องครักษ์เสื้อแพร 870 ไม่เหมือนนิสัยหวังทง

ตอนที่ 870 ไม่เหมือนนิสัยหวังทง
ตอนที่ 870 ไม่เหมือนนิสัยหวังทง

เรื่องห้ามขายอาวุธให้เมืองเหลียวโจว ห้ามขายให้พ่อค้าเกาหลี ปล่อยทิ้งกำไรก้อนโตที่มาถึงมือ และยังตั้งกฎเช่นนี้  ทำให้หลายคนไม่เข้าใจ

ทว่าสำหรับหัวหน้าแต่ละหน่วยงานในเทียนจินก็เพียงแค่ไม่เข้าใจ  หากไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เทียนจินทำกำไรจากเรื่องอื่นได้มากมาย ขาดเรื่องนี้ไปก็ไม่อันใดนัก

แม้กล่าวว่าโรงช่างทางการเทียนจินหวังทงไม่อาจจัดการได้ แต่ก็มีอิทธิพลไม่น้อย เพราะไม่ว่าวัตถุดิบหรือการขนส่งก็ต้องพึ่งหวังทง หากหวังทงว่าไม่ขาย ก็ย่อมปิดทางได้หมด

การหาข่าวจากเมืองเหลียวโจวนั้น ก่อนหน้าหวังทงกำชับมา ก็เริ่มส่งคนไปแล้ว ร้านสาขาสามธาราเปิดทั่วหล้า แม้ว่ามีการค้าเป็นหลัก แต่การเก็บรวบรวมข่าวก็เป็นงานหนึ่งเช่นกัน เพราะเรื่องนี้มีผลต่อการพัฒนากำไรของการค้า สามารถได้ประโยชน์มากกว่าผู้อื่น

เมืองเหลียวโจวเริ่มป้องกันพ่อค้าจากเทียนจินมากขึ้น ร้านสาขาสามธาราค้าขายกับพ่อค้าใด หรือมีกิจกรรมการค้าใดก็ถูกควบคุม ยังมีคนสังเกตว่า ถูกคนจับตาดูอยู่ด้วย

พฤติกรรมเช่นนี้เรียกได้ว่าไม่ปกติ ยิ่งเป็นเช่นนี้ ทางเทียนจินก็ยิ่งต้องส่งคนไปจับตา ดูว่าแท้จริงแล้วมีเรื่องใดที่เป็นปรปักษ์กับเทียนจิน

“เพราะทางเรามีตำแหน่งและอิทธิพลมาก เดิมตระกูลหลี่เคยเป็นขุนพลอันดับหนึ่งในแผ่นดินหมิง ทุกสิ่งใต้หล้าย่อมเทไปทางนั้น พวกเขาย่อมนั่งอยู่บนกองวาสนาและเงินทอง แต่ตอนนี้เมื่อข้าปราบปรามพวกนอกด่านยิ่งใหญ่ลงได้ พวกเขาตระกูลหลี่ก็ย่อมไม่มีความสำคัญมากพอ และเพราะความโดดเด่นของกองกำลังหู่เวย ราชสำนักสามารถสั่งการเคลื่อนกำลังได้ และสามารถสั่งการกำลังเมืองต้าถง เมืองเซวียนฝู่และเมืองจี้โจวได้ หรือแม้แต่สั่งเคลื่อนกำลังเมืองเหลียวโจวคืนมาก็ได้ เมืองเหลียวโจวเริ่มมีขุนพลส่งไปประจำการ ตอนนี้เมืองเหลียวโจวใกล้จะไม่ได้เป็นของตระกูลเดียวครอบครองแล้ว ย่อมมองเห็นเราเป็นศัตรู ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงไม่ยกทัพไปปราบตัวหลุนนั่นหรอก”

รายงานจางซื่อเฉียงทำให้หวังทงกล่าวขึ้นเช่นนี้ กล่าวถึงตรงนี้ ทุกคนก็เริ่มสลด คิดถึงเรื่องราชสำนักต้องการจัดการหวังทง

“สุขภาพข้ายังไม่ฟื้นตัวดี ต้องการพักผ่อน พวกเจ้าออกไปก่อน!”

หวังทงออกปากไล่แขก  ทุกคนได้แต่ลุกขึ้นอำลา คำนับเสร็จออกไป ไช่หนานกลับค่อย ๆ เดิน หากยังอยู่ต่อ สุขภาพหวังทงไม่ได้อ่อนแออย่างที่หวังทงว่าเสียหน่อย ทุกคนรู้ดี ไช่หนานปิดประตู  ไล่ทหารด้านนอกให้ออกไปไกลๆ สีหน้ายิ้มแย้มคำนับกล่าวว่า

”ใต้เท้า ลงใต้ครานี้นำเงินทองกลับมาไม่น้อย  ยังมีหญิงงามมีชื่อด้วย เช่นนี้ฝ่าบาทคงยิ่งวางพระทัยใต้เท้า!”

