มรรคาสู่สวรรค์ 179 กระบี่เหล็กยังอยู่

ตอนที่ 179 กระบี่เหล็กยังอยู่

เบื้องบน​เบื้องล่าง​และ​ทิศ​ทั้ง​สี่เรียก​ว่า​อวี่​ กาลเวลา​นับแต่​อดีต​มาจนถึง​ปัจจุบัน​เรียก​โจ้ว[​1]

กระบี่​ที่​สามารถ​สะบั้น​เวลา​และ​ความว่างเปล่า​ มัน​จึงมีนาม​ว่า​คม​จักรวาล​

ชื่อ​นี้​ช่างอหังการ​ยิ่งนัก​

ทุกคน​ที่อยู่​ใน​สวน​จิ้งหยวน​ต่าง​ตกใจ​ จัว​หรู​ซุ่ย​ยิ่ง​ตกตะลึง​จน​พูดไม่ออก​

ศิษย์​ชิงซาน​ทุกคน​ล้วนแต่​ทราบ​เรื่องราว​ของ​กระบี่​เหล็ก​ของ​จิ๋งจิ่ว​เล่ม​นี้​

ใน​อดีต​ตอนนี้​อาจารย์​เซียน​ม่อ​แห่ง​ยอดเขา​ซื่อ​เยวี่ย​เดิน​มาถึงปลายทาง​ของ​การ​บำเพ็ญพรต​ เขา​ตัดสินใจ​คืน​กระบี่​สู่ชิงซาน​

เขา​คัดลอก​หนังสือ​อยู่​บน​ยอดเขา​มาเป็นเวลา​ร้อย​กว่า​ปี​ สภาวะ​มิได้​สูงส่งอะไร​ ชื่อเสียง​เอง​ก็​มิได้​โดดเด่น​ ตาม​หลัก​แล้ว​ เขา​ทำได้​เพียงแค่​ทิ้ง​ความ​โศกเศร้า​เล็กๆ น้อยๆ​ เอาไว้​ใน​ชิงซาน​เท่านั้น​ จากนั้น​ก็​จะค่อยๆ​ ถูก​คน​ลืมเลือน​ไป​ แต่​ใน​ตอนที่​เขา​มาถึงด้านนอก​ยอดเขา​ซื่อ​เย​วี่ย​ เขา​บังเอิญ​เจอ​กับ​ศิษย์​ที่​เพิ่ง​เข้า​สำนัก​มาใหม่​ ซึ่งจิ๋งจิ่ว​ก็​อยู่​ใน​นั้น​ด้วย​

ตอนนั้น​ไม่รู้​เพราะเหตุใด​ จู่ๆ จิ๋งจิ่ว​ก็​ถามออก​ไป​ว่า​ “กระบี่​ของ​ท่าน​เป็น​อย่างไรบ้าง​?”

อาจารย์​เซียน​ม่อ​บอ​กว่า​ตัวเอง​ไม่ได้​ใช้มัน​มานาน​มาก​แล้ว​ ใน​น้ำเสียง​แฝงเอาไว้​ด้วย​ความเสียใจ​

จิ๋งจิ่ว​บอ​กว่า​ถ้าอย่างนั้น​ให้​ข้า​ลองดู​ได้​ไหม​?

……

……

จิ๋งจิ่ว​ตัดสินใจ​สืบทอด​กระบี่​เล่ม​นั้น​

หลาย​คนใน​ชิงซาน​ต่าง​คิด​ว่า​นี่​เป็นเรื่อง​ที่​เพ้อฝัน​สิ้นดี​ เพราะ​อาจารย์​ม่อ​เอา​กระบี่​เหล็ก​เล่ม​นี้​ไป​วาง​ไว้​ใน​จุด​ที่สูง​มาก​บน​ยอดเขา​กระบี่​

ยิ่งไปกว่านั้น​กระบี่​เหล็ก​เล่ม​นี้​ก็​ธรรมดา​ มิได้​มีอะไร​พิเศษ​

ที่​จิ๋งจิ่ว​ตัดสินใจ​ใช้กระบี่​เล่ม​นี้​ เป็น​เพราะ​กระบี่​เหล็ก​เล่ม​นี้​มีความ​กว้าง​ สามารถ​นั่ง​อยู่​บน​กระบี่​ได้​อย่าง​สบาย​ๆ ยิ่งไปกว่านั้น​เขา​รู้สึก​ว่า​ใน​เมื่อ​กระบี่​เล่ม​นี้​รับใช้​ชิงซาน​มาชั่วชีวิต​อย่าง​เงียบๆ​ เหมือน​อย่าง​ศิษย์​หลาน​ม่อ​ เช่นนั้น​มัน​ก็​น่าจะ​มีวันที่​ได้​ฉายแสง​เจิดจ้า​

เพื่อ​กระบี่​เหล็ก​เล่ม​นี้​ จิ๋งจิ่ว​เดิน​ขึ้นไป​บน​ยอดเขา​กระบี่​ พบ​เจอ​เรื่องราว​มากมาย​ที่นั่น​ อย่างเช่น​เจ้าล่า​เยวี่ย​และ​กระบี่​เหล็ก​เล่ม​นี้​ จากนั้น​ก็​มาถึงวันนี้​

กระบี่​เหล็ก​เล่ม​นี้​ไม่มีอะไร​พิเศษ​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ อย่า​ว่าแต่​จะไป​เทียบ​กับ​กระบี่​ของ​เจ้าแห่ง​ยอดเขา​เลย​ กระทั่ง​กระบี่​ของ​เหล่า​ศิษย์​ยอดเขา​เหลี่ยง​ว่าง​ก็​ยัง​เหนือกว่า​มัน​ด้วยซ้ำ​

ไม่มีใคร​รู้​ถึงเรื่องราว​ที่เกิด​ขึ้นกับ​กระบี่​เล่ม​นี้​ใน​ภายหลัง​

ใน​งาน​ประลอง​วิถี​พรต​ของ​งาน​ชุมนุม​เหมย​ฮุ่ย​ เขา​ถูก​ขัง​อยู่​ใน​ที่ราบ​หิมะ​ หนาวเย็น​เสียด​กระดูก​ จิ๋งจิ่ว​เผาผลาญ​ปราณ​กระบี่​ ใช้กระบี่​เหล็ก​เล่ม​นี้​เป็น​เหมือน​คบเพลิง​ ส่องสว่าง​ภายใน​ถ้ำ แล้วก็​ให้​ความอบอุ่น​แก่​ไป๋​เจ่าที่อยู่​ใน​รัง​ไหม​ฟ้า เท่ากับ​ว่า​มัน​ถูก​ชุบ​แข็ง​มาเป็นเวลา​หก​ปี​ ตอน​ที่อยู่​ใน​คุก​สะกด​มาร​ กระบี่​เหล็ก​จมอยู่​ใน​ใต้​บึง​สีเขียว​ซึ่งเป็น​กระเพาะ​ของ​ชางหลง​ แช่อยู่​ใน​น้ำ​ที่​เป็นพิษ​อย่าง​รุนแรง​เป็นเวลา​สามปี​เต็ม​

ที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​เวลา​ส่วนใหญ่​กระบี่​เหล็ก​จะถูก​จิ๋งจิ่วสะ​พาย​เอาไว้​ด้านหลัง​ มัน​จึงได้​ดูดซับ​ปราณ​กระบี่​ของ​เขา​อยู่​ตลอดเวลา​ จน​เกิด​การเปลี่ยนแปลง​แบบ​ถอดรูป​เปลี่ยน​ร่าง​ เพียงแต่​ตัว​กระบี่​ที่​ถูก​เผา​และ​ร่องรอย​ที่​เกิดขึ้น​จาก​การ​ถูก​พิษ​กัดกร่อน​นั้น​เป็น​เหมือน​โคลน​ที่​ห่อหุ้ม​ตัว​ร่าง​ที่​แท้จริง​ของ​กระบี่​เหล็ก​เอาไว้​ มัน​ยัง​ต้องการ​เวลา​ที่​เหมาะสม​ ถึงจะสามารถ​เปิดเผย​ตัวตน​ที่​แท้จริง​ออกมา​ได้​

และ​ใน​วันนี้​ การ​โจมตี​อัน​รุนแรง​ของ​ฉีหลิน​ได้​กระแทก​ไป​บน​ตัว​กระบี่​เหล็ก​

พลัง​อัน​รุนแรง​ที่​มาจาก​บรรพกาล​และ​บริสุทธิ์​ที่สุด​สาย​นั้น​ได้​ทำให้​คราบ​สนิม​บน​ตัว​กระบี่​แตก​ออก​ เป็น​เหมือน​ลายเส้น​สุดท้าย​ที่​แต่ง​แต้ม​ให้​ภาพวาด​สมบูรณ์​ ทำให้​มัน​ตื่นขึ้น​มา

