดใจไปแล้ว ไม่หายใจอีก ร่างกายท่อนล่างของเธอก็มีเลือดไหล ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเลือดออกมากองใหญ่ ไม่รู้ว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นทำเรื่องต่ำช้าเดรัจฉานอันใดถึงทำให้มีสภาพแบบนี้ เด็กหญิงที่น่าสงสารทั้งสองเพิ่งจะมีอายุ 12 ปีเท่านั้นกลับต้องมาถูกทำร้ายเช่นนี้แล้ว ต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว
เมื่อเห็นว่ามีคนผลักประตูเข้ามา มัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็ขยับสองครั้ง มือบีบอยู่ที่คอของหญิงบริสุทธิ์จนแน่นกระทั่งหญิงบริสุทธิ์คนนั้นเบิกตากว้างและตายไปเขาถึงจะปล่อยมือ ในขณะเดียวกันร่างกายท่อนล่างก็ยังเคลื่อนไหว มือทั้งสองขับเคลื่อนพลังภายในราวกับกำลังฝึกฝนอยู่อย่างไรอย่างนั้น ทอดถอนใจออกมาอย่างพึงพอใจ ในดวงตาทั้งสองแปรเปลี่ยนไปมีประกาย ยิ่งไปกว่านั้นกระดูกและผิวที่เดิมทีมีร่องรอยความแก่ชราก็ดูเหมือนว่าจะเต่งตึงขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวหนังบนมือกลายเป็นแข็งแกร่งมาก เหมือนกับคนอายุ 20 กว่าปี
“ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ ท่านทำสำเร็จแล้ว ยินดีด้วยครับ!” คาเมดะอิจิโร่มีความยินดีเต็มหน้า พูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นสวมเสื้อผ้าเสร็จก็ไม่ได้ลำพองใจเพราะคำพูดของคาเมดะอิจิโร่ เดินไปเบื้องหน้าคาเมดะอิจิโร่แล้วเอ่ยถามเสียงเย็น “สถานการณ์ด้านนอกเป็นยังไง?”
“คนสิบสามคนที่สวมเสื้อคลุมสีแดงบุกเข้ามา ยิ่งไปกว่านั้นเมืองเทียนซาแห่งนี้ทั้งเมืองยังถูกปิดกั้นเอาไว้ ถูกปิดด้วยกำแพงสีทอง ผมลองทำลายดูแล้วแต่ทำไม่ได้เลย แข็งแกร่งมากจริงๆ ดูแล้วคงมียอดฝีมือมาปิดเมืองเทียนซา ต้องการฆ่าพวกเราทั้งหมดอยู่ที่นี่” คาเมดะอิจิโร่รายงาน
“คนสิบสามคน? สวมเสื้อคลุมสีแดง? รู้หรือเปล่าว่าเป็นใคร?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น
“ไม่ทราบครับ!” คาเมดะอิจิโร่ตอบ
“ไม่รู้เหรอ? คาเมดะ ฉันว่าแกคงไม่อยากมีชีวิตอยู่จริงๆ แล้วสินะ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกวาดตามองคาเมดะอิจิโร่อย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถาม
“นี่…”
คาเมดะอิจิโร่คุกเข่าลงบนพื้นในพริบตา เขาคิดไม่ถึงว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะเปลี่ยนสีหน้าเร็วขนาดนี้ มัตสึโมโตะชิโมะเค็นที่อยู่เบื้องหน้าเขาเป็นคนใจแคบคนหนึ่ง ขอเพียงมัตสึโมโตะชิโมะเค็นโกรธก็เป็นไปได้มากว่าจะฆ่าเขา คาเมดะอิจิโร่ไม่อาจต่อต้านได้เลย
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองไปยังคาเมดะอิจิโร่ หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงฆ่าคาเมดะอิจิโร่โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตอนนี้ถึงกับมีคนกล้าบุกมาฆ่าพวกเขา นี่เป็นเรื่องที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคิดไม่ถึง จะมากจะน้อยคาเมดะอิจิโร่ก็ยังพอมีค่าให้ใช้ประโยชน์อยู่บ้าง ด้วยพลังการต่อสู้ของเขาในตอนนี้ จะฆ่าหรือไม่ฆ่าคาเมดะอิจิโร่ก็ย่อมได้ เนื่องจากเขาทำลายร่างกายของผู้หญิงบริสุทธิ์ไปแล้วสองคน ดูดพลังหยินมาแล้ว ทำให้พลังภายในของตนฟื้นฟูไปมาก
“ออกไปฆ่าพวกมันเถอะ ฆ่าคนที่บุกมาให้หมด ในประวัติศาสตร์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเรายังไม่เคยมีใครกล้าบุกมาถึงที่ ฉันไม่อยากปล่อยคนแบบนี้ไป ฉันต้องการฆ่าพวกมันให้หมด!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมขึ้นที่มุมปาก
“ครับ ขอบคุณผู้อาวุโส!”
คาเมดะอิจิโร่เดินตัวสั่นออกไปจากห้อง มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองครู่หนึ่ง เขาไม่ได้รีบออกไปทันที แต่นั่งขัดสมาธิเพื่อโคจรพลังภายใน เขาบ่มเพาะพลังภายในสายหยินมาชั่วชีวิต ในตอนที่ร่างกายแก่ชราก็ใช้วิธีการพิเศษเพื่อควบคุมพลังภายใน เนื่องจากร่างกายที่แก่ชราไม่สามารถรองรับพลังภายในที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องควบคุมเอาไว้ หากต้องการปลดปล่อยพลังต่อสู้ออกมาจะต้องทำลายหญิงบริสุทธิ์สามคนและดูดกลืนไอหยินอันบริสุทธิ์ในร่างกายของพวกเธอ ต้องทำแบบนี้ถึงจะฟื้นฟูพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้
จะอย่างไรมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็อายุ 70 ปีแล้ว ชั่วชีวิตนี้ฆ่าคนมาจำนวนนับไม่ถ้วน กลิ่นอายอำมหิตบนร่างเข้มข้นมาก เมื่อถึงวัยแก่ชรา กลิ่นอายอำมหิตเหล่านี้ก็เริ่มกลืนกินเขา ยิ่งไปกว่านั้นจะมากจะน้อยมัตสึโมโตะชิโมะเค็นในอดีตก็เคยได้รับบาดเจ็บมาบ้าง ดังนั้นร่างกายของเขาจึงไม่ได้ดีอย่างที่ เห็นหลังจากที่ทำลายร่างกายอันบริสุทธิ์ของผู้หญิงทั้งสองแล้วยังต้องใช้เวลาเพื่อฟื้นฟู
ฟิ้วๆๆ มือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวสามคนขวางอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน ตอนนี้สมาชิกของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์แยกย้ายกันไปในเมืองเทียนซา แต่ละคนต่างหาคู่ต่อสู้เพื่อทำการฆ่าฟัน มีเพียงเย่เทียนเฉินที่ทำการกวาดล้าง เริ่มเดินบนถนนด้านหลังของเมืองเทียนซาอีกครั้ง ถือกระบี่เซียวหยวนอยู่ในมือ เร่งเร้าพลังต่อสู้จนอยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตพลังพิเศษระดับจักรพรรดิ เดินมุ่งหน้าไปยังจุดสิ้นสุดของถนนในเมืองเทียนซา ตอนนี้หากเขาพบพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็ฆ่าโดยไม่ลังเล สำหรับพวกสารเลวเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องยั้งมือและไว้ไมตรี
ฟุ่บ!
ในตอนที่คนที่สี่ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก เอ่ยถามอย่างเรียบเฉยว่า “คาเมดะ ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันของแกทำให้ซาโต้ตาย ทำให้ฮิคาวะตาย แกไม่กลัวผีของพวกมันไม่ปล่อยแกไปรึไง?”
“เย่เทียนเฉิน ไอ้ลูกเต่า วันนี้ฉันจะแก้แค้นเรื่องที่บ้านตระกูลจาง จะหั่นศพของแกเป็นหมื่นชิ้น!” คาเมดะอิจิโร่ชักดาบทหารสไตล์ชิบะออกมาจากเอว ชี้ไปทางเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างดุดัน
เย่เทียนเฉินมองไปยังคาเมดะอิจิโร่ ไม่ได้หยุดฝีเท้าแม้แต่น้อย ยังคงเดินไปเบื้องหน้าและเอ่ยปากอย่างเย็นชาว่า “ฉันเย่เทียนเฉินเป็นคนใจดี ไม่ชอบตบตีฆ่าฟัน แต่จะมีคนบางจำพวกที่ชอบมาหาเรื่อง ดังนั้นพวกคนที่คิดจะหั่นศพฉันเป็นหมื่นชิ้น เกรงว่าพวกมันคงทำไม่สำเร็จ จะต้องกลายเป็นคนตายทั้งหมด…”
“ตายซะ!” คาเมดะอิจิโร่จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม กัดฟันพูดคำนี้ออกมา
คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังคาเมดะอิจิโร่พุ่งเข้ามายังเย่เทียนเฉินด้วยความรวดเร็ว ความสามารถของคนเหล่านี้แข็งแกร่งมาก ที่ต่ำที่สุดก็มีความสามารถอยู่ในระดับนักรบราชันขั้นต้น รายงานของท่านผู้นำสูงสุดไม่ผิด คราวนี้มียอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมากันจำนวนมาก หากไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินทะลวงขอบเขตไปถึงขอบเขตผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิแล้ว และยังทำให้ขอบเขตพลังเสถียรมาก อีกทั้งยังมีกระบี่เซียวหยวนอยู่ในมือ หากจะฆ่าพวกสารเลวเหล่านี้ราวหั่นผักคงเป็นเรื่องยาก
ฉัวะ!
เย่เทียนเฉินไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว เมื่อเขาลงมือก็จะไม่ยั้งมือ พุ่งเข้าไปยังลูกศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนราวกับสายฟ้า ประกายดาบเงากระบี่ส่องสว่าง เพียงไม่กี่พริบตาเย่เทียนเฉินก็เดินไปยังคาเมดะอิจิโร่ ส่วนพวกสารเลวทั้งสามที่อยู่ด้านหลังเขายังอยู่ในท่าดึงดาบออกจากฝัก ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย คาเมดะอิจิโร่ตื่นตะลึงไปทั้งร่าง บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นซึมออกมา เขาไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไร แต่ดูเหมือนเย่เทียนเฉินไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ส่วนลูกศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสาม แต่ละคนต่างมีฝีมืออยู่ในขอบเขตนักรบราชันขั้นกลาง แต่กระทั่งดาบก็ยังไม่ได้ชักออกจากฝัก
ตุบ...เสียงสามเสียงดังขึ้น ในตอนที่เย่เทียนเฉินเดินไปหาคาเมดะอิจิโร่ในก้าวที่สาม พวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนที่อยู่ด้านหลังก็ล้มลงกับพื้น บริเวณหว่างคิ้วของทุกคนมีเลือดพุ่งออกมา ในช่วงเวลาเป็นตาย พวกเขาถูกเย่เทียนเฉินแทงเข้าที่หว่างคิ้ว ถูกปราณกระบี่ของกระบี่เซียวหยวนทำให้หน้าผากเป็นรู แต่เพราะเร็วเกินไปปฏิกิริยาจึงตามไม่ทัน ตอนนี้เพิ่งจะมีปฏิกิริยาขึ้นมา ทั้งหมดต่างตกตายไปเช่นนี้
“แก…”
เดิมทีคาเมดะอิจิโร่ยังมีความมั่นใจในการสู้กับเย่เทียนเฉิน แต่ตอนนี้เมื่อเห็นคนทั้งสามตายอย่างอนาถก็อดไม่ได้ที่จะเดินถอยหลังไปสองก้าว มือที่จับด้ามดาบสั่นระริก
“ตอนนี้ถึงตาแกแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดกับคาเมดะอิจิโร่ด้วยรอยยิ้ม
“เมืองเทียนซา คิดไม่ถึงว่าพวกสารเลวกลุ่มนี้จะกล้าซ่อนตัวอยู่ที่เมืองเทียนซา ดูแล้วคงมีชีวิตอยู่จนเบื่อจริงๆ!” อู๋เสวี่ยอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“มีอะไรให้ทำหรือเปล่า? ตอนนี้นั่งรถเฉยๆ น่าเบื่อจริง ลองเล่าให้พวกเราฟังสักหน่อยเป็นไง…” หวังเจี๋ยเอ่ยปากถาม
ทุกคนในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์รวมไปถึงเย่เทียนเฉินต่างนั่งรถซีดานสีดำไปยังเมืองเทียนซา ในสายตาของทุกคนเต็มไปด้วยไอสังหารและเต็มไปด้วยความปรารถนาในชัยชนะ ในตอนที่เย่เทียนเฉินออกมาจากคฤหาสน์ อลิซก็ได้ไปแล้ว นั่งเครื่องบินออกจากเมืองหลวงไปยังประเทศ M แล้ว เย่เทียนเฉินทำเพียงส่งเธอนอกคฤหาสน์ ไม่ได้พูดอะไรทั้งยังไม่ได้ถามอะไรด้วย เขาเชื่อว่าเรื่องระหว่างเขากับอลิซจะต้องได้รับการแก้ไขสักวันหนึ่ง นี่คือสัญชาตญาณ
หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยตื่นแล้ว ถึงแม้พวกเธอจะไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่แต่ก็มีความเด็ดเดี่ยวมาก บางครั้งนิสัยเด็ดเดี่ยวของผู้หญิงผู้ชายยังสู้ไม่ได้จนทำให้ผู้คนต้องนับถือ เย่เทียนเฉินไม่ได้ทิ้งกระบี่เซียวหยวน กระบี่ไท่อา และกระบี่อวี๋ฉางซึ่งเป็นกระบี่เทพบรรพกาลทั้งสามเล่มเอาไว้อีก เขาต้องการลงมือเต็มที่เพื่อสังหารมัตสึโมโตะชิโมะเค็น เขาตัดสินใจแล้วว่าจะฆ่าคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งหมดภายในเมืองเทียนซา หากครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อให้ทิ้งกระบี่เทพบรรพกาลทั้งสามเล่มไว้ก็เกรงว่าจะปกป้องแม่ น้องสาว และฉีหรูเสวี่ยไม่ได้ เพราะหากว่าเขาถูกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นฆ่าตาย จะมีใครปกป้องครอบครัวและสหายของตนเองได้อีก? ดังนั้นความคิดของเย่เทียนเฉินจึงเด็ดเดี่ยวมาก เขาจะต้องฆ่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นให้ได้ และจะเป็นต้องมีชีวิตรอดกลับไป
อู๋เสวี่ยมองไปยังพี่ใหญ่เย่เทียนเฉิน พบว่าเย่เทียนเฉินกำลังหลับตาทำสมาธิ ไม่ได้มีความคิดอะไร จึงเอ่ยปากอธิบายให้พวกหวังเจี๋ยฟัง “ก่อนหน้านี้เมืองเทียนซาไม่ได้ชื่อเมืองเทียนซา แต่ชื่อว่าเมืองเทียนหุย เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างชายขอบเมืองหลวงมากที่สุด ในเมืองมีความรุ่งเรืองมาก มีคนอยู่ประมาณสามหมื่นกว่าคน เมืองนี้มีถนนหลักอยู่เพียงสายเดียว นอกจากนั้นจะเป็นถนนสาขาที่แบ่งแยกออกไป ในเมืองมีทุกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านตัดผม ร้านเหล้าหรือร้านของกินเล็กๆ น้อยๆ ต่างก็มีครบ เพียงแต่เมื่อหนึ่งปีก่อน อยู่ดีๆ ทุกคนในเมืองเทียนหุยก็หายไปหมดในค่ำคืนเดียว จนกระทั่งตำรวจไปตรวจสอบจึงพบว่าคนหลายหมื่นตายอยู่บริเวณแนวราบระหว่างเทือกเขาที่ไม่ไกลจากเมืองเทียนหุย ทุกคนต่างตายอย่างน่าอนาจ ไม่มีศพที่สมบูรณ์แม้แต่ศพเดียว ตำรวจหาเบาะแสใดในสถานที่เกิดเหตุไม่พบจนกลายเป็นคดีใหญ่สะเทือนขวัญ!”
“ให้ตายเถอะ ใครมันโหดเหี้ยมขนาดนั้น ถึงกับฆ่าคนหลายหมื่นคนในพริบตา อย่างน้อยคงเป็นกองทัพสักกองหนึ่งใช่หรือเปล่า?” เปาเทียนหลงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“เรื่องนี้ทางการไม่ได้เป็นคนทำ ถ้าหากทางการต้องการทำแบบนี้แค่ทำลายเมืองเทียนหุยทั้งเมืองไปตรงๆ ก็สิ้นเรื่อง กระทั่งตำรวจมาตรวจสอบก็คงถูกระงับไปแล้ว ทำไมต้องทำเรื่องที่สั่นสะเทือนไปทั้งประเทศจีนขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันคิดว่าต้องบอกพวกแกให้ชัดเจน การตายของคนหลายหมื่นคนในเมืองเทียนหุยเป็นการกระทำของคนคนเดียว!” อู๋เสวี่ยเอ่ยปากอย่างเย็นชา
“อะไรนะ? การกระทำของคนคนเดียว?”
“นี่…นี่จะเป็นไปได้ยังไง?”
