ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 639 ตระกูลจ้าว (1)

บทที่ 639 ตระกูลจ้าว (1)

บทที่ 639 ตระกูลจ้าว (1)

ณ ดาวปรภพที่เจ็ด

ดาวเคราะห์สีเหลืองขมุกขมัวหมุนวนอยู่กลางจักรวาลสีดำสนิทอย่างช้าๆ มีแถบแสงวงแหวนสีเหลืองกระจ่างห้อมล้อม

เห็นจุดแสงที่ผลุบๆ โผล่ๆ สิบดวงกะพริบแสงสีขาวอยู่กลางแถบแสงได้อย่างคลุมเครือ

ที่นี่คือดาวเคราะห์อันเป็นอาณาเขตใต้การปกครองของมารดาแห่งความเจ็บปวดที่อยู่ใกล้ชายขอบที่สุด และเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้สำนักนทีครามมากที่สุด

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป…

ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ พลันมีประกายแสงสีเขียวอ่อนสิบกว่าจุดปรากฏขึ้นกลางอวกาศอันมืดมิดอย่างฉับพลัน

ประกายแสงพวกนี้ตอนแรกยังริบหรี่ หากไม่พยายามเพ่งมองก็ไม่แน่ว่าจะเห็น ทว่าหลังจากผ่านไปสองสามนาที ประกายแสงก็สว่างขึ้นและเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ

ซู่!

ยานบินที่หยาบกระด้างสีเขียวที่เหมือนกับกระบี่บินลำหนึ่งทะลวงออกมาจากความว่างเปล่าอันมืดมิดอย่างรุนแรง มาถึงใกล้ดาวปรภพจากสถานที่ที่อยู่ไกลออกไปเหมือนกับกระโจนข้ามมา

ด้านบนยานบินมีชั้นป้องกันโปร่งแสงที่เอนเอียงชั้นหนึ่ง มองเห็นลวดลายอักขระสีเขียวจำนวนเหลือคณานับ และชายชราผมขาวที่วางสองมือไว้บนเข่าขณะกำลังนั่งอยู่ด้านในได้ผ่านชั้นป้องกัน

ชายชราสวมชุดทะมัดทะแมงสีดำ บนไหล่ทั้งสองข้างมีลวดลายใบหญ้าสีเขียวสามใบอันงดงามประณีตซึ่งบ่งบอกถึงสำนักนทีครามติดอยู่ รูปร่างของเขาเองก็แข็งแรงกำยำเช่นกัน

ทว่าสิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดก็คือ ดวงตาสีดำสนิทข้างที่สามที่กำลังเปิดขึ้นกลางหว่างคิ้วของเขาอย่างช้าๆ

คนคนนี้เพียงนั่งอยู่ในยานบินก็มีสภาวะสูงส่งดั่งยอดเขาสูงและแข็งแกร่งไม่สั่นไหวดั่งภูผาแล้ว

ฟ้าว

แสงสีเงินอ่อนๆ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าค่อยๆ สว่างขึ้นบนผนังด้านในยานบิน

“ซ่าๆ…ผู้อาวุโส ด้านหน้าคือดวงดาวชายขอบของมารดาแห่งความเจ็บปวดขอรับ” เสียงบุรุษที่ใจเย็นดังมาจากด้านในแสงสีขาว ตามมาด้วยเสียงส่งสัญญาณรบกวนเบาๆ จึงทุ้มหูผิดปกติ

ดวงตาที่สามของชายชรากลายเป็นสีเงินแวบหนึ่ง

“ทุกคนเตรียมพร้อม จัดขบวนรูปวายุ ทั้งหมด! วิชาหอกทำลายล้าง!”

“ขอรับ!” เสียงสิบกว่าเสียงดังขึ้นจากในยานบินพร้อมกันทันที

กลางนภาดาว คลื่นโปร่งแสงหลายกลุ่มกระเพื่อมออกจากยานบินสีเขียวที่มีทั้งหมดสิบกว่าลำรวมถึงยานบินที่ชายชราอยู่ด้วย กลุ่มแสงสีดำอมเงินหลายกลุ่มที่ไม่เสถียรรวมตัวกันที่ปลายแหลมของพวกมันด้วยความเร็วสูง

“ยิง!”

เสียงตวาดดังขึ้นอย่างฉับพลัน

ฟ้าว!

กลุ่มแสงทั้งหมดกลายเป็นหอกยาวพรั่งพรูออกมาแทบจะในเวลาเดียวกัน หอกยาวสีดำอมเงินรวมตัวกันแล้วกลายเป็นหอกยาวขนาดยักษ์ที่ยาวหลายหมื่นหมี่

ตัวหอกปรากฏออกมากลางความว่างเปล่าในเสี้ยววินาทีเดียว ก่อนจะถูกยิงออกไปใส่ผิวดาวของดาวปรภพทันที

ดาวเคราะห์สีเหลืองเข้มปรากฏรอยดำขึ้นจุดหนึ่ง จากนั้นจุดดำก็ขยายขึ้นเรื่อยๆ

ตูม!

จุดดำระเบิดออกกลายเป็นเปลวไฟสีดำอมเงินกลุ่มหนึ่ง ดาวเคราะห์ระเบิดออกหนึ่งในหกส่วนเป็นอย่างน้อยจนเกิดช่องว่างช่องหนึ่งขึ้น

ยานบินสิบกว่าลำที่มีชายชราสามตาเป็นผู้นำพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวปรภพอย่างเหี้ยมหาญ

สำนักนทีครามบุกโจมตีดาวปรภพที่เจ็ดซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของมารดาแห่งความเจ็บปวดอย่างอหังการโดยไม่ได้ประกาศศึก

ไฟสงครามแทบจะลามไปทั่วระบบดาวปรภพในเวลาแค่สองสามวันสั้นๆ ดาวปรภพทั้งหมดสิบสามดวงมีอย่างน้อยสองดวงที่ระเบิดพินาศในวันแรก

ตอนที่ลู่เซิ่งเก็บร่องรอยที่เหลืออยู่จากการจุติออกมา ก็เป็นบ่ายของวันต่อมาแล้ว

เขาออกแบบค่ายกลรักษาอุณหภูมิอย่างง่ายๆ เพื่อรักษาอุณหภูมิในคฤหาสน์ของตัวเอง

จากนั้นก็ไปยังร้านค้าเล็กๆ ที่อยู่หน้าประตู เพื่อซื้อวัตถุดิบธรรมดาสำหรับติดตั้งค่ายกลขวางกั้นอย่างเรียบง่ายบางส่วน

ลู่เซิ่งใช้ค่ายกลผนึกคฤหาสน์ขนาดเล็กที่ตนซื้อไว้ในนครตราชั่งเรียบร้อยโดยใช้เวลาทั้งคืน

ถึงแม้จะเป็นเพราะว่าค่ายกลของเขาไม่ได้แข็งแกร่งอะไรอยู่แล้ว สิ่งที่ติดตั้งจึงเป็นค่ายกลที่มีคุณลักษณะธรรมดา แต่ก็ยังมีความสามารถในการผนึกเสียงและกลิ่นแบบทั่วๆ ไปอยู่

คฤหาสน์หลังนี้ผลาญเงินน้ำแข็งในมือเขาไปจนหมด ลู่เซิ่งคิดจะใช้ที่นี่เป็นฐานที่มั่นในการลงหลักปักฐานบนนครตราชั่ง

ถึงแม้เขาจะเข้าร่วมกับสาวกจันทราแดงแล้ว แต่ก็ไม่มีภารกิจอะไร เพียงแค่ต้องไปประชุมที่จันทราแดงเพื่อฟังหัวหน้าสาวกบรรยายกฎและคำสอนเดือนละครั้งก็พอ

หนึ่งเดือนของนครตราชั่งมีสี่สิบวัน มิหนำซ้ำยังไม่มีการแบ่งแยกว่าเดือนนั้นมีวันเยอะเดือนนี้มีวันน้อย หากแต่ใช้มาตรฐานเดียวกันหมด คือทุกๆ เดือนจะมีสี่สิบวันเหมือนกัน

วันทีสามหลังจากจบการจุติ ลู่เซิ่งก็ออกไปสืบข่าวไอรีนโนเวล

พลังอาวรณ์มีมากพอแล้ว แต่เขายังต้องการวัตถุดิบหลากหลายประเภทที่จำเป็นในการยกระดับอีก วัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับขั้นต่อไปของวิชาไร้ขอบเขตค่อนข้างหายาก ต้องเสาะหาอย่างละเอียด