การละโมบในทรัพย์ทำให้ตนเองมัวหมอง เป็นวิธีหนึ่งในการป้องกันตนเองของขุนนางที่มีความชอบ  ขุนนางที่เอาแต่ร้องขอที่ดินจากจิ๋นซีฮ่องเต้ มาถึงเซียวเหอที่ปรึกษาปฐมฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงชอบรุกครองที่ดินชาวบ้าน ล้วนทำเพื่อทำให้ตนเองมัวหมอง ทำให้นายวางใจว่าจะไม่คิดการใหญ่และไม่เป็นภัยต่อตน หวังทงถูกไช่หนานกล่าวเอาเช่นนี้ก็อึ้งไป ตามมาด้วยคิดกระจ่าง อดไม่ได้แค่นยิ้มกล่าวว่า

“เรื่องทำตัวให้มัวหมองนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำ ทว่าหากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาให้เงินทองมา ส่วนมากข้าก็จะไม่เอา สตรีสองนางนี้ก็คงคิดหาทางจัดการส่งต่อ ที่ข้าทำเช่นนี้ ก็คงเป็นเพราะคิดเช่นนี้กระมัง”

ไช่หนานหัวเราะ นั่งลงกล่าวน้ำเสียงจริงจังว่า

“ใต้เท้ากลับมาเมืองหลวงครานี้คิดทำสิ่งใด?”

หวังทงมองไช่หนาน ยิ้มกล่าวว่า

“จะทำสิ่งใดได้เล่า ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม”

ไช่หนานเงียบไปครู่หนึ่ง จึงได้ตั้งใจกล่าวเสียงเบายิ่งว่า

“ตำแหน่งข้าได้มาจากในวัง แต่ทุกวันนี้ล้วนต้องพึ่งพาใต้เท้า อย่าว่าแต่ข้าเลย ในเมืองหลวง เทียนจิน ตอนนี้เพิ่มเมืองกุยฮว่าเฉิงอีก มีคนมากมายเท่าไรที่ได้ดิบได้ดีมีวาสนาก็เพราะใต้เท้า หากอำนาจใต้เท้าอ่อนแอลง ทุกคนก็คงยุ่งไปด้วย!”

หวังทงเงียบไปไม่ตอบอันใด ไช่หนานกล่าวอีกว่า

“โจวกงกงมีสารลับมา ให้ข้ากล่าวกับใต้เท้า ฝ่าบาทให้ใต้เท้าทำสิ่งใด ใต้เท้าย่อมต้องทำ ไม่อาจโทษฟ้าโทษดิน ในวังมีคนมากมากเท่าไรที่รู้ว่า ฝ่าบาททรงเสียพระทัยกับเรื่องที่ได้ทรงทำไปนั้นมาก หากใต้เท้ายังทำเป็นไม่รับรู้ กว่าจะมาเป็นขุนนางทรงโปรดได้ก็ต้องมาเหินห่างไป วันหน้าเกรงว่า……พวกเราทุกคนเกรงว่า…….“

ไช่หนานวาจาเริ่มเบาลงเรื่อยๆ หวังทงสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน น้ำเสียงเรียบนิ่งว่า

“ตอนนี้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่เพื่อฝ่าบาทด้วยความภักดี ทำกำไรให้ฝ่าบาท  เป็นผู้คุ้มกันฝ่าบาท ฝ่าบาทจะเหินห่างได้อย่างไร พวกเจ้าคิดมากไปแล้ว”

“ใต้เท้า หากยังสามารถคงเช่นนี้ต่อไป ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากมีขึ้นมีลง ก็เกรงว่าคนอื่นจะขึ้นมาแทน ตอนนั้นพวกเราก็กลายเป็นที่ขวางตาแล้ว เกรงว่า……”