“เป็นไปไม่ได้น่ะ คนคนเดียวจะฆ่าคนหลายหมื่นคนในเมืองทั้งหมด นี่มัน…”
พวกหวังเจี๋ย เปาเทียนหลง และหลินตงต่างตื่นตะลึง ไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง ยังไม่ต้องพูดว่าคนคนนั้นโหดเหี้ยมขนาดไหน แค่คนเพียงคนเดียวก็ฆ่าคนหลายหมื่นคนในเมืองไปได้ทั้งหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ศพของพวกเขาไปอยู่ในที่ราบระหว่างภูเขาบริเวณไม่ไกล ความสามารถของคนคนนี้แข็งแกร่งเกินไป ต่อให้เป็นแค่แตงโมหลายหมื่นลูก หากคิดจะทำลายด้วยพลังของคนคนเดียวก็ยังเป็นเรื่องยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนมีชีวิตหลายหมื่นคนเลย นี่จะทำให้ผู้คนตื่นตะลึงและสั่นสะท้านขนาดไหนกัน ไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง
“คงเป็นหมอกโลหิตที่เป็นลูกน้องของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงแน่ ก่อนหน้านี้คุณชายใหญ่ส่งหมอกโลหิตมาฆ่าคนทั้งหมดของเมืองเทียนหุย และคงจะเริ่มเตรียมการตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีกว่าแล้ว เขามีแผนการอันแน่วแน่ที่ต้องการทำให้สำเร็จ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะแทรกเข้ามา สุดท้ายก็ฆ่าหมอกโลหิตไปได้ ไม่งั้นเรื่องนี้คงไม่ง่ายขนาดนั้น!” ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินลืมตาขึ้น ในน้ำเสียงปรากฏความเย็นชาอยู่หลายส่วน ในใจของเขาก็มีความโกรธเกรี้ยวเช่นกัน คนหลายหมื่นคนจากทั่วทั้งเมืองต่างถูกคุณชายใหญ่ฆ่าตาย คนคนนี้โหดเหี้ยมจริงๆ
ในตอนที่เย่เทียนเฉินฟังอู๋เสวี่ยเล่า ได้ยินว่าคนหลายหมื่นคนต่างถูกคนคนเดียวกันฆ่าตาย สภาพน่าอนาจจนทนมองไม่ได้ ไม่มีแม้แต่ศพเดียวที่สมบูรณ์ ทุกคนต่างถูกหมอกโลหิตอันเข้มข้นปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง ตอนนั้นเขาก็คิดว่าจะต้องเป็นหมอกโลหิตที่เป็นขุนพลอันดับหนึ่งในหมู่ลูกน้องของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงเป็นผู้กระทำแน่นอน เย่เทียนเฉินเคยสู้กับหมอกโลหิตมาก่อน ความสามารถของหมอกโลหิตแข็งแกร่งมาก ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำยังโหดเหี้ยมมาโดยตลอด เย่เทียนเฉินเข้าใจวิธีการของเขาเป็นอย่างดี เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงก็คือ ทำไมคุณชายใหญ่ต้องทำเช่นนี้ ฆ่าคนหลายหมื่นคนในเมืองเทียนหุยโดยไม่คิดเสียดายจนกลายเป็นคดีที่สั่นสะเทือนไปทั่วแบบนี้
“พี่ใหญ่พูดไม่ผิด เป็นหมอกโลหิตทำจริงๆ ผมเคยมาที่เมืองเทียนหุยแล้ว ที่นั่นมีซากศพอยู่จำนวนหนึ่ง ผมเคยเห็นสภาพการตายของคนเหล่านั้น บนใบหน้าของทุกคนจะมีสีหน้าตื่นตกใจและหวาดกลัวหาใดเปรียบ!” อู๋เสวี่ยพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
“แม่งเอ้ย คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงโหดเหี้ยมจริงๆ ถ้ามีโอกาสฉันอยากจะฆ่าเขาจริงๆ” หวังเจี๋ยเอ่ยปากอย่างโกรธเกรี้ยว
“ไม่ต้องพูดมากขนาดนั้นหรอก พวกเราเตรียมตัวให้ดีเถอะ คงต้องต่อสู้สังหารเข้าไปตลอดทางถึงจะเป็นการแก้แค้นให้ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกฆ่าตายในเมืองเทียนหุยเหล่านั้นได้ ส่วนคุณชายใหญ่ จะช้าจะเร็วก็ต้องคิดบัญชีกับเขา!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย
“ครับ!” ทุกคนในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ตะโกนอย่างเข้มแข็ง
บริเวณทางเข้าของเมืองเทียนซา หลังจากที่คนทั้งหมดในเมืองเทียนหุยตายไปที่นี่ก็ถูกคนเรียกว่าเป็นเมืองเทียนซา ไม่มีใครกล้าอยู่ที่นี่อีก รกร้างวังเวงเป็นอย่างมาก ตอนนี้บริเวณทางเข้าของเมืองเทียนซามีคนสิบสามคนปรากฏตัวขึ้น บนร่างของทุกคนสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่สีแดงเช่นเดียวกัน ด้านหลังของเสื้อคุมมีหลายปักมังกรจีนอยู่ตัวหนึ่ง และบนแขนเสื้อด้านขวาของพวกเขามีคำว่า “สิบสามจ้าวสวรรค์” ปักอยู่เช่นเดียวกัน ส่วนบนแขนเสื้อด้านขวาของเย่เทียนเฉินปักคำว่า “หัวหน้าจ้าวสวรรค์” ยิ่งไปกว่านั้นลายมังกรปักที่ด้านหลังของเขายังเป็นมังกรตัวใหญ่สีทอง ส่วนลายปักมังกรที่ด้านหลังของคนอื่นเป็นสีทองอ่อน
“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เข้าไปฆ่าอย่างเดียว!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเย็นชา
“ครับ!”
กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ คนที่สวมเสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่ทั้ง 13 คนต่างพุ่งเข้าไปในเมืองเทียนซา เย่เทียนเฉินอยู่ด้านหลังสุดเพราะยังต้องสั่งการ ในตอนที่เท้าของเขาเหยียบย่างเข้าไป พลังเขตแดนปิดกั้นก็แผ่ขยาย ครอบคลุมไปทั่วทั้งเมืองเทียนซา เย่เทียนเฉินที่ทะลวงขอบเขตไปจนถึงขอบเขตผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิแล้วย่อมมีความมั่นใจมากพอ พลังเขตแดนปิดกั้นของตน นอกจากจะเป็นคนที่มีฝีมือเหนือกว่าตัวเองไปมากถึงจะทำลายได้ มิฉะนั้นคนที่อยู่ในขอบเขตพลังระดับเดียวกันจะไม่สามารถทำลายได้แน่นอน
ฟิ้วๆๆ!
คนของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เพิ่งจะเข้าไปในเมืองเทียนซาก็มีพวกสารเลวหลายคนพุ่งออกมา บนใบหน้าของทุกคนต่างมีท่าทีโหดเหี้ยมดุดัน นี่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก คนที่เข้ามาเหล่านี้ต่างก็ต้องการสังหารกัน ไม่จำเป็นต้องถามอะไรมาก เริ่มเปิดฉากฆ่าฟันครั้งใหญ่
“นี่เป็นการเดิมพัน มัตสึโมโตะชิโมะเค็นแข็งแกร่งมาก ถ้าฉันแพ้ มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะต้องไม่ยอมปล่อยเพื่อนและครอบครัวของฉันไปแน่ ตั้งแต่ที่ได้มาเกิดใหม่ฉันก็เคยกล่าวแล้วว่า ครอบครัวของฉัน ฉันจะปกป้อง ใครกล้าแตะต้องจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
เย่เทียนเฉินคิดอย่างแน่วแน่ในใจ มือทั้งสองกางออกแล้วยื่นออกไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปด้านบน เสียงฟุ่บดังขึ้น เขาหายไปจากที่เดิม พริบตาเดียวก็ปรากฏตัวบนป้ายทางเข้าเมืองเทียนซา บนนั้นเป็นตำแหน่งที่สูงที่สุด สามารถมองเห็นทุกอย่างในเมืองเทียนซาได้อย่างชัดเจน
แน่นอนว่าเย่เทียนเฉินไม่ได้คิดจะดูสถานการณ์และไม่คิดจะดูว่าในเมืองเทียนซาแห่งนี้มีพวกมือสังหารสารเลวอยู่กี่คนกันแน่ ในเมื่อเย่เทียนเฉินมาแล้วก็จะฆ่าให้หมด หากฆ่าไม่ได้คนที่ต้องตายจะไม่ใช่แค่เขาเย่เทียนเฉิน แต่ยังมีครอบครัวและเพื่อนของเขาด้วย ไม่อาจไปคาดหวังว่าพวกสารเลวพวกนี้จะไม่ลงมือกับครอบครัวของเขา นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องลงมือเต็มที่ เย่เทียนเฉินเตรียมใจที่จะตายไปพร้อมกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้ว ชีวิตคนเรามีเรื่องมากมายที่ตนไม่อาจกำหนด ในบางครั้งก็สามารถเสียดายชีวิตได้เนื่องจากการตายนั้นไม่คุ้มค่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ แต่ในบางครั้งก็จำเป็นต้องดิ้นรนสุดชีวิต ทำความเข้าใจกับความตายให้ได้ มิฉะนั้นจะระเบิดความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้อย่างไร จะโจมตีศัตรูให้ดับดิ้นไปได้อย่างไร
ฉัวะ!
ประกายสีทองสายหนึ่งปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองเทียนซา เสียงตูมตามดังขึ้น ในดวงตาทั้งสองของเย่เทียนเฉินมีประกายสีทองถูกยิงออกมา แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพสูงสุดของขอบเขตจักรพรรดิแล้ว เพื่อที่จะไม่ให้มีการสูญเสียเขาจำเป็นต้องสังหารครั้งใหญ่ ไม่อาจปล่อยให้พวกสารเลวที่นี่หนีไปได้แม้แต่คนเดียว และยิ่งไม่อาจปล่อยให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นหนีไปได้ด้วย ถึงแม้จะใช้พลังเขตแดนปิดกั้นแล้วแต่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ จะแข็งแกร่งถึงระดับใดกันแน่ นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่รู้ เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ชอบพึ่งโชค หากจะทำก็ต้องทำให้ถึงที่สุด มิอาจนำความเป็นความตายไปผูกอยู่กับโชคลาภ โดยเฉพาะเมื่อสู้กับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นที่เป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ ความสามารถไม่อ่อนแอกว่าจักรพรรดิดาบ ครั้งนี้เย่เทียนเฉินรู้สึกกดดันมากจริงๆ
ตู้มๆๆๆ!
เคร้ง!
เสียงสี่เสียงดังชัดเจน กำแพงสีทองขนาดใหญ่ทั้งสี่ปกคลุมทั่วทั้งสี่ทิศของเมืองเทียนซา ส่วนเสียงสุดท้ายคือเสียงฝาสีทองขนาดใหญ่ร่วงลงมาครอบเอาไว้ ปิดเมืองเทียนซาทั้งหมดไปโดยสิ้นเชิง หากคนธรรมดาเห็นภาพนี้จะต้องตกใจจนแทบตายแน่นอน จินตนาการได้เลยว่าหากต้องการจะปิดเมืองเทียนซาทั้งเมืองจะต้องมีกำแพงสีทองนี้มากขนาดไหน จะต้องมีฝาครอบมากขนาดไหน?
ภายในเมืองเทียนซามีเสียงต่อสู้อันรุนแรงดังขึ้น ทั้งยังมีเสียงฆ่าฟันและเสียงกรีดร้อง นั่นคือการปะทะกันระหว่างสมาชิกของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์และยอดฝีมือสำนักโฮคุชินอิตโตริว ความสามารถของคนทั้งสองฝั่งแข็งแกร่งมาก หากจะกล่าวว่าต้องการฆ่าอีกฝ่ายในพริบตานั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้และเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริง ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงดุเดือดรุนแรงมาก เย่เทียนเฉินใช้ “โล่ทองคำ” สร้างเป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด จากนั้นก็กระโดดลงมาที่พื้น ในตอนนี้เย่เทียนเฉินจริงจังมาก บนใบหน้ามีเพียงความโหดเหี้ยม มีกลิ่นอายจักรพรรดิปรากฏชัดเจนโดยไม่ต้องสงสัย ไม่เห็นท่าทีเหลาะแหละแม้แต่ครึ่งส่วน
“ความสามารถของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแข็งแกร่งมาก ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา เป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ ถ้าพูดตามตรงโดยไม่อ้อมค้อมก็คือ บางทีพวกเราอาจจะฆ่าเขาไม่ได้ ทุกคนต้องเตรียมตัวตายให้ดี!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจริงจังพลางมองไปยังทุกคนของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์
ในตอนที่เย่เทียนเฉินพูดคำนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คนเดียว และไม่มีเสียงพึมพำแม้แต่ครึ่งคำ นี่คือวินัยของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ เย่เทียนเฉินไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมลูกน้องมากนัก เพียงแค่ทำตามหลักการหนึ่งมาโดยตลอด นั่นก็คือปฏิบัติกับพวกเขาโดยไม่เห็นพวกเขาเป็นลูกน้องแต่เห็นเป็นพี่น้อง ใช้ใจแลกใจ หากทำเช่นนี้แล้วยังไม่รู้ใจกัน ถ้างั้นคงไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ
“พี่ใหญ่ คุณสั่งมาเถอะ ต่อให้ผมหวังเจี๋ยต้องสู้จนตัวตายก็จะฆ่าพวกสารเลวพวกนี้ให้ได้!” หวังเจี๋ยเป็นคนที่มีนิสัยบุ่มบ่าม รีบเอ่ยปากขึ้นอย่างดุดัน
“ใช่แล้ว ต้องทำให้พวกสารเลวนี่กลับประเทศชิบะไม่ได้อีก ให้พวกมันทิ้งชีวิตไว้ที่ประเทศจีนซะ ทำให้พวกมันรู้ว่าประเทศจีนไม่ได้มาง่ายๆ!” เปาเทียนหลงก็รู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว ผ่านมานานขนาดนี้ยังไม่มีการต่อสู้อะไร สำหรับพวกเขาที่ชอบต่อสู้ นี่ทำให้รู้สึกแย่ยิ่งกว่าฆ่าพวกเขาซะอีก
เย่เทียนเฉินมองไปยังพี่น้องกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ หากพูดตามจริง สามารถมีพี่น้องแบบนี้ได้ทำให้เย่เทียนเฉินปลื้มใจมาก ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะรู้สึกสับสนอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เป็นเหมือนพี่น้องกลุ่มเดียวกันอย่างแท้จริง พวกเขามีความจริงใจซื่อสัตย์ต่อตน ไม่กลัวความตาย ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟพวกเขาก็เต็มใจทำโดยไม่ปฏิเสธ ชีวิตหนึ่งมีพี่น้องแบบนี้ เรียกว่าได้ว่าต่อให้ตายก็ไม่เสียดายแล้ว
“ดี ที่ฉันตัดสินใจก็คือ ขอเพียงหาเบาะแสของพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวเจอ พวกเราก็จะไปโจมตีมันก่อน กำจัดพวกสารเลวนี่ซะ ไม่ว่าพวกมันจะแข็งแรงขนาดไหนก็ตาม ฉันเป็นคนไม่ชอบถูกกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในถิ่นของพวกเราเองด้วย!” เย่เทียนเฉินลุกขึ้นยืน เอ่ยปากพูดอย่างจริงจัง
“ครับพี่ใหญ่!” กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์รับปากพร้อมกัน
“เย่เทียนเฉิน นายนี่กล้าหาญจริงๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่หาไม่พบแม้กะทั่งว่าคนกลุ่มนี้อยู่ที่ไหน แล้วยังอยากจะฆ่าพวกเขาอีก ฉันว่ารอให้พวกเขามาฆ่านายเถอะ!”