ดีที่นครตราชั่งมีวัตถุดิบเยอะกว่าอย่างอื่น นอกจากพวกที่หายากเป็นพิเศษแล้ว ก็สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าที่ใหญ่เล็กน้อย

เพียงแต่หลังจากจุติไปหนึ่งครั้ง ลู่เซิ่งก็ได้ใช้เงินน้ำแข็งไปหมดแล้ว บวกกับสาวกจันทราแดงต้องการเงิน การซื้อวิชาฝึกฝนสายน้ำสีชาดเองก็ต้องการการสนับสนุนจากเงินน้ำแข็งจำนวนมากเช่นกัน เขาเลยต้องหาเงินเพิ่มอีกครั้ง

พอดีกับที่ใกล้ๆ คฤหาสน์ที่เขาซื้อวัตถุดิบ มีร้านค้าที่การค้าขายดีถึงขีดสุดอยู่ด้วยร้านหนึ่ง มันมีชื่อว่าตึกแปดวัตถุ ด้านในขายวัตถุดิบฝึกฝนหลากหลายที่จำเป็นสำหรับผู้บำเพ็ญ

ด้านหน้าประตูของตึกแปดวัตถุมีศาลากระจายข้อมูลอยู่แห่งหนึ่ง ด้านในประกาศข้อมูลสำคัญมากมายของนครตราชั่งไว้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แหล่งข้อมูลของลู่เซิ่งถูกปิดตาย แต่หลังจากพบที่แห่งนี้ เขาก็มักจะมาตรวจสอบเนื้อหาในศาลากระจายข่าวอยู่บ่อยๆ

วันที่สิบหลังจากกลับมา เวลาเช้าตรู่

ลู่เซิ่งได้หลอมรวมวิชามวยทำลายล้างในพริบตาจากการจุติเมื่อก่อนหน้านี้เข้ากับระบบร่างหลักของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้ว ในที่สุดขอบเขตมรรคายุทธ์ที่หยุดนิ่งมาโดยตลอดก็เลื่อนไปถึงระดับปรมาจารย์อย่างราบรื่น

เขาซึ่งรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ออกจากคฤหาสน์ไปนั่งในศาลากระจายข่าวที่อยู่ห่างออกไปด้านหน้าสามสิบหมี่ ดื่มเครื่องดื่มไปพลาง ตรวจสอบหนังสือพิมพ์และใบปลิวทุกประเภทที่วางอยู่ในศาลากระจายข่าวไปพลาง

ผู้อยู่อาศัยที่เหมือนเขามีอยู่ไม่น้อย แต่ผู้อยู่อาศัยในนครตราชั่งแตกต่างจากคนอื่นๆ ตรงที่อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายสิบปี หรือกระทั่งหลายร้อยปี การพูดคุยสนทนาจึงเป็นไปอย่างผ่อนคลาย

ต่อให้มีคนที่ซื้อคฤหาสน์ด้านหลังเพื่อเข้าร่วมกับนครตราชั่งเหมือนกับเขา จำนวนก็มีน้อยมากอยู่ดี

คนที่หาเงินจำนวนมากมาซื้อคฤหาสน์ได้ มากกว่าเก้าส่วนเป็นคนแก่ชราที่อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว

พอลู่เซิ่งนั่งลงก็ให้เด็กรับใช้ยกน้ำแกงพุทราแช่แข็งสองถ้วยมาทันที จากนั้นก็เอาหนังสือพิมพ์นครตราชั่งและใบปลิวโฆษณาของวันนี้ตั้งหนึ่งมาวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับเริ่มคัดเลือกงานหาเงินหลากหลายประเภทที่เหมาะสมกับตัวเอง

การอยู่ในนครหลวงแห่งนี้จะทำตัวไม่เกรงกลัวใครเหมือนตอนอยู่นอกเขตไม่ได้ ที่นี่มีการตรวจตราที่เข้มงวดถึงขีดสุด อำนาจระดับบนมีพลังแข็งแกร่ง นอกจากนั้นเครือข่ายการตรวจตรากับเครือข่ายการเฝ้าระวังยังรัดกุมสุดเปรียบปานจนไม่เห็นช่องโหว่ใดๆ

ลู่เซิ่งคิดจะทำงานมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายอย่างถูกต้อง

