บ่วงมาร 45

ตอนที่ 45

เดนนิสหัวเราะเยาะตัวเองออกมาดังลั่น และนั่นก็ทำให้นาริกาที่ยืนรอฟังคำตอบจากริมฝีปากหยักลึกอดตกใจไม่ได้

“ฉันไม่ขัดข้องอยู่แล้ว…” น้ำเสียงของประโยคนี้ของเดนนิสช่างแผ่วเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ

“อยากจะไปแรดร่านที่ไหนก็เชิญ…”

แทนที่นาริกาจะรู้สึกดีใจที่เดนนิสมอบในสิ่งที่ตัวเองต้องการให้อย่างง่ายดาย ตรงกันข้ามหญิงสาวกลับรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเดิมเป็นล้านเท่าพันเท่า นี่เขาไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งหล่อนเอาไว้เลยหรือยังไงนะ ทำไมถึงคิดจะปล่อยหล่อนไปง่ายดายเพียงนี้ หญิงสาวถามตัวเองลั่นอยู่ภายในอก และก็ได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด นั่นก็คือเพราะเดนนิสไม่ได้รักหล่อนยังไงล่ะ แถมตอนนี้เขาก็เบื่อหล่อนแล้วด้วย

น้ำตาแห่งความเสียใจทะลักออกมาอาบแก้ม แต่คนมองอย่างเดนนิสกลับคิดว่ามันคือน้ำตาแห่งความดีใจไปซะได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ดีใจที่ได้อิสรภาพจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่เชียวหรือ…” เขาหัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อ

“ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าก็แล้วกันนะที่เธอจะได้ผัวคนใหม่… และอย่าลืมนำสิ่งที่ฉันพร่ำสอนเธอไปใช้กับมันด้วยล่ะ รับรองว่ามันจะต้องร้องครางจนเสียงแหบแห้งแน่ๆ เพราะเธอน่ะร้อนฉ่ายิ่งกว่าไฟเสียอีก…”

เขาชมหล่อนด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม นาริกากัดปากแน่นจนเจ็บระบม อยากจะเข้าไปตบใบหน้าหล่อๆ ให้หายแค้นนักแต่ก็ไม่สามารถทำอย่างที่คิดได้ นอกจากยืนนิ่งและโต้ตอบเขาออกไปเสียงราบเรียบ

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ… ริก้าจะไม่ลืมใช้มันแน่…” หล่อนแสร้งยิ้มหวาน ทั้งๆ ที่ภายในเจ็บร้าวจนแสบระบม

เดนนิสบีบแก้วเหล้าในมือแน่นจนในที่สุดมันก็แตกละเอียดคามือ เศษแก้วจำนวนมากบาดลึกเข้าไปในมือใหญ่จนเลือดสดๆ ของเขาไหลออกมานองพื้น นาริกาอุทานออกมาด้วยความตกใจ ความดื้อดึง ความอวดดี และความน้อยใจบินหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้แค่เพียงความห่วงใยเพียงเท่านั้น

“เดนนิส… มือของคุณ…”

หญิงสาวพยายามจะคว้ามือเปื้อนเลือดของคู่สนทนาขึ้นมาดู แต่เจ้าของมือกลับผลักหล่อนออกห่างอย่างไม่ปรานีปราศรัย แถมยังแสดงท่าทางรังเกียจหล่อนออกมาอย่างสุดขั้วอีกต่างหาก นาริกาเจ็บปวดแต่เจ้าความห่วงใยต่อเขาดันมีมากกว่า และนั่นก็ทำให้หล่อนเลือกที่จะไม่แยแสต่อความเลือดเย็นของคนตัวโต

“อย่าได้คิดจะเข้ามาใกล้ฉันเชียวนะ!”

“แต่มือคุณเลือดออก ให้ริก้าทำแผลให้นะคะ”

“ไม่ต้องมายุ่ง… ออกไปให้พ้นจากชีวิตของฉันซะ!”

เขาแสดงท่าทางก้าวร้าวใส่หล่อนอย่างไม่ปิดบัง ความเป็นอริศัตรูฉายชัดออกมาจากดวงตาสีฟ้าจัดมหาศาล นาริการ่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด แม้หล่อนจะต้องเจ็บช้ำกับคำพูดของเขามากมายแค่ไหน แต่หล่อนก็ใจแข็งเห็นเดนนิสบาดเจ็บไม่ได้… หล่อนทำไม่ได้…!