ตอนนี้เอง เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นอย่างหยอกล้อ กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์รวมถึงเย่เทียนเฉินต่างหันไปมอง บางทีในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์อาจมีคนไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ แต่เย่เทียนเฉินกลับรู้จักดี ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย “เธอกลับมาจากการเดินเล่นเร็วขนาดนี้ ฉันหวังว่าเธอคงมีข่าวดีมาให้ฉันนะ”
“ฉันจะเอาข่าวดีอะไรมาให้นายได้ นายคิดว่าฉันเอาข่าวดีอะไรมาให้นายล่ะ?” อลิซกรอกตาใส่เย่เทียนเฉิน มองไปทางเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
อลิซมาแล้ว บทสนทนาระหว่างเธอกับเย่เทียนเฉินทำให้คนอื่นไม่เข้าใจ กระทั่งเย่เทียนเฉินและอลิซเองก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะสนทนากันในบรรยากาศเช่นนี้ได้โดยไม่รู้ตัว ทั้งสองต่างเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูด ไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องของอีกฝ่าย เพียงแต่ไม่เปิดโปงกัน รักษาสภาพเข้าใจกันโดยไม่มีใครต้องพูด ดูเหมือนว่าเช่นนี้ก็พอแล้ว
“เธอไปเดินเล่นคราวนี้ไม่มีค่าอะไรเลย!” เย่เทียนเฉินไม่ได้โกรธ ทั้งยังพูดด้วยรอยยิ้มอีกด้วย
ตอนนี้เอง อู๋เสวี่ยเดินมาเบื้องหน้าอลิซ ขวางอลิซเอาไว้ อลิซมองไปยังอู๋เสวี่ย สายตาเปลี่ยนไปคล้ายกับต้องการลงมือ ไม่กล่าวไม่ได้ว่าอลิซมีความกล้าอยู่บ้างจริงๆ เผชิญหน้ากับกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของเย่เทียนเฉินซึ่งแต่ละคนต่างเป็นยอดฝีมือชั้นสูง แต่เธอยังไม่มีความหวาดกลัวเลย นี่ทำให้เย่เทียนเฉินต้องเปลี่ยนมุมมองจริงๆ อลิซจะมีฐานะอย่างไรกันแน่เย่เทียนเฉินเองก็ไม่รู้ และไม่ได้ส่งคนไปตรวจสอบด้วย เขาเพียงแค่คาดเดาได้บ้างเท่านั้น และตอนนี้ก็ไม่ว่างจะมาเปิดโปงกันด้วย จะอย่างไรอลิซเองก็ไม่ได้พูดและไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องสนใจชั่วคราว ความอันตรายจากพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวถึงจะร้ายแรงที่สุด ต้องกำจัดพวกสารเลวกลุ่มนี้ก่อนค่อยว่ากัน
“อู๋เสวี่ย ไม่ต้องขวางเธอ อลิซไม่ใช่คนชั่วช้าอะไร!” เย่เทียนเฉินส่ายหน้าพูดกับอู๋เสวี่ย
อู๋เสวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง มองไปยังอลิซ จากคำพูดของผู้หญิงคนนี้ดูคล้ายกับว่าเธอจะรู้เบาะแสของพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริว หากไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินหยุดเอาไว้ อู๋เสวี่ยต้องจับตัวอลิซมาแน่ ต่อให้ต้องลงมือทำลายดอกไม้งามอย่างโหดเหี้ยมหรือต้องทรมานให้สารภาพเขาก็จะทำให้อลิซบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอรู้ออกมาให้ได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินจะไม่ให้เขาทำแบบนี้ ดังนั้นอู๋เสวี่ยจึงหลีกทางกลับไปยืนด้านข้าง เชื่อฟังคำสั่งของเย่เทียนเฉิน
อลิซไม่ได้พูดอะไรทำเพียงเดินไปเบื้องหน้า รักษาระยะห่างไว้ช่วงหนึ่ง เย่เทียนเฉินมองเธออยู่เช่นนั้น เขาคิดว่าอลิซมีคำพูดต้องการพูดกับเขา ผู้หญิงคนนี้ดูผิวเผินแล้วอัธยาศัยดี แต่ตอนที่โหดเหี้ยมขึ้นมาก็โหดเหี้ยมอย่างไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เย่เทียนเฉินยังไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายโหดเหี้ยมของอลิซ
“มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะลงมือด้วยตัวเองแล้ว นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา คิดหาวิธีหนีไปเถอะ!” อลิซเอ่ยปากพูด ยังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง
“วางใจเถอะ ฉันไม่ตายหรอก เรื่องของฉันกับเธอยังไม่จบเลย!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยใบหน้าที่ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“ฉันกับนายไม่มีเรื่องอะไรกัน ถ้าเป็นไปได้ฉันจะฆ่านายด้วยตัวเอง!” อลิซตอบคำพูดของเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชา
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันเต็มใจที่จะถูกเธอฆ่าสักครั้ง แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากรู้ก็คือพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวอยู่ที่ไหน...” เย่เทียนเฉินยังคงถามอย่างไม่ยอมแพ้
ขณะนั้น อลิซหยุดอยู่กับที่ ไม่ได้เดินไปข้างหน้าต่อ ชะงักไปประมาณ 3 วินาทีถึงจะได้ยินเสียงของเธอ เธอไม่ได้บอกเย่เทียนเฉินว่าพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวอยู่ที่ไหน แต่กล่าวว่า “วันนี้ฉันจะออกจากเมืองหลวงกลับไปประเทศ M แล้ว บางทีหลังจากนี้พวกเราคงไม่ได้พบกันอีก หรือถ้าได้พบกันอีกครั้ง ฉันจะต้องลงมือฆ่านายแน่…”
“กลับไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? หรือรังเกียจที่อาหารของฉันไม่ดีพอ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย
อลิซเองก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้ายิ้มๆ เธอถูกเย่เทียนเฉินหยอกล้อจนอารมณ์ดีแล้วจริงๆ อย่างไรก็ตามกลับไม่ได้เอ่ยปากอีก เดินเข้าไปในคฤหาสน์ที่เย่เทียนเฉินอาศัยอยู่โดยตรง พวกอู๋เสวี่ยพอจะฟังออกบ้าง ต่างกระตือรือร้นอยากจะลองมือ ขอเพียงเย่เทียนเฉินพูดออกมาเพียงครึ่งคำหรือส่งสัญญาณมือเพียงนิดเดียวพวกเขาก็จะลงมือกับอลิซทันที
ฟิ้ว!
มีดทหารเล่มหนึ่งลอยมา มุ่งสังหารมาทางเย่เทียนเฉินโดยตรง รวดเร็วเป็นอย่างมาก เย่เทียนเฉินขยับตัวครั้งหนึ่ง รับมีดทหารเล่มนั้นไว้ได้ ตอนนี้เอง อู๋เสวี่ยพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์แล้ว ต้องการสังหารอลิซซะ ต่อให้ฆ่าไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องจับตัวเธอให้ได้
“กลับมาเถอะ ไม่เป็นไร พวกเราเตรียมตัวออกเดินทางได้!” เย่เทียนเฉินตะโกนบอกอู๋เสวี่ย
“พี่ใหญ่…พวกเราจะไปไหนหรือ?” อู๋เสวี่ยเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจนัก อลิซลงมือกับเย่เทียนเฉินแล้ว หรือพี่ใหญ่จะหลงใหลผู้หญิงคนนั้น?
“ไปฆ่าพวกมัตสึโมโตะชิโมะเค็น!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฆ่าพวกมัตสึโมโตะชิโมะเค็น? พี่ใหญ่ คุณรู้เบาะแสของพวกมันแล้วเหรอ?” อู๋เสวี่ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
เย่เทียนเฉินมองไปยังมีดทหารในมือขวา จากนั้นจึงพยักหน้า เขาเดาไม่ผิดจริงๆ อลิซนำข่าวดีมาให้เขาจริงๆ ด้วย พวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวพวกนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะซ่อนอยู่ที่นั่น มิน่าล่ะหาทั่วทั้งเมืองหลวงแล้วก็ยังไม่พบ คนพวกนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ
ออกเดินทางแล้ว เย่เทียนเฉินพาทุกคนในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ออกเดินทางในเวลาสี่ทุ่มของวันนั้น ทุกคนต่างสวมเสื้อผ้าเหมือนกัน เสื้อผ้าชุดนี้ดูแล้วไม่เหมือนวัยรุ่นและไม่ได้มีสีที่ทำให้คนอื่นหัวเราะ ในทางตรงกันข้าม เมื่อกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์สวมชุดแบบนี้ออกมาจะต้องสั่นสะท้านไปทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่คือภารกิจครั้งแรกของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ การเปิดตัวของพวกเขาจะต้องทำให้พวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวต้องสั่นสะท้าน
บริเวณรอบนอกเมืองหลวงที่อาจไม่นับว่าเป็นชายขอบเมืองหลวงแล้ว อย่างน้อยก็ห่างกันหลายร้อยลี้ ที่นี่มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าเมืองเทียนซา ไม่รู้ว่าทำไมถึงตั้งชื่อที่ดูอันตรายแบบนี้ หากว่ากันตามเหตุผล เมืองเล็กๆ ที่มีชื่อแบบนี้คงไม่มีใครอาศัยอยู่แน่นอน จะมากจะน้อยคนจีนก็ยังมีความงมงายเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง ก็เหมือนกับที่ชาวต่างชาติหลงใหลในโค้ดดิจิตอล ในตอนที่เย่เทียนเฉินรู้จักกับเมืองเทียนซาเป็นครั้งแรกก็ส่งคนเข้าไปตรวจสอบทันที เมื่อตรวจสอบออกมาก็ต้องรู้สึกตื่นตะลึง เมืองเทียนซาแห่งนี้ ร้อยกว่าปีก่อนยังคงเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีผู้คนอยู่หลายหมื่นคน เพียงแต่วันหนึ่ง เมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้ จู่ๆ คนในเมืองแห่งนี้ก็หายไปจนหมด ทำให้คนอื่นที่รู้ต่างต้องตกใจและไม่กล้าเชื่อ เมื่อแจ้งตำรวจ ตำรวจก็พบศพของคนหลายหมื่นคนที่ที่ราบระหว่างภูเขานอกเมือง คนหลายหมื่นคนล้วนตายหมดแล้ว สภาพน่าอนาจจนทนมองไม่ได้ บนร่างของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยของสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกรงสีเลือด น่ากลัวและอำมหิตเป็นอย่างมาก ทางตำรวจหาเบาะแสอื่นไม่พบ สุดท้ายจึงไม่มีวิธีใด ทำได้เพียงใช้ที่ราบแห่งนี้แทนที่ฝังศพ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเมืองเทียนซาก็กลายเป็นสถานที่ไร้ซึ่งผู้คน นี่เป็นคดีที่สั่นสะเทือนบุคคลระดับสูงของประเทศจีนทั้งหมดและเป็นคดีที่ไม่อาจแก้มาโดยตลอด พริบตาเดียวคนในทั้งเมืองก็ตายไปหลายหมื่นคน ศพหลายหมื่นศพถูกกองอยู่ที่ที่ราบระหว่างเขาด้านนอกเมืองที่อยู่ไม่ไกล เพียงแค่คิดถึงภาพนี้ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวแล้ว กลัวจนขนหัวลุก ตกลงใครเป็นคนทำกันแน่?
ตอนนี้ข่าวที่เย่เทียนเฉินได้รับก็คือพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวอยู่ในเมืองเทียน ซา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังใช้ประโยชน์จากเมืองเทียนซาเพื่อแฝงตัวเข้ามา ปิดบังหูตาของผู้คน จะได้ไม่ถูกคนอื่นพบ นี่เป็นเมืองที่เคยเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ย่อมไม่มีใครคิดจะกล่าวถึง ด้วยเหตุนี้มันจึงเต็มไปด้วยไอสังหารและเรื่องที่ไม่น่าพิสมัย ไม่มีใครคิดว่าพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะไม่กลัวตายแบบนี้ ถึงกับซ่อนตัวอยู่ในเมืองนี้เชียว หรือนี่จะเป็นเจตนาสวรรค์? กระทั่งพระเจ้าก็ทนดูเมืองนี้ไม่ได้หรือ?
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่รู้ว่าอลิซมีเจตนาอะไรกันแน่ แต่เพราะคำพูดไม่กี่ประโยคของเธอทำให้คาเมดะอิจิโร่ถูกฟันแขนขวาจนขาด หากไม่ใช่เพราะมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่มีกำลังในประเทศจีนมากพอให้ใช้งาน เกรงว่าคาเมดะอิจิโร่คงถูกเขาฆ่าไปแล้ว
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคนนี้ไม่เพียงแต่จะมีความสามารถที่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึง ที่สำคัญก็คือเขาเป็นเฒ่าสารพัดพิษคนหนึ่ง เป็นคนที่มีสมองอยู่บ้าง ถ้าเป็นคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวคงไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวก็คือคนที่มีสมองอันเจ้าเล่ห์ นี่เป็นอะไรที่รับมือไม่ง่ายเลย
เมื่อเห็นว่าอลิซเดินไปยังประตูแล้ว มัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็กำหมัดแน่น เขาโกรธมาก ประการแรกโกรธเพราะฮิคาวะซึ่งเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของตนถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตาย ประการที่สองเป็นเพราะอลิซไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นสุนัขรับใช้ของประเทศ M ความจริงสิ่งที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่รู้ก็คือ คนแบบเขา ถ้าไม่ได้เป็นสุนัขของประเทศ M แล้วจะเป็นอะไรได้?
“ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะครับ ทำไม ทำไมไม่ฆ่าเธอ…” คาเมดะอิจิโร่กุมแขนขวาของตน กัดฟันพูดออกมา
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นหันไปมองคาเมดะอิจิโร่ แขนขวาของคาเมดะอิจิโร่ถูกเขาฟันขาดไปแล้ว มัตสึโมโตะชิโมะเค็นยิ้มอย่างเย็นชา สะบัดมือขวาเบาๆ คาเมดะอิจิโร่ถึงกับไม่รู้สึกเจ็บแขนขวาอีก เมื่อมองไปยังแขนขวาของตนอีกครั้งถึงกับสมบูรณ์ไม่เสียหาย นี่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ ถ้างั้นเมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้น?
ความรู้สึกแขนขาดเช่นนั้น ภาพที่มีเลือดไหลออกมาชัดเจนถึงขนาดนั้น คาเมดะอิจิโร่สาบานได้เลย เขารู้สึกว่าแขนขาดไปจริงๆ เจ็บจนแทบขาดใจ แต่ตอนนี้ทำไมถึงดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
“ผู้อาวุโส…นี่ผม…” คาเมดะอิจิโร่เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยและแปลกใจ
“ฉันจะบอกอะไรแกให้ ถ้าครั้งนี้ฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ แกกับฉันก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตกลับไปอีกเลย ฉันไม่มีหน้ากลับไปพบจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของฉัน ส่วนแก ฉันก็จะฆ่าแกด้วยมือของฉันเอง!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยปากอย่างเย็นชา
“ครับ ขอบคุณผู้อาวุโสที่ไม่ฆ่าผม!” คาเมดะอิจิโร่พูดภาษาจีนออกมาอย่างคล่องแคล่ว
“ต่อให้พูดภาษาจีนดีแค่ไหนก็พิชิตคนจีนพวกนี้ไม่ได้ มีแต่ต้องอาศัยการฆ่าฟันถึงจะเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุด!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดอย่างดุดัน
“ครับ!” คาเมดะอิจิโร่รีบตอบ
ตอนนี้เอง มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองไปยังคาเมดะอิจิโร่แล้วจึงกลับมานั่งที่ตำแหน่งของตนอีกครั้ง การตายของฮิคาวะทำให้เขารู้สึกโกรธมากจริงๆ และเรียกได้ว่าสั่นสะท้านเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของตน อย่างน้อยก็เรียกได้ว่าสามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของประเทศจีนได้ ถึงกับตายอยู่ในมือของเย่เทียนเฉิน ดูท่าทางเย่เทียนเฉินคนนี้จะไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่จะทำอะไรก็ได้ นับว่าเป็นพวกกระดูกแข็งคนหนึ่ง!
“ไปหาหญิงบริสุทธิ์หลายคนมาให้ฉันซะ วันนี้ฉันจะเริ่มกินเนื้อแล้ว!” สายตาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอำมหิต พูดออกมาด้วยความหื่นกระหาย
เมื่อคาเมดะอิจิโร่ได้ยินคำพูดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง เขาไม่ได้ยิ้มออกมาอย่างหื่นกระหายเช่นเดียวกับอีกฝ่าย หากเป็นเมื่อก่อน คนถ่อยที่มีนิสัยหื่นกามอย่างคาเมดะอิจิโร่จะต้องร่วมเสพสุขไปกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเคร่งเครียดเป็นพิเศษ เอ่ยถามอย่างจริงจังว่า
“ผู้อาวุโสครับ คุณคิดจะลงมือเองเหรอ?”
“หึ ถ้าฉันไม่ลงมือด้วยตัวเอง หรือจะให้ทำแบบที่ยัยกะหรี่อลิซพูดจริงๆ จะให้ส่งลูกน้องออกไปตายอีกรึไง?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ ทำไมเมื่อกี้คุณถึงไม่ฆ่ายัยกะหรี่นั่นซะ น่ารังเกียจจริงๆ เธอถึงกับเปลี่ยนฝั่งไปช่วยเย่เทียนเฉิน สมควรตาย!” คาเมดะอิจิโร่เอ่ยปากพูดอย่างโหดเหี้ยม
“ไม่ พวกเราฆ่านังกะหรี่นั่นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่กล้าฆ่า แต่ฉันคิดว่าปล่อยเธอทิ้งไว้ยังจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ปล่อยให้รัฐบาลประเทศ M จัดการเธอด้วยตัวเองเถอะ ฉันคิดว่าคงจะมีเรื่องสนุกให้ดูแน่ เมื่อกี้ฉันแค่ใช้วิชาลวงตาที่แข็งแกร่ง ทำให้พวกแกสองคนตกอยู่ในภาพลวงตา ส่วนจุดประสงค์ก็คือทำให้นังกะหรี่นั่นรู้ว่าฉันโกรธมาก ไม่งั้นถ้าเธอมาวุ่นวายเรื่องของพวกเราคงไม่ดี ฉันไม่อยากทำตามคำสั่งของนังกะหรี่แบบนั้น!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยอย่างเย็นชา
ที่แท้ในตอนที่อลิซเข้ามา มัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็คาดเดาได้แล้วว่าคงไม่มีเรื่องดีแน่นอน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีข่าวร้ายแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดแขนคาเมดะอิจิโร่ด้วยความโกรธ สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ทำเช่นนี้ หากอลิซออกคำสั่งให้พวกเขาไปทำอะไรแล้วจะทำยังไง? ให้เชื่อฟังหรือ เขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกรับไม่ได้จริงๆ ไม่อาจข้ามผ่านด่านนี้ของตนได้ แต่ถ้าไม่เชื่อฟังก็เกรงว่าจะอธิบายกับทางประเทศ M ไม่ได้ มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น!