‘ผู้เก็บรวบรวมวิญญาณโลหิต: มุ่งหน้าไปเก็บเกี่ยวและสกัดวิญญาณโลหิตที่ดาวเคราะห์ชายขอบของนครตราชั่งสิบครั้งต่อเดือน ค่าจ้างคือเงินน้ำแข็งสามพันต่อปี จ่ายสดทุกๆ หนึ่งปี’

‘สะกดวิญญาณร้าย: จุดรั่วไหลขนาดใหญ่ของวิญญาณร้ายห้าแห่งในเมืองต้องการกำลังคน รับสมัครยอดฝีมือไปช่วยเหลือ ค่าจ้างคือเงินน้ำแข็งห้าพันต่อเดือน สินสงครามแบ่งตามผลงาน’

‘กองทัพหมื่นน้ำค้างรับสมัคร…’

‘กองทัพธาราใสรับสมัคร…’

“สมาพันธ์การค้าอ้ายลาขอเชิญชวน…”

ใบปลิวโฆษณาหลายแผ่นถูกลู่เซิ่งวางลงด้านข้างอย่างต่อเนื่อง ใบปลิวพวกนี้ถ้าไม่ใช่ค่าตอบแทนต่ำเกินไป ก็เพราะอยู่ไกลเกินไป ไม่สะดวกเวลากลับนครหลวง

หนำซ้ำจุดเด่นที่ดีที่สุดของลู่เซิ่งในตอนนี้ยังเป็นวิชาแพทย์ ถ้าหากเจองานที่ใช้วิชาแพทย์ได้ คงจะหาเงินน้ำแข็งได้มากกว่าเดิม

“ว่ากันว่าดาวปรภพที่เจ็ดถูกทำลายไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่” เสียงพูดคุยของผู้อยู่อาศัยหลายคนที่อยู่ใกล้ๆ ลอยเข้าหูลู่เซิ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ

“สำนักนทีครามร้ายกาจจริงๆ เจ้าสำนักเก่งกาจและเป็นจอมวางแผน เบื้องล่างเองก็พรั่งพร้อมด้วยคนมีความสามารถ แต่ละปีรับสมัครคนตั้งหลายคน หากไม่คิดขยายอิทธิพลสิแปลก”

“แต่ครั้งนี้โหดไปบ้างจริงๆ ดาวเคราะห์ตั้งหลายดวง บอกทำลายก็ทำลายทิ้งเสียแล้ว ได้ยินว่าหนึ่งในรองเจ้าสำนักสามคนของสำนักนทีครามลงมือด้วยตัวเองเชียวนะ”

คนที่คุยกันเป็นคนหนุ่มสาวที่แต่งกายไม่เลว แต่พลังฝึกปรือไม่เอาอ่าว นครตราชั่งมีเงื่อนไขการตรวจสอบเข้มงวดจริงๆ แต่ผู้อยู่อาศัยอย่างเป็นทางการที่ผ่านการตรวจสอบก็เป็นผู้ที่มีครอบครัวเช่นกัน และครอบครัวเหล่านี้ก็ติดตามเข้ามาด้วย แม้จะไม่ได้รับสวัสดิการของผู้อยู่อาศัยอย่างเป็นทางการ แต่ก็สามารถพักอาศัยในระยะยาวได้

คนพวกนี้มีพลังฝึกปรือไม่เท่าไหร่ ทว่ากลับพูดทุกอย่างโดยไม่นำพา ซึ่งความจริงคนแบบนี้มีสัดส่วนมากที่สุดในนครตราชั่ง

“ผู้ยิ่งใหญ่มายาพิศวงเหล่านี้อยู่มาหลายหมื่นปี ไม่เกรงกลัวสิ่งใดจริงๆ อยากลงมือก็ลงมือทันที ไม่เห็นแก่บารมีของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย หรือไม่กลัวว่าพวกเขาสองฝ่ายจะเปิดศึกเต็มกำลัง”

“คิดมากไปแล้ว ความสามารถขอบเขตมายาพิศวง โดยเฉพาะมารสวรรค์ หากหามิติรูปจิตของอีกฝ่ายไม่เจอ ก็อย่าได้คิดฆ่าให้ตายเลย”

พวกเขาผลัดกันพูดผลัดกันกล่าวอย่างสบายๆ

ตอนแรกลู่เซิ่งยังนึกฉงน ข้อมูลสำคัญแบบนี้ เหตุใดคนพวกนี้ถึงไม่ใช่การส่งกระแสเสียงคุยกัน

