ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 638 ย้อนกลับ (2)

บทที่ 638 ย้อนกลับ (2)

บทที่ 638 ย้อนกลับ (2)

ลู่เซิ่งหัวเราะ ผลลัพธ์ของเขาบนโลกใบนี้นับว่าอุดมสมบูรณ์ แค่แกนหลักแห่งเก๋อซาเม็ดเดียวก็คุ้มค่ามากแล้ว แต่ผลพลอยได้มากกว่านั้นกลับอยู่ที่เด็กๆ สองคนตรงหน้า

โลกใบนี้คล้ายกับโลกใบเดิมมากจนทำให้ลู่เซิ่งมักจะสับสนว่า ตนเองกลับมาโลกที่เคยอยู่รึเปล่า

หลังจากมาอยู่อาศัย ความเสียดายบางส่วนของเขาบนโลกใบเดิมก็ได้รับการปลอบประโลมอย่างไม่รู้ตัว

ทว่าการดำรงอยู่ของแกนหลักแห่งเก๋อซาทำให้เขาทราบว่า ที่นี่เพียงแค่คล้ายกับโลกใบเดิมเท่านั้น

“พวกเธอ…เป็นเด็กดีทั้งคู่…ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ กลับมาอยู่กับพวกเธอ ต่อจากนั้นก็จะไม่ไปไหนอีกแล้ว”

เขาได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว ส่วนตัวแทนของตู้สยง เขาเพียงแค่ต้องใช้วิชาจิตโน้มนำแก้ไขความทรงจำของตู้สยงเพื่อให้สมเหตุสมผลขึ้นนิดหน่อยก็พอ

พอเป็นแบบนี้ ต่อให้ลู่เซิ่งจากไป ขุมกำลังและทรัพยากรที่ทิ้งไว้ให้ตู้สยงจะทำให้เขาไร้เทียมทานบนโลกใบนี้

แม้ว่าร่างคงกระพันสูงสุดของกายเนื้อกับวิชามวยทำลายล้างในพริบตาจะถูกลู่เซิ่งดูดไปด้วย แถมยังจะอ่อนแอลงเพราะขอบเขตมรรคายุทธ์ที่ไม่มากพอ กระนั้นลู่เซิ่งก็ได้ทิ้งกายเนื้อร่างนี้ที่มีพลังป้องกันตัวบางส่วนเอาไว้

“ไม่ต้องห่วง พี่จะกลับมาแน่” ลู่เซิ่งปลอบ “เพียงแต่หลังจากพี่ไป พวกเธอต้องดูแลพ่อกับแม่ให้ดี ถ้ามีเรื่องอะไร ให้ไปหาพวกพี่โจวนะ”

“อื้อ” ตู้เซี่ยเงียบลงเล็กน้อย ก่อนจะตอบรับ

ลู่เซิ่งยื่นมือไปลูบผมของเด็กทั้งสองพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น

ต่อจากนี้ ขึ้นอยู่กับตัวตู้สยงเองแล้ว

แน่นอนว่าจิตวิญญาณของตู้สยงได้หลอมรวมเข้ากับร่างหลักของลู่เซิ่งแล้ว แต่ขอแค่สมองและกายเนื้อยังอยู่ ลู่เซิ่งก็สามารถใช้วิชาจิตโน้มนำเปลี่ยนแปลงความทรงจำและสร้างตู้สยงที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้

จิตวิญญาณใหม่ซึ่งถือว่าได้เกิดใหม่เป็นครั้งแรก

การปั้นจิตวิญญาณเป็นหนึ่งในผลพลอยได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ลู่เซิ่งได้จากโลกใบนี้ เขาเข้าใจโครงสร้างหลักของจิตวิญญาณอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

โครงสร้างการทำงานในแกนหลักแห่งเก๋อซาที่ได้มาทำให้เขารู้จักจิตวิญญาณอย่างแท้จริง

เนื่องจากแกนหลักแห่งเก๋อซาสร้างเก๋อซาผู้มีความสามารถพิเศษแข็งแกร่งจำนวนมากออกมาด้วยการเติมพลังแห่งเก๋อซาเข้าไปอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกโครงสร้างชนิดนี้

หลังออกจากคาเฟ่ ลู่เซิ่งก็ไปพบพวกโจวเฉวียนอู่และหงส์จักรพรรดิ พวกเขาที่ได้รับการขจัดพลังแห่งเก๋อซายังคงมีสารกายจำนวนมหาศาลที่ลู่เซิ่งมอบให้ เป็นสารกายที่เติมด้ายกระตุ้นวิญญาณเข้าไปในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้กายเนื้อของเขาอยู่ในสภาพสูงสุดที่เต็มไปด้วยกำลังวังชาตลอดเวลา

ขอแค่ต่อจากนี้ไม่ใช้เปลืองเกินไป คนพวกนี้อย่างน้อยที่สุดจะมีชีวิตถึงขีดจำกัดอายุขัยที่ยีนรองรับโดยไม่เจ็บไม่ป่วย

นี่เป็นประสิทธิผลอันแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นจากการใช้แกนหลักแห่งเก๋อซาร่วมกับด้ายกระตุ้นวิญญาณ

ลู่เซิ่งบอกแผนการที่จำเป็นต้องทำหลังจากเขาจากไปให้ทุกคนรู้อย่างละเอียด จากนั้นก็ไปตรวจสอบคลังใหญ่ทั้งเก้าอีกรอบ หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีพลังอาวรณ์ตกหล่นอีก จึงค่อยมุ่งหน้าไปยังทุ่งหญ้ายักษ์ที่นาฬิกาเทพเคยอยู่

หมีก่วงอิงที่อยู่ที่นั่นเพิ่งจะจากไปไม่นาน เลยฉีกมิติได้ง่ายขึ้น ความสิ้นเปลืองที่จำเป็นก็ลดน้อยลงกว่าเดิมมากเช่นกัน

สามวันต่อมา

ลู่เซิ่งโยนมีดแกะสลักสั่งทำพิเศษในมือทิ้ง ขณะมองดูค่ายกลยักษ์ที่ปรับให้ดีขึ้นเรียบร้อยแล้วบนพื้น

เขาโบกมือเบาๆ

คริสตัลสีดำจำนวนมากลอยขึ้นจากรถบรรทุกด้านหลัง แล้วลอยเข้าไปในช่องว่างของลวดลายค่ายกลทันที

ช่องว่างเหล่านี้เป็นตำแหน่งที่เหลือไว้ให้คริสตัลสีดำโดยเฉพาะ

ลู่เซิ่งที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เดินไปยังกลางค่ายกล แล้วก็นั่งลงขัดสมาธิพร้อมกับหลับตา

เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิดๆ…

ซู่…

อยู่ๆ ร่องแยกสีดำสายหนึ่งก็เปิดออกบนหน้าผากของเขา กลุ่มแสงสีดำขนาดเท่ากำปั้นกลุ่มหนึ่งลอยออกมาจากด้านในแล้วตกลงพื้น มีลักษณะเหมือนร่างหลักของลู่เซิ่ง

เขายื่นมือออกมาชี้ ร่องแยกบนหน้าผากตู้สยงปิดลงอย่างฉับพลัน สมานตัวและหายไปด้วยความเร็วสูง

จากนั้นด้ายกระตุ้นวิญญาณก็พุ่งเข้าไปในหัวใจของอีกฝ่าย เพื่อรักษาพลังชีวิตของกายเนื้อเอาไว้

จิตวิญญาณของตู้สยงในตอนนี้ไม่อยู่แล้ว นับว่าอยู่ในสภาพสมองตายโดยสมบูรณ์ แต่ถึงแม้ว่าสมองจะไม่มีความนึกคิดอีก กลับยังคงทำงานได้ตามปกติ

‘ถึงเวลาปั้นจิตวิญญาณแล้ว’ ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่าร่างกายของตู้สยงกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่ควบคุมไม่ได้อย่างหนึ่ง จึงรีบงอนิ้วดีดออก

เปลวเพลิงสีเขียวจุดหนึ่งพุ่งออกไปอย่างฉับพลัน ก่อนจะหายไปในหว่างคิ้วของตู้สยง

‘จิตวิญญาณๆ…สิ่งมีชีวิตมีสามสมบัติคือ สารกาย ปราณ และจิต บันทึกของลัทธิเต๋ามีเหตุผลจริงๆ การบริโภคสารอาหารเข้าไปในตอนแรกสุดคือการใช้เครื่องจักรอย่างกายเนื้อเปลี่ยนวัตถุภายนอกให้กลายเป็นพลังงาน’