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นสามารถทำให้คาเมดะอิจิโร่และอลิซซึ่งเป็นยอดฝีมือทั้งสองคนตกอยู่ในภาพลวงตาได้โดยไม่รู้ตัว ไม่กล่าวไม่ได้ว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ แข็งแกร่งจนถึงขั้นยากจะรับมือ ถ้าเขาลงมือ เย่เทียนเฉินคงมีอันตรายแล้ว
“ได้ครับ ผมจะรีบไปหาหญิงบริสุทธิ์มาเดี๋ยวนี้!” คาเมดะอิจิโร่พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น
“หามาสามคน วันนี้ฉันจะกินพวกเธอให้หมด ทำให้พลังต่อสู้ของฉันฟื้นฟูไปถึงจุดสูงสุด ถึงตอนนั้นฉันจะฆ่าเย่เทียนเฉินเหมือนขยี้มดตัวหนึ่ง ใครที่กล้ามาเป็นศัตรูกับสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเราจะต้องตายทุกคน!” เขาพูด ในดวงตาไปด้วยไอสังหาร
คาเมดะอิจิโร่พยักหน้า จากนั้นจึงเดินออกไปนอกประตู เขาจะไปหาหญิงบริสุทธิ์มาให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็น สิ่งที่เรียกว่าหญิงบริสุทธิ์ก็คือผู้หญิงที่เพิ่งจะอายุ 12 ปีเต็มและเคยมีประจำเดือนมาครั้งหนึ่งแล้ว พวกเธอจะถูกพวกเขาเรียกว่าผู้หญิงบริสุทธิ์ ส่วนการกินเนื้อนั้นย่อมไม่จำเป็นต้องอธิบาย มันก็คือการทำลายความบริสุทธิ์ของผู้หญิงพวกนี้ โหดเหี้ยมมากจริงๆ
แต่การฝึกฝนของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นในสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ ในชั่วขณะที่เขาทำลายเยื่อพรหมจรรย์ของหญิงบริสุทธิ์ ดูดกินไอหยินในร่างกายของพวกเธอมาจนหมด นี่จะทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นฟื้นฟูพลังภายในได้ ตอนนี้เขาอายุ 70 ปีแล้ว หากต้องการฟื้นฟูพลังการต่อสู้ไปยังจุดที่แข็งแกร่งที่สุดจำเป็นต้องต้องทำลายเยื่อพรหมจรรย์ของหญิงบริสุทธิ์สามคนถึงจะฟื้นฟูจนถึงขีดสูงสุดได้ จินตนาการได้เลยว่าในตอนที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นใช้วิธีการโหดเหี้ยมฝึกฝน ไม่รู้ว่ามีหญิงบริสุทธิ์ของประเทศชิบะมากน้อยแค่ไหนที่ถูกทำลาย จะอย่างไรพวกประเทศชิบะอย่างพวกเขาก็ไม่มีความเป็นมนุษย์และหื่นกระหายมากอยู่แล้ว ฝึกฝนกันจนเป็นปกติ แน่นอนว่าย่อมไม่สนใจ เดิมทีนี่ก็เป็นชนชาติที่หื่นกามมากอยู่แล้ว
ขณะเดียวกันในคฤหาสน์ที่เย่เทียนเฉินอาศัยอยู่ เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างสระน้ำของคฤหาสน์มาครึ่งค่อนวันแล้ว ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน เขากำลังรักษาบาดแผล ขณะเดียวกันก็ควบคุมกระบี่เซียวหยวน กระบี่ไท่อา และกระบี่อวี๋ฉางให้ลึกล้ำมากขึ้น รวมกับที่เพิ่งจะทะลวงขอบเขตไปเป็นผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิ จำเป็นต้องทำให้พลังบ่มเพาะลึกล้ำและมั่นคงยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อน นั่งทำให้พลังการบ่มเพาะเสถียรมาโดยตลอด
ทุกคนในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ต่างยืนอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉินอย่างเรียบร้อย พวกเขาวิ่งวุ่นกันมาหลายวันหลายคืน น่าเสียดายที่หาที่อยู่ของพวกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่พบ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต่างรู้เรื่องที่สถานที่สองสามแห่งที่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนเฉินถูกโจมตีแล้ว
“พี่ใหญ่ ขอโทษครับ ผมคิดไม่รอบด้านเอง เกือบทำให้ครอบครัวและเพื่อนของคุณถูกทำร้ายแล้ว!” อู๋เสวี่ยพูดอย่างรู้สึกผิด
อู๋เสวี่ยเป็นผู้มีอำนาจอันดับสองในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ นี่เป็นคนที่เย่เทียนเฉินเลือกด้วยตัวเอง ที่สำคัญเป็นเพราะอู๋เสวี่ยมีจิตใจมั่นคง ฝีมือแข็งแกร่ง ทำงานด้วยความคิด ในตอนที่เย่เทียนเฉินไม่อยู่เรื่องต่างๆ ของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์นั้นเรียกได้ว่าเป็นไปตามคำพูดของเขา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาย่อมต้องรับผิดชอบ กล้าทำกล้ารับถึงจะเป็นผู้นำที่ดี
เย่เทียนเฉินลืมตาขึ้น มองไปยังอู๋เสวี่ยแล้วส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนี้ตำหนิพวกแกไม่ได้ เป็นฉันที่ให้พวกแกออกไปหาเบาะแสของพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวเอง ตอนนี้มีเบาะแสอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ทุกคนต่างก็ส่ายหน้า ความสามารถของพวกเขาไม่นับว่าต่ำต้อย แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นยอดแต่กลับไม่สามารถหาพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวของประเทศชิบะพบ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกไร้ความสามารถจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่ทั้งสามที่เกี่ยวข้องพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินถูกโจมตี หากไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินมีผู้หนุนหลัง เกรงว่าครอบครัวของเขาคงถูกทำร้ายไปแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ คงไม่มีอะไรชดเชยได้
“พี่ใหญ่ พวกเราไร้ความสามารถ หาไม่พบครับ!” หวังเจี๋ยพูดขึ้น
“ไม่ว่าพวกแกหรอก ฉันมีข่าวอย่างหนึ่ง ที่เรียกให้พวกแกมาก็เพราะอยากจะแบ่งปันกับพวกแกสักหน่อย ทุกคนตั้งใจให้ดี!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
หลักการของเย่เทียนเฉินก็คือใช้คนไม่สงสัยสงสัยไม่ใช้คน กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์นี้เรียกได้ว่าแต่ละคนเคยผ่านตาเขามาแล้ว ทุกคนต่างเป็นยอดฝีมือ เย่เทียนเฉินเองก็รู้สึกว่าปริมาณไม่สำคัญ สำคัญที่คุณภาพ!
เขาไม่เคยสงสัยในความสามารถของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ คราวนี้สำนักโฮคุชินอิตโตริวส่งยอดฝีมือมาสามสิบคน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมัตสึโมโตะชิโมะเค็นซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบมาคุมด้วยตัวเอง นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง เรียกได้ว่าแข็งแกร่งจนถึงระดับยากจะคาดเดา หากหาพวกเขาได้ง่ายขนาดนั้นยังจะต้องมีการต่อสู้ดุเดือดรุนแรงอีกหรือ เพียงแค่ฮิคาวะคนเดียวก็ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกรับมือยากแล้ว
เย่เทียนเฉินมองไปยังกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์แล้วเอ่ยปากต่อไป
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่ฉันเคยประมือกับคนของพวกมันมาก่อน บอกพวกแกได้แค่ว่า คนของพวกมันแข็งแกร่งมาก ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าพวกแกเลย ฉันไม่ใช่คนที่ชอบหลอกลวง ทุกการต่อสู้และภารกิจฉันจะบอกกับพวกแกตามความจริงเสมอ และยังคงยืนยันตามประโยคเดิม คนที่กลัวให้ถอยไปซะ ฉันจะไม่ว่าพวกแก ฉันเป็นพี่ใหญ่ ไม่อาจทนเห็นพวกแกถูกส่งไปตายได้… คนที่เป็นหัวหน้าพวกมันก็คือน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ ชื่อว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็น ความสามารถจะแข็งแกร่งลึกล้ำมากขนาดไหนฉันเองก็ไม่รู้ บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าพวกเราทุกคน บางทีพวกเราทุกคนร่วมมือกันก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ฉันก็จะสู้กับเขาเหมือนเดิม ฉันมั่นใจว่าจะฆ่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้ จะปล่อยให้พวกสารเลวชนะได้ยังไง!”
………………………………
ฉัวะ!
ในมือขวาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นปรากฏปราณดาบขึ้นสายหนึ่ง ในตอนที่ปราณดาบนั้นปรากฏออกมา กระทั่งอลิซก็ยังถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ เธอไม่รู้ว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ แต่เคยได้ยินโทมัสกล่าวว่าเดิมทีพรสวรรค์โดยกำเนิดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นสูงส่งกว่าจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของเขา เพียงแต่น่าเสียดายที่เขามั่นใจในตัวเองเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นยังมีไออำมหิตมากเกินไป ดังนั้นหัวหน้าสำนักโฮคุชินอิตโตริวเมื่อปีนั้นจึงไม่ได้ให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นสืบทอดสำนักโฮคุชินอิตโตริวแต่กลับมอบตำแหน่งให้พี่ชายของเขาซึ่งก็คือจักรพรรดิดาบในปัจจุบัน มิฉะนั้นหัวหน้าสำนักของสำนักโฮคุชินอิตโตริวในตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นใคร
จะเห็นได้ว่าความสามารถของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้ต่ำต้อยกว่าจักรพรรดิดาบมากเท่าไหร่นัก จักรพรรดิดาบเป็นหนึ่งในสิบผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบน จินตนาการถึงความสามารถของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้เลยทีเดียว แล้วเย่เทียนเฉินจะเป็นคู่ต่อสู้ได้หรือ?
ทั่วทั้งห้องฟุ้งกระจายไปด้วยปราณดาบ ปราณดาบนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก มีกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันฟุ้งกระจายออกมา โชคดีที่คาเมดะอิจิโร่และอลิซอยู่ที่นี่ จะมากจะน้อยก็ยังมีความสามารถที่จะกดข่มไอสังหารอันน่ากลัวนี้ได้บ้าง หากเป็นคนอื่นเกรงว่าคงทรุดไปนานแล้ว คงถูกไอสังหารอันบ้าคลั่งเช่นนี้ทำให้ตกใจตายไปแล้ว
“อย่า อย่าฆ่าผม ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ อย่าฆ่าผม…” คาเมดะอิจิโร่ตกใจจนผงะถอยหลังไป ขาทั้งสองคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่กล้าเคลื่อนไหว สั่นไปทั้งร่าง ชายชราอายุห้าหกสิบปีคนหนึ่งยังกลัวความตายเช่นนี้ ไม่มีศักดิ์ศรีแม้แต่น้อย ทำให้คนอื่นอับจนคำพูดจริงๆ กระทั่งสายตาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็ยังเต็มไปด้วยความดูถูก
วูบ!
ประกายดาบส่องสว่าง อลิซมองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอย่างตื่นตกใจหาใดเปรียบ เธอมองไม่ชัดเจนว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นลงมืออย่างไรกันแน่ หลังจากประกายกระบี่ส่องสว่าง สิ่งที่เห็นก็คือแขนมนุษย์ข้างหนึ่งกระเด็นออกมา เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดของคาเมดะอิจิโร่ น่าอนาจจนทนมองไม่ได้ แขนขวาของเขาถูกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นฟันขาดด้วยดาบเดียว ภาพนี้เกิดขึ้นในพริบตา ใช้เวลาไปไม่ถึง 1 วินาทีด้วยซ้ำ นี่ทำให้อลิซยิ่งรู้สึกตื่นตะลึง มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
หากจะพูดถึงคาเมดะอิจิโร่ แม้จะกล่าวว่าเขาไม่ได้มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริว มีความสามารถสู้ฮิคาวะไม่ได้ แต่ความสามารถของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ ในตอนที่เขาต่อสู้กับเย่เทียนเฉินที่บ้านตระกูลจาง แม้เขาจะฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ แต่ตอนนั้นเย่เทียนเฉินก็ฆ่าเขาไม่ได้ เรียกได้ว่าทั้งสองสู้เสมอกัน เพียงแต่ตอนนี้ความสามารถของเย่เทียนเฉินเพิ่มพูนขึ้นแล้ว ทะลวงไปถึงขอบเขตของผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิแล้ว ตอนนี้จึงพูดได้ไม่ชัดเจน
“นี่แค่สั่งสอนแกเท่านั้น ต่อไปนี้ถ้ากล้าโกหกฉันอีก ฉันจะตัดหัวแกซะ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองไปยังคาเมดะอิจิโร่ที่ร้องโอดควรญทั้งยังกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น พูดขึ้นด้วยท่าทีเย็นชา
“ขะ ขอบคุณผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ ขอบคุณผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ!” คาเมดะอิจิโร่ถูกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นฟันแขนขาดแต่กลับไม่กล้าบ่นว่าแม้แต่ครึ่งคำ ทำได้เพียงกล่าวขอบคุณ เขามีชีวิตอยู่มาเกินครึ่งชีวิตแล้ว อะไรที่เรียกว่าศักดิ์ศรี อะไรที่เรียกว่าความภาคภูมิใจล้วนไม่มีแล้ว ยังจะมีความหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเหรอ?
“ยังไม่รีบลุกขึ้นมาบอกเรื่องทุกอย่างที่แกรู้ออกมาอีก?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกล่าวเสียงเย็น
ในตอนนี้คาเมดะอิจิโร่ลุกขึ้นยืนจากบนพื้น ใบหน้าขาวซีด บาดแผลบริเวณที่ถูกตัดแขนมีกระดูกโผล่ออกมาให้เห็น เลือดไหลเป็นทาง แต่ไม่นานเลือดก็หยุด นี่ทำให้อลิซยิ่งรู้สึกแปลกใจ เพลงดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ มิน่าล่ะในหมู่กลุ่มอำนาจในประเทศชิบะ สำนักโฮคุชินอิตโตริวถึงได้หยิ่งยโสที่สุด พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งของรัฐบาลประเทศชิบะก็ยังได้ เมื่อครู่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อย ทำเพียงใช้ปราณดาบก็สามารถตัดแขนขวาของคาเมดะอิจิโร่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงความเร็วเลย กระทั่งอำนาจยังมหาศาลมาก เห็นได้ว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นลงมือไว้ไมตรีแล้ว มิฉะนั้นคาเมดะอิจิโร่คงตายไปแล้ว เมื่อมองไปยังบาดแผลของคาเมดะอิจิโร่อีกครั้งพบว่าเลือดหยุดไหลแล้ว เห็นได้ชัดว่าดาบนี้รวดเร็วมาก เร็วจนกระทั่งมีเลือดไหลออกมาไม่มาก เรียกได้ว่าหากต้องการฆ่าคนโดยไม่รู้ตัวก็ยังทำได้ ฟาดฟันดาบออกไปครั้งหนึ่ง คุณยังไม่ทันได้รู้สึกอะไร เมื่อกลับมาบ้าน วันที่สองวันที่สามอาจจะตัวระเบิดตายก็เป็นได้ เพียงแค่คิดก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
“ครับ ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ เรื่องเป็นแบบนี้ ตอนนั้นผมพาคนมาที่เมืองหลวงของประเทศจีน ได้รับการจ้างวาจากคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงให้ไปฆ่าคนที่บ้านหลังหนึ่ง ไหนเลยจะรู้ว่าต้องเจอกับเย่เทียนเฉิน ผมสู้กับเขา เจ้าคนน่ารังเกียจนี่แข็งแกร่งจริงๆ อายุยังน้อยแต่ความสามารถด้านการต่อสู้ทำให้ตื่นตะลึงได้เลย แต่ความสามารถของเขาควรจะต่างจากผมไม่มาก พวกเราสู้เสมอกัน ดังนั้นจึงพูดได้ว่าผมไม่เชื่อว่าเขาจะฆ่าผู้อาวุโสซาโต้ได้ และยิ่งฆ่าฮิคาวะไม่ได้ด้วย…” คาเมดะอิจิโร่ยังคงพูดอย่างไม่เชื่อนัก
คาเมดะอิจิโร่ย่อมไม่เชื่อแน่นอน ความสามารถของซาโต้และฮิคาวะเหนือกว่าเขามาก เขาสามารถสู้เสมอกับเย่เทียนเฉินได้ แล้วทำไมซาโต้และฮิคาวะถึงตายอยู่ในมือของเย่เทียนเฉินได้ล่ะ? นี่จะทำให้เขาไม่กล้าเชื่อเกินไปหรือเปล่า?
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองคาเมดะอิจิโร่ครู่หนึ่ง สายตาเย็นชาอยู่บ้าง จากนั้นจึงเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งพลางขมวดคิ้ว เดิมทีเขาคิดว่าการมาประเทศจีนในครั้งนี้ตนพายอดฝีมือชั้นสูงทั้งสามสิบคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมาด้วย ขอเพียงกองทัพจีนไม่เคลื่อนไหว ไม่ว่ากลุ่มอำนาจใดพวกเขาก็สามารถกำจัดได้ ไหนเลยจะรู้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น สูญเสียอย่างต่อเนื่อง ทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกโกรธและอยากลงมือด้วยตัวเองแล้ว
เริ่มจากการกำจัดตระกูลหลิง สองพ่อลูกหลิงเยว่และหลิงอวี่สวิ๋นถูกทหารอันแข็งแกร่งของประเทศจีนช่วยออกไปได้ในเวลาสำคัญ จากนั้นเขาจึงแบ่งกำลังออกเป็นสามทางไปลอบสังหารญาติมิตรของเย่เทียนเฉิน แต่กับฆ่าไม่ได้แม้แต่คนเดียว ไม่เพียงแต่จะฆ่าไม่ได้ ตามคำพูดของอลิซ ยอดฝีมือเหล่านั้นที่ตนส่งออกไปล้วนตายกันหมดแล้ว กระทั่งฮิคาวะก็ยังถูกเย่เทียนเฉินฆ่า แล้วคนอื่นยังจะต้องพูดถึงอีกเหรอ?