แต่รอหลังจากนั้นก็มีลูกค้าอีกสองสามโต๊ะคุยเรื่องใหญ่เรื่องนี้เหมือนกัน ลู่เซิ่งจึงเข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอยู่แล้ว หากมีคนจงใจปล่อยข่าวออกมาแต่แรก

สำนักนทีครามอยู่ไกลจากที่นี่มาก แต่ข่าวยังส่งมาเร็วขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเบื้องหลังจะต้องมีคนจงใจผลักดันแน่นอน ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นอะไร แต่ต้องมีเลศนัยแน่

เขาสงบจิตใจ หลักพลิกอ่านข่าวสารสักพัก ก็ยังไม่เจองานที่เหมาะสม

ลู่เซิ่งนึกถึงมีดสั้นที่หมีก่วงอิงมอบให้ตน

ตอนกลับมาเขาไม่ได้ใช้มีดเล่มนี้ เพราะกลัวว่าถ้าทะเล่อทะล่าเข้าไปอาจจะเจออันตรายได้

นอกจากนั้น เขาก็จำเป็นต้องตรวจสอบชื่อสมาคมธวัชเหล็กมากกว่านี้เช่นกัน

ทว่าในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายเข้าไปถามไถ่เอง หรือว่าพลิกหาจากหนังสือพิมพ์ทุกประเภทก่อนหน้านี้

ก็ไม่มีใครรู้จักสมาคมธวัชเหล็กที่ว่านี้สักคน

งานยังหาไม่เจอ กลับได้ยินข่าวมากมายที่สำนักนทีครามเปิดศึกกับมารดาแห่งความเจ็บปวดโดยบังเอิญเข้า

ลู่เซิ่งวางโฆษณาในมือลง ในใจพอจะเดาได้คร่าวๆ แล้วว่าอะไรทำให้สำนักนทีครามเล็งเป้าไปที่มารดาแห่งความเจ็บปวด

หลังจากเขาวางแผนหลอกอสูรอินทรีราชสีห์แปดเศียร หอฟ้าเมฆาก็ถูกทำลายไปพร้อมดาวเคราะห์ทั้งดวง สำนักนทีครามยอมเลิกราสิถึงจะแปลก คาดว่าเรื่องนี้คงจะเป็นชนวน กอปรกับสองฝ่ายมีการกระทบกระทั่งกันไม่น้อยอยู่แล้ว จึงเปิดศึกอย่างกะทันหัน

เพียงแต่การเปิดศึกครั้งนี้กลับทำให้ลู่เซิ่งเป็นห่วงครอบครัวและเหล่าบริวารที่อยู่บนดาวปรภพอยู่บ้าง

ลู่เซิ่งนั่งอยู่ในศาลากระจายข่าวอีกสักพัก วันนี้ยังไม่มีผลลัพธ์อะไร ขณะกำลังจะลุกขึ้นเพื่อกลับไปนั่นเอง

ผู้รับใช้คนหนึ่งในศาลากระจายข่าวกลับเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง

“นายท่าน ดูจากข้อมูลลงทะเบียน ท่านค่อนข้างมีประสบการณ์ในงานสายแพทย์ใช่หรือไม่ขอรับ”

ลู่เซิ่งพยักหน้า เขาต้องการหางาน ก่อนหน้านี้จึงได้ลงทะเบียนที่ศาลากระจายข่าวแห่งนี้เพื่อบันทึกจุดเด่นของตัวเอง เกิดว่าศาลากระจายข่าวมีงานอะไร จะได้ช่วยจัดสรรหน้าที่ที่เหมาะสมให้

นี่นับว่าเป็นการลงทุนช่วยเหลือพิเศษอย่างหนึ่งของหอแปดวัตถุ

“มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องการรับสมัครผู้มีความสามารถที่มีผลงานด้านสายการแพทย์อยู่ขอรับ ค่าตอบแทนอู้ฟู่มาก ถ้าหากนายท่านต้องการ ลองดูเงื่อนไขหน่อยเป็นอย่างไรขอรับ” ผู้รับใช้คนนี้ส่งรายการมาให้ลู่เซิ่ง

……………………………………….

Options

not work with dark mode
Reset