พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 436 น่ารังเกียจ

บทที่ 436 น่ารังเกียจ

รองเท้า​เกี๊ยะ​ส่งเสียงดัง​กุกกัก​อยู่​บน​พื้น​แผ่น​หิน​ เสียง​นี้​ดังก้อง​สะท้อน​ลอดผ่าน​ระหว่าง​ศาลา​และ​ตำหนัก​

‘อา​ฟั่ง!’

นาง​หันหน้า​ไป​มอง​ชาย​ร่าง​สูงด้านหลัง​ที่​ถูก​เงาของ​แสงตะวัน​ทาบ​ทับ​ลงมา​

‘อา​ฟั่ง ซากปรักหักพัง​ของ​ราชวงศ์​ต้า​โจว​พวก​นี้​ แม้ว่า​จะเหลือ​แต่​โครง​และ​ตำหนัก​ที่​ไม่สมบูรณ์​ แต่​เห็นได้ชัด​ว่า​ตอนนั้น​สร้าง​ได้​ไม่เลว​ทีเดียว​เชียว​…’

เขา​กางแขน​ออก​ชี้มือ​ชี้ไม้ไป​ทั้งสอง​ฟาก​พลาง​ยิ้ม​เอ่ย​

น้ำเสียง​ใสกังวาน​คล้าย​ใกล้​คล้าย​ไกล​ก้อง​อยู่​ภายใน​ตำหนัก​อัน​รกร้าง​กว้าง​โล่ง​

‘ดี​เช่นนั้น​ที่ไหน​กัน​ สู้เรือน​ของ​เจ้าในวันหน้า​ไม่ได้​หรอก​’

นาง​แย้มยิ้ม​เอ่ย​

เสียงหัวเราะ​ของ​ชาย​ด้านหลัง​ยิ่ง​สดใส​ เขา​ยื่นมือ​ออก​ไปหา​นาง​

เสียง​กระแอม​แผ่วเบา​ดัง​ขึ้น​ข้าง​หู​ เฉิงเจียว​เหนียง​เงยหน้า​ขึ้น​ มอง​ขันที​เบื้อง​หน้าที่​กำลัง​หันหน้า​มา แล้ว​มอง​ไป​ยัง​องครักษ์​ที่​สวม​เกราะ​หนาน​ถือ​ขวาน​สอง​คม​ทั้งสอง​ฟาก​ ส่งสัญญาณเตือน​ให้​ระมัดระวัง​

“…อย่า​ได้​กลัว​ไป​ ถามมาอย่างไร​เจ้าก็​ตอบ​ไป​อย่างนั้น​…” ขันที​พูด​ต่อ​ไม่หยุด​ ส่วน​แม่นาง​น้อย​ผู้​นี้​พลัน​หยุด​ฝีเท้า​ลง​แต่​มิได้​ตกใจ​อะไร​

เข้าเฝ้า​ฮ่องเต้​ครั้งแรก​ ขนาด​บรรดา​ขุนนาง​ที่​ได้รับ​คำสั่ง​ให้​เข้าเฝ้า​ยัง​ประหม่า​จน​เสียกิริยา​เลย​ ยิ่ง​เป็น​หญิงสาว​แล้ว​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​

ที่แท้​แม่นาง​น้อย​ผู้​นี้​ยัง​เด็ก​ถึงเพียงนี้​เชียว​หรือ​ ได้ยิน​คน​เรียก​หมอ​เทวดา​ก็​คิด​ว่า​น่าจะ​อายุ​มากกว่า​นี้​เสีย​อีก​ มาก​สุด​ก็​น่าจะ​สัก​ยี่สิบ​กว่า​ คิดไม่ถึง​ว่า​คน​ที่​ถูก​เดิน​นำทาง​มาจาก​หอ​อาลักษณ์​หลวง​นาง​นี้​จะเป็น​เด็กสาว​อายุ​น้อย​

สิบ​หก​ปี​หรือ​สิบ​ปี​ได้​กระมัง​

เฉิงเจียว​เหนียง​ก้มหน้า​คำนับ​ มอง​โถงตำหนัก​อัน​สูงใหญ่​โดยรอบ​

‘อู๋กง​พฤกษา​ผกา​รก​พุ่ม​ อาภรณ์​กอง​สุมแคว้น​จิ้น​เป็น​เขา​…อา​ฟั่งกลอน​ที่​ข้า​แต่ง​เพราะ​หรือไม่​’

เสียงหัวเราะ​ของ​หญิงสาว​ดัง​ขึ้น​เบา​ๆ

‘เฮอะ​ คน​หลอกลวง​ แม้ข้า​จะไม่ชอบ​กาพย์กลอน​ แต่​ก็​มิใช่ไม่รู้จัก​เสียหน่อย​’