“เรื่องที่แกสู้กับเย่เทียนเฉินเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเดือนกว่าแล้ว แกคิดจะบอกฉันว่าในระยะเวลาสั้นๆ เพียงเดือนเดียว ไอ้หนุ่มที่ชื่อเย่เทียนเฉินจะพัฒนาความสามารถขึ้นมาจนฆ่าซาโต้และฮิคาวะได้เลยเหรอ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกล่าวเสียงต่ำด้วยความโกรธเกรี้ยวหาใดเปรียบ
“นี่…ผมไม่รู้ครับ…ตอนที่ผมสู้กับเขา เขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ …” คาเมดะอิจิโร่ตกใจจนเหงื่อออกเต็มหน้า รีบร้อนเอ่ยปากพูด
“ดูท่าทางแกจะไม่ได้พูดความจริงกับฉัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันคงทำได้เพียงเก็บกวาดสำนักให้สะอาดแทนพี่แล้ว…” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดพลางมองไปทางคาเมดะอิจิโร่
ความจริงมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่เชื่อโดยเด็ดขาด ความสามารถของคาเมดะอิจิโร่เป็นอย่างไรเขาย่อมรู้ดี ไม่สามารถสู้ซาโต้และฮิคาวะได้เลย ก่อนหน้านี้หนึ่งเดือนกว่าเย่เทียนเฉินสู้เสมอกับคาเมดะอิจิโร่ ไม่ว่าใครก็ฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าความสามารถของเย่เทียนเฉินและคาเมดะอิจิโร่ต่างกันไม่มาก ไม่ต้องพูดถึงระยะเวลาสั้นๆ เพียงเดือนเดียวเลย ต่อให้เป็นเวลาสามปีก็เกรงว่าจะไม่อาจพัฒนาความสามารถจนแข็งแกร่งเท่าซาโต้และฮิคาวะได้ จะมีผู้มีพรสวรรค์ขนาดนี้ได้อย่างไร? มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่เชื่อ เขาไม่เต็มใจเชื่อ ถ้าเป็นเช่นนั้น ภารกิจที่เขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นต้องทำในประเทศจีนคราวนี้คงดำเนินไปอย่างยากลำบากแล้ว
“มัตสึโมโตะ ความสามารถของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งจริงๆ แกจะลงมือเองหรือเปล่า?” อลิซมองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้วเอ่ยถาม
ตอนนี้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นขมวดคิ้ว เขาเองก็เป็นเฒ่าสารพัดพิษคนหนึ่ง เขาย่อมไม่ล่วงเกินอลิซง่ายๆ และไม่เชื่ออีกฝ่ายง่ายๆ ด้วย ทำได้เพียงรักษาความสัมพันธ์ให้สมดุล หากล่วงเกินอลิซจนทำให้รัฐบาลประเทศ M กล่าวโทษอะไรประเทศชิบะ เขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นคงรับผิดชอบไม่ไหว
“ใช่แล้ว คุณอลิซ ผมได้ยินว่าคุณเริ่มได้รับความเชื่อใจจากเย่เทียนเฉินแล้วและยังเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขาด้วย คราวนี้คนของผมลอบสังหารตระกูลเย่ แต่ในเวลาสำคัญดูเหมือนว่าคุณจะลงมือขัดขวาง ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่ามันเพราะอะไร?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา เห็นได้ชัดว่าในใจไม่พอใจมาก เพียงแต่ไม่ได้ระเบิดออกมาเท่านั้น
อลิซเองก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ดูท่าทางมัตสึโมโตะชิโมะเค็นคงได้รับข่าวมาบ้าง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าฮิคาวะเองก็จะถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตายเท่านั้น ชายชราคนนี้ดูผิวเผินเพียงแค่ถามขึ้นมาลอยๆ แต่ความจริงในใจไม่พอใจมาก หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ฐานะหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M ของตน เกรงว่าชายชราคนนี้คงลงมือกับตนไปแล้ว
“นี่เป็นเรื่องของฉัน ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้แกฟัง นอกจากนี้สิ่งที่ฉันอยากจะบอกแกก็คือ ถ้าพวกแกจะฆ่าเย่เทียนเฉินฉันจะไม่ขวางแต่ก็จะไม่ช่วย ฉันเองก็ต้องฆ่าเย่เทียนเฉินเหมือนกัน แต่วิธีการของพวกเราไม่เหมือนกัน ไม่ขวางทางกันและไม่ช่วยเหลือกันก็พอ!” อลิซมองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้วพูดขึ้น เธอเชื่อว่าแม้ชายชราคนนี้จะโกรธแค่ไหนก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ
“หึ งั้นเหรอ? คุณอลิซ ถ้าไม่ใช่เพราะการขัดขวางของคุณ คนของผมคงฆ่าครอบครัวของเย่เทียนเฉินได้แล้ว คงไม่กลับมามือเปล่าแน่ นี่คือสิ่งที่คุณเรียกว่าไม่ขัดขวางกันเหรอ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นถามเสียงเย็น
“แกคิดจะสอบสวนฉันหรือไง? ฉันควรรายงานให้ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะฟังหรือเปล่า?” อลิซถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณ…คุณอลิซ พวกเราเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน ตอนนี้คุณทำแบบนี้ หรือคิดกลับใจไปจะช่วยเหลือเย่เทียนเฉินแล้ว?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจ้องไปทางอลิซแล้วถามขึ้น
“นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแก ฉันยังคงพูดประโยคเดิม ไม่ขวางทางกัน ไม่ช่วยเหลือกัน!” อลิซพูดอย่างเย็นชา
“ถ้างั้นคุณอลิซมาที่นี่หมายความว่าอย่างไร?”
“ฉันแค่จะมาบอกแกว่าเรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้พวกแกมายุ่ง และอย่าได้มาล่วงเกินฉัน นอกจากนี้…เย่เทียนเฉินไม่ได้รับมือง่ายอย่างที่แกคิด หากต้องการฆ่าเขา แกต้องลงมือด้วยตัวเอง แกจะส่งคนของพวกแกไปอีกกี่คนก็เป็นการส่งไปตายเปล่า!” อลิซพูดอย่างไม่พอใจ
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองไปทางอลิซอย่างดุดัน ในใจรู้สึกโกรธมาก เพียงแต่ยังคงกัดฟันพูดออกไป “แบบนี้พวกเราคงต้องขอบคุณในเจตนาดีของคุณอลิซแล้ว ผมไม่ส่งนะครับ!”
………………………………..
“ตอนที่พวกแกบุกรุกประเทศจีนเมื่อปีนั้นไม่รู้ว่าทำร้ายผู้หญิงชาวจีนไปมากน้อยแค่ไหน จนถึงตอนนี้ผู้หญิงในประเทศชิบะของพวกแกมีแต่พวกหื่นกระหาย แม้แต่พวกแกเองก็ยังไม่ชอบ หรือพวกแกไม่ได้รับบทเรียนเลยรึไง?” อลิซพูดอย่างไม่ไว้หน้ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นแม้แต่น้อย
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองอลิซ เขาคือน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ ความสามารถแข็งแกร่งมาก นั่นเป็นสิ่งไม่ต้องสงสัยเลย ตนรู้ดีว่าด้วยฐานะของอลิซ ต่อให้คราวนี้สำนักโฮคุชินอิตโตริวจะมาเคลื่อนไหวในประเทศจีนเพราะการบงการของรัฐบาลประเทศ M และอลิซเองก็อยู่ในเมืองหลวงของประเทศจีน แต่ท่าทีที่แสดงให้เห็นภายนอก เรียกได้ว่าอำนาจในภารกิจครั้งนี้ล้วนมีเขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
ประเทศชิบะเป็นสุนัขรับใช้ของประเทศ M นี่เป็นเรื่องที่ทั่วโลกรู้ดี แต่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมีตำแหน่งสูงส่งและมีอำนาจมากมายในสำนักโฮคุชินอิตโตริว ทั้งยังเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ เมื่อได้ยินอลิซพูดเช่นนี้ในใจก็รู้สึกไม่พอใจมาก อย่างไรก็ตามเขายังคงคิดว่ารัฐบาลประเทศ M ไม่อาจล่วงเกินได้ อดทนไว้ก่อนจะเป็นการดี จึงทำได้เพียงยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้สนใจและไม่ได้เถียง
“ไม่ทราบว่าคุณอลิซมาด้วยตัวเองแบบนี้มีอะไรจะชี้แนะ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา
“ฉันจะมาบอกแกว่าเย่เทียนเฉินกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว!” อลิซเอ่ยปากพูด
“อะไรนะ? ไอ้หนูนี่กลับมาเมืองหลวงแล้ว? มันถึงกับกล้ากลับมาเมืองหลวงด้วย?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดด้วยความแปลกใจ
เดิมทีหลังจากที่พวกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นมาถึงเมืองหลวง แม้จะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลประเทศ M ให้เก็บกวาดตระกูลหลิง แต่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นคนที่แตกต่างจากคนอื่น เขาอยากแก้แค้นให้ซาโต้ ต่อให้ไม่มีความรู้สึกของเพื่อนร่วมชาติมากนักแต่ก็ยังอยากทำเพื่อชื่อเสียงของสำนักโฮคุชินอิตโตริว เขาต้องการฆ่าเย่เทียนเฉิน
ไหนเลยจะรู้ว่าหลังจากมาถึงเมืองหลวง เขาก็ส่งยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ออกไป ค้นหาทั่วทั้งเมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแต่กลับไม่พบเบาะแสของเย่เทียนเฉิน อย่างมากก็หาสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนเฉินทั้งสามแห่งพบ นั่นก็คือบ้านเดิมตระกูลเย่ บ้านตระกูลเย่และคฤหาสน์ที่เย่เทียนเฉินอาศัยอยู่คนเดียว ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้เช่นนี้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจึงสั่งให้คนของตนลงมือ ส่งยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ไปยังตระกูลหลิง ฆ่าคนตระกูลหลิงทั้งหมด เพียงแต่คิดไม่ถึงว่ารัฐบาลประเทศจีนจะลงมือช่วยหลิงอวี่สวิ๋นและหลิงเยว่สองพ่อลูกมาได้ แน่นอนว่านี่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเรื่องใหญ่อะไร เรื่องของตระกูลหลิง เดิมทีรัฐบาลประเทศ M ก็ต้องการแสดงเจตนาข่มขู่ให้ตระกูลหลิงรู้ว่าหากคิดจะฉีกหน้าจริงๆ หากจะกลับมาพัฒนาธุรกิจในประเทศจีนจริงๆ รัฐบาลประเทศ M ก็มีความสามารถที่จะฆ่าคนทั้งหมดของตระกูลหลิง เมื่อถึงตอนนั้นก็อย่ามาตำหนิว่ารัฐบาลประเทศ M ลงมือโหดเหี้ยม นี่คือสิ่งที่ประเทศพัฒนาแล้วเรียกขานว่าความยุติธรรมและความสงบ บนโลกใบนี้ไม่มีความยุติธรรมและความสงบที่แท้จริง ขอเพียงไม่แตะถูกผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พวกเขาถึงจะหลับตาข้างลืมตาข้าง
หลังจากทำลายตระกูลหลิงแล้ว มัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็รู้สึกไม่พอใจจริงๆ ความโกรธในใจของเขาไม่อาจสงบมาโดยตลอด ต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้เดี๋ยวนั้น ในตอนที่ออกมาจากประเทศชิบะ เขายังจดจำสายตาอันโกรธเกรี้ยวของจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของตนได้อย่างชัดเจน เกือบ 40 ปีแล้วที่จักรพรรดิดาบไม่เคยโกรธ คราวนี้กลับโกรธมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นว่าให้เขาจัดการแนวหน้าให้ดี อีกไม่นานเขาจักรพรรดิดาบจะมาประเทศจีนด้วยตัวเอง บุญคุณความแค้นระหว่างสำนักโฮคุชินอิตโตริวและพรรควรยุทธโบราณของประเทศจีนยังไม่สิ้นสุดลง
เพียงแต่น่าเสียดาย เมื่อค้นหาทั่วทั้งเมืองหลวงแล้วกลับหาเย่เทียนเฉินไม่พบ นี่ทำให้คนทั้งหมดของสำนักโฮคุชินอิตโตริวคิดว่าเย่เทียนเฉินหนีไปแล้ว คิดว่าอีกฝ่ายกลัวเพราะรู้ว่าตัวเองฆ่าซาโต้แล้วสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะมาแก้แค้นแน่นอน เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ดังนั้นไอ้หมอนี่จึงออกไปจากเมืองหลวง ตัวมัตสึโมโตะชิโมะเค็นเองก็คิดเช่นนี้ ที่สำคัญก็คือเขาเองก็คิดเช่นเดียวกับลูกศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวคนอื่นๆ ที่ว่าเย่เทียนเฉินฆ่าซาโต้ได้เพราะโชคดีเท่านั้น ไม่ได้เก่งอย่างที่ลือกัน ตอนนี้เย่เทียนเฉินเพิ่งจะอายุ 20 ปีหากมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งห้าวหาญเช่นนั้นจริงๆ เย่เทียนเฉินในตอนนี้คงนับว่าไม่อ่อนแอไปกว่าจักรพรรดิดาบในวัยหนุ่มเลย นี่จะน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“พวกแกคิดว่าเย่เทียนเฉินกลัวพวกแกจริงๆ หรือไงถึงได้ออกไปจากเมืองหลวง? ฉันจะบอกแกตามจริง เขามีเรื่องต้องทำถึงได้ออกไปจากเมืองหลวง ตอนนี้เพิ่งจะกลับมา!” อลิซเอ่ยปากอย่างเย็นชา
“ฮ่าๆๆๆ กลับมาได้พอดี ฉันอยากให้เขาตายตอนนี้เลย ต่อให้ไม่ตาย หลังจากกลับมาถึง สิ่งที่จะได้เห็นก็มีแค่ความตายของตระกูลเย่ทั้งตะโกน ญาติมิตรทั้งหมดของเขาล้วนตายทั้งหมดแล้ว ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าไอ้ลูกเต่านั่นจะเสียใจจนมีสภาพยังไง!” แม้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะมีความแปลกใจปรากฏในดวงตาแต่ไม่นานก็หัวเราะแล้วพูดออกมา
เมื่ออลิซได้ยินคำพูดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็มองไปยังชายคนนั้นด้วยสายตาเรียบเฉย เธอมีความประทับใจไม่ดีต่อชายคนนี้ หรือพูดตรงๆ ก็คือเธอมีความประทับใจไม่ดีต่อพวกสารเลวของประเทศชิบะทั้งหมด เนื่องจากเธอมีฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษของประเทศ M จะมากจะน้อยก็ต้องติดต่อกับพวกสารเลวของประเทศชิบะ จะอย่างไรประเทศชิบะก็เป็นสุนัขรับใช้ของประเทศ M ผู้เป็นเจ้านายยังต้องใส่ใจดูแลเป็นบางเวลา ความประทับใจที่อลิซมีต่อพวกสารเลวนี่ก็คือโลภมากเห็นแก่ตัว หยิ่งยโส ที่สำคัญก็คือไม่มีมนุษยธรรมแม้แต่น้อย เชื่อว่านี่คงเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครคิดอยากจะไปมาหาสู่กับพวกเชื้อชาตินี้
การที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นหัวเราะและพูดอย่างมั่นใจเช่นนี้ อลิซรู้ดีว่าเป็นเพราะมัตสึโมโตะชิโมะเค็นส่งยอดฝีมือจำนวนมากไปสังหารคนของบ้านเย่เทียนเฉินแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีฮิคาวะที่เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวอยู่ด้วย ความสามารถของเขาไม่อาจประเมิน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบุคคลผู้มีความสามารถที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นและจักรพรรดิดาบให้ความสำคัญมาก กระทั่งยอมรับในใจไปแล้วว่าฮิคาวะจะเป็นผู้สืบทอดสำนักโฮคุชินอิตโตริวรุ่นต่อไป
“แกคิดว่ายอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่แกส่งไปลอบสังหารเย่เทียนเฉินจะทำสำเร็จเหรอ? คิดว่าไอ้หมอนั่นฆ่าได้ง่ายๆ หรือไง?” อลิซอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“หึ คุณอลิซ ผมยอมรับว่าไอ้หนูนั่นมีความสามารถอยู่บ้าง แต่เพียงแค่นิ้วเดียวของผมก็ฆ่ามันได้แล้ว บางทีลูกศิษย์คนอื่นอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่ความสามารถของฮิคาวะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ลูกศิษย์รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเรา มีความสามารถกระทั่งประมือกับผมได้หลายกระบวนท่า เรียกได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีความสามารถ ถ้ามีเขาอยู่ เย่เทียนเฉินจะร้ายกาจขนาดไหนก็ต้องหัวขาดเหมือนคนอื่นๆ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นแค่นเสียงเย็น พูดออกมาอย่างไม่พอใจ ในตอนที่พูดถึงฮิคาวะ ในดวงตายังเต็มไปด้วยสายตาชื่นชม ดูแล้วคงให้ความสำคัญกับลูกศิษย์คนนี้มาก
“ฉันไม่อยากขัดแกหรอกนะ แต่จำเป็นต้องบอกแกว่าฮิคาวะตายแล้ว…” อลิซมองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“อะไรนะ? ได้ยังไง?”