คม​จักรวาล​ที่ว่างเปล่า​และ​เยือกเย็น​จึงปรากฏ​ขึ้น​มาบน​โลก​

……

……

จัว​หรู​ซุ่ย​มองดู​พื้น​ ยัง​มิอาจ​สงบสติอารมณ์​ได้​ คม​จักรวาล​สามารถ​ทำลาย​ร่าง​ศักดิ์สิทธิ์​ของ​ฉีหลิน​ได้​ สามารถ​รับ​การ​โจมตี​ของ​ฉีหลิน​ได้​อย่าง​ซึ่งๆ หน้า​ นี่​แสดงว่า​มัน​จะต้อง​เป็น​กระบี่​ชั้น​เซียน​อย่าง​แน่นอน​ ต่อไป​เมื่อ​จิ๋งจิ่ว​ยิ่ง​มีชื่อเสียง​ใน​โลก​แห่ง​การ​บำเพ็ญพรต​ เผลอ​ๆ มัน​อาจจะ​กลาย​เป็นหนึ่ง​ใน​กระบี่​ที่​มีชื่อเสียง​ที่สุด​ใน​โลก​ก็​เป็นได้​!

ตอนนั้น​ตนเอง​บอ​กว่า​อย่างไร​นะ​? …กระบี่​เล่ม​นี้​ใช้ไม่ได้​…กระบี่​อัก​ลักษณ์​…มีประโยชน์​อะไร​…

อาจารย์​อา​เล็ก​พูด​ถูก​ มิใช่กระบี่​ที่​ใช้ไม่ได้​ สายตา​ของ​ตัวเอง​ต่างหาก​ที่​ใช้ไม่ได้​

ในเวลานี้​ เขา​ได้ยิน​เสียง​ของ​ฉีหลิน​อีกครั้ง​

“กระบี่​นี่​…ไม่เลว​จริงๆ​”

ฉีหลิน​มองดู​คม​จักรวาล​ที่อยู่​ใน​มือ​จิ๋งจิ่ว​ พลาง​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​เฉยชา​ว่า​ “แต่​ถ้าคนตาย​ ทิ้ง​กระบี่​เอาไว้​จะมีประโยชน์​อะไร​?”

จัว​หรู​ซุ่ย​พลัน​คิดถึง​อาจารย์​อา​ม่อ​แห่ง​ยอดเขา​ซื่อ​เยวี่ย​ท่าน​นั้น​ขึ้น​มา ใน​ตอนนี้​กระทั่ง​ชื่อ​ของ​อาจารย์​อา​ผู้​นั้น​เขา​ก็​ลืม​ไป​แล้ว​ แต่​เขา​เชื่อ​ว่า​เมื่อ​กระบี่​คม​จักรวาล​ปรากฏ​ขึ้น​บน​โลก​ ชื่อ​ของ​อาจารย์​อา​ท่าน​นั้น​จะต้อง​ถูก​หลาย​ๆ คน​จำได้​อีกครั้ง​อย่าง​แน่นอน​ และ​จะเป็น​เช่นนี้​ไป​อีก​หลาย​ปี​

เขา​มองดู​เงาของ​ฉีหลิน​ที่อยู่​บน​พื้น​ พลาง​กล่าว​อย่าง​จริงจัง​ว่า​ “ไม่ ต่อให้​คนตาย​ไป​แล้ว​ แต่​ขอ​เพียง​กระบี่​ยังอยู่​ เช่นนั้น​ทั้งคน​และ​กระบี่​ก็​ล้วนแต่​ยังอยู่​”

ก่อนที่​ผู้ฝึก​กระบี่​ของ​ชิงซาน​จะตาย​ พวกเขา​มักจะ​เลือก​คืน​กระบี่​สู่ชิงซาน​

และ​หลังจากนั้น​ก็​จะมีศิษย์​รุ่นหลัง​สืบทอด​กระบี่​ ทำให้​กระบี่​เล่ม​นั้น​เจิด​จรัส​ขึ้น​มาอีกครั้ง​

สิ่งที่​สืบทอด​ต่อกัน​รุ่น​สู่รุ่น​ก็​คือ​กระบี่​ ซึ่งนั่น​คือ​รากฐาน​ของ​ชิงซาน​ แล้วก็​เป็น​จิตวิญญาณ​ของ​ชิงซาน​

กระบี่​ก็​คือ​จิตวิญญาณ​ของ​ชิงซาน​

ขอ​เพียง​กระบี่​ยังอยู่​ ชิงซาน​ก็​ยังอยู่​

……

……

แมว​ขาว​นั่ง​อยู่​บน​ชาย​หลังคา​ของ​ตำหนัก​ จ้อง​มองดู​ภาพ​ที่​เกิดขึ้น​ภายใน​สวน​จิ้งหยวน​ ใน​ม่านตา​ที่​สงบนิ่ง​เต็มไปด้วย​ความรู้สึก​อิจฉา​ ใน​ใจครุ่นคิด​ว่า​กู้​ชิงช่างโชคดี​จริงๆ​