คน​หลอกลวง​…ไม่ ไม่มีคน​หลอกลวง​

“เมื่อ​ครานั้น​เทียน​ตี้​เมามาย​เสียดินแดน​ เป็น​เมือง​แมน​แข็งกล้า​ท้า​ศัตรู​”

เฉิงเจียว​เหนียง​เอ่ย​พึมพำ​พลาง​มอง​ไป​เบื้องหน้า​

“เจ้าว่า​อย่างไร​นะ​” ขันที​เอ่ย​ถาม โน้มตัว​ลง​เล็กน้อย​ ไม่รอ​ให้​เฉิงเจียว​เหนียง​กล่าว​คำ​ใด​ เขา​ก็​เอ่ย​เตือน​ขึ้น​มาอีก​ “ภายใน​วังหลวง​หาก​มิได้​ถาม อย่า​ได้​เอ่ย​ตอบ​”

เฉิงเจียว​เหนียง​คำนับ​อีกครั้ง​แล้ว​ไม่พูด​อะไร​อีก​

“ที่แท้​ก็​เด็ก​เพียงนี้​”

เหล่า​ขุน​นางใน​ท้องพระโรง​ดึง​สายตา​กลับมา​

“ดูท่า​เหมือน​ตกใจ​ขวัญหนี​ไป​แล้ว​ แต่​เหตุใด​จึงใจกล้า​ก่อเรื่อง​เช่นนั้น​ขึ้น​มาได้กัน​”

คน​ไม่น้อย​กำลัง​กระซิบ​วิพากษ์วิจารณ์​ เหล่า​ผู้ตรวจ​การตักเตือน​ให้​ทุกคน​เงียบเสียง​ลง​

หาก​บอ​กว่า​ไม่มีคน​คอย​บงการ​อยู่​เบื้องหลัง​น่ะ​สิแปลก​

แม้ว่า​จะรู้​อายุ​อา​นาม​ของ​แม่นาง​น้อย​ผู้​นี้​แล้ว​ แต่​ใน​ตอนที่​เห็น​ตัว​เป็น​ๆ เข้า​ เกา​ห​ลิง​ปอ​ก็​ยังคง​ทอดถอนใจ​ออกมา​เสียง​หนัก​เสียง​เบา​

หาก​ไม่สืบมา​มากมาย​จน​มั่นใจ​ เขา​ก็​ไม่อาจ​เชื่อได้​ว่า​มีคน​คอย​หนุนหลัง​แม่นาง​ผู้​นี้​ และ​ไม่อยาก​เชื่อ​ด้วยว่า​นาง​จะเก่งกาจ​พอให้​ผู้ใด​ยอม​หนุนหลัง​ให้​

บางที​อาจ​เกิด​จาก​ความประมาท​ของ​ราช​เลขา​หลิว​ใน​ตอนนั้น​ก็​เป็นได้​ คู่ต่อสู้​คน​นี้​จึงมัก​ถูก​มองข้าม​ไป​อยู่​เสมอ​

เขา​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ สายตา​กวาด​มอง​ไป​ยัง​เฉินเซ่า​คล้าย​จงใจแต่​ก็​คล้าย​ไม่ตั้งใจ​

ตั้งแต่​เมื่อใด​กัน​ พวกเขา​สาน​สัมพันธ์กัน​ตั้งแต่​ยาม​ที่​นาง​รักษา​อาการป่วย​ให้​นาย​ท่าน​เฉิน​อย่างนั้น​หรือ​ หาก​ขุดคุ้ย​อัน​ใด​ขึ้น​มาได้​ แค่​แพร่​เรื่อง​ข่าว​หมอ​เทวดา​ที่​เป็น​ศิษย์​ของ​นักพรต​เทพ​เซียน​นี้​ออก​ไป​ ก็​สามารถ​ไล่​เฉินเซ่า​ออกจาก​เมืองหลวง​ไป​ได้​แล้ว​ แต่​เขา​ไม่อาจ​ทำได้​…

ตั้ง​แต่ต้น​จนถึง​ตอนนี้​ หญิง​ผู้​นี้​ไม่เคย​ยอมรับ​ข่าวลือ​นั้น​เลย​ อีก​ทั้ง​ยัง​หาย​ตัง​ว​ไป​ใน​ครา​รุ่งเรือง​ ทิ้ง​ไว้​เพียง​ชื่อเสียง​ของ​หมอ​เทวดา​ ทว่า​กลับ​ไม่ทิ้งร่องรอย​ใด​ไว้​ ไม่ว่า​ผู้ใด​ก็​หา​จุดอ่อน​ของ​นาง​ไม่พบ​