ลู่เซิ่งมองดูไฟหยินจุดแรกระเบิดออกในร่างของตู้สยงขณะควบคุมให้กายเนื้อของตู้สยงดูดซับกายเนื้อของร่างคงกระพันสูงสุด เพื่อเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแก่นพลังจำนวนมาก

‘หลังจากเปลี่ยนแก่นพลังออกมาแล้ว ค่อยใช้กายเนื้อเผาผลาญเป็นพลังงานปราณ หรือก็คือการจุดไฟชีวิตขึ้น ปราณผลักดันอวัยวะและเนื้อเยื่อ ทำให้กายเนื้อทำงานอย่างต่อเนื่องเหมือนกับเครื่องจักร เซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะจำนวนมากที่ทำงานจะสร้างความปรารถนาต่างๆ ขึ้นตามสัญชาตญาณ ความปรารถนาเหล่านี้จะผสมกันกลายเป็นสนามชีวิตที่ยิ่งใหญ่หรือสนามพลังจิตชนิดหนึ่ง นี่ก็คือจิต’

ลู่เซิ่งขยับนิ้ว ไฟหยินที่เพิ่งหายเข้าไปในตัวตู้สยงกลุ่มนั้นพุ่งออกมาหล่นลงบนปลายนิ้วของเขา

ไฟหยินกลุ่มนี้ถูกย้อมเป็นสีดำดุจหมึกโดยสมบูรณ์ ใจกลางเต้นอย่างช้าๆ เหมือนกับหัวใจ ดูราวกับสิ่งมีชีวิต

‘จิตคือสิ่งที่สะท้อนกายเนื้อ เป็นส่วนขยาย และเป็นการรวมกันของเซลล์ ความปรารถนา และความต้องการจำนวนนับไม่ถ้วน และมีแต่การทำให้ความต้องการพื้นฐานสมบูรณ์จนกลายเป็นนายของตัวเองได้อย่างแท้จริงเท่านั้น จิตจึงจะยกระดับเป็นจิตวิญญาณ ทั้งจิตและจิตวิญญาณ…ร่างกายคือบ่อกำเนิด แต่หลังจากยกระดับแล้ว จิตจะเป็นตัวตัดสินทุกอย่างของกายเนื้อดังนั้นหากต้องการจะปั้นจิตวิญญาณขึ้น อันดับแรกต้องเริ่มจากกายเนื้อ…จิตคือตัวสะท้อนกายเนื้อ และกายเนื้อจะเหลือรอยตราประทับนับไม่ถ้วนตามเวลาที่ผ่านไป…ร่องรอยรอยตราประทับพวกนี้จะทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงและเกิดความแตกต่างเล็กๆ ขึ้น เซลล์หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงและสนามชีวิตเกิดความปรารถนาที่รวมตัวกัน ก็คือความทรงจำนั่นเอง…”

ลู่เซิ่งยื่นมือออกมา เปลวเพลิงสีเขียวอ่อนลุกไหม้ขึ้นกลางฝ่ามือ เขาโคจรวิชาจิตโน้มนำอย่างฉับพลัน วิชาจิตโน้มนำที่มีระดับมากกว่าพันไม่ได้สะกดจิตตัวดวงจิตโดยตรง หากส่งผลต่อเซลล์นับไม่ถ้วนของกายเนื้อ นี่จึงเป็นความแข็งแกร่งของวิชาจิตโน้มนำวิชานี้

แหล่งที่มาของไฟหยินคือไฟชนิดพิเศษที่ใช้สกัดสิ่งเจือปนในปราณมารของสำนักมารกำเนิด แต่ว่าเปลวไฟชนิดนี้เผาไหม้จิตวิญญาณได้เช่นกัน ความเสียหายที่ทำต่อวัตถุกลับไม่มากเท่ากับจิตวิญญาณ

ดังนั้นลู่เซิ่งจึงใช้มันมาเผาสกัดร่างคงกระพันสูงสุด เพื่อสกัดกายเนื้อที่แข็งแกร่งนี้ให้กลายเป็นแกนพลังบริสุทธิ์ทีละนิดๆ ร่างหลักจะได้ดึงออกไปได้