ตอนที่​ออก​มาจาก​ชิงซาน​ จิ๋งจิ่ว​ตัดสินใจ​ให้​กู้​ชิงเป็น​เจ้าสำนัก​ในอนาคต​ นี่​ไม่สำคัญ​เท่าไร​ ที่​สำคัญ​กว่า​นั้น​ก็​คือ​เขา​อยาก​จะเปลี่ยน​กระบี่​ดี​ๆ ให้​กู้​ชิงซัก​เล่ม​ ตอนนี้​กระบี่​มาแล้ว​

ฉีหลิน​และ​จิ๋งจิ่ว​ต่อสู้​กับ​วุ่นวาย​ขนาด​นี้​ ย่อม​ต้อง​ทำให้​สมณะหลาย​ๆ คน​ภายใน​วัด​กั่วเฉิง​รู้ตัว​ เสียง​สวดมนต์​ภายใน​ตำหนัก​ยังคง​ดัง​ไม่หยุด​ ข่าย​พลัง​กำลังจะ​เปิด​ออก​ เพียงแต่​ทุกคน​ต่าง​กำลัง​เพ่ง​ความสนใจ​ไป​ทาง​สวน​จิ้งหยวน​ ไม่มีใคร​เห็น​มัน​ที่นั่ง​อยู่​บน​มุมชาย​หลังคา​

“ถ้าเจ้าอยาก​จะฆ่าฉีหลิน​จริงๆ​ เหตุใด​ถึงไม่เข้าไป​ใน​สวน​จิ้งหยวน​ แต่​กลับมา​นั่ง​อยู่​ที่นี่​?”

เสียง​เสียง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​มาจาก​ทาง​ด้านหลัง​แมว​ขาว​

ไม่รู้​ตั้งแต่​เมื่อไร​ สมณะหนุ่ม​ที่​หน้าตา​งดงาม​ผู้​หนึ่ง​ได้​ขึ้น​มาบน​ชาย​หลังคา​ของ​ตำหนัก​เฉิงฉว๋า​ ก่อน​จะนั่งลง​ข้าง​มัน​

แมว​ขาว​เหลือบ​มองดู​สมณะหนุ่ม​ผู้​นี้​ ภายใน​ดวงตา​เต็มไปด้วย​สายตา​เย้ยหยัน​ ใน​ใจครุ่นคิด​ว่า​หาก​ข้า​อยู่​ที่นั่น​ วันนี้​ทั้งสอง​คน​นั้น​จะได้​สู้กัน​หรือ​?

สมณะหนุ่ม​กล่าว​อย่าง​จริงจัง​ว่า​ “แต่​ตอนนี้​ฉีหลิน​รู้​ว่า​เจ้าอยู่​ที่นี่​”

“เมี้ยว?​ เจ้าคิด​ว่า​เจ้ากวาง​ตัว​นั้น​จะยอม​รามือ​อย่างนั้น​หรือ​? ไม่มีทาง​ พวก​ตัว​อัปลักษณ์​ที่​เขา​อวิ๋นเมิ่ง​เหล่านั้น​ล้วนแต่​ขี้โมโห​ ต่อให้​ไม่กล้า​สังหาร​จิ๋งจิ่ว​ต่อหน้า​คน​มากมาย​ขนาด​นี้​ แต่​ก็​ต้อง​เล่นงาน​เขา​ให้ได้​ ข้า​คิด​ว่า​เจ้ากวาง​โง่ตัว​นั้น​น่าจะ​ต้องการ​ทำให้​จิ๋งจิ่ว​บาดเจ็บสาหัส​ จากนั้น​ก็​ทำให้​เขา​ถูก​ยันต์​เซียน​กลืน​กิน​ แบบนี้​ตัวเอง​จะได้​ไม่ต้อง​แบก​ความผิด​เอาไว้​”

“ถ้าเป็น​แบบนี้​ ก็​นับ​เป็น​แผนการ​ที่​ดี​นะเนี่ย​”

“เมี้ยว?”​ แมว​ขาว​รู้สึก​ดูถูก​เป็น​อย่างยิ่ง​ คิด​ว่า​เจ้าช่างไม่รู้จัก​คน​อย่าง​จิ๋งจิ่ว​เอา​เสีย​เลย​ “เจ้านั่น​ทั้ง​ชั่วร้าย​และ​เจ้าเล่ห์​มาก​ที่สุด​ จะมีใคร​ที่​วางแผน​เล่นงาน​เขา​ได้​? นอกจาก​ตัว​ข้า​แล้ว​ เขา​จะต้อง​แอบซ่อน​แผน​สำรอง​อย่าง​อื่น​เอาไว้​แน่​ ไม่แน่​อาจจะ​เล่นงาน​เจ้ากวาง​ตัว​นี้​จนตาย​ก็​เป็นได้​”

บน​ใบหน้า​สมณะหนุ่ม​มีรอยยิ้ม​ปรากฏ​ขึ้น​มา เขา​กล่าวถาม​ว่า​ “อย่างนั้น​ทำไม​เจ้าถึงไม่ไป​ช่วย​?”

“ข้า​เป็น​ใคร​ มีสถานะ​เป็น​อย่างไร​? ผู้พิทักษ์​ของ​ชิงซาน​จะไป​ร่วมมือ​โจมตี​กับ​ศิษย์​รุ่นหลัง​เหล่านั้น​ได้​อย่างไร​ หาก​อีก​ประเดี๋ยว​ฉีหลิน​ถูก​จิ๋งจิ่ว​เล่นงาน​จน​ได้รับบาดเจ็บ​จริงๆ​ ข้า​ค่อย​แอบ​ไป​โจมตี​ก็ได้​ ถ้าหาก​เป็น​เหมือน​ตอน​คุก​กระบี่​อีก​ล่ะ​ก็​ ข้า​คง​ทนไม่ไหว​แน่​”

แมว​ขาว​คิดถึง​ภาพ​มังกร​ชางหลง​ที่​ตาย​ลง​ไป​ต่อหน้า​ตนเอง​ตัว​นั้น​ พลาง​ร้อง​เมี้ยว​ออกมา​อย่าง​รู้สึก​เสียดาย​

มัน​พลัน​รู้สึก​ว่า​มีบางอย่าง​ไม่ถูกต้อง​ ทำไม​ตัวเอง​ถึงต้อง​คิด​อะไร​เยอะแยะ​ขนาด​นี้​ แล้วก็​พูด​เรื่อง​เหล่านี้​กับ​เจ้า?

มัน​หมุนตัว​มอง​ไป​ทาง​สมณะหนุ่ม​ผู้​นั้น​อีกครั้ง​ ครั้งนี้​มัน​หมุน​อย่าง​ช้าๆ คล้าย​กับ​ว่า​ถูก​ลมหนาว​แช่แข็ง​อย่างไร​อย่างนั้น​

“เจ้าอย่า​ลงมือ​จะดีกว่า​ พวกเรา​ชิงซาน​จะขายหน้า​ไม่ได้​”

สมณะหนุ่ม​เดิน​ไป​ข้าง​กาย​มัน​ จากนั้น​นั่งลง​ มือขวา​ลูบ​ไป​บน​ศีรษะ​ของ​มัน​อย่าง​เป็นธรรมชาติ​ จากนั้น​ก็​ลูบ​ตั้งแต่​หัว​ไป​จนถึง​หาง​

การเคลื่อนไหว​ของ​เขา​ดู​ชำนาญ​ คล้าย​ว่า​เคย​ลูบ​มาเป็นเวลา​หลาย​ร้อย​ปี​

ปกติ​ขนแมว​ที่​ถูก​ลูบ​มักจะ​เรียบ​ลื่น​ขึ้น​ แต่​ครั้งนี้​กลับ​ตรงกันข้าม​ ขนแมว​ทั่ว​ทั้งตัว​ชี้พอง​ขึ้น​มา ปลิว​ไหว​ไม่หยุด​ท่ามกลาง​ลมหนาว​ มองดู​คล้าย​ดอก​หญ้า​ที่​ถูก​ลมพัด​จน​ปลิว​กระจาย​

พองขน​ก็​หมายความว่า​โกรธ​ เป็น​สัญญาณของ​การต่อสู้​ แต่​ใน​เวลา​ส่วนใหญ่​นั้น​เป็น​เพราะว่า​หวาดกลัว​

ใน​ดวง​ตาแมว​ขาว​เต็มไปด้วย​ความรู้สึก​หวาดกลัว​ ม่านตา​ของ​มัน​หด​เล็ก​จน​กลายเป็น​จุด​สีดำ​เล็ก​ๆ หาก​ไม่สังเกต​ให้​ดี​ไม่มีทาง​มองเห็น​ได้​

เห็น​ๆ อยู่​ว่า​มัน​สามารถ​ตะปบ​สมณะหนุ่ม​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ผู้​นี้​ให้​ตาย​ไป​ได้​ แต่​…ไหน​เลย​จะกล้า​?

ใน​อดีต​ตอน​ที่อยู่​บน​ยอดเขา​ปี้​หู​ เห็น​ๆ อยู่​ว่า​มัน​สามารถ​ฆ่าจิ๋งจิ่ว​ให้​ตาย​ได้​สบาย​ๆ แต่​มัน​ก็​มิได้​ลงมือ​

เพียงแค่​พริบตา​ ใน​หัวสมอง​ของ​แมว​ขาว​มีคำพูด​หยาบคาย​ที่​สกปรก​ที่สุด​บน​โลก​นี้​ผุด​ขึ้น​มานับไม่ถ้วน​ ไม่สามารถ​ใช้ตัวอักษร​เขียน​ออกมา​ได้​

เพราะ​จิตใจ​ของ​มัน​ใกล้​จะพังทลาย​แล้ว​

แต่​ถึงแม้จะเป็น​เช่นนี้​ มัน​ก็​เก็บ​คำพูด​หยาบคาย​เหล่านั้น​เอาไว้​กับ​ตัวอย่าง​ระมัดระวัง​ มิกล้า​ยั่วยุ​สมณะหนุ่ม​ผู้​นั้น​แม้แต่​นิดเดียว​

ผู้พิทักษ์​ชิงซาน​ไป๋​กุ่ย​ แต่ไหนแต่ไร​มาขึ้น​ชื่อเรื่อง​ความดุร้าย​ กระทั่ง​เจ้าสำนัก​มัน​ก็​มิสนใจ​ แต่​ใน​โลก​นี้​ยังไง​ก็​ต้อง​มีผู้​ที่​ทำให้​มัน​รู้สึก​หวาดกลัว​ได้​อยู่​

เมื่อ​ถึงเวลา​นั้น​ มัน​จะขี้ขลาด​มากกว่า​ใคร​

คน​ที่​มัน​กลัว​จริงๆ​ ก็​คือ​ศิษย์​พี่​ศิษย์​น้อง​คู่​นั่น​

พูด​ให้​ถูก​ก็​คือ​มัน​กลัว​ศิษย์​พี่​มากกว่า​ เพราะ​ศิษย์​พี่​ฆ่าคนเก่ง​กว่า​ กล้า​ฆ่าคน​มากกว่า​ อันตราย​มากกว่า​ จนตรอก​มากกว่า​ โหดเหี้ยม​เย็นชา​มากกว่า​ ฉลาด​มากกว่า​ วางแผน​รอบคอบ​มากกว่า​ เฉลียวฉลาด​มากกว่า​ ไร้​พ่าย​มากกว่า​ ยิ่ง​พ่ายแพ้​ยิ่ง​แข็งแกร่ง​มากกว่า​ กิริยาท่าทาง​งดงาม​มากกว่า​ ดู​มีสง่าราศี​มากกว่า​…..

“กิริยาท่าทาง​งดงาม​คำ​นี้​ไม่เลว​ ถึงแม้ข้า​จะไม่ได้​หน้าตา​ดี​เหมือน​อย่าง​เขา​ แต่​ก็​ดู​มีชีวิตชีวา​กว่า​เขา​ที่​เอาแต่​ทำ​หน้าตาย​”

สมณะหนุ่ม​หนุ่ม​ผู้​นี้​ย่อม​ต้อง​เป็น​อิน​ซาน​

เขา​ยิ้ม​เล็กน้อย​พลาง​กล่าวว่า​ “แต่ว่า​เจ้าเอง​ก็​ไม่ต้อง​มาคิด​คำพูด​มากมาย​ขนาด​นี้​เพื่อ​มาประจบ​ข้า​ ตอนนี้​สภาวะ​ของ​ข้า​ต่ำต้อย​มาก​ เจ้าจะลอง​ฆ่าข้า​ดู​ก็ได้​”

ถ้าแมว​สามารถ​ร้องไห้​ออกมา​ได้​ล่ะ​ก็​ เวลานี้​หลิว​อา​ต้า​คงจะ​หลั่ง​น้ำตา​ออกมา​เป็น​สายน้ำ​แล้ว​

ศิษย์​พี่​ศิษย์​น้อง​คู่​นี้​หลัง​เกิด​ใหม่​ คำพูด​ที่​พูด​ใน​ตอนที่​เจอ​มัน​ครั้งแรก​ล้วนแต่​เหมือนกัน​

ในที่สุด​ตอนนี้​มัน​ก็​แน่ใจ​แล้ว​ว่า​กลิ่น​ที่อยู่​บน​กระดาษ​สอง​สามแผ่น​เมื่อ​สอง​สามปี​ก่อ​น.​..ที่แท้​ก็​คือ​กลิ่น​ของ​นักพรต​

หอม​จริงๆ​

มัน​ส่งเสียงร้อง​เมี้ยว​เบา​ คลอเคลีย​เท้า​ของ​อิน​ซาน​ สีหน้า​ประจบประแจง​

“นี่​ช่างเป็น​สถานที่​ที่​เหมาะ​จะดู​เรื่อง​สนุก​จริงๆ​”

อิน​ซาน​มองดู​สวน​จิ้งหยวน​ที่อยู่​ห่าง​ออก​ไป​ บน​ใบหน้า​มีรอยยิ้ม​ปรากฏ​ขึ้น​มา

ลมหนาว​พัดพา​จีวร​ พลิ้วไหว​ไม่หยุด​ จากนั้น​ก็​มีกลิ่น​เนื้อ​แดดเดียว​และ​ประทัด​ที่​ดัง​มาจาก​ใน​หมู่บ้าน​

เรื่องราว​ยัง​ไม่จบ​

วันนี้​เพิ่งจะ​เริ่มต้น​ขึ้น​

……

……

ภายใน​สวน​จิ้งหยวน​ตก​อยู่​ใน​ความ​เงียบ​

ทุกคน​ต่าง​กำลัง​รอ​การ​โจมตี​ครั้ง​ที่สาม​ของ​ฉีหลิน​

กระบี่​ที่​มีชื่อว่า​คม​จักรวาล​ถูก​จิ๋งจิ่ว​กุม​เอาไว้​ใน​มือ​ แต่​ยังคง​ไม่มีใคร​คิด​ว่า​เขา​จะรับ​การ​โจมตี​ครั้ง​ที่สาม​ไหว​

ความต่างกัน​ระหว่าง​ระดับชั้น​ของ​ชีวิต​ มีแต่​ต้อง​ใช้สภาวะ​มาชดเชย​ ผู้​บำเพ็ญพรต​ของ​มนุษย์​ที่อยู่​ใน​สภาวะ​ขั้น​คเนจร​ระดับ​กลาง​ไม่มีทาง​ที่จะ​เป็น​คู่ต่อสู้​ของ​ฉีหลิน​ที่อยู่​ใน​ขั้น​จิต​ก่อ​รูป​ได้​

แรงกดดัน​อัน​มหาศาล​แผ่​กระจาย​ออก​มาจาก​ตัว​ของ​ฉีหลิน​ ปกคลุม​ทั่ง​ทั้ง​สวน​จิ้งหยวน​

ต้น​หญ้า​ที่อยู่​ตาม​ซอก​พื้น​ถูก​กด​จน​แนบชิด​ติด​ไป​กับ​พื้น​ ไม่สามารถ​ตั้งตรง​ขึ้น​มาได้​ ค่อยๆ​ ถูก​บดขยี้​จน​แหลก​ละเอียด​

สมณะตู้​ไห่​สีหน้า​คร่ำเคร่ง​ สะบัด​พลัง​ฌาน​ออกมา​อีกครั้ง​ สกัดกั้น​แรงกดดัน​ของ​ฉีหลิน​เอาไว้​ด้านนอก​ เพื่อ​ที่​ศิษย์​หนุ่ม​อย่าง​ซีอี้​อวิ๋น​จะได้​ไม่บาดเจ็บสาหัส​

คน​ที่​สภาวะ​ลึกล้ำ​เหมือน​อย่าง​เขา​ หาก​คิด​อยาก​จะสกัด​แรงกดดัน​ของ​ฉีหลิน​ก็​ยัง​เป็นเรื่อง​ที่​ค่อนข้าง​ยากลำบาก​ แล้ว​อย่างนี้​จิ๋งจิ่วจะ​จัดการ​กับ​แรงกดดัน​นี้​อย่างไร​

จิ๋งจิ่ว​มิได้​รอ​การ​โจมตี​ครั้ง​ที่สาม​ของ​ฉีหลิน​

เขา​เลือก​เป็น​ฝ่าย​เปิดฉาก​โจมตี​

คม​จักรวาล​ที่​เยือกเย็น​และ​ว่างเปล่า​แหวก​แรงกดดัน​ ทะลวง​ผ่าน​อากาศ​ที่​เหนียวหนืด​ขึ้น​กว่า​เดิม​ไม่รู้​กี่​เท่า​มาถึงตรงหน้า​ฉีหลิน​

การ​เสียดสี​ด้วย​ความเร็ว​สูงทำให้เกิด​เส้น​แสงที่​สว่าง​เจิดจ้า​ คล้าย​กำลัง​ลุกไหม้​อย่างไร​อย่างนั้น​ จาก​ความเยือกเย็น​และ​ว่างเปล่า​กลายเป็น​ดุร้าย​ขึ้น​มา อีก​ทั้ง​ยัง​แฝงเอาไว้​ด้วย​ความ​อันตราย​ที่​แปลกประหลาด​

เปลว​ลำแสง​ที่​เกิดขึ้น​จาก​คม​จักรวาล​ส่องสว่าง​ใบหน้า​ของ​ฉีหลิน​จน​ชัดเจน​

เส้นเลือด​ที่​เกี่ยว​กระหวัด​อยู่​ใต้​ผิวหนัง​เหมือน​เถาวัลย์​ดู​น่าเกลียด​เป็นอย่างมาก​ เขา​สอง​ข้าง​นั้น​ดู​น่ากลัว​เป็น​อย่างยิ่ง​

จริงอยู่​ที่​ฉีหลิน​รู้สึก​ว่า​กระบี่​เล่ม​นี้​น่าสนใจ​ แต่​มัน​กลับ​มิได้​ใส่ใจอะไร​

เมื่อ​ได้รับ​ผลกระทบ​จาก​แรงกดดัน​ กระบี่​นี้​ของ​จิ๋งจิ่ว​ดูจะ​เชื่องช้า​กว่า​ก่อน​นี้​ไป​มาก​

แต่​ในขณะที่​เขา​เตรียม​จะคว้า​จับ​กระบี่​ของ​จิ๋งจิ่ว​เอาไว้​ จากนั้น​กระหน่ำ​โจมตี​ใส่อีก​ฝ่าย​ กระบี่​เล่ม​นั้น​กลับ​หาย​ไป​ต่อหน้า​เขา​

เสียง​ฉึบ​เบา​ๆ ดัง​ขึ้น​ จากนั้น​ก็​มีเสียง​เบา​ๆ ดัง​ขึ้น​นับไม่ถ้วน​

บน​เสื้อผ้า​ของ​ฉีหลิน​มีรอย​ขาด​เล็ก​ๆ จำนวน​นับไม่ถ้วน​

ติ่ง​หู​ของ​เขา​มีรอยแผล​เล็ก​ๆ ปรากฏ​ขึ้น​มา

ปีก​จมูก​ของ​เขา​และ​บน​ริมฝีปาก​ของ​เขา​ต่าง​มีรอยแผล​เล็ก​ๆ ปรากฏ​ขึ้น​มา

ใน​รอยแผล​แต่ละ​แห่ง​ล้วนแต่​มีหยด​เลือด​ไหล​ซึมออกมา​

…………………………………………………….

อวี่​โจ้ว[​1] แปล​ว่า​ จักรวาล​

มรรคาสู่สวรรค์

มรรคาสู่สวรรค์

Score 10
Status: Completed

ข้าคือกระบี่

พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าวไม่ยอมเดิน

พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าวไม่อยากเดิน

พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าว? ไม่เดิน!!!

——————-

ผู้เป็นนายคือบุรุษหนุ่มลึกลับผู้มาพร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลาและใบหูที่กางดูน่ารัก

ผู้เป็นบ่าวคือเด็กชายใสซื่อผู้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเต๋าแต่กำเนิด

หนึ่งนายหนึ่งบ่าวเดินทางมายังสำนักชิงซานซึ่งเป็นสำนักบำเพ็ญพรตอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน เพื่อเข้าสู่เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียร

ทว่าในระหว่างที่อยู่ในสำนัก ผู้เป็นนายกลับเอาแต่นอน ในสายตาคนอื่นเขาคือคนที่เกียจคร้านอย่างไม่มีใครเทียบได้

ส่วนผู้เป็นบ่าวกลับขยันฝึกฝนจนบรรลุสภาวะขั้นต้นในเวลาอันสั้น

แต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือ

สาเหตุที่ผู้เป็นบ่าวสามารถบรรลุสภาวะได้อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะเคล็ดการหายใจที่ผู้เป็นนายเคยสั่งสอนให้…

บุรุษหนุ่มรูปงามผู้นี้คือใครกันแน่ ไฉนจึงเอาแต่นอนเกียจคร้านทั้งวันเช่นนี้?!

Options

not work with dark mode
Reset