สองครั้งที่กล่าวไม่จบ กลับยิ่งร้อนใจ สีหน้าหวังทงยังคงนิ่ง เพียงกล่าวว่า

“ฝ่าบาททรงสั่งเคลื่อนกำลังกองกำลังหู่เวยด้วยพระองค์เองได้ ฝ่าบาทได้เงินทองจากทุกแหล่งเข้าท้องพระคลัง สำนักอาชาหลวง กองกำลังสังกัดวังหลวงก็อยู่ในพระหัตถ์ฝ่าบาท มหาอำมาตย์เซินสือหังกับรองอำมาตย์หวังซีเจวี๋ยก็จงรักภักดี ใต้หล้าให้การสนับสนุนฝ่าบาท ฝ่าบาทต้องการใช้ผู้ใดก็ใช้ ผู้ใดไม่พอพระทัยก็ทรงเปลี่ยนได้ ปลดได้ เจ้าคิดมากไปแล้ว เรื่องเช่นนี้ไยต้องให้พวกเรามาคอยคิดกันด้วยเล่า”

ไช่หนานอายุใกล้กับหวังทง และก็มีน้ำใจอยู่ไม่น้อย ถูกหวังทงกล่าวนิ่งเช่นนี้ เขาเองก็ร้อนใจ  ยืนขึ้นเสียงดังว่า

“ใต้เท้า รุ่งด้วยกัน ล่มด้วยกัน บิดาบุญธรรมข้าคือโจวกงกง จางเฉิงจางกงกงก็พอมีสายเกี่ยวพัน หากใต้เท้าล้มลง อย่างมากข้าก็เปลี่ยนเป็นขันทีคุมเสบียง สองสามปีก็ค่อยกลับวังไปเป็นมหาขันทีใหญ่ แต่ใต้เท้าจะทำเช่นไร ใต้เท้าเรืองอำนาจมานาน ล่วงเกินคนไปเท่าไร หากไม่ทรงโปรดแล้ว เกรงว่าคงมีภัยใหญ่มาถึงตัว ใต้เท้าแม้ไม่กลัว แต่ครอบครัวใต้เท้าเล่า พวกหู่โถวเล่า พวกซานเปียวอีกเล่า!? จะรับมือสบายๆ ตามเรื่องตามราวเช่นนี้ได้อย่างไร  ใต้เท้า อนาคตคนมากมาย ครอบครัวคนมากมายล้วนพึ่งพาอาศัยท่าน ท่านอย่าได้ไม่ไยดีเช่นนี้!”

หวังทงมองสีหน้าแดงก่ำของไช่หนาน สีหน้าที่เรียบเฉยเริ่มมีรอยยิ้ม กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“ขันทีไช่พวกเขาร่วมเป็นร่วมตายมาถึงวันนี้ได้ มีกิจการใหญ่โตถึงวันนี้ได้ มีสถานะเช่นวันนี้ได้ ข้าย่อมไม่ละทิ้งไปโดยง่าย”

“ใต้เท้า เรื่องนั้น……”

“ตอนนี้ที่พวกเราทำได้ก็เท่านี้ ฝ่าบาทไม่ทรงโปรดเราก็ย่อมทรงทำได้ ตอนนี้ทุกคนยังมีสถานะอยู่ ก็เพราะน้ำใจในตอนเด็กนั้น เพราะพวกเราเป็นคนสนิทฝ่าบาท”

วาจาหวังทงกล่าวได้มีหลักการ แต่พูดถึงสถานการณ์ตอนนี้แล้วดูไม่เหมือนที่ไช่หนานพูดเมื่อครู่ ไช่หนานยิ่งเคร่งเครียด หวังทงมองไช่หนาน อดไม่ได้หัวเราะโบกมือกล่าวว่า

“หลังถูกพิษ ร่างกายยังไม่ฟื้นคืนดี ดึกมากแล้ว เหนื่อยมากจริงๆ ไม่คุยต่อแล้ว”

ไช่หนานปรับอารมณ์เป็นปกติ ยามนี้เหมือนว่างเปล่า กำลังสับสน แต่ก็อยากจะร้องไห้ อยากจะหัวเราะบอกไม่ถูก เห็นหวังทงตรงหน้า ก็รู้ว่าไม่ใช่หวังทงคนที่เขาเคยรู้จักคนเดิม แต่ที่เมื่อครู่หวังทงกล่าวมานั้น มองออกว่าหวังทงใช่ว่าไม่รับรู้ ในในใจเขาย่อมรู้ดี และคงวิเคราะห์ละเอียดกว่าตนเองแล้ว ท่าทีเช่นตอนนี้น่าแปลกยิ่ง

เจตนาส่งแขกชัดเจนแล้ว ไช่หนานเองย่อมไม่อาจอยู่ต่อ ได้แต่คำนับขอตัว เดินออกจากประตูมา คืนที่เทียนจินเงียบมาก ไช่หนานส่ายหน้า ถอนหายใจยาว