“เดนนิส ได้โปรด… คุณควรจะให้ริก้าทำแผลให้ก่อน…”

หญิงสาววิงวอนแต่คนตัวโตไม่ใส่ใจ เขายังคงยืนนิ่งปล่อยให้เลือดสดๆ ไหลออกจากฝ่ามืออย่างไม่สะทกสะท้าน เขาไม่ได้แสดงท่าทางเจ็บปวดใดๆ ออกมาเลย มีแค่หล่อนนั่นแหละที่เจ็บแทนเขาจนแทบจะขาดใจ

หล่อนรักเดนนิส… รักเขาจนทนมองเขาทรมานไม่ได้…

“เก็บไอ้ความห่วงใยจอมปลอมของเธอเอาไว้เถอะ ฉันไม่ต้องการมัน… และถ้ามันจะทำให้เธอรีบไสหัวไปไกลๆ ล่ะก็…” เขายิ้มเลือดเย็น

“ใบหย่าฉันเซ็นเอาไว้แล้ว อยู่ในลิ้นชักหัวเตียง… หยิบเอาไปซะ แล้วไสหัวไปเสียที” ประโยคนี้ของเดนนิสแผดกึกก้องยิ่งกว่าเสียงของฟ้าผ่าเสียอีก นาริกาตัวสั่นสะท้านมองเขาอย่างวิงวอน

“ริก้ารู้ว่าควรจะรีบไป… แต่ริก้าอยากทำแผลให้คุณก่อน… เลือดคุณไหลมากแล้วนะคะเดนนิส”

แทนที่เขาจะซาบซึ้งใจ แต่เขากลับหัวเราะหยันออกมาซะนี่ “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาทำเป็นห่วงใยฉัน ฉันไม่ต้องการความห่วงใยจากผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ นาริกา… ไสหัวไปซะ ก่อนที่ฉันจะเป็นคนจับเธอโยนออกไป ไปสิ! ไปให้พ้นหน้าฉันสักที…”

คำพูดของเขาไม่ผิดจากมีดคมๆ ที่วิ่งเข้ามาตัดขั้วหัวใจ มันเจ็บปวดทรมานจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดใดๆ ได้

“เกลียดกันมากหรือคะ…?”

เดนนิสยิ้มหยัน จ้องมองหล่อนด้วยสายตาชิงชัง “มากกว่าเกลียดเสียอีกนาริกา… เธอเป็นสิ่งเดียวในโลกที่ฉันไม่อยากจะพบเจอ… และแน่นอนว่าฉันจะไม่มีวันพบเธออีก ไม่มีวัน!”

ท้ายประโยคของเดนนิสช่างหนักแน่นนัก และมันก็บ่งบอกว่าเขาสามารถทำอย่างที่พูดเอาไว้ได้จริงๆ หญิงสาวเจ็บปวดแต่ก็ไม่สามารถแสดงออกไปได้ ทำได้แค่เพียงยิ้มบางๆ ให้กับความขมขื่นที่กำลังได้รับเท่านั้น

“ริก้ารู้ค่ะ…”

“ถ้ารู้ก็รีบๆ ไปซะสิ จะอยู่รอให้ฉันไล่เธอเป็นครั้งที่ร้อยหรือไง” เขากระชากเสียงกระด้างใส่หล่อน แล้วก็ก้าวยาวๆ หายไปในอีกห้องหนึ่งซึ่งหล่อนพอจะรู้ว่ามันคือห้องทำงานของเขานั่นเองทันที ทิ้งนาริกาไว้เบื้องหลัง ให้หล่อนจมอยู่กับความเจ็บปวดแสนสาหัส

“เดนนิส…”

ม่านหมอกน้ำตาไหลซึมออกมาอาบแก้มมากยิ่งขึ้นเสียงสะอื้นไห้เล็ดลอดออกมาจากกลีบปากสีสดอย่างต่อเนื่อง และเพียงไม่นานหล่อนก็ทิ้งร่างลงกองกับพื้นอย่างน่าเวทนา ร่ำไห้ปานจะขาดใจอยู่ตรงนั้น อยู่นานแค่ไหนไม่สามารถระบุได้ แต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เดนนิสกลับมาหยุดตรงหน้าหล่อนอีกครั้ง พร้อมๆสองมือเช็ดน้ำตาที่ข้างแก้ม ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นเผชิญหน้ากับคนใจร้าย หล่อนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากมือของเขาขึ้นมามอง แล้วก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือกระดาษอะไร

ใบหย่า…

มันคือสิ่งที่หล่อนกำลังต้องการไม่ใช่หรือ แล้วทำไมหล่อนถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังอยู่บนหน้าผาสูงชัน และมีมืออำมหิตของเดนนิสอยู่ด้านหลังกันนะ

“มันคือสิ่งที่เธอต้องการ แค่เธอเซ็นชื่อลงไป เราก็จบกัน…”

หล่อนอึ้งไปนานหลายนาทีกว่าจะสามารถควบคุมสติของตัวเองได้ “ขอบคุณมากค่ะ… สำหรับความกรุณา แล้วริก้าจะรีบจัดการคืนอิสรภาพให้กับคุณโดยเร็วที่สุด”

