หมอร้ายคลั่งรัก 24

ตอนที่ 24

จากวันนั้นถึงวันนี้ฉันฝึกงานท่ามกลางเสียงจิกกัดมาตลอดวันนี้ก็วันสุดท้ายแล้วอิอิงจะหลุดพ้นจากฝูงกาแล้ว หลังจากนี้มีเวลาอีกเทอมเดียวที่ฉันจะต้องทุ่มเทแรงทั้งหมดที่มีทำโปรเจคให้ผ่าน ฉันก็จบแล้วคราวนี้แหละฉันจะเอาใบปริญญาไปปาใส่หน้าอิป้าข้างบ้าน ฉันยังจำได้ไม่มีวันลืมตอนที่พ่อกับแม่ฉันไปหยิบยืมหาเงินส่งอิองคนนี้เข้ามาเรียนในกรุงเทพมีแต่คนพูดว่าน้ำหน้าอย่างฉันไม่มีปัญญาเรียนจนจบหรอก ทำไมคนจนๆ อย่างอิอิงจะทำไม่ได้ แค่ไม่มีเงินไม่ได้มีบ้านหรูๆ อย่างพวกเขาไม่มีสิทธิ์เรียนเลยหรือไง คอยดูนะอิอิงจะกลับกู้ศักดิ์ศรีของครอบครัวฉันคืนมา

แต่เรื่องมันไม่ได้สวยงามอย่างที่ฉันคิดไว้เลย

“เป็นไรฮึ” พี่หมอคินเข้ามาตอนไหนไม่รู้เข้ามากอดคอจากข้างหลังเก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่ จูบผมกลางหัวฉันเบาๆ ถามเสียงอ่อนโยน

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ถามเขาทั้งที่ยังไม่ขยับไปไหนเลยรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ในท่านี้

“ทันเห็นหนูถอนหายใจหลายครั้งก็แล้วกัน จะบอกพี่ได้ยังครับหนูอิงของพี่หมอเป็นอะไร” เขาจับเก้าอี้หมุนเข้าหาเขาตอนนี้กลายเป็นฉันนั่งอยู่ตรงหว่างขาเขาพอดีเงยหน้ามองพี่หมอเจอสายตาอ่อนโยนปนความห่วงใยจากเขา หยดน้ำใสๆ ที่กลั้นเก็บเอาไว้ทั้งวัน ตอนนี้กลับเอ่อล้นไหลลงข้างแก้มอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ฉันพยายามแล้วที่จะไม่ร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขาแต่มันไม่ไหวจริงๆ

“……..” พี่หมอไม่พูดอะไรได้แต่ลงมานั่งยองๆ ข้างหน้าใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างเช็ดน้ำตาให้เบาๆ สลับกับจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนเขาทำแบบนี้ซ้ำๆ จนน้ำตาอิงชาแห้งหายหมดไปเขาก็ถามอีกครั้งด้วยเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง

“บอกพี่สิครับคนดีหนูเป็นอะไร ใครทำอะไรหนู”

ฉันย้อนกลับไปเล่าถึงเหตุการณ์วันนี้ที่เจอและอึดอัดใจมากที่สุดให้พี่หมอฟัง

วันนี้เป็นสุดท้ายของการฝึกงานฉันเอาใบผ่านการฝึกงานไปให้ผู้จัดการเซนต์

“ฉันไม่เซนต์” ผู้จัดการแค่เหลือบตามองเอกสารบนโต๊ะก็พูดออกมาอย่างไม่ใยดีฉันเลย ไม่เข้าใจมีเหตุผลอะไรที่จะไม่เซนต์ให้ในเมื่อฉันทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายเสร็จตามเวลาทุกงานและมั่นใจด้วยว่าฉันทำออกมาดีทุกงานถึงจะเป็นแค่งานง่ายๆ ก็เถอะ

“ทำไมคะ” พยายามเก็บความไม่พอใจไว้ข้างในแต่ก็ยังเก็บไว้ไม่หมดเผลอถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

“คิดว่าที่ผ่านมาทำงานดีแล้วใช่มั้ย” ดีแล้วสิดีมากด้วยอยากจะตะโกนตอบออกไปแต่ทำได้แค่ตอบในใจ

“หยุดงานเป็นอาทิตย์มีที่ไหนเขาให้ผ่านบ้าง” อ้าวเห้ยก็ฉันประสบอุบัติเหตุจนแขนหักนี่ไงเฝือกยังไม่ได้เอาออกเลย ใบรับรองแพทย์ก็ยื่นไปแล้วไงแถมอุบัติเหตุเกิดในบริษัทด้วยนะเว้ย อย่างนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับฉันเลยนะ

“ไม่เซนต์จนกว่าจะทำงานชดเชยวันที่หยุดไป” ไม่นะทำไมฉันยังต้องฝึกงานต่ออีกอย่างนี้แกล้งกันชัดๆ ก็อาจารย์ประภาศรีเป็นคนบอกเองว่าไม่ต้องทำแล้ว แค่มีใบรับรองแพทย์ก็พอ แล้วฉันก็แจ้งส่วนตัวกับอาจารย์ไปตั้งแต่วันแรกๆ ที่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้วด้วย

ฉันเล่าจบสีหน้าของพี่หมอก็เปลี่ยนไปแต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นแล้วเขาก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ชวนฉันกินข้าวเฉยเลย

“กินข้าวกันเถอะวันนี้พี่ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าหิวมากจนจะกินหนูได้ทั้งตัวแล้ว” เน้นคำว่าหนูเสียงดังแหละหนักแน่นเสียงนี้มีอะไรแอบแฝงใช่มั้ย ใช่หรือเปล่าเสียงเจ้าเล่ห์ไม่พอสายตายังกรุ้มกริ่มอีกต่างหาก ฉันทำเป็นไม่สนใจเดินไปที่โต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยกับข้าวที่พี่หมอซื้อมาจัดใส่จานเรียบร้อยขนาดนี้แสดงว่าเขากลับมานานแล้วมีแต่ฉันเองที่มัวแต่เหม่อจนไม่รู้อะไรเลย

“ติดต่อเรื่องอะไรคะ” ผู้หญิงเจ้าของโต๊ะที่มีป้ายเขียนอยู่บนโต๊ะว่าผู้จัดการแผนกการตลาดเงยหน้าถามผมด้วยใบหน้าสงสัยตอนแรกก็เปลี่ยนไปทันทีที่เผชิญหน้ากับผมอย่างชัดเจน จากใบหน้าที่ไม่มีรอยยิ้มตอนนี้กลับยิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะหวานได้ส่งให้ผม ตอนแรกผมคิดว่าผู้จัดการแผนกจะเป็นผู้หญิงวัยกลางคนจอมเจ้าระเบียบรักษากฎระเบียบบริษัทยิ่งชีพเสียอีก พอมาเห็นกับตาตัวเองถึงรู้ว่าที่ผมคิดไว้นั้นมันผิดทั้งหมดเธอเป็นผู้หญิงสวยระดับหนึ่งเลยทีเดียวแต่น้อยกว่าเมียผมนะเมียผมน่ะทั้งสวยทั้งน่ารักที่สุดแล้วอายุน่าจะมากกว่าผมแค่ไม่กี่ปีไม่น่าเชื่อว่าจะได้ตำแหน่งเร็วขนาดนี้ ที่ผมมาวันนี้ก็อยากทราบเหตุผลว่าทำไมถึงเธอถึงไม่ยอมเซนต์ผ่านฝึกงานให้กับเมียผมเท่านั้นเอง

Options

not work with dark mode
Reset