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพลันนั่งไม่ติดที่อีกต่อไป ลุกพรวดขึ้นมาจากม้านั่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ จ้องมองไปทางอลิซ มีไอสังหารอยู่จางๆ เขาไม่เต็มใจจะเชื่อเลยจริงๆ เพียงแต่ต่อให้อลิซจะดูถูกพวกเขาแต่ก็ไม่หลอกพวกเขาแน่นอน ดังนั้นนี่จึงทำให้มัติสึโมโตะใจสั่น ฮิคาวะตายแล้วเหรอ? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? เขาเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของตน ความสามารถแข็งแกร่งมาก ต่อให้เป็นตนที่มีความสามารถแข็งแกร่งขนาดนี้ หากคิดจะเอาชนะฮิคาวะในเวลาสั้นๆ ก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นอกจากจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของตนจะลงมือด้วยตัวเองถึงจะมีความสามารถเช่นนี้
การมาปฎิบัติภารกิจในประเทศจีนครั้งนี้ ตอนแรกมัตสึโมโตะชิโมะเค็น ไม่ได้จำกัดการเคลื่อนไหวของฮิคาวะ เนื่องจากเขามีความเชื่อมั่นในความสามารถของฮิคาวะเป็นอย่างมาก และไม่เชื่อว่าในประเทศจีนจะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งขนาดนั้น หรือต่อให้ศัตรูร้ายกาจขนาดไหนฮิคาวะก็มีความสามารถพอที่จะปกป้องตัวเอง คงไม่ถูกฆ่าตายโดยเด็ดขาด ในตอนที่เขาออกมาจากประเทศชิบะ จักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายได้กำชับตนมาแล้วว่าพรรควรยุทธโบราณของประเทศจีนลึกล้ำไม่อาจหยั่ง อย่าได้ดูถูกโดยเด็ดขาด ในนั้นมีคู่ต่อสู้ที่กระทั่งจักรพรรดิดาบก็ไม่อาจดูถูกได้อยู่ด้วย เพียงแต่น่าเสียดายที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้เก็บคำพูดเหล่านี้ไปใส่ใจและยังไม่เห็นคนจีนอยู่ในสายตาด้วย เขากับฮิคาวะก็เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและหยิ่งยโสเช่นเดียวกัน ตอนนี้ฮิคาวะตายไปแล้ว เขาจะบอกกับจักรพรรดิดาบอย่างไร? ต้องทราบว่ากว่าสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะบ่มเพาะฮิคาวะขึ้นมาได้ต้องสิ้นเปลืองความพยายามไปไม่น้อย
“ใคร? ใครฆ่าฮิคาวะ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยปากถามอย่างดุดัน
“แกคิดว่านอกจากเย่เทียนเฉินแล้วยังจะมีใครอีกล่ะ?” อลิซพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกำหมัดแน่น จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของตนจะตกตายอยู่ในมือของเย่เทียนเฉิน นี่เป็นบุคคลสำคัญอันดับสองของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแต่กลับตายอยู่ในมือของเย่เทียนเฉินไปแล้ว หากพูดถึงเรื่องคุณค่าและความสำคัญ ฮิคาวะย่อมสำคัญกว่าซาโต้มาก เดิมทีซาโต้ก็แก่แล้ว คงอยู่ได้ไม่นาน ตายไปก็ไม่มีอะไรน่าเสียดาย เพียงแค่ทำให้สำนักโฮคุชินอิตโตริวขายหน้าเท่านั้น แต่การตายของฮิคาวะกลับทำให้สำนักโฮคุชินอิตโตริวสูญเสียสายเลือดใหม่ นี่จะทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นโกรธเกรี้ยวระดับไหนกัน
ตู้ม!
คาเมดะอิจิโร่ถูกถีบจนกระเด็นออกไปก่อนจะร่วงลงพื้นอย่างรุนแรง มือซ้ายกุมท้องของตน มุมปากมีเลือดไหลออกมา มองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว กล่าวว่า “ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ คุณ…ผม…”
“ไอ้โง่ ไอ้สวะ แกบอกว่าความสามารถของเย่เทียนเฉินไม่เท่าไหร่ไม่ใช่เหรอไง? แกเคยประเมินกับมันมาไม่ใช่รึไง?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจ้องไปทางคาเมดะอิจิโร่ด้วยความโกรธเกรี้ยวหาใดเปรียบแล้วตะโกนขึ้น หากไม่ใช่ว่าฮิคาวะตายไปแล้วทำให้ตอนนี้ในประเทศจีนนี้ไม่มีคนที่เขาจะปรึกษาแผนการได้อีก เกรงว่าเขาคงฆ่าผู้อาวุโสไร้ประโยชน์อย่างคาเมดะอิจิโร่ไปแล้ว
คาเมดะอิจิโร่คุกเข่ากับพื้นด้วยความหวาดกลัว ถึงแม้เขาจะเป็นผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแต่ความสามารถไม่อาจเทียบกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้เลย ที่สำคัญก็คือมัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นน้องชายของจักรพรรดิดาบ ในสำนักโฮคุชินอิตโตริว นอกจากจักรพรรดิดาบแล้วใครจะกล้าไม่ฟังคำพูดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอีกล่ะ? ดังนั้นเมื่อเห็นมัตสึโมโตะชิโมะเค็นโกรธเข้าจริงๆ คาเมดะอิจิโร่จึงคุกเข่าลงกับพื้น คุกเข่าอย่างดี ไม่กล้าหายใจแรงแม้แต่น้อย
“ในเมื่อนอนไม่หลับก็มาคุยเป็นเพื่อนฉันหน่อยเป็นไง?” เย่เทียนเฉินมองไปยังอลิซแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“คุยเหรอ คุยอะไร?” อลิซเอ่ยปากถาม
“คุยกันว่าเธอเป็นใครกันแน่? มาหาฉันมีเรื่องอะไร?” เย่เทียนเฉินยังคงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
อลิซชะงักไปครู่หนึ่ง มือทั้งสองอดไม่ได้ที่จะกำแน่นโดยไม่รู้ตัว เย่เทียนเฉินมองออกแล้ว อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่มีการเคลื่อนไหว ความประทับใจที่เขามีต่ออลิซไม่เลวเลย คิดว่าอลิซไม่ใช่คนโฉดชั่วอะไร ต่อให้อีกฝ่ายคิดไม่ดีกับตน แต่นานเพียงนี้แล้วก็ยังไม่ได้ทำร้ายหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวิน แม้แต่ฉีหรูเสวี่ยที่เธอมักจะมีปากมีเสียงกันก็ยังช่วยเหลือ ถ้าหากคนคนนี้เป็นคนเลวก็คงไม่ทำแบบนี้แน่ กลับกัน คนคนหนึ่งต่อให้โหดเหี้ยมขนาดไหน แต่หากในใจไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างแท้จริงก็จะไม่ได้โหดเหี้ยมถึงขนาดนั้น
ความจริงตอนแรกเย่เทียนเฉินก็สงสัยในฐานะของอลิซแล้ว การพบกันระหว่างเขากับอลิซคล้ายกับเป็นการเตรียมการมาอย่างดี อลิซติดตามตนกลับมาอยู่ในบ้านตระกูลเย่แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรอื่นอีก อลิซบอกพวกเขาว่าเธอเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว มักจะอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วค่อยจากไป เป็นลูกครึ่งประเทศ M และประเทศจีน แต่เย่เทียนเฉินกลับรู้สึกว่าไม่ธรรมดาขนาดนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เนื่องจากเขาหวังว่าจะสามารถทำให้อลิซค่อยๆ เปลี่ยนแปลงได้
จะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจโหดเหี้ยม แน่นอนว่าไม่ใช่คนที่รักหยกถนนบุปผา เพียงแต่เขาไม่อยากฆ่าฟันมากเกินไป คนที่ไม่มีอะไรจะไปฆ่าคนอื่นเล่นทำไมกัน? สนุกหรือไง?
“ฉันก็คือฉัน? มาหานายทำไมน่ะเหรอ? นายจะหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า!” อลิซได้สติกลับมา มองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างเหยียดหยามแล้วเอ่ยขึ้น
“งั้นเหรอ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าไม่มีอะไรฉันไปก่อนล่ะ ฉันไม่ได้เป็นบอดี้การ์ด!”
พูดจบ อลิซก็เปิดประตูคฤหาสน์เดินออกไป เย่เทียนเฉินมองไปยังแผ่นหลังของอลิซ ไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงแม้เขาจะสงสัยอลิซแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือ เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมาแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่คิดว่าความสัมพันธ์และความรู้สึกค่อนข้างซับซ้อน
หลังจากทำให้ผมแห้งแล้วเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้พักผ่อน เขาเดินมาข้างสระน้ำของคฤหาสน์แล้วนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น กระบี่เทพทั้งสามเล่มค่อยๆ ปรากฏออกมาจากร่างกายของเขา กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางลอยไปอยู่ทั้งสองข้าง ส่วนกระบี่เซียวหยวนลอยอยู่เหนือศีรษะ กระบี่เทพทั้งสามเล่มนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยเหลือเสี้ยวหยาในครั้งนี้ และยังช่วยเหลือแม่และน้องสาวของเย่เทียนเฉินด้วย
ที่แท้ในตอนที่เย่เทียนเฉินไปพบท่านผู้นำสูงสุดด้วยกันกับเฮยเมี่ยน ถึงแม้เขาจะรู้ว่าตระกูลหลิงเกิดเรื่องและเป็นห่วงหลิงอวี่สวิ๋นอยู่บ้าง แต่นี่ก็ทำให้เขาคิดขึ้นมาได้ในพริบตา คราวนี้ยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมากันมาก ความสามารถของคนเหล่านี้ไม่อาจดูถูกได้เลย พวกเขาสามารถหาตำแหน่งของตระกูลหลิงได้และฆ่าคนทั้งหมดของตระกูลหลิงไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นจะต้องหาคนที่มีความเกี่ยวข้องกับตนได้แน่นอน หากเป็นแบบนั้นพวกเขาคงมีอันตรายเช่นเดียวกัน
ดังนั้นในตอนที่ถึงทางแยก เย่เทียนเฉินจึงทิ้งเฮยเมี่ยนไว้ ให้เฮยเมี่ยนรอเขาอยู่ที่นั่นชั่วโมงกว่า นั่นก็เพื่อมาที่คฤหาสน์ที่แม่และน้องสาวอาศัยอยู่แล้วนำกระบี่อวี๋ฉางไปทิ้งไว้ที่นั่นเพื่อคุ้มครองพวกเธอ ส่วนทางด้านคฤหาสน์ที่ตนอาศัยอยู่ ในตอนที่ออกมาเย่เทียนเฉินก็ทิ้งกระบี่ไท่อาไว้แล้ว มิฉะนั้นด้วยความสามารถของฮิคาวะ จะทำลายคฤหาสน์ด้วยหมัดเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร
นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเฮยเมี่ยนถึงบอกว่าเย่เทียนเฉินไม่เป็นห่วงครอบครัวของตัวเอง เป็นสาเหตุที่เย่เทียนเฉินมีความสงบนิ่ง และเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหลังจากที่เย่เทียนเฉินออกมาจากห้องทำงานของท่านผู้นำสูงสุดแล้วจึงรีบเดินทางไปยังบ้านเดิมตระกูลเย่ก่อนเป็นที่แรก เนื่องจากมีแค่ที่นั่นที่ไม่มีการคุ้มครอง เพียงแต่น่าเสียดายที่แม้เขาจะคาดเดาเรื่องเหล่านี้ได้แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถหาที่ซ่อนตัวของยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวได้ หากไม่ฆ่าคนเหล่านั้นให้หมด ย่อมเป็นความคุกคามที่มีต่อเขาและคนทั้งเมืองหลวง
“ขอบคุณพวกแกมาก!” เย่เทียนเฉินมองไปยังกระบี่ไท่อา กระบี่อวี๋ฉาง และกระบี่เซียวหยวน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เย่เทียนเฉินเริ่มทำการรักษาอาการบาดเจ็บ การต่อสู้กับฮิคาวะไม่เพียงแต่จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่ยังได้รู้ด้วยว่ายอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่มาในคราวนี้มีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีมัตสึโมโตะชิโมะเค็นมาด้วย หากเย่เทียนเฉินรู้ว่ามีคาเมดะอิจิโร่มาด้วยเขาคงไม่กังวลขนาดนั้น คาเมดะอิจิโร่เคยสู้กับเขามาก่อน เย่เทียนเฉินรู้จักฝีมือของคาเมดะอิจิโร่เป็นอย่างดี ไม่ได้จะกล่าวว่าหากพูดถึงผู้อาวุโสในสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็จะคิดว่าพวกเขามีพลังการบ่มเพาะสูงส่ง แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา คนอื่นเขามีประสบการณ์มากกว่าตน จะอย่างไรอายุก็มากกว่า แต่คนที่สามารถเป็นผู้อาวุโสได้ไม่ใช่ว่าจะมีความสามารถแข็งแกร่งทุกคน ก็เหมือนกับคาเมดะอิจิโร่ ความสามารถของเขาสู้ฮิคาวะไม่ได้ ดังนั้นพระเย่เทียนเฉินจึงไม่เห็นคาเมดะอิจิโร่อยู่ในสายตา เขารู้ว่าคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือมัตสึโมโตะชิโมะเค็นที่เป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ คนคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหน จะร้ายกาจขนาดไหน เขาเองก็ไม่กล้าจินตนาการจริงๆ
ในตอนนี้อลิซมาที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งบริเวณชายขอบเมืองหลวง เปลี่ยนรถแท็กซี่ไปหลายคัน เธอไม่ได้ฆ่าคนขับรถที่มาส่งเธอถึงเป้าหมาย เพียงแค่ทำให้สลบไป จากนั้นก็เดินไปยังเมืองเล็กๆ ที่อยู่เบื้องหน้า
แม้จะบอกว่าเป็นเมืองเล็กๆ แต่ความจริงเป็นเพียงถนนสายหนึ่ง เมื่อถึงบริเวณทางเลี้ยวยังมีถนนอีกสายหนึ่ง นั่นก็คือเมืองเล็กๆ แห่งนั้น บ้านเรือนในเมืองต่างผุผัง แต่ยังคงมีทุกสิ่งทุกอย่างครบครัน ร้านขายของชำ ร้านขนม ร้านเหล้า โรงแรม แต่ละอย่างล้วนมีครบ อลิซมองไป จากนั้นจึงเดินเข้าไป ตอนนี้ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว มีร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เปิดทำการแล้ว อลิซมองไปยังเมืองเล็กๆ อันว่างเปล่า จากนั้นจึงเดินไปที่ร้านของกิน
“มากี่ท่านครับ? รับอะไรดีครับ?” ชายคนหนึ่งเดินมาต้อนรับ มองอลิซแล้วเอ่ยถาม
“ฉันไม่กินอะไรทั้งนั้น เอาน้ำเปล่ามาให้ฉันแก้วหนึ่ง!” อลิซพูดอย่างเรียบเฉย
ชายคนนั้นมองอลิซ จากนั้นจึงพูดกับคนที่อยู่ด้านในห้อง “น้ำเปล่าแก้วหนึ่ง!”
เพียงไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งถือน้ำเปล่าเดินออกมา นำมาวางไว้เบื้องหน้าอลิซแล้วหมุนตัวเดินจากไป แต่ในขณะที่อลิซยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำนั้น ผู้หญิงคนนั้นพลันหันมา ในมือปรากฏมีดเล่มหนึ่งแทบจะในเวลาเดียวกันแล้วแทงมีดไปที่หัวใจของอลิซ
ดูเหมือนว่าอลิซจะคาดเดาได้นานแล้วจึงสาดน้ำแก้วนั้นไปยังใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว พริบตานั้นผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องออกมา ในแก้วน้ำถึงกับไม่ใช่น้ำดื่มแต่เป็นน้ำกรด หากดื่มลงไปแม้แต่เทพเซียนก็คงช่วยไม่ได้
เสียงปังดังขึ้น อลิซถีบโต๊ะจนกระเด็นแล้วโจมตีผู้หญิงที่มาเสิร์ฟน้ำคนนั้นจนกระเด็นออกไป ตอนนี้เอง มีผู้ชายหลายคนพุ่งออกมาจากในร้านอาหาร ต่างก็มองอลิซด้วยท่าทีโหดเหี้ยม ในมือถือดาบทหารสไตล์ชิบะเอาไว้ทั้งหมด ดาบทหารอันเปล่งประกายมองแล้วน่าหวาดกลัวยิ่งนัก อลิซอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหลายก้าว ตั้งท่าเตรียมลงมือ
“หยุดเดี๋ยวนี้ พวกแกรู้หรือเปล่าว่าเธอคือใคร? ยังไม่รีบขอโทษคุณอลิซอีก?” ตอนนี้เอง เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น ทำให้มือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่เดิมทีคิดจะเข้าไปสู้ต้องหยุดมือ คนคนนี้ก็คือคาเมดะอิจิโร่ที่เกลียดเย่เทียนเฉินเข้ากระดูกดำ
ยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวหลายคนที่ถือดาบทหารอยู่ในมือได้ยินคำพูดของคาเมดะอิจิโร่ต่างก็สบตากันแล้วจึงเก็บดาบทหารในมือกลับไป ยืนอยู่เบื้องหน้าอลิซด้วยท่าทีนอบน้อมแล้วพูดว่า “ขออภัยด้วยครับคุณอลิซ!”
อลิซไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ เดินไปเบื้องหน้าคาเมดะอิจิโร่แล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “มัตสึโมโตะชิโมะเค็นล่ะ?”
“อ้อ ท่านมัตสึโมโตะกำลังนอนหลับอยู่ ผมจะส่งคนไปเรียนท่านให้รีบมาพบคุณอลิซ!” คาเมดะอิจิโร่พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ฉันไม่มีเวลามารอเขาหรอก พาฉันไปซะ!” อลิซพูดพลางเดินไปเบื้องหน้า คาเมดะอิจิโร่มองอลิซด้วยความลำบากใจแต่กลับไม่กล้าปฏิเสธ ทำเพียงเดินตามไปอย่างรวดเร็ว พยายามถ่วงเวลาไว้
“ไม่ทราบว่าคุณอลิซมาถึงเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ?”
“คุณอลิซจะรับอาหารเช้าก่อนหรือไม่ครับ?”
“ดื่มชาสักหน่อยเป็นไงครับ?”
“แกดื่มเองเถอะ!”
