ณ ชายขอบลานประลอง อารอนเฝ้าดูการต่อสู้เหนือสามัญสำนึกอันบ้าคลั่งครั้งนี้ ด้วยสายตาว่างเปล่า
ทั้งการแตะและต่อยของแซคแหวกได้แม้กระทั่งอากาศ
“โอ้!?”
คงย่ำเท้าเข้าไปลึกเกินกระมัง เลยถูก ไค ไฮเนมัน ขัดขา ทำให้ตัวกลิ้งหลายตลบจนหลังกระแทกพื้น ไค ไฮเนมันหมุนจุดศูนย์ถ่วงเล็กน้อยเพื่อหลบแซคที่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับพุ่งเข้าใส่อย่างห้าวหาญ
นั่นมันจิตสัมผัสงั้นรึ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ คิดเป็นอย่างอื่นนอกจากนั้นไม่ได้แล้ว
คงจะจับสัมผัสพฤติกรรมที่แซคแสดงออกมาเพียงเล็กน้อย เช่น สีหน้า กิริยาท่าทาง แนวสายตา รวมถึงการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ จากข้อมูลเหล่านั้นและทำการอ่านล่วงหน้า คงถูกยกระดับไปจนถึงมองเห็นอนาคตแล้วเป็นแน่
“อา……”
เสียงแห่งการชื่นชมหลุดออกจากปาก
ใช่แล้ว สายตาที่สามารถมองเห็นล่วงหน้าได้สำหรับนักสู้แล้ว ถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของศิลปะการต่อสู้และในขณะเดียวกันก็ถือเป็นแก่นแท้ของวิถีต่อสู้ทั้งมวลด้วย ในอีกความหมาย มันคือเป้าหมายในอุดมคติที่นักสู้อย่างพวกอารอน ไล่ตามอย่างเอาเป็นเอาตายนั่นเอง นักสู้ทุกคนรวมถึงอารอน หมั่นขัดเกลาทุกวันก็เพื่อฝันว่าจะไปถึงจุดนั้นได้สักครั้งในชีวิต สิ่งที่ไค ไฮเนมัน แสดงให้เห็นอยู่ตรงหน้า สำหรับนักสู้แล้วมันคือเขตแดนขั้นสูงที่อยู่ในนิทานปรัมปรา
“มันเป็นเช่นนั้นเองรึ……”
ก่อนจะรู้ตัวน้ำตาก็ไหลพรากออกจากตาทั้งสอง ไม่นึกเลยว่าในตอนยังมีชีวิตอยู่จะได้เห็นมันกับตาจริงๆ
แซค ปล่อยลูกเตะเล็งไปยังส่วนหัวของไค ไฮเนมัน แน่นอนว่าถูกหลบ แซค กระโดดขึ้นกลางอากาศทั้งๆแบบนั้นหมุนตัวอย่างรวดเร็ว ทุบหมัดขวากับพื้นและปล่อยลูกเตะที่เต็มไปด้วยแรงเหวี่ยงออกจากจุดศูนย์กลาง คลื่นกระแทกจากเท้าขวาของแซคทำให้พื้นหินของลานประลองแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ ไค ไฮเนมัน กลับไปยืนอยู่ข้างหลังของแซคตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“อ้าก!!”
แซค คำรามราวกับสัตว์ร้ายถีบพื้นเพื่อถอยห่างแต่ กลับถูกไค ไฮเนมัน เตะยกขึ้นจนตัวหมุนหลายตลบลอยไปจนถึงขอบลานประลอง
แซคลุกขึ้นพร้อมกับอาการมึนงง ใบหน้านั้นไม่มีแม้กระทั่งความเสียใจหรืออับอาย มีเพียงความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้สู้กับผู้ที่แข็งแกร่งจนตนไม่อาจเทียบเคียงได้
“นี่ข้ากำลังอิจฉาอยู่งั้นรึ……”
ใช่แล้ว อารอนกำลังอิจฉาแซค ที่ได้เข้าท้าทายกับตัวตนที่อยู่ในแขตแดนแห่งเทพสงคราม กล่าวคือ สิ่งนั้นเป็นทั้งความฝันและเกียรติยศของนักรบเลยก็ว่าได้ จนเกิดความเศร้าใจอย่างบ้าคลั่งที่ ผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่ตน
“เจ็บใจนัก”
จะให้เทพสงครามผู้นั้นเข้าร่วมกับสำนักไคเอน? โง่เง่าสิ้นดี นั่นน่ะราวกับคนที่พึ่งจับดาบเป็นครั้งแรกไปขอให้อาจารณ์ผู้สอนมาเป็นลูกศิษย์ก็ไม่ปาน
ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว แต่สภาพแบบนั้นแซคคงไม่ยอมหยุดและเทพสงครามผู้นั้นก็ยอมรับความตั้งใจของแซค คงจะยอมอยู่ด้วยไปจนกว่าแซคจะขยับไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียวเป็นแน่
“ไม่อยากให้หยุดสินะ”
นั่นเป็นความปรารถนาสูงสุดของแซคในตอนนี้ ไม่มีทางที่อารอนจะเข้าไปขวางได้ มีแต่ต้องทนดูไปจนถึงที่สุดเท่านั้น
เวลาต่อมา ตอนที่กำลังทำตัวตามสบายอยู่บนลานประลอง มุมหนึ่งของวิสัยทัศน์ก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังวิ่งออกมาจากทางเดิน
เหล่าพนักงานจัดงานประลองเข้าไปสกัดทั้งสองที่กำลังเข้าใกล้ลานประลอง การกำจัดผู้บุกรุกไร้มารยาทเป็นสิ่งที่สมควรแล้วแต่ ทันทีที่ทั้งสองถูกกดลงกับพื้น ไม่ทันไรก็
“ไค ไฮเนมัน! เมืองบัลเซ่กำลังแย่แล้ว! ขอร้องล่ะ! ช่วยพวกเราด้วย!!”
ชายหนุ่มผมทองกดหน้าผากลงกับพื้นและตะโกนก้อง
เป็นครั้งแรกที่ไคไฮเนมัน ละสายตาจากแซค แล้วหันไปหาทั้งสองที่อยู่ข้างลานประลอง
ดูเหมือนแซคก็สัมผัสถึงความผิดปกติได้เหมือนกัน จึงหยุดและกอดอกดูสถาณการณ์
“เกิดอะไรขึ้น?บอกรายละเอียดมาหน่อย”
ไค ไฮเนมัน ถามเช่นนั้นออกมาอย่างเงียบๆ