ตอนเดินออกไป กลับได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลัง ไช่หนานหันไปมอง เห็นสตรีอรชรนางหนึ่งเดินเข้าห้องหวังทง ไช่หนานอึ้งไป ไร้วาจาจะกล่าว

คนที่เข้ามาคือไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ เทียบกับข่งรั่วเหมยที่ไม่รู้ธรรมเนียมแล้ว ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ได้รับการสั่งสอนมาว่าจะปรนนิบัติบุรุษเช่นนี้มาสิบกว่าปี นางตอนนี้นับว่าเป็นสาวใช้คนสนิทหวังทง ทำหน้าที่ยกน้ำชาและน้ำ กวาดพื้นทำความสะอาดห้องนอน ในห้องรับแขกด้านในก็คือห้องนอน

ถึงตอนนี้ แขกด้านนอกจากไปแล้ว นางต้องเข้ามาจัดการเก็บกวาด ห้องด้านในของหวังทง สาวใช้กับหญิงสูงวัยรับใช้ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ไม่อาจเข้ามาได้ มีเพียงไจ๋ซิ่วเอ๋อร์กับข่งรั่วเหมยเท่านั้น

ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์เดินเข้ามาในห้อง เห็นชายหนุ่มที่นางเคยบอกว่าราวกับชาวอายุ 50 กำลังยืนนิ่งอยู่ นางเข้าไปคำนับ ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว

หวังทงจ้องมองไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ มองจากล่างขึ้นบน สตรีเช่นไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ ไม่ว่าเวลาใดที่ปรากฏกายต่อหน้าบุรุษก็ย่อมแต่งกายตนเองให้งดงาม หวังทงส่งคนสังเกตดูไจ๋ซิ่วเอ๋อร์กับสาวใช้ข้างกายมานาน หญิงพวกนี้ไม่มีการติดต่อกับภายนอก แม้แต่ตนเองแกล้งทำเป็นปล่อยข่าวสำคัญต่อหน้าพวกนาง ก็ยังคงไม่ติดต่อกับภายนอก ติดตามรับใช้ตามหน้าที่ปกติ

“คิดถึงแม่น้ำฉินไหวเหอไหม?”

สตรีเบื้องหน้าอยู่ๆ ถูกหวังทงมองอย่างละเอียดก็เริ่มเคร่งเครียด รู้แล้วว่าเรื่องที่ควรมาถึงก็มาถึงแล้ว ได้ยินหวังทงถาม  นางส่ายหน้า หวังทงมองกระโปรงไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์แม้ไม่สูง แต่รูปร่างก็ได้สัดส่วนไม่เลว ขาก็ยาวมาก หวังทงไม่สนใจความเคร่งเครียดของนาง หากถามขึ้น

“คิดถึงตระกูลเยว่ไหม? พวกนั้นดีกับเจ้าไม่น้อย“

สายตาหวังทงเหมือนมองทะลุ ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์รู้สึกว่าตนเองถูกเปลือยกายออกหมดต่อหน้าหวังทง รู้สึกอึดอัด ทว่าพอหวังทงถามเช่นนี้ นางอึ้งไปก่อนจะตอบเรียบๆ ว่า

“ไม่เลว พวกตระกูลเยว่ไม่ได้แตะต้องข้า ก็เพราะรอขายให้ได้ราคาก็เท่านั้น ตอนนี้พวกเขายกข้าให้นายท่าน เพื่อให้พ้นภัย และก็เพื่อซื้อน้ำใจ”

หวังทงยิ้มถามขึ้น

“ครอบครัวล่ะ?”

คำถามนี้หวังทงถามเป็นครั้งแรก พอได้ยินเช่นนี้ สีหน้าไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ก็เหมือนดำคล้ำ กล่าวอย่างเจ็บแค้นว่า

“ไม่รู้ว่ายังอยู่หรือไม่ ก็ถือว่าตายไปหมดแล้วละกัน ขายข้าเข้าสู่กองไฟ ผู้ใดจะนับเป็นครอบครัวด้วย”

แม้ว่าไม่รู้ว่าคำถามต้องการสิ่งใด ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์เห็นหวังทงพยักหน้า หวังทงนิ่งไปก่อนกล่าวว่า

“เลิกกระโปรงขึ้น”

“อะไรนะ?”

ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์คิดว่าตนเองฟังผิด รีบถามกลับทันที หากกลับได้ยินหวังทงยกมือขึ้นไปมา กล่าวอีกว่า

“เลิกกระโปรงขึ้น”

ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์สีหน้าแดงก่ำทันที……

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset