หลังจากชนหมัดกัน ก็ได้รู้ว่าแซคเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้แต่กำเนิด แบบเดียวกับจักรพรรดิดาบไร้ประสบการณ์นั่น
ในฐานะผู้ที่ไร้พรสวรรค์อย่างฉัน การได้ประมือกับแซคที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ ทำให้สนุกเกินคาดจนใจเต้นแรงหลังจากที่ไม่ได้เป็นมานาน
เพราะจดจ่อเกินไปละมั้ง ทำให้ไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งถูกเรียกชื่อ พอหันหน้าไปทางต้นเสียง ก็เจอกับชายสองคนกำลังกดหน้าผากลงกับพื้น
พอจำคนพวกนี้ได้อยู่ เป็นฮันเตอร์ที่เข้ามายุ่มย่ามกับฉันก่อนหน้านี้สินะ ชายตัวสูงผมทองตาขวาง ไลก้าที่เคยดูหมิ่นฉันอย่างโจ่งแจ้ง เป็นสถาณการณ์ที่ไลก้าคนนั้นถึงกับยอมอยู่ในสภาพอับอายขนาดนี้ต่อหน้าฉัน ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมาจริงๆแล้วสิ
“เกิดอะไรขึ้น บอกรายละเอียดมาหน่อย”
“พะ-เพราะฉัน พวกพ้องถึง! เมืองถึง!”
ไรก้าไม่อาจระงับอารมณ์รุนแรงในใจจนเผลอพูดออกมาอย่างร้อนรน พร้อมกับน้ำตาไหลพราก
แทนไรก้าที่กำลังสับสนจนพูดไม่เป็นคำ ชายผมดำหมวกฮู้ดคลุมหัวที่อยู่ข้างๆจึงเป็นฝ่ายพูดแทน
“สาเหตุมาจากการกระทำอันไม่ระวังของพวกเรา ทำให้เมืองบัลเซ่ต้องตกอยู่ในอันตรายครับ ได้โปรด ให้พวกเรายืมพลังด้วยเถอะครับ!”
อธิบายสั้นๆได้ใจความ
บัลเซ่กำลังตกอยู่ในอันตรายงั้นเหรอ เมืองนั้นมีอาร์โนลด์กับยัยหนูทาสอยู่ ไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามได้
ให้มันได้อย่างงี้สิน่า มีแต่ปัญหาถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน
ต่อมา มีหญิงสาวผมทองผูกหางม้าวิ่งเข้ามาใกล้ลานประลองในสภาพหืดขึ้นคอและ
“คุณไค ไฮเนมัน หน้าหน้ากิลด์ฮันเตอร์แห่งเมืองบัลเซ่——ราล์ฟ เอ็กเซล ขอความร่วมมือในการช่วยปราบปรามอสูรระดับ 【ภูมิภาค】ค่ะ ได้โปรดช่วยเมืองบัลเซ่ของพวกเราด้วยค่ะ!”
ตะโกนออกมา แม่หนูคนนี้ คุณหนูพนักงานต้อนรับกิลด์ฮันเตอร์ของเมืองบัลเซ่ ชื่อมีอารึเปล่านะ ถ้อยคำของมีอาทำให้ที่จัดงานประลองเริ่มส่งเสียงเอะอะราวกับเสียงป่าไม้ที่กำลังสั่นไหว
“ฉันขอถอนตัวจากงานประลองครั้งนี้”
พอบอกแค่นั้นสั้นๆกับผู้เฒ่าอารอน ฉันก็ลงจากลานประลองและมุ่งหน้าไปหาทั้งสามคน
“ไปกันเถอะ ช่วยเล่ารายละเอียดของสถาณการณ์ให้ฟังด้วย”
ฉันประกาศกร้าวและเริ่มออกเดิน
พวกโรสกับแอสต้ารออยู่หน้าที่จัดงานก่อนแล้ว เลยมุ่งหน้าไปที่ลานกว้างใกล้ๆพร้อมกัน
ผู้เฒ่าอารอนกับแซคก็ตามมาด้วย ไม่มีเรื่องที่ต้องปิดบังเป็นพิเศษอยู่แล้ว เลยปล่อยให้ตามมา
ฟังเรื่องจากทั้งสามคนที่ลานกว้าง
“งั้นเหรอคะ มีอสูรเขตลึกในบัลเซ่……”
โรสทำหน้าเคร่งขรึมพึมพำกับตัวเอง
ดูเหมือนว่า พวกไรก้าจะใช้ไอเทมที่ชายปริศนามอบให้เข้าสำรวจ【วิหารโบราณ】ในส่วนลึกของมหาพงไพรซิลเก้ และติดกับดักเข้า ทำให้นอกจากฮุกและไรก้าทุกคนถูกกวาดล้าง หลังจากนั้น ดูเหมือนอสูรจากเขตลึกจะเข้าโจมตีบัลเซ่
คนที่บอกให้มาขอความช่วยเหลือจากฉันก็คงไม่พ้นอาร์โนลด์ หมอนั่นประเมินฉันไว้สูงเกินความจำเป็นด้วยสิ
“แล้ว แอสต้า เธอพอรู้อะไรบ้างรึเปล่า?”
ถึงจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ บางทีแอสต้าก็รอบรู้อย่างน่าประหลาด
“น่าเสียดาย ข้าน้อยไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกไหนก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจช่วยพิจารณาได้”
ดูเหมือนจะไม่ได้โกหก อันที่จริงก็ดูออกแหละว่าไม่ได้สนใจสถาณการณ์ในตอนนี้เลยสักนิด ก็ยัยนี่เป็นพวกเก็บอารมณ์ทางสีหน้าไม่อยู่น่ะนะ
พอหันไปมองฟาฟที่อยู่ข้างๆ ก็กำลังสัปหงกเกาะแขนเสื้อฉันอยู่ จะว่าไปตอนนี้เป็นเวลานอนกลางวันนินะ
สภาพแบบนี้ถึงจะถามฟาฟไปก็คงไม่ได้ประโยชน์
“เอาเป็นว่า มีแต่ต้องกลับไปให้ถึงบัลเซ่ก่อน”
ที่เหลือค่อยไปคิดเอาตอนนั้น เอาเถอะ คงพอทำอะไรได้แหละ
“แล้ว?จะทำยังไง จากที่นี่ไปบัลเซ่ ถึงจะให้รถม้าวิ่งหามรุ่งหามค่ำอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาวันครึ่ง ถึงจะไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วป่าว?”
แซค นี่นาย กำลังสนุกอยู่สินะ แถมแทรกแซงอย่างกระตือรือร้นซะด้วย และ—
“อุมุ เรื่องแบบนั้นไม่ถึงกับต้องให้เจ้าหนูแซคบอก ถ้าเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าเจ้าละก็ต้องรู้อยู่แล้วละน้อ?ข้าก็สนใจตรงนั้นเช่นกัน”
ผู้เฒ่าอารอนลูบเคราตัวเองพร้อมกับกล่าวคำให้ความสนใจเหลือล้นออกจากปาก
“ไค?”
โรสมองมาด้วยสายตาอ้อนวอน
“เข้าใจแล้ว”
ฉันถอนหายใจพร้อมกับดึงเอา【หนังสือภาพปราบปราม】ออกจากไอเทมบ็อก เปิดไปยังหน้าที่เข้าข่ายที่สุดและทำการ【ปลดปล่อย】
นกยักษ์ประหลาดปรากฏตัวออกมาต่อหน้า บอสชั้น700——-ฟีนิกซ์ นกอมตะเก๊ ที่ปลอมแปลงชื่อเดียวกับนกเทพ
ลูกนกที่ร้องขออาหาร ไม่ตายไม่ตาย จนน่ารำคาญ เป็นนกประหลาดไร้ซึ่งความอดทน พอสับจนตายจริงๆก็ดันขึ้นสวรรค์ไปซะง่ายๆ
『โอ้ว นายเหนือหัวสูงสุดผู้น่ายำเกรง มีเหตุอันใดให้ข้าผู้นี้รับใช้รึขอรับ?』
นกศักดิ์สิทธิ์(ฟีนิกซ์)ที่เข้ามาอยู่ในวิสัยทัศน์ ห้อยคอแนบพื้นทั้งๆแบบนั้น
“จริงดิ อำนาจทั้งหมดใน【บททดสอบของเหล่าทวยเทพ】ถูกยึดไปแล้วงั้นรึ!?ทำเรื่องที่ไม่ควรทำแบบนั้นได้ลงคอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!!”
แอสต้าเหงื่อไหลพรากพร้อมกับขบเล็บหัวแม่มือเสียงดังและเริ่มพึมพำกับตัวเอง
ยัยแอสต้า น่าขยะแขยงกว่าทุกทีแฮะ อืม ปล่อยไปแล้วกัน แบบนั้นแหละดีที่สุด
จะว่าไป ยกเว้นฟาฟที่กำลังขยี้ตา ทุกคนก็เอาแต่เงยหน้าขึ้นมองอ้าปากค้างพูดไม่ออกตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว อะไรน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอเจ้านี่น่ะ
“ช่วยพาฉันไปส่งให้ถึงที่หมายหน่อย”
『ตามประสงฆ์ของนายเหนือหัวแห่งข้า』
พวกเราทุกคนลอยขึ้นและลงจอดที่หลังของฟีนิกซ์ ฟินิกซ์ครอบครองพลังอยู่สามอย่าง ได้แก่ ไฟ ลม และการเกิดใหม่ ที่ใช้พาพวกฉันขึ้นหลังก็น่าจะเป็นพลังลม
“ถ้างั้น จากตรงนี้ช่วยมุ่งหน้าไปจนถึงเมืองทางเหนือที”
『รับทราบ!』
นกประหลาดอมตะ——ฟีนิกซ์ สยายปีกและเริ่มออกบินด้วยความเร็วสูง