ยังมี​วิธี​ใด​อีก​หนอ​ โอกาสดี​เช่นนี้​ไม่อาจ​ปล่อย​ให้​หลุดมือ​ไป​ได้​

เกา​ห​ลิง​ปอ​ขมวดคิ้ว​ครุ่นคิด​ ไม่สนใจ​เรื่อง​ตรงหน้า​เท่าใด​นัก​ เรื่อง​ตรงหน้า​ไม่นับว่า​เป็นเรื่อง​แล้ว​ ชัยชนะ​ถูก​กำหนด​เรียบร้อย​แล้ว​

พอ​เดิน​มาถึงหน้า​ตำหนัก​ หญิง​ผู้​นั้น​ก็​หาย​ไป​จาก​สายตา​ของ​ทุกคน​ นาง​ยืน​มั่น​อยู่​ข้าง​ระเบียง​ ฟังขันที​เข้าไป​กล่าว​รายงาน​จาก​ประตู​ด้าน​ข้าง​

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ยืน​อยู่​ด้านใน​ หาง​ตา​มอง​ไป​ยัง​ประตู​ตำหนัก​ ก่อนหน้านี้​เขา​ยัง​รู้สึก​ว่า​ด้านบน​ไม่ควร​แกะสลัก​ลาย​ใด​ พอ​ฤดูหนาว​ก็​หนาวเหน็บ​ ฤดูร้อน​ก็​อบอ้าว​ แต่​ยาม​นี้​กลับ​รู้สึก​ว่า​ลายฉลุ​นั้น​เล็ก​เสีย​จริง​ หาก​มีมากกว่า​นี้​และ​ใหญ่​กว่า​นี้​อีก​สักหน่อย​ก็​คง​มองเห็น​คน​ที่อยู่​ด้านหลัง​ได้​แล้ว​กระมัง​

กลัว​หรือ​

คง​ไม่หรอก​กระมัง​

ก็​เหมือน​ยาม​เด็ก​ที่​เขา​ติดตาม​ท่าน​พ่อ​ท่าน​แม่มายัง​วังหลวง​เป็น​ครา​แรก​ เห็น​ตำหนัก​สูงใหญ่​เพียงนั้น​ องครักษ์​มากมาย​ อีก​ทั้ง​ผู้คน​ขวักไขว่​ ก็​หวาดกลัว​ยิ่งนัก​ ต่อมา​พอ​ท่าน​พ่อ​ท่าน​แม่ส่งเขา​สู่อ้อม​อก​ของ​เหล่า​สนม​ใน​วัง​แล้ว​เดิน​จากไป​

โดยที่​ไม่หัน​กลับมา​มอง​ เขา​ก็​ไม่เคย​กลัว​อีก​เลย​

หลังจากที่​คนเรา​ได้​ลิ้มลอง​ความหวาดกลัว​สุดขีด​ไป​แล้ว​ บน​โลก​นี้​ก็​จะไม่มีเรื่อง​ใด​มาทำให้​หวาดกลัว​ได้​อีก​

ราวกับ​ผ่าน​ไป​เนิ่นนาน​ แต่​คล้าย​ว่า​ผ่าน​เพียง​ไม่กี่​ชั่ว​วินาที​ ทันใดนั้น​ก็​มีเสียง​รับสั่ง​ของ​ฮ่องเต้​ดัง​ขึ้น​จาก​ด้าน​นั้น​

เสียง​ฝีเท้า​ที่​ดัง​ขึ้น​มาจาก​หญิง​ผู้​นั้น​ที่​เดิน​เข้ามา​ใกล้​ประตู​ข้าง​ของ​ตำหนัก​หลัง​ เพราะ​มีบานประตู​กั้น​ แม้จะมองไม่เห็น​คน​เดิน​ แต่​ก็​ยัง​ได้ยิน​เสียง​พูดคุย​จาก​อีก​ฝั่ง มีขุนนาง​จำนวน​หนึ่ง​เดิน​เข้าไป​ใกล้​บานประตู​อย่าง​อดใจ​ไม่ไหว​ สุดท้าย​ก็​หยุด​ฝีเท้า​ลง​ภายใต้​สายตา​ของ​ผู้ตรวจการ​

“…เรื่อง​ที่​เจ้าได้​พบ​นักพรต​เทพ​เซียน​นั้น​เป็น​เรื่องจริง​หรือไม่​”

สุรเสียง​ของ​ฮ่องเต้​ดัง​ขึ้น​ทำเอา​เหล่า​ขุนนาง​ทาง​ด้าน​นี้​ตื่น​ตะลึง​ กระทั่ง​ผู้ช่วย​ราชเลขาธิการ​ก็​ยัง​พา​กัน​ขมวดคิ้ว​