เสียงปังดังขึ้น อลิซไม่ได้สนใจคาเมดะอิจิโร่ ใช้เท้าถีบประตูห้องให้เปิดออกเนื่องจากด้านในห้องนี้มีเสียงอันหื่นกระหายดังแว่วมา ในตอนที่อลิซใช้เท้าถีบประตูให้เปิดออก พบว่ามีชายชราอายุประมาณ 60-70 ปีคนหนึ่ง ร่างกายยังดูแข็งแรง กำลังคร่อมอยู่บนร่างของผู้หญิงผิวขาวก้นใหญ่คนหนึ่ง เคลื่อนไหวอย่างดุดัน ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องออกมา ร่างกายท่อนล่างมีเลือดไหล แต่ชายชรายังคงไม่ยอมปล่อย หวังจะกระทำจนตาย
เมื่อได้ยินเสียงถีบประตู ชายชราคนนั้นก็ไม่พอใจมาก ในดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร แต่เมื่อเขาเห็นอลิซก็เพียงแค่มีสีหน้ามืดครึ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร หันไปกระทำคนใกล้ตายนั้นอย่างดุดันอีกหลายครั้งถึงจะถอนร่างออกมาแล้วสวมกางเกง ผู้หญิงที่ร่างกายท่อนล่างเต็มไปด้วยเลือดคนนั้นสั่นไปทั้งตัว ดูท่าทางคงยืนไม่ขึ้นแล้ว เธอกัดฟันคิดจะลุกขึ้นยืน แต่ชายชราไม่ให้โอกาสนั้น เขาตวัดดาบฆ่าเธอทันที ตายอย่างน่าอนาจ
“อ้อ คุณอลิซนี่เอง ไม่รู้ว่ามาหาผมมีธุระอะไร?” ชายชราคนนั้นสวมกางเกงตัวใหญ่ แม้จะอายุประมาณ 70 ปีแต่ยังดูแข็งแรงมาก นี่เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่ง มิฉะนั้นคงไม่มีร่างกายแบบนี้ในขณะที่อยู่ในวัยที่แทบจะก้าวขาเข้าไปในโลงแบบนี้
“หึ มัตสึโมโตะ แกนี่มีความสุขจริงๆ ตอนนี้แล้วยังมีอารมณ์หยอกล้อผู้หญิงอีก?” อลิซแค่นเสียงเย็นแล้วกล่าวขึ้น
“เฮ้อ พอมาถึงประเทศจีนก็ไม่คุ้นเคยกับอะไรหลายๆ อย่าง ไอ้เศษสวะเย่เทียนเฉินนั้นก็ไม่ยอมโผล่หัวออกมา ผมเลยไม่มีอะไรทำ แต่ผู้หญิงชาวจีนดีกว่าผู้หญิงชาวชิบะมากจริงๆ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยปากอย่างหื่นกระหาย
นับว่านี่เป็นครั้งแรกที่อลิซได้พบกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็น พบว่าชายชราคนนี้สูงประมาณ 160 เซนติเมตร มีร่างกายหยาบกร้านและแข็งแกร่ง สายตาหื่นกามมองไปทั่วรามกับผู้หญิงคนนั้นยังไม่ทำให้เขาพึงพอใจ กระทั่งอลิซเขาก็ยังกล้ามองสำรวจอยู่นาน รูปร่างอันยั่วยวนของอลิซดึงดูดมากจริงๆ
ในตอนที่ผู้หญิงทั้งสามที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่อย่างหลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ย ถูกมือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวไล่สังหารจนหนีไม่พ้น อลิซที่ไม่เคยเปิดเผยฝีมือมาโดยตลอดถึงกับลงมือช่วยเหลือพวกหลัวเยี่ยนในตอนนี้ นี่ทำให้พวกหลัวเยี่ยนทั้งสามคิดไม่ถึงว่าอลิซจะมีฝีมือแข็งแกร่งขนาดนี้ ส่วนมือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนก็รู้สึกสงสัย หากกล่าวกันตามเหตุผล อลิซควรจะช่วยพวกเขาฆ่าผู้หญิงสามคนนี้ถึงจะถูก ต้องฆ่าคนข้างกายเย่เทียนเฉินทั้งหมดถึงจะถูก ทำไมกลับช่วยเหลือเย่เทียนเฉินได้?
อลิซเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M ไม่เพียงแต่จะมีฝีมือแข็งแกร่ง ที่สำคัญก็คือสมองและฝีมือในการสืบหาข้อมูลของเธอสูงมาก เธอได้รับคำสั่งมาจากโฮบาม่าให้แทรกซึมเข้ามาในประเทศจีน ตามหาเย่เทียนเฉินและคิดวิธีฆ่าเขาซะ ตอนที่อยู่ในวอชิงตันเย่เทียนเฉินก่อเรื่องไปมาก นี่เป็นการตบหน้าโฮบาม่าอย่างแรง ทำให้โฮบาม่ากล้ำกลืนมาโดยตลอด หากไม่ฆ่าเย่เทียนเฉินเขาคงไม่สามารถดับโทสะในใจได้ ดังนั้นจึงให้อลิซซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษลงมือด้วยตัวเอง คิดจะฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้เพื่อล้างอายให้กับรัฐบาลประเทศ M
เคร้งๆๆ!
มีดและดาบทหารปะทะกัน ฝีมือของอลิซแข็งแกร่งมาก แน่นอนว่ามือสังหารสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนนั้นก็ไม่ใช่พวกกินหญ้า เพียงแต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมอลิซจึงขัดขวางพวกเขาและไม่กล้าลงมือเต็มกำลัง ประเทศชิบะเป็นสุนัขรับใช้ของรัฐบาลประเทศ M ไหนเลยจะกล้าล่วงเกินคนของรัฐบาลประเทศ M หากทำร้ายอลิซแล้วเรื่องแพร่ออกไปเกรงว่าจะกลายเป็นสุนัขที่ถูกเจ้านายตบตีจนฟันร่วงหมดปาก
ตู้ม!
อลิซถีบมือสังหารคนหนึ่งจนกระเด็นออกไป ในขณะเดียวกันเธอก็พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว คิดจะใช้มีดเฉือนคอของมือสองหารผู้นั้น
เคร้ง!
มือสังหารคนนั้นก็มีฝีมือแข็งแกร่งมาก ตวัดดาบทหารมาขวางมีดในมืออลิซด้วยความรวดเร็ว มีดในมือทั้งสองของอลิซถูกกดลงมาในพริบตา ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากแต่ยังคงห่างจากหลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยอยู่บ้าง
“ไป!” อลิซกล่าวเสียงเย็น
“ทำไมต้องช่วยเย่เทียนเฉิน?” มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ
“ฉันย่อมมีแผนของตัวเอง หากพวกแกยังไม่ไปฉันจะฆ่าพวกแกซะ!”
อลิซเตะไปยังศีรษะของมือสังหารผู้นั้น มือสังหารผู้นั้นหลบอย่างรวดเร็ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นว่าอลิซไม่ได้ล้อเล่นแต่คิดจะฆ่าเขาจริงๆ จึงกัดฟันหลบลูกถีบของอลิซแล้วรีบลุกขึ้นจากพื้น มองไปยังหลัวเยี่ยน ฉีหรูเสวี่ยและเย่เชี่ยนเหวิน ก่อนจะกล่าวกับมือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวอีกสองคน “พวกเราไป!”
มือสังหารทั้งสามของสำนักโฮคุชินอิตโตริวถูกอลิซโจมตีจนล่าถอยไป หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยจึงผ่อนคลายลงบ้าง ต่างมองไปทางอลิซด้วยท่าทีแปลกใจ กล่าวได้ว่าอลิซใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่มาได้ประมาณสองสัปดาห์แล้ว แต่ไหนแต่ไรไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีฝีมือแข็งแกร่งขนาดนี้ เพียงสองสามหมัดก็ทำให้มือสังหารทั้งสามล่าถอยไปได้ นี่ทำให้พวกหลัวเยี่ยนทั้งสามคนตื่นตะลึงจริงๆ
“พวกคุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” อลิซเดินมาเบื้องหน้าพวกหลัวเยี่ยน เก็บมีดทหารในมือแล้วเอ่ยถาม
“มะ ไม่เป็นไร อลิซ คิดไม่ถึงว่าเธอจะร้ายกาจขนาดนี้!” หลัวเยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว พี่อลิซ พี่เก่งขนาดนี้ได้ยังไง สอนหนูสักสองสามท่าได้ไหมคะ?” เย่เชี่ยนเหวินเอ่ยปากถามด้วยท่าทีกระตือรือร้น
ฉีหรูเสวี่ยมองไปยังอลิซแต่ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงหมุนตัวเดินไปเบื้องหน้า เธอและอลิซเรียกได้ว่าเป็นศัตรูความรักกัน ต่างอยากจะแย่งชิงเย่เทียนเฉิน อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงเก่งทั้งคู่ ย่อมไม่ยอมขอบคุณในบุญคุณช่วยชีวิตของอลิซแน่นอน
“เธอจะไปไหน? ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย?” อลิซเดินมาเบื้องหน้าฉีหรูเสวี่ยแล้วเอ่ยปากขึ้น
“ร่างกายของฉัน ฉันมีอิสระ ต้องให้เธอมาสนใจด้วยรึไง? หลีกไป!” ฉีหรูเสวี่ยพูดอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ
“หึ เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเธอคงกลายเป็นศพไปแล้ว ยังมาทำปากดีอีก!” อลิซพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันไม่ได้ขอให้เธอช่วยสักหน่อย ต้องให้ฉันขอบคุณด้วยเหรอไง?”
พูดจบฉีหรูเสวี่ยก็เดินไปเบื้องหน้า อลิซก็ไม่ได้หยุดเธออีกเนื่องจากอลิซรู้ว่าไม่มีอันตรายอะไรแล้ว เมื่อเธอพูด นอกจากมัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะอยู่ที่นี่ มิฉะนั้นต่อให้มือสังหารคนอื่นจะร้ายกาจขนาดไหนก็ไม่กล้าปฏิเสธคำพูดของเธอ จะอย่างไรประเทศชิบะก็เป็นสุนัขรับใช้ของประเทศ M เป็นสุนัขรับใช้ย่อมไม่กล้าขัดคำสั่งเจ้านาย มิฉะนั้นจะถูกฆ่า เหตุผลนี้ทุกคนต่างเข้าใจเป็นอย่างดี ดังนั้นอลิซจึงไม่กังวลว่าจะมีมือสังหารมาลอบโจมตีอีก
ตอนนี้เองมีเงาร่างเงาหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มาอยู่เบื้องหน้าพวกหลัวเยี่ยนแล้ว คนคนนี้ก็คือเย่เทียนเฉินนั่นเอง เย่เทียนเฉินเห็นว่าหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และเย่เชี่ยนเหวินน้องสาวไม่เป็นอะไรจึงได้ผ่อนคลายลง ระหว่างทางมาเขาลองเรียกกระบี่อวี๋ฉางแล้ว พบว่ากระบี่อวี๋ฉางส่งพลังออกมาแต่กลับไม่ได้ปกป้องพวกหลัวเยี่ยน เช่นนั้นเย่เทียนเฉินจึงตัดสินใจได้ว่าคฤหาสน์ตระกูลเย่จะต้องถูกลอบโจมตีแน่นอน ทั้งยังเป็นยอดฝีมืออีกด้วย มิฉะนั้นคงไม่อาจหยุดยั้งกระบี่อวี๋ฉางได้ ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงร้อนใจ รีบรีดเร้นเคล็ดวิชาเทพท่องจนถึงขีดสุดพุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจบาดแผลบนร่างของตน
“พวกเราไม่เป็นไร เทียนเฉิน ลูกได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?” หลัวเยี่ยนเห็นเย่เทียนเฉินมีเลือดท่วมตัวก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามด้วยความร้อนใจและเจ็บปวดใจ
“ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร แม่กับน้องไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!” เย่เทียนเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม ไม่อยากให้แม่เป็นกังวล
“ไม่เป็นไรจริงเหรอ? ลูกมีเลือดเต็มไปหมด!” หลัวเยี่ยนพูดด้วยความปวดใจ
“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ เลือดพวกนี้เป็นเลือดของศัตรู ไม่ใช่ของผม…”
เย่เทียนเฉินอยากจะพูดพร้อมขยับสองสามครั้งให้แม่วางใจ แต่เขาพบว่าบาดแผลของตนไม่เบาเลยจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่พาฮิคาวะบินออกไปนอกขอบเขตเมืองหลวงและถูกอัดไปหลายหมัด เดิมทีความสามารถของฮิคาวะก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว รวมกับที่เขากินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันเข้าไป พลังของหมัดจะมากมายเพียงใดจินตนาการได้เลยทีเดียว หากเป็นคนธรรมดาเกรงว่าเพียงหมัดเดียวก็คงถูกต่อยจนระเบิดไปแล้ว แต่ดีที่เย่เทียนเฉินเป็นคนให้ความสำคัญกับการฝึกฝนร่างกาย ถูกต่อยไปหลายหมัดขนาดนี้ หากเป็นยอดฝีมือห้องอื่นก็ไม่แน่ว่าจะรับไหว
“กระบี่ที่นายทิ้งไว้ดูเหมือนจะไม่ได้ร้ายกาจมากมายอะไร หากไม่ใช่เพราะฉัน แม่และน้องสาวของนาย แล้วยังมีผู้หญิงที่รักนายข้างเดียวคนนั้นคงต้องตายไปนานแล้ว นายควรจะขอบคุณฉันนะ!” อลิซเดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน กรอกตาครั้งหนึ่งแล้วกล่าวขึ้น
เย่เทียนเฉินมองไปยังอลิซ ในสายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจราวกับมองอะไรบางอย่างออก แต่ไม่นานก็มีปฏิกิริยากลับมา หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า “พูดแบบนี้ ฉันคงต้องขอบคุณเธอจริงๆ …”
“อย่าไปขอบคุณเธอเทียนเฉิน ต่อให้เธอไม่ลงมือนายก็มาทันเวลา…” ฉีหรูเสวี่ยเดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน เข้ามาเกาะแขนเย่เทียนเฉินในพริบตาราวกับจะประกาศสงครามและข่มขู่อลิซอย่างไรอย่างนั้น
“งั้นเหรอ? งั้นทำไมคนที่แอบรักข้างเดียวอย่างเธอเกือบจะตายแล้วล่ะ? หากไม่ใช่เพราะฉันลงมือก็คงตายไปแล้ว!” อลิซเองก็ไม่นับว่าเป็นคนดีอะไร มองไปยังฉีหรูเสวี่ยด้วยความไม่พอใจแล้วเอ่ยขึ้น
“เธอ…ใคร ใครแอบรักข้างเดียวกัน ฉันจะบอกเธอตามตรง ฉันกับเทียนเฉินหมั้นกันแล้ว พวกเราคือสามีภรรยาในอนาคต!” ฉีหรูเสวี่ยโกรธจนหน้าแดง มองไปยังอลิซแล้วพูดขึ้นอย่างดุดัน
อลิซมองไปยังฉีหรูเสวี่ยแล้วจึงมองไปยังเย่เทียนเฉิน เม้มปากเล็กๆ อันเซ็กซี่ สะบัดผมสีทองของตนแล้วเอ่ยว่า “ไม่ถูกมั้ง ทำไมฉันได้ยินว่ามีครอบครัวของใครบางคนดูถูกตระกูลเย่และดูถูกเย่เทียนเฉิน ดังนั้นจึงจะถอนหมั้นให้ได้ พวกเธอสองคนถอนหมั้นกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ยังจะมาพูดว่าเป็นสามีภรรยาในอนาคตอีก นี่ไม่ค่อยถูกมั้ง?”
“ใคร เธอได้ยินใครพูดมา?” ฉีหรูเสวี่ยโกรธจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“เขาก็รู้กันทั่วทั้งเมืองหลวงนั่นแหละ หรือเธอคิดจะปิดบัง? ฉันว่านะ ถอนหมั้นแล้วก็คือถอนหมั้น แล้วยังเป็นการถอนหมั้นที่ตระกูลฉีของเธอเป็นคนขอเองด้วย ส่งผลเสียต่อตระกูลเย่มากทีเดียว ฉันว่าเธออย่าหาเรื่องลำบากใจเลยดีกว่านะ?” อลิซมองไปยังฉีหรูเสวี่ยอย่างเหยียดหยามแล้วพูดขึ้น
“เธอ…”
“นี่ๆ ฉันว่านะ พวกเธอสองคนยังเอะอะกันไม่พออีกเหรอ? คิดว่าพวกเรายังอันตรายไม่พอ ยังวุ่นวายไม่พออีกรึไง? ไปเถอะ!” เย่เทียนเฉินขวางอยู่หน้าฉีหรูเสวี่ยและอลิซ กล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
ฉีหรูเสวี่ยและอลิซต่างมองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นจึงเดินตามหลังเย่เทียนเฉินไป เย่เทียนเฉินเข้าไปดูแลหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวิน คฤหาสน์ตระกูลเย่ทั้งหลังถูกทลายแล้ว แม่และน้องสาวจึงได้รับความตกใจไม่น้อย เย่เทียนเฉินเองก็คิดไม่ถึงว่าคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่มาในคราวนี้จะร้ายกาจขนาดนี้ เขายังไม่ได้เผชิญหน้ากับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบก็ต้องพบกับการต่อสู้เป็นตายครั้งใหญ่แล้ว ถ้างั้นมัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะร้ายกาจขนาดไหนกันแน่ จะมีพลังการบ่มเพาะอยู่ในระดับไหนกัน? จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าการที่จักรพรรดิดาบถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสิบผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกนั้นนับว่าไม่เสียชื่อเลยจริงๆ!
เย่เทียนเฉินพาหลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน ฉีหรูเสวี่ย และอลิซกลับไปอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตน ในตอนที่พวกเธอมาถึงก็เป็นเวลาตีห้ากว่าแล้ว ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยเป็นผู้หญิงธรรมดา ได้รับความตกใจมามากจึงง่วงมากแล้ว ไม่นานต่างก็พากันหลับไป โชคดีที่คฤหาสน์ของเย่เทียนเฉินมีห้องอยู่จำนวนมากเพียงพอ อย่างไรก็ตามในตอนที่เย่เทียนเฉินไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดออกมา เขาพบว่าอลิซเพิ่งจะเปิดประตูใหญ่ของคฤหาสน์เตรียมจะเดินออกไปข้างนอก
“ฟ้าใกล้จะสว่างแล้วไม่นอนหน่อยเหรอ?” เย่เทียนเฉินเช็ดผมของตนพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ยังไงซะก็ใกล้จะสว่างแล้ว ฉันคงนอนไม่หลับ รวมกับที่ถูกคนไม่ดีทำให้โกรธ จะหลับลงได้ยังไง ฉันจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย!” อลิซหันมามองเย่เทียนเฉิน ในดวงตาสีทองมีความแปลกประหลาดแต่กลับบอกไม่ได้ว่าแปลกประหลาดอย่างไร
ฮิคาวะแพ้แล้ว เย่เทียนเฉินสามารถเอาชนะยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของรุ่นใหม่ในสำนักโฮคุชินอิตโตริวได้ ในความคิดของเย่เทียนเฉิน ฮิคาวะแพ้เพราะใจของตัวเอง เขาแข็งแกร่งมาก ไม่ด้อยไปกว่าตนเลย แต่สิ่งที่ขาดก็คือความกล้าหาญที่จะมุ่งหน้าไปสู่จิตใจอันไร้คู่ต่อกร นี่เป็นสาเหตุที่ฮิคาวะพ่ายแพ้อย่างแท้จริง
เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ทำอะไรบุ่มบ่าม เขามั่นใจในตัวเอง เชื่อในความสามารถของตัวเองและมีหัวใจที่ไร้คู่ต่อกร ก็เหมือนกับตอนที่สู้กับซาโต้ ซาโต้แข็งแกร่งกว่าเขามาก เพียงแต่ความคิดของเขา หัวใจที่ไร้คู่ต่อสู้ของเขาและสายตาทีไร้ศัตรูของเขาสามารถค้ำยันเขาไม่ให้ล้ม บางครั้งหัวใจที่ไร้คู่ต่อกรก็สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เนื่องจากมันทำให้ศักยภาพของผู้คนปะทุออกมาไม่หยุด ทำให้คู่ต่อสู้สัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้าน
เชื่อมั่นในตัวเองแต่ไม่บุ่มบ่าม รู้จักความสามารถของตัวเองและศัตรูเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าวเนื่องจากมีหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เย่เทียนเฉินสามารถชนะในการต่อสู้เป็นตายหลายครั้งและรอดมาได้ ไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นไม่แข็งแกร่งมากพอหรือมีความสามารถสู้เย่เทียนเฉินไม่ได้ แต่พวกเขาขาดสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งจำเป็นต้องเตรียมให้ดี รู้เพียงแต่แสวงหาความสามารถอันแข็งแกร่งแต่กลับขาดหัวใจของผู้บ่มเพาะ
สรุปแล้วนี่ก็เทียบได้กับนักเรียนที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งของห้องมาโดยตลอด ทุกครั้งที่สอบ คะแนนของเขาล้วนเป็นอันดับหนึ่ง อาจารย์ก็ยินดีมากและมีผู้หญิงแอบรักเขามาก เพียงแต่อยู่มาวันหนึ่งเขากลับสอบไม่ได้ที่หนึ่งของห้อง แต่ความจริงก็ไม่ได้แย่ เพียงแค่ได้อันดับสองของห้องเท่านั้น แต่ความภาคภูมิใจของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนัก ยอมรับความน้อยเนื้อต่ำใจและความพ่ายแพ้ไม่ได้แม้แต่ครึ่งส่วน ตั้งแต่นั้นก็ล้มโดยไม่อาจลุกได้ นี่คือปัญหาเรื่องของจิตใจ
ตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่ได้หันกลับไป พูดจบก็จากมาเลย ถึงแม้จะเหนื่อยและบาดเจ็บสาหัสแต่เขาไม่ได้หยุด เขาเป็นห่วงแม่ของตนและน้องสาว แล้วยังมีฉีหรูเสวี่ยและอลิซอีกด้วย ส่วนชายร่างกำยำที่พุ่งออกมาช่วยสกัดแมงมุมตัวใหญ่สีดำที่เกิดจากพลังชั่วร้ายเอาไว้ อีกทั้งยังมีความไม่พอใจและดูถูกตนคนนั้น เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ถามอะไรเขาให้มาก เนื่องจากเขาคาดเดาบางสิ่งบางอย่างได้จากคำพูดของชายคนนั้นแล้ว คงเป็นเพราะเขาไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากขุนพลระดับทัพฟ้าจึงทำให้คนจำนวนหนึ่งไม่พอใจและอยากให้ตนไปท้าทายด่านทดสอบของขุนพลระดับทัพฟ้า หรือพูดให้ชัดเจนก็คืออยากจะสั่งสอนเขาเย่เทียนเฉินนั่นเอง
ตามที่ชางหลางบอกเย่เทียนเฉิน กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศจีนก็คือกองกำลังของขุนพลระดับทัพฟ้า ยิ่งไปกว่านั้นคือ หากคิดจะเป็นขุนพลระดับทัพฟ้ายังต้องฝ่าด่านทัพฟ้าอีกด้วย ด่านทัพฟ้านั้นอันตรายและเข้มงวดเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่ามียอดฝีมือตายไปในด่านมากน้อยเพียงใด ตอนที่ได้ยินดังนั้นเย่เทียนเฉินก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องไปฝ่าด่านขุนพลระดับทัพฟ้าสักหน่อย ดูสิว่าจะร้ายกาจขนาดไหนกันแน่ เขาเป็นคนที่ชอบเสี่ยงอันตรายคนหนึ่ง เพียงแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเหล่านี้ทำให้เย่เทียนเฉินเสียเวลา มิฉะนั้นเขาคงไปลองนานแล้ว ดังนั้นเรื่องที่จะไปทดสอบก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
ตู้มๆ!
สิ่งที่เย่เทียนเฉินไม่รู้ก็คือ หลังจากที่เขาจากมา ชายร่างกำยำคนนั้นก็ต่อยออกไปอีกสองหมัด กำจัดแมงมุมตัวใหญ่สีดำที่เกิดจากพลังชั่วร้ายนั้นจนสิ้นซาก ความจริงเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มีความสามารถที่ร้ายกาจยิ่ง หากเย่เทียนเฉินอยู่ด้วยคงต้องตื่นตะลึงหนัก
“หึ แค่ของพรรคนี้ก็กำจัดไม่ได้ ยังคิดจะไปฝ่าด่านทัพฟ้าอีก รนหาที่ตายแท้ๆ หัวหน้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ถึงกับส่งฉันที่เป็นรองหัวหน้ามาลงมือด้วยตัวเอง จะให้ความสำคัญกับไอ้หนูเย่เทียนเฉินเกินไปหรือเปล่า? ไอ้หนูนี่คงทำให้เขาผิดหวังแล้ว มีความสามารถไม่เท่าไหร่!” หลังจากที่ใช้หมัดฆ่าแมงมุมตัวใหญ่สีดำไปแล้วชายร่างกำยำคนนั้นก็พูดขึ้นมาแล้วส่ายหน้า
ในขณะเดียวกันที่บ้านของเย่เทียนเฉินซึ่งเป็นสถานที่ที่หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน ฉีหรูเสวี่ย และอลิซทั้งสี่คนอาศัยอยู่ ตอนนี้กำแพงถูกทำลายแล้ว ที่นี่เองก็ถูกโจมตีจากยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวเช่นกัน สำหรับผู้หญิงสี่คนนี้แล้ว นอกจากอลิซที่มีฝีมือแข็งแกร่งและพอมีความสามารถอยู่บ้าง คนอื่นๆ อันได้แก่หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน และฉีหรูเสวี่ยต่างไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่
คราวนี้สำนักโฮคุชินอิตโตริวมีคนมาสามสิบคน แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นสูงในสำนักโฮคุชินอิตโตริว นอกจากต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้แล้วยังมีภารกิจในการช่วยเหลือรัฐบาลประเทศ M ต่อต้านการย้ายกลับมาพัฒนาธุรกิจที่ประเทศตัวเองของตระกูลหลิงอีกด้วย การที่ครั้งนี้จักรพรรดิดาบส่งยอดฝีมือทั้งสามสิบคนนี้มา สาเหตุที่สำคัญก็คือต้องการฝึกฝนความสามารถของคนรุ่นใหม่ในสำนักโฮคุชินอิตโตริว การบุกรุกประเทศจีนเมื่อปีนั้นจักรพรรดิดาบยังไม่ได้เป็นเจ้าสำนักโฮคุชินอิตโตริว เขาก็เหมือนกันกับฮิคาวะ เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวในตอนนั้น เขาเอาชนะยอดฝีมือไปเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ในตอนที่ท้าทายวัดเส้าหลินเขาพบกับสามเณรรูปหนึ่ง การต่อสู้ของทั้งสองดำเนินไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแต่ก็เสมอกัน ทำให้ผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริวและยอดฝีมืออาวุโสของพรรควรยุทธโบราณของจีนที่ได้เห็นต่างก็ตกตะลึงหาใดเปรียบ ชายหนุ่มสองคนนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของพลังคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศจีนและประเทศชิบะ ทั้งสองต่างก็แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งตายในการประลองครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นการสูญเสียที่ไม่อาจชดเชยของทั้งสองประเทศ ดังนั้นสุดท้ายพวกเขาทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกยอดฝีมือคนอื่นจับแยก
หลายปีมานี้จักรพรรดิดาบต้องการแก้แค้นมาโดยตลอด สามเณรน้อยของวัดเส้าหลินรูปนั้นกลายเป็นปมในใจของเขาแล้ว ถ้าเอาชนะสามเณรน้อยรูปนั้นไม่ได้ ถ้าฆ่าเขาไม่ได้ จักรพรรดิดาบก็ไม่สามารถทำลายปมในใจของตนได้ ไม่สามารถทะลวงไปยังขอบเขตที่ลึกล้ำสูงส่งยิ่งขึ้น ดังนั้นหลายปีมานี้จักรพรรดิดาบล้วนฝึกฝนเพลงดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวอย่างยากลำบากมาโดยตลอด หากพูดตามคำพูดของเขาก็คือ จะช้าจะเร็วก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาจะมาเยือนประเทศจีนอีกครั้งและทำลายวัดเส้าหลินให้ราบเป็นหน้ากลอง เอาชนะสามเณรน้อยในปีนั้นให้ได้ ตั้งแต่เรื่องในปีนั้นเป็นต้นมา จักรพรรดิดาบก็ให้ความสำคัญกับวรยุทธของจีนเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่ากว้างขวางลึกล้ำจริงๆ เขาเองก็คิดหาวิธีทำความเข้าใจและพัฒนาไปมากมาย ดังนั้นจึงให้คนของสำนักตัวเองมาฝึกฝนที่ประเทศจีน ให้สัมผัสและเรียนรู้ความสมบูรณ์แบบวรยุทธของประเทศจีน เพื่อที่ว่าในวันที่ต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้งจะได้ช่วยเขากำจัดวัดเส้าหลินและล้างแค้นในปีนั้นได้
“กรี้ด…”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น นั่นเป็นเสียงของฉีหรูเสวี่ย ทั่วทั้งคฤหาสน์ตระกูลเย่ถูกทำลายไปแล้ว หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน ฉีหรูเสวี่ย และอลิซต่างก็กำลังหนี เพียงแต่พวกเธอสามคนเป็นผู้หญิงที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ จะหนีพ้นได้อย่างไร เพียงไม่นานก็ถูกไล่ทัน สารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวฟาดฟันดาบไปยังฉีหรูเสวี่ย ฉีหรูเสวี่ยตกใจจนทรุดลงนั่งกับพื้น หลบไม่ได้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว รอความตายมาเยือน
เคร้ง!
เสียงอาวุธกระทบกันดังขึ้น ฉีหรูเสวี่ยลืมตามอง ในดวงตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ เธอคิดไม่ถึงว่าคนที่ขวางอยู่เบื้องหน้าเธอและช่วยชีวิตเธอจะถึงกับเป็นอลิซ
ระยะเวลาที่อลิซและฉีหรูเสวี่ยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลเย่แห่งนี้ต่างก็ทะเลาะกันทั้งทางลับทางแจ้ง แสดงความรักความชื่นชมที่มีต่อเย่เทียนเฉินออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่งดงาม การแต่งตัว รูปร่าง ส่วนโค้งส่วนเว้า หรือจะเป็นฝีมือการทำอาหาร การทำงานบ้านต่างๆ นาๆ ทั้งสองต่างก็ลอบเปรียบเทียบกันอย่างรุนแรง ทำให้หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ แน่นอนว่าพวกเธอก็ดีใจมาก เนื่องจากช่วงนี้พวกเธอไม่ต้องทำอาหารและทำงานบ้าง
อลิซคนนั้นถึงกับช่วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือของเธอยังแข็งแกร่งขนาดนี้ด้วย เหมือนกับเป็นยอดฝีมือทางด้านศิลปะการต่อสู้คนหนึ่ง พริบตาเดียวก็สกัดมือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวเอาไว้ได้ แล้วยังถีบอีกฝ่ายจนกระเด็นออกไป ก่อนหน้านี้พวกฉีหรูเสวี่ยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีความสามารถแบบนี้ อลิซเองก็เพิ่งจะเปิดเผยตอนนี้
“ยังตะลึงอะไรอยู่ ยังไม่ไปอีก?” อลิซมองไปยังฉีหรูเสวี่ยอย่างไม่พอใจแล้วพูดขึ้น
ตอนนี้หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินสองแม่ลูกย้อนกลับมาแล้ว ประคองฉีหรูเสวี่ยขึ้นมา ทุกคนมองไปยังอลิซด้วยความแปลกใจ เนื่องจากอลิซในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นสาวงามผมทองคนหนึ่ง แต่ยังมีมีดทหารอยู่ในมือทั้งสองอีกด้วย ดูแล้วไม่ได้อ่อนแอเลย ดูชำนาญเป็นอย่างมาก ให้ความรู้สึกเหมือนฮีโร่สาว
“ถ้าพวกคุณยังไม่ไปอีกจะต้องตายกันหมดที่นี่แน่!” อลิซพูดเสียงต่ำ
ฉัวะๆๆ มือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนยืนอยู่เบื้องหน้าอลิซ ในมือต่างมีดาบทหารสไตล์ชิบะอยู่ พากันเสือกแทงดาบไปยังอลิซ ในดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหารและเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ครั้งนี้พวกเขามาลอบโจมตีคฤหาสน์ตระกูลเย่ด้วยกันทั้งหมดหกคน แต่ละคนล้วนเป็นคนที่แข็งแกร่ง เดิมทีคิดว่าหากจะฆ่าผู้หญิงสี่คนนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่พวกเขาหกคนลงมือ กลับมีประกายกระบี่สายหนึ่งส่องสว่างฆ่ายอดฝีมือของพวกเขาไปหนึ่งคนโดยไม่ทันได้กรีดร้องด้วยซ้ำ ส่วนยอดฝีมืออีกสองคนที่เหลือก็ถูกสังหารด้วยกระบี่อันไร้คู่ต่อกรนั้นอย่างสิ้นหวัง สุดท้ายพวกเขาสามคนจึงรวมพลังกันทำลายคฤหาสน์และไล่สังหารผู้หญิงสี่คนนี้ นี่มันจะขายหน้าเกินไปแล้ว เสียหายมากจริงๆ คนที่มาทำภารกิจที่ประเทศจีนในครั้งนี้ต่างก็เป็นยอดฝีมือชั้นสูงรุ่นเยาว์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริว การที่จะฝึกยอดฝีมือรุ่นใหม่ออกมานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ตอนนี้ตายไปสามคนแล้วทำให้พวกเขาโกรธมาก
“ใครก็ไปไม่ได้ทั้งนั้น อย่ามาตำหนิพวกเราเลย ถ้าคิดจะโทษก็โทษความสัมพันธ์ระหว่างพวกแกกับเย่เทียนเฉินเถอะ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนเฉินต้องตายทั้งหมด!” หนึ่งในนั้นพูดอย่างเย็นชา
“หากจะฆ่าพวกเธอก็ต้องดูก่อนว่าพวกแกผ่านด่านฉันไปได้หรือเปล่า!” อลิซพูดเสียงเย็น
มือสังหารคนหนึ่งมองอลิซอย่างดุดัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาเป็นสุนัขรับใช้ของรัฐบาลประเทศ M นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ดี และก่อนมาเขาก็รู้ว่าอลิซซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของประเทศ M มาตรวจสอบและลอบสังหารเย่เทียนเฉินที่ประเทศจีน ทำไมตอนนี้อลิซไม่ช่วยพวกเขาฆ่าแม่และน้องสาวของเย่เทียนเฉินแต่กลับหันดาบมาหาพวกเขาได้?
“ถ้าพวกแกไม่ลงมืองั้นก็ให้ฉันฆ่าพวกแกซะเถอะ!”
อลิซเห็นมือสังหารทั้งสามคนสงสัยก็ขมวดคิ้ว กำมีดทหารในมือแน่น พุ่งเข้าไปหามือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนด้วยความรวดเร็ว…