บ่วงมาร 46

ตอนที่ 46

“เขาโทรหาผม ตอนที่ผมกำลังจะขึ้นเครื่องบินกลับเซาเปาโล…”

เอเดนพูดขึ้นมาเมื่อพาหญิงสาวขับรถออกมาห่างไกลจากเพ้นเฮ้าส์ของเดนนิส โอซิลแล้ว นาริกายิ้มบางๆ ให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง

“ริก้าขอโทษค่ะที่ทำให้คุณเอเดนต้องวุ่นวาย…”

“ผมไม่ได้อยากให้คุณสำนึกผิด แต่ผมอยากให้คุณบอกผมว่า ทำไมคุณกับเขาถึงไม่ได้คืนดีกันอยากที่ผมกับมาร์คอสคิดว่ามันควรจะเป็น” คำถามของเอเดนทำให้หล่อนนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะตัดสินใจตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น

“ก็เพราะว่าเขาไม่ได้รักริก้ายังไงล่ะคะ”

“แต่พเยียบอกว่าเดนนิสรักคุณ…”

นาริกาหัวเราะออกมาด้วยความขมขื่น “มันก็แค่สิ่งที่เขาแสดงออกมายามที่ต้องการระบายความใคร่เท่านั้นเองค่ะ เดนนิส โอซิลเกลียดริก้า เขาคิดเสมอว่าริก้าร่วมมือกับคุณมาร์คอสเพื่อทำให้เขาติดบ่วงน่ารังเกียจนี้ และที่เขาต้องจดทะเบียนสมรสกับริก้าก็เพราะเขาไม่มีทางเลือก…”

“แต่ผมคิดเหมือนกับพเยีย… เดนนิสรักคุณ”

หญิงสาวส่ายหน้าไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด “ริก้าขอบคุณมากนะคะที่คุณเอเดนพยายามจะทำให้ริก้ารู้สึกดี แต่สิ่งที่คุณเอเดนพยายามจะพูดออกมานั้นมันมีแต่ทำให้ริก้าเจ็บปวดค่ะ เพราะมันไม่ใช่ความจริง…”

“ผู้ชายบางคน… จะแสดงสิ่งที่ตรงกันข้ามกับหัวใจเสมอ”

“เพราะอะไรล่ะคะ?” นาริกาถามเสียงหยัน

“ก็เพื่อป้องกันความอ่อนแอของหัวใจตัวเองยังไงล่ะ ผู้ชายพวกนี้หยิ่งในศักดิ์ศรี เคยชินกับการออกคำสั่งและการถูกเอาใจ เขาไม่เคยต้องให้ความรักกับใคร มีแต่คนมอบความรักให้ และเมื่อวันหนึ่งเกิดรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักใครเข้าสักคน เขาจะต่อต้านอย่างรุนแรงทันที ต่อต้านจนไม่สนใจผลกระทบที่จะตามมา…” เอเดนหันมาจ้องหน้าหล่อนแทนท้องถนนอีกครั้ง

“ซึ่งผมคิดว่าเดนนิส โอซิลก็คือผู้ชายจำพวกนี้…”

นาริกาอึ้งไปนาน ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “เขาอาจจะเป็นผู้ชายประเภทนี้ แต่เขาไม่มีทางรักริก้า… เขาพร่ำบอกทุกวันว่าเขาเกลียดริก้า”

“เขาเคยมีผู้หญิงอื่นนอกจากคุณหรือเปล่าล่ะนาริกา” ในที่สุดเอเดนก็หักพวงมาลัยรถเข้าข้างทาง และหันมาทำหน้าจริงจังใส่หล่อน

หญิงสาวส่ายหน้า “ริก้าไม่เคยเห็น… เขาไม่เคยพาใครมาเลย”

“แล้วเขาเคยแสดงท่าทางไม่ใส่ใจคุณไหมตอนที่อยู่ตามลำพังกับคุณน่ะ”

คำตอบก็คือไม่เคย เดนนิสสนใจหล่อนในทุกๆ วินาทีที่อยู่ด้วยกัน เขาดื่มด่ำ ตักตวงทุกหยาดหยดความหวานจากเรือนกายสาวของหล่อน เขาตะกละตะกลามทุกครั้งกับเซ็กซ์ที่มีร่วมกัน

เอเดนเห็นนาริกาหน้าแดงก่ำก็รู้คำตอบทันที “แล้วเขาแสดงท่าทางหึงหวงคุณไหม เวลาที่คุณอยู่กับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เขาน่ะ”

ภาพของเดวิดที่ถูกเดนนิสอัดซะยับผุดขึ้นมาในสมอง และนั่นก็ทำให้นาริกาต้องพยักหน้ารับช้าๆ “เคยค่ะ แต่ริก้าคิดว่า… เขาคงยังไม่เบื่อเท่านั้นเอง”

“ความคิดของผู้ชายไม่เหมือนความคิดของผู้หญิงหรอกนะนาริกา ผมเป็นผู้ชายจำพวกเดียวกับเขา ผมรู้ดีว่าเดนนิสกำลังรู้สึกอะไรอยู่ เขากำลังจะบ้า เพราะคุณเดินจากมาพร้อมกับผม รู้เอาไว้ซะด้วย…”

“แต่เขาไล่ริก้าคุณก็เห็นนี่คะ เขาไล่ริก้ายังกับหมูกับหมา เขาใจร้าย…”

“ใช่ ผมเห็นด้วยกับคุณเรื่องความใจร้ายของเขาน่ะ แต่ผมก็เห็นใจเขานะ ที่เขาไม่สามารถพูดคำว่ารักเพื่อรั้งคุณเอาไว้ได้ บางทีเขาอาจจะยังไม่มั่นใจในตัวคุณก็ได้นาริกา… เขาคงอยากให้คุณบอกรักเขาก่อน”

นาริกาแค่นยิ้มหยัน น้ำตาทะลักทลายออกมาไม่หยุด “มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ ในเมื่อริก้าบอกเขาไปหลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่เคยเชื่อ”

“เป็นผมก็ไม่มีทางเชื่อเหมือนกันนั่นแหละ ก็ไอ้ความสัมพันธ์ของคุณกับเขาน่ะมันไม่ได้เริ่มต้นด้วยความจริงใจนี่ คุณร่วมมือกับมาร์คอสหลอกเขาไม่ใช่หรือ แล้วจะให้เขาเชื่อใจคุณง่ายๆ ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากทีเดียว”

“ริก้าไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณเอเดนกำลังจะทำอะไร แต่ริก้าไม่อยากพูดถึงเขาอีก ริก้าจะตัดใจจากเขา”

เอเดนหัวเราะเบาๆ มองหล่อนอย่างรู้ทัน “คุณไม่มีวันตัดใจจากเดนนิส โอซิลได้หรอกนาริกา ผมมั่นใจ”

หญิงสาวคอแข็งทันทีเมื่อได้ยินคำสบประมาทของผู้ชายตรงหน้า “ริก้าจะพยายามให้ถึงที่สุด แม้มันจะต้องใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีก็ตาม”

“ผมว่าต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิต คุณก็ไม่มีทางตัดใจจากผู้ชายคนนั้นได้ คุณรักเขามากนะนาริกา ผมว่าสิ่งที่คุณควรจะทำในตอนนี้ก็คือ ทำยังไงก็ได้ให้เขายอมบอกว่ารักคุณ…”

“ริก้าจะไม่ทำแบบนั้นอีก… ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะ คุณเอเดน แต่ริก้าทำไม่ได้ค่ะ”

แล้วหล่อนก็เลือกที่จะหันหน้าหนีมองออกไปนอกกระจกรถ ความมืดมิดที่โรยตัวอยู่ตรงหน้าหาได้น่ากลัวเท่ากับความมืดบอดของหัวใจเดนนิส โอซิลเลยแม้แต่นิดเดียว เขาใจร้าย ใจดำ และทำทุกอย่างเพื่อให้หล่อนเจ็บปวด ไม่มีทางที่เขาจะรักหล่อนอย่างที่พเยียและเอเดนพยายามบอกอย่างแน่นอน

“กลับเซาเปาโลกันเถอะค่ะ ริก้าไม่อยากอยู่เมืองไทยอีกแล้ว…”

เอเดนถอนใจออกมาแรงๆ ปวดหัวกับทิฐิของหนุ่มสาวสองคนนี้เสียจริงๆ “ถ้าคุณต้องการแบบนั้น ผมก็ไม่ขัดข้อง แต่ผมขอเตือนเอาไว้อย่างหนึ่งว่า รักแท้มันหายากแค่ไหนในโลกใบนี้ และหากค้นพบแล้วแต่ปล่อยให้มันหลุดมือไป คุณก็จะไม่มีวันได้มันกลับคืนมาอีก และแน่นอนว่าจะต้องอยู่กับความเสียดายไปตลอดชีวิต”

คู่สนทนาหนุ่มเตือนสติได้อย่างยอดเยี่ยม แต่หล่อนไม่ใช่รักแท้ของเดนนิส โอซิล “อยู่กับความเสียดายมันก็ยังดีกว่าอยู่กับความเสียใจไปตลอดชีวิตไม่ใช่หรือคะ”

หนุ่มนัยน์ตาสีทองอร่ามเป่าปากพ่นลมออกมาอีกครั้งแรงๆ อย่างอ่อนอกอ่อนใจ นาริกาใจแข็งกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก

“ผมจะพาคุณกลับเซาเปาโล…”

“ขอบคุณค่ะ คุณเอเดน… ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”

และรถคันงามก็เคลื่อนออกจากฟุตบาทมุ่งหน้าสู่สนามบินทันที ตลอดทางนาริกาได้แต่ปล่อยหัวใจให้จมกับความเจ็บปวด ปล่อยตัวเองให้คิดถึงเดนนิส โอซิลอีกครั้ง ซึ่งหวังเอาไว้ลึกๆ ภายในอกว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย แต่แน่นอนว่ามันไม่มีทางเป็นจริงไปได้

ในเมื่อทั้งหัวใจของหล่อนตกอยู่ในอุ้งมือซาตานของเขาเสียทั้งดวง

Options

not work with dark mode
Reset