คิดไม่ถึง​ว่า​คำถาม​แรก​ของ​ฮ่องเต้​จะไม่จริงจัง​เพียงนี้​

ทว่า​ประโยค​หยอกล้อ​นี้​กลับ​ตอบ​ได้​ยาก​นัก​

ณ ท้องพระโรง​ นอกจาก​องค์​ชาย​ใหญ่​ที่​มีสีหน้า​นึก​สนุก​แล้ว​ คนอื่นๆ​ กลับ​สีหน้า​ตึงเครียด​กัน​หมด​

หาก​บอ​กว่า​เป็น​เรื่องจริง​ เช่นนั้น​ก็​จะถูก​ตำหนิ​ว่า​พูดพล่าม​เรื่อง​เทพ​เซียน​ลี้ลับ​ต่อหน้า​องค์​ฮ่องเต้​ ไม่ต้อง​ให้​ฮ่องเต้​เอ่ยปาก​ เหล่า​ขุนนาง​ใหญ่​คง​สั่งให้​คน​มาเอา​ตัวนาง​ไป​ตัดหัว​ได้​

หาก​บอ​กว่า​ไม่จริง​ เช่นนั้น​ก็​คือ​นาง​รู้​ทั้ง​รู้​ว่า​คำเล่าลือ​มีอยู่​จริง​ แต่​ไม่แก้​ข่าวลือ​ ก็​จะเป็นการ​หลวง​ลวง​ปวงชน​ให้​หลง​งมงาย​

จะพูด​อย่างไร​ดี​ ควร​ตอบ​ไป​อย่างไร​ดี​ แต่​ก็​คิด​นาน​ไม่ได้​ มิฉะนั้น​ฝ่าบาท​ก็​จะคิด​ว่า​นาง​ไม่ซื่อตรง​เพราะ​แสร้ง​รับปาก​ส่งๆ เช่นนี้​

คน​ฟาก​นี้​รู้สึก​ราวกับ​เวลา​ผ่าน​ไป​เพียง​หนึ่ง​ลมหายใจ​ ไม่ทัน​ไร​เสียง​ของ​หญิงสาว​ก็​ดัง​ขึ้น​จาก​อีก​ฝั่ง

“หม่อมฉัน​รู้จัก​ตัวเอง​ แต่​ไม่รู้จัก​ผู้อื่น​เพคะ​” เฉิงเจียว​เหนียง​ก้มหน้า​ตอบ​ แล้ว​คุก​เขา​ถวาย​คำนับ​อีกครั้ง​

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​มุมปาก​ประดับ​ด้วย​รอยยิ้ม​ แต่​ก็​ต้อง​รีบ​ก้มหน้า​ลง​เพื่อ​ปิดบัง​อย่าง​รวดเร็ว​

ฮ่องเต้​เงย​พระ​หน้า​ขึ้น​มอง​ไป​ยัง​หญิง​ที่​นั่งคุกเข่า​อยู่​เบื้องหน้า​ และ​ถอนหายใจ​ออกมา​ครา​หนึ่ง​ดังเช่น​ขุนนาง​ของ​พระองค์​

เด็ก​ถึงเพียงนี้​

จากนั้น​พระองค์​จึงมอง​กิริยาท่าทาง​ของ​นาง​ แม้ว่า​จะก้มหน้า​อยู่​ แต่​หลัง​กลับ​ตั้งตรง​ใน​ท่า​คุกเข่า​ อกผายไหล่ผึ่ง​

เหล่า​ขุนนาง​ชั้นสูง​มาก​อำนาจ​ คน​ทั่วไป​เห็น​แล้ว​ต่าง​ตัวสั่น​งันงก​ ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​เรื่อง​การ​เข้าเฝ้า​ฮ่องเต้​เลย​ การ​สอบ​เข้า​รับราชการ​ใน​วัง​ของ​ทุกปี​มักจะ​มีผู้​เข้า​สอบ​ที่​ทำ​กิริยา​น่าขายหน้า​เป็นประจำ​

แต่​แม่นาง​น้อย​เบื้องหน้า​นี้​ แม้ว่า​จะนั่ง​หลัง​ตรง​สงบนิ่ง​ตาม​หลัก​ตาม​เกณฑ์​ ทว่า​สีหน้า​กลับ​ดู​ผ่อนคลาย​

กิริยาท่าทาง​ของ​คน​เกิด​จาก​จิตใจ​หนุน​ส่งโดยแท้​ หญิง​นาง​นี้​ยอดเยี่ยม​จริงๆ​ ด้วย​

หลังจาก​ฮ่องเต้​ถามยืนยัน​เรื่อง​ที่​ได้ยิน​มาแล้วก็​หลบตา​ลง​

“แล้ว​ตัว​เจ้าเอง​เล่า​” พระองค์​ถาม

“คน​ที่​หม่อมฉัน​ได้​พบ​เป็น​มนุษย์​ มิใช่เทพ​เซียน​เพคะ​” เฉิงเจียว​เหนียง​เอ่ย​

นาง​มีอาจารย์​สั่งสอน​จริงๆ​ ด้วย​! บรรดา​ขุนนาง​ที่อยู่​หลังฉาก​กั้น​ต่าง​กระซิบกระซาบ​กัน​อย่า​งอด​ไม่อยู่​ พาล​ทำให้​ผู้ตรวจการ​ต้อง​มาตักเตือน​อีกครั้ง​

ฮ่องเต้​ไม่ตกใจ​กับ​คำตอบ​นี้​แม้แต่น้อย​ แม้จะอยู่​ใน​วัง​ก็​มีขุนนาง​เทียว​กราบทูล​ช่างนินทา​ครหา​ใน​เมืองหลวง​มากมาย​ และ​ย่อม​รู้เรื่อง​ที่​เฉินเซ่า​ไป​ปิ้ง​โจว​เพื่อ​ตามหา​อาจารย์​ของ​เฉิงเจียว​เหนียง​ใน​ปี​นั้น​ด้วย​เช่นกัน​

ที่​บรรดา​ขุนนาง​อื่น​ไม่รู้เรื่อง​นี้​ มิใช่เพราะ​เฉินเซ่า​ปิดบัง​ แต่​เป็น​เพราะ​เดิมที​พวกเขา​ไม่สนใจ​กัน​แต่แรก​ ก่อนหน้านี้​ไม่กี่​วัน​ ใคร​จะไป​สนใจ​แม่นาง​น้อย​ผู้​นี้​กัน​เล่า​

“อาจารย์​ของ​เจ้าคือ​ผู้ใด​” ฮ่องเต้​ถาม

“ตอนนั้น​หม่อมฉัน​ยัง​ไม่ได้สติ​ หาก​มิได้​ใต้เท้า​เฉิน​เสาะหา​ก็​คงจะ​ไม่รู้​ว่า​มีคน​ผู้​นี้​อยู่​บน​โลก​นี้​ด้วยซ้ำ​” เฉิน​เจียว​เหนียง​เอ่ย​ “พอได้​รู้​แล้ว​ เขา​ก็ได้​จาก​โลก​นี้​ไป​แล้ว​ กระทั่ง​ชื่อเสียงเรียงนาม​ก็​ไม่ทราบ​ ทิ้ง​ไว้​เพียง​ประโยค​เดียว​ที่​ตี​แสกหน้า​ให้​หม่อมฉัน​ได้สติ​ขึ้น​”

“ใจความ​ว่า​อย่างไร​” ฮ่องเต้​เอ่ย​ถามอย่าง​ใคร่รู้​

บรรดา​ขุนนาง​ด้านนอก​ก็​อยากรู้​ไม่ต่าง​ ครา​นี้​ผู้ตรวจการ​มิได้​ตำหนิ​ขุนนาง​เหล่านั้น​ที่​ขยับ​ไป​ชิด​บานประตู​ เพราะ​พวกเขา​ก็​เงี่ยหู​คอย​ฟังอยู่​เช่นกัน​

“เจ้าคือ​ใคร​” เฉิงเจียว​เหนียง​ตอบ​

จดหมาย​ฉบับ​นั้น​ทำเอา​นาง​เกือบ​ตก​อยู่​ใน​ห้วง​นิทรา​ไม่ฟื้น​คืน​กลับมา​อีก​ ยาม​นี้​ถูก​แนบ​อยู่​ใน​อก​นาง​ แม้จะไม่รู้​ว่า​เป็น​ผู้ใด​ที่​ให้​นาง​มา แต่​ก็​ยืนยัน​ได้​ว่า​เขา​เป็น​คนเดียว​บน​โลก​นี้​ที่​รู้​ว่า​นาง​มาจาก​ไหน​

ตั้งแต่​ความทรงจำ​ฟื้น​คืน​มา นาง​ก็​จำกัด​ความคิด​ของ​ตัวเอง​อย่าง​เข้มงวด​ ทุก​ครา​ต้อง​ตัดสินใจ​ทำ​เรื่อง​เดียว​แล้วไป​ทำ​เรื่อง​นั้น​ อย่างเช่น​การ​ตามหา​ตระกูล​หยาง​ นาง​ตั้งอกตั้งใจ​มุ่งเป้า​ตามหา​ตระกูล​หยาง​ เรื่อง​อื่นๆ​ เรื่อง​ก่อน​ๆ เรื่อง​ทั้งหมด​นาง​ไม่เอา​มาคิด​ เพราะ​นาง​กลัว​ว่า​คิด​มากเกินไป​จะทำให้​ตัวเอง​รวน​

นึก​ไป​ก็​ไร้ประโยชน์​ รู้​แค่​ว่า​ตัวเอง​เป็น​ใคร​ก็​เพียง​พอแล้ว​

มือ​เฉิงเจียว​เหนียง​ที่​ตก​อยู่​บน​หัวเข่า​ขยับ​ไปมา​ สุดท้าย​จึงยับยั้ง​มัน​ไว้​ไม่ให้​ยกขึ้น​มาทาบ​หัวใจ​

ไม่ผิด​นาง​รู้​ว่า​ตัวเอง​เป็น​ใคร​ก็​เพียง​พอแล้ว​

ข้า​เป็น​ใคร​

เหล่า​ขุนนาง​ด้านนอก​พอ​ได้ยิน​คำตอบ​นี้​เข้า​ก็​ตกตะลึง​

“เรื่อง​นี้​มัน​ตี​แสกหน้า​ได้​อย่างไร​” องค์​ชาย​ใหญ่​พึมพำ​ออกมา​อย่า​งอด​ไม่ได้​

“นี่​ย่อม​เป็น​คำ​ที่​ใช้ตี​แสกหน้า​เพื่อ​เตือนสติ​แน่นอน​” เฉินเซ่า​มอง​เขา​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​ กระซิบ​ทูล​ว่า​ “นักปราชญ์​ค้นหา​ความจริง​เรื่อง​นี้​มาทั้ง​ชีวิต​ เขียน​ตำรา​คัมภีร์​ออกมา​มากมาย​ ใจความ​มีเพียง​หนึ่งเดียว​นั่น​ก็​คือ​ตระหนัก​รู้​ รู้​ว่า​ตน​เป็น​ใคร​ จำได้​ว่า​ตน​เป็น​ใคร​ ประโยค​นี้​พูด​ง่าย​แต่​ตอบ​ยาก​ ลงมือทำ​ยิ่ง​ยาก​”

องค์​ชาย​ใหญ่​แอบ​เบะ​ปาก​ แต่​เฉินเซ่า​เคย​เป็น​อาจารย์​เขา​มาก่อน​ เขา​จึงไม่อาจ​แสดงท่าที​จาบจ้วง​ต่อ​อาจารย์​ได้​ จึงค้อมตัว​ขานรับ​

ทาง​ด้าน​นี้​ทุกคน​ยังคง​ฟังกัน​ต่อไป​ ทว่า​เสียง​ใน​ห้อง​ด้าน​นั้น​กลับ​เงียบกริบ​

“ไป​เถิด​” ฮ่องเต้​เอ่ย​ขึ้น​

พอ​ประโยค​นี้​จบ​ลง​ องค์​ชาย​ใหญ่​ก็​นิ่ง​ชะงัก​ไป​

“เหตุใด​ฝ่าบาท​ไม่ถามต่อ​พ่ะย่ะค่ะ​” เขา​โพล่ง​ถามขึ้น​

เขา​ยัง​อยาก​ฟังคำเล่าลือ​พวก​นั้น​ต่อ​อยู่เลย​ น่าสนุก​กว่า​ฟังพวก​ขุนนาง​ทะเลาะ​กัน​เสีย​อีก​ เหตุใด​จึงไม่ถามต่อ​แล้ว​เล่า​

ครา​นี้​อาจารย์​เฉินเซ่า​ไม่ได้​ตอบ​เขา​อีก​

“เพราะ​แม่นาง​แซ่เฉิงน่ารังเกียจ​” เกา​ห​ลิง​ปอ​กระซิบ​บอก​ “แค่​เรียก​นาง​เข้ามา​ก็​เกิน​พอแล้ว​”

แค่นี้​ก็​พอที่จะ​ให้​คนั้ง​แผ่นดิน​ได้​เห็น​แล้ว​ เห็น​เท่านี้​ก็​เพียง​พอแล้ว​

ฮ่องเต้​จะมากความ​กับ​หญิง​ที่​บีบบังคับ​เจต​จำนงค์​ของ​ปวงชน​และ​บีบบังคับ​พระองค์​เอง​ได้​อย่างไร​

“ฝ่าบาท​ ขง​จื่อ​กล่าวว่า​มนุษย์​มีความ​ชั่วร้าย​ทั้ง​ห้า​ ชั่วร้าย​กว่า​การปล้น​ขโมย​เสีย​อีก​ แม่นาง​เฉิงผู้​นี้​มีความ​ชั่วร้าย​สอง​ใน​ห้า​ นาง​ประพฤติ​ชั่วร้าย​ไม่แก้ไขปรับปรุง​ ใน​ใจรู้ซึ้ง​กระจ่างแจ้ง​แต่​ก็​ยัง​ทำชั่ว​ไร้​คุณธรรม​ คน​เช่นนี้​มิอาจ​ใช้ประโยชน์​และ​มิอาจ​ส่งเสริม​ให้ท้าย​ได้​” เกา​ห​ลิง​ปอ​เอ่ย​สั่งสอน​ด้วย​ความจริงใจ​

ขงจื๊อ​กล่าว​อย่างนั้น​หรือ​!

องค์​ชาย​ใหญ่​ดวงตา​เป็นประกาย​ ในที่สุด​เขา​ก็​หา​หัวข้อ​ที่​ตน​สามารถ​พูด​ได้​แล้ว​

“หนึ่ง​คือ​ประพฤติ​ชั่วร้าย​ไม่แก้ไขปรับปรุง​ สอง​คือ​ใน​ใจรู้ซึ้ง​กระจ่างแจ้ง​แต่​ก็​ยัง​ทำชั่ว​ไร้​คุณธรรม​ สามคือ​หน้าซื่อใจคด​แต่​พูดจา​เสีย​มีเหตุมีผล​ สี่คือ​ทุ่มเท​จดจำ​ใน​สิ่งที่​ชั่วร้าย​น่ารังเกียจ​และ​เอา​มาคละปน​กัน​ยุ่ง​ ห้า​คือ​ชื่นชม​เห็นชอบ​ด้วย​กับ​การกระทำ​และ​คำพูด​ที่​ผิด​ ซ้ำยัง​เติม​แต่ง​ให้​ดูดี​” เขา​เอ่ย​ขึ้น​

เกา​ห​ลิง​ปอ​อมยิ้ม​พยักหน้า​

“ฝ่าบาท​แตกฉาน​ใน​คัมภีร์​ ปกิณกะ​ต่างๆ​ นัก​ รู้จัก​แหล่งที่มา​ที่​ไป​และ​ตีความ​ได้​อย่างใจ​นึก​ ช่างทรง​ประ​ปรีชา​ยิ่ง​” เขา​เอ่ย​

องค์​ชาย​ใหญ่​ยิ้มแย้ม​อย่าง​สงบเสงี่ยม​และ​ภาคภูมิ​

“คิด​จะให้​ฮ่องเต้​ทรง​ตก​อยู่​ใน​อธรรม​ นี่​คือ​คน​ชั่วช้า​” เกา​ห​ลิง​ปอ​เอ่ย​ต่อ​

ภายใน​ท้องพระโรง​ไม่มีใคร​สนใจ​ใคร่รู้​เหมือน​เมื่อ​ครู่​อีกแล้ว​ สำหรับ​ผลลัพธ์​ใน​ครั้งนี้​ทุกคน​ต่าง​คาดเดา​อยู่​ใน​ใจได้​นาน​แล้ว​ เมื่อ​ครู่​ที่​สนใจ​ก็​แค่​เพียง​เพราะ​ตัว​แม่นาง​เฉิงเท่านั้น​

เรื่อง​ว่า​จะจัดการ​เฉินเซ่า​อย่างไร​อาจจะ​พัก​ไว้​ก่อน​ โจว​เฟิ่งเสียง​แห่ง​ทัพ​ตะวันตกเฉียงเหนือ​ไสหัวไป​แล้ว​ จะวางตัว​ให้​ผู้ใด​ไป​แทน​ดี​นะ​ เพราะ​เหล่า​แม่ทัพ​ขุนนาง​ที่​ถูก​ลดขั้น​ไป​เพราะ​คดี​ของ​หวัง​ปู้​ถังก็​น่าจะ​กลับมา​ระดมกำลัง​กัน​แล้ว​เช่นกัน​…

ความคิด​ของ​เกา​ห​ลิง​ปอ​ล่องลอย​ออก​ไป​ไกล​ เขา​ไม่กังวล​ว่า​หญิง​นาง​นั้น​จะใช้อำนาจ​บีบบังคับ​พูดคุย​ต่อหน้า​ฮ่องเต้​ อาจ​เรียก​ได้​ว่า​รอคอย​อย่าง​ใจจดใจจ่อ​ให้​นาง​พูด​เช่นนั้น​ด้วยซ้ำ​ ตะโกน​โวยวาย​ต่อ​ฮ่องเต้​ได้​ยิ่ง​ดี​ หาก​มีราษฎร​แสดง​กิริยา​เช่นนั้น​เหล่า​องครักษ์​เวร​ยาม​นอก​ตำหนัก​สามารถ​สังหาร​นาง​ ณ ที่​นั้น​ได้​

หาก​ตาย​ไป​จริงๆ​ ก็​ยิ่ง​ดี​ ถึงเวลา​นั้น​ก็​บอก​ไป​ว่า​นาง​ถูก​หลูเจิ้ง​กับ​เฉินเซ่า​หลอกลวง​ปลุกปั่น​ เอา​เจต​จำนงค์​ของ​ปวงชน​มาไว้​ที่​บ่า​พวกเขา​ ไม่ต้อง​ให้​ตัวเอง​ลงมือ​ เฉินเซ่า​ก็​จะถูก​เชิญให้​ออกจาก​รา​ชกา​ร.​..