จากนั้นก็สลักร่องรอยความทรงจำมากมายลงบนกายเนื้อของตู้สยงโดยใช้ไฟหยิน

‘กายเนื้อให้กำเนิดจิตวิญญาณ จิตวิญญาณกลับเป็นนายของกายเนื้อ มีแต่การยกระดับจิตวิญญาณอย่างไม่หยุดยั้งเท่านั้นถึงจะมีผลต่อชีวิตและเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กายเนื้อได้

สิ่งมีชีวิต…เหมือนกับเครื่องจักรที่ละเอียดอ่อนถึงขีดสุด ชิ้นส่วนประกอบทุกชนิด การให้กำเนิดพลังงานและการยกระดับพลังงานของเครื่องจักรทุกชนิด จะเพิ่มจุดเด่นให้แก่ตัวเอง…ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ…”

ลู่เซิ่งมีความเข้าใจหลายร้อยระดับต่อวิชารักษาที่มีแบบแผนอยู่แล้ว พอบวกกับพลังฝึกปรือของตัวเองที่เหี้ยมหาญถึงขีดสุด จึงควบคุมกายเนื้อของตู้สยงได้อย่างหมดจด

เขาปั้นจิตวิญญาณด้วยการปรับปรุงร่องรอยกายเนื้อเพื่อแก้ความทรงจำ แล้วค่อยใช้ไฟหยินปรับแต่งสภาพจิตวิญญาณอย่างละเอียด…

ไม่นานนัก ตู้สยงคนใหม่ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาและค่อยๆ ลืมตาขึ้น

“จงดูแลพวกเขาแทนฉัน” ลู่เซิ่งมองตู้สยงตรงหน้าพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“น้อมรับคำสั่ง!” ตู้สยงก้มหน้าขานตอบอย่างจริงจัง

หากจะกล่าวให้ถูกต้อง เขาคือสิ่งประดิษฐ์ที่ลู่เซิ่งสร้างขึ้นจากศูนย์ เป็นชีวิตใหม่ที่กายเนื้อของตู้สยงให้กำเนิด เพียงแต่มีความทรงจำและลักษณะนิสัยทั้งหมดของตู้สยงก็เท่านั้น

หนำซ้ำเนื่องจากไฟหยิน ลู่เซิ่งจึงมีอำนาจควบคุมที่เด็ดขาดต่อตู้สยงที่อยู่ตรงหน้า เขาได้ทิ้งประตูกลหลายบานไว้บนกายเนื้อและในจิตวิญญาณของตู้สยง โดยเขาสามารถเปิดได้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

ขอแค่ลู่เซิ่งต้องการ ก็จะควบคุมตู้สยงทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณได้ทันที

“ถ้าอย่างนั้น ต่อจากนี้ขอฝากด้วยล่ะ” ลู่เซิ่งพยักหน้า แล้วกลืนไฟหยินที่ดูดซับแก่นพลังทั้งหมดจากร่างคงกระพันสูงสุดในคราวเดียว

“ไม่ต้องห่วงครับ…” ตู้สยงผุดสีหน้าอาลัยอาวรณ์ ลู่เซิ่งที่สร้างเขาขึ้นมาคือพ่อแม่บังเกิดเกล้า ทุกสิ่งทุกอย่างของเขามาจากลู่เซิ่ง ดังนั้นจิตที่ให้กำเนิดออกมานี้จึงสร้างอารมณ์อาลัยอาวรณ์ขึ้นโดยสัญชาติญาณจากความเกี่ยวข้องนี้

ลู่เซิ่งหัวเราะ เขาไม่ได้ทิ้งมรรคายุทธ์ใดๆ เอาไว้ ร่องรอยพลังทั้งหมดถูกไฟหยินลบทิ้งไปหมดแล้ว กายเนื้อสลายไปด้วยเช่นกัน จิตวิญญาณเองก็เป็นของใหม่ ตู้สยงในตอนนี้เหมือนกับก่อนที่เขาจะจุติมาไม่ผิดเพี้ยน

สิ่งที่ต่างไปจากเดิมเพียงหนึ่งเดียวคือเขามีความทรงจำระยะสั้นๆ ในช่วงเวลานี้เพิ่มมา