หาง​ตา​เขา​มอง​ไป​ยัง​เฉินเซ่า​ เฉินเซ่า​สีหน้า​ยัง​เหมือนเดิม​ ขณะนั้น​เอง​อีก​ด้าน​หนึ่ง​มีลม​พัด​วูบ​ขึ้น​มาโดยพลัน​ เสียง​ฝีเท้า​ก็​ดัง​ขึ้น​

เกา​ห​ลิง​ปอ​หันไป​มอง​โดยสัญชาตญาณ​ เห็น​จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ก้าว​เข้าไป​ยัง​ตำหนัก​หลัง​อย่าง​คาดไม่ถึง​

ไอ้​สารเลว​นี่​! เกา​ห​ลิง​ปอ​โมโห​โกรธา​ขึ้น​

“บังอาจ​นัก​! เข้าไป​โดย​ไร้​พระบรมราชโองการ​รับสั่ง​!” เขา​ตะคอก​ด้วย​ความ​เดือดดาล​อย่าง​ปิดไม่มิด​

คนอื่น​ใน​ตำหนัก​ยัง​ไม่ทัน​ได้สติ​ เสียง​ของ​เกา​ห​ลิง​ปอ​ยัง​ไม่ทัน​จะดัง​ขึ้น​ข้าง​หู​ เสียง​ของ​จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ก็​ดัง​ขึ้น​ก่อน​แล้ว​

“แม่นาง​แซ่เฉิง ใน​เมื่อ​เจ้าจดจำ​คำ​นี้​ได้​ขึ้นใจ​ แล้ว​เหตุใด​จึงก่อเรื่อง​ไม่รู้จัก​ฟ้าสูงแผ่นดิน​ต่ำ​เช่นนี้​ ราชสำนัก​มีขื่อ​มีแปร​ เจ้าไม่สนใจ​ เจ้าโกรธแค้น​เดือดดาล​ เหตุใด​ไม่ร้องทุกข์​ตาม​กฎ​ธรรมเนียม​ เจ้าเอง​ก็​ยัง​รู้ดี​จึงได้​ตั้ง​กฎ​สามข้อ​นั้น​ขึ้น​มา กระทั่ง​องค์​ชาย​เจ้ายัง​ไม่ยอม​ช่วยชีวิต​ แล้ว​เหตุใด​จึงไม่สนใจ​กฎ​ธรรมเนียม​ของ​ราชสำนัก​ ไม่สนใจ​กฎ​ของ​แผ่นดิน​!”

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง

Score 10
Status: Completed

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค แนวแก้แค้นสุดแสบฉบับหมอเทวดาสุดสวย! ผลงานจากผู้เขียน ‘หวนชะตารัก’


เฉิงเจียวเหนียงก็เป็นแค่เด็กสติไม่สมประกอบคนหนึ่งไม่ใช่หรือ แต่เหตุใดนางถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่เฉิงเจียวเหนียง?’

ภาพความทรงจำประหลาดมากมายปรากฏขึ้นมาในหัวของเด็กสาวคนหนึ่ง…

ภาพของเฉิงเจียวเหนียง คุณหนูที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในวัดเต๋า แต่จู่ๆ กลับมีเหตุการณ์ฟ้าผ่าครั้งใหญ่ใจกลางวัดจนทำให้นางสลบไป

เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าแม้ร่างกายจะหายดีเป็นปกติ แต่ความทรงจำของนางกลับหายไปหมดสิ้น

นางจึงตัดสินใจกลับมายังบ้านตระกูลเฉิงเพื่อตามหาความทรงจำที่แท้จริงของตัวเอง

และระหว่างทางกลับบ้าน นางก็ค้นพบความสามารถพิเศษในการรักษาคน

กระทั่งใช้ทักษะนี้ รักษาคนไข้จนเลี้ยงตัวเองได้และกลายเป็นที่เลื่องลือในฐานะ ‘หมอเทวดา’

ทว่าทันทีที่คนในตระกูลทราบข่าวการกลับมาของนาง พวกเขากลับมิได้ยินดีแม้แต่น้อย

…แต่ถึงอย่างไร ก็อย่าหวังว่านางจะเป็นเหยื่อให้ใครกลั่นแกล้งเหมือนเมื่อก่อน!

และหากจะมีศึกใดที่น่าตื่นใจ… สำหรับนางแล้วก็เห็นจะเป็นศึกในบ้านตระกูลเฉิงหลังนี้นี่แหละ!

Options

not work with dark mode
Reset