ซู่…

ธารแสงสีดำหลายสายเริ่มสว่างขึ้นในค่ายกลใหญ่บนพื้นอย่างช้าๆ

“ขอมอบของขวัญให้เป็นอย่างสุดท้าย” ลู่เซิ่งคิดครู่หนึ่ง จากนั้นตาก็เรืองแสงที่น่าอัศจรรย์น้อยๆ

พลังแห่งจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่สุดลอยออกจากตัวของเขาอย่างฉับพลัน ก่อนจะหายเข้าไปในหว่างคิ้วของตู้สยงทันที

จิตวิญญาณนี้มีน้อยเป็นอย่างยิ่ง อย่าว่าแต่เทียบกับลู่เซิ่งที่เป็นเจ้าแห่งอาวุธระดับมารสวรรค์ ต่อให้เป็นคนธรรมดา จิตวิญญาณแค่นี้ก็มีจำนวนน้อยนิดจนน่าสงสารเช่นกัน

แต่ตู้สยงที่ได้รับจิตวิญญาณนี้มากลับมีพลังจิตที่เหนือกว่าและมีกำลังวาชาที่เต็มเปี่ยมกว่าคนธรรมดา จำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านตาได้ สมรรถภาพทางกายยิ่งไม่ต้องพูดถึง

แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ชิ้ง!

แสงสีดำจำนวนมากรวมตัวกันที่จุดหนึ่ง ก่อนจะพุ่งขึ้นด้านบนอย่างฉับพลัน ร่องแยกสีเทาสายหนึ่งฉีกขาดออกกลางอากาศ

ลู่เซิ่งยิ้มพลางชักมือกลับ แล้วหมุนตัวกลายเป็นเส้นสีดำหายเข้าไปในร่องแยกทันที

ร่องแยกสลายไปอย่างรวดเร็ว คริสตัลค่ายกลบนพื้นพากันแหลกเป็นผุยผง

ตู้สยงที่ยืนอยูด้านนอกค่ายกลมองลู่เซิ่งที่จากไป จากนั้นก็หมุนตัวขึ้นรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เขาขับรถกลับเข้าไปในเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วโดยสารเครื่องบินกลับเมืองต้นบุปผาเงียบๆ

พริบตาที่เข้าบ้าน ความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับพลังเหนือธรรมชาติของลู่เซิ่ง รวมถึงเรื่องค่ายกลซึ่งเขาได้เห็นเมื่อครู่ก็หายไปจากสมอง

นี่เป็นประตูกลความทรงจำที่ลู่เซิ่งทิ้งไว้เป็นอย่างสุดท้าย

‘ดีปบลู!’ กระแสอากาศสีรุ้งนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านร่างเขาไป ตัวของลู่เซิ่งหมุนด้วยความเร็วสูง ไฟหยินจำนวนมากแผ่กระจายออกมารอบๆ คอยปกป้องเขาขณะพุ่งเข้าหาร่องแยกสีเทาในตอนแรก

ยังเหลือเวลาอีกไม่น้อยกว่าจะไปถึงทางออกร่องแยก แต่ลู่เซิ่งในตอนนี้ค่อยๆ อ่านอินเตอร์เฟสดีปบลูที่ตนเปิดอยู่

ขณะที่อ่าน มุมปากของเขาก็ค่อยๆ แยกออกอย่างมิอาจควบคุมได้ รอยยิ้มฉีกกว้างเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหู เป็นเหตุให้ฟันแหลมเหมือนเลื่อยที่น่ากลัวค่อยๆ โผล่ออกมา

“ฮ่าๆๆๆๆๆ!” ทันใดนั้นเขาเงยหน้าหัวเราะลั่น ปราณมารอันเป็นเงาดำมากมายแผ่ตลบอบอวลออกมาด้านหลังเขาเหมือนกับเงามารที่บิดเบี้ยว

บนอินเตอร์เฟซดีปบลูที่ส่ายไปมาตามเสียงหัวเราะ ระบุจำนวนพลังอาวรณ์ไว้อย่างชัดเจนว่า: 14,610,000 หน่วย

……………………………………….

Options

not work with dark mode
Reset