ไม่รู้หรอกว่าเสียงของตัวเองนั้นสั่นพร่าแค่ไหน รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้หล่อนจะต้องไม่ร้องไห้ออกไปอีก หล่อนจะต้องยิ้มเข้าไว้ ยิ้มให้กับอิสรภาพของตัวเอง ยิ้มสินาริกา ยิ้มเข้าไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้จบลงสักที เพราะต่อให้พยายามยื้อต่อไปแค่ไหน แต่ผลที่จะได้รับตอบกลับมานั้นมันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย เพราะยังไงซะเดนนิส โอซิลก็ยังเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับหล่อนตลอดไป

“ขอบคุณจริงๆ”

น้ำตาทะลักออกมาเมื่อสามารถพาตัวเองมาหยุดที่หน้าประตูทางออกได้สำเร็จ เดนนิส โอซิลยืนอยู่ด้านหลังของหล่อน เขากำลังมองหล่อนอยู่ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น แต่หล่อนจะไม่สนใจเขาอีก จะไม่ฟังคำพูดเหี้ยมโหดใดๆ ของเขาอีก หล่อนจะต้องรีบไปจากที่นี่ จะต้องรีบไปจากนรกขุมนี้สักที จะต้องรีบไป… หญิงสาวยกมือขึ้นอุดปากของตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อกั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ กำลังจะเปิดประตูออกไป แต่ประตูบานตรงหน้าก็ถูกเปิดออกซะก่อน พร้อมๆ กับร่างสูงใหญ่ของเอเดน จิลาดิโน

“คุณเอเดน…”

“เดนนิสโทรเรียกให้ผมมารับคุณกลับ…”

คำตอบของเอเดนทำให้นาริกาต้องหมุนตัวกลับไปมองผู้ชายอีกคนที่กำลังยืนอยู่ด้านหลัง และสิ่งที่ได้เห็นสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้หญิงสาวเจ็บปวดแทบขาดใจ

“มาเร็วดีนี่คุณเอเดน…”

“ผมอยู่แถวนี้…”

เอเดนตอบเสียงกระด้าง จ้องมองนาริกาด้วยความสงสาร เดนนิส โอซิลไม่ใช่คนจริงๆ เขาทำร้ายผู้หญิงบอบบางอย่างนาริกาลงคอได้ยังไงกัน ไหนพเยียบอกว่าเดนนิสรักนาริกามากยังไงล่ะ

“อย่างนั้นหรือ งั้นก็รีบเอาขยะชิ้นนี้ออกไปจากเพ้นเฮ้าส์ของผมสักทีเถอะ…”

“เดนนิส… ทำไมใจร้ายแบบนี้…”

นาริกาครางออกมาด้วยความอดสู แต่เจ้าของชื่อกลับหัวเราะด้วยความสะใจ ขณะเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางของมัจจุราชผู้เหี้ยมโหด

“ก็เพราะฉันเกลียดขี้หน้าเธอยังไงล่ะ ไปซะ… อย่าให้ต้องไล่ซ้ำอีก”

“ผมรู้ว่าพื้นฐานจิตใจของคุณเป็นคนกระด้าง อำมหิต แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะกล้าทำร้ายคนที่ตัวเองรักแบบนี้ คุณมันคนขี้ขลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยจริงๆ”

เอเดนเค้นเสียงลอดไรฟันขาวสะอาดออกมาด้วยความเดือดดาล จ้องหน้าคู่สนทนาหนุ่มเขม็ง สองมือกำเป็นหมัดแน่นอยู่ข้างลำตัว

“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเอาเรื่องบ้าๆ นั้นมันจากที่ไหน แต่ผม…”

เดนนิสพูดกับเอเดน แต่สายตาจ้องมองมาที่หล่อนเขม็ง กระแสความชิงชังเต้นระริกอยู่ในดวงตาสีฟ้าจัดคู่นั้นมากมายนัก

“ไม่ได้รักผู้หญิงคนนี้ ไม่เคยรัก ไม่เคยคิดจะรัก และแน่นอนว่าจะไม่รักตลอดไป”

ชัดเจน… ชัดเจนยิ่งกว่าเขามากระซิบที่ข้างหูเสียอีก นาริกาปล่อยให้น้ำตาไหลร่วงลงมาอีกครั้งและอีกครั้ง ความเจ็บปวดหนักอึ้งอยู่ในอก มันทิ่มแทงยิ่งกว่าเข็มแหลมๆ เป็นร้อยเป็นพันเล่ม หล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก หรือบางทีหล่อนอาจจะไม่อยากหายใจต่อไปอีกแล้วก็ได้

“ไปกันเถอะค่ะ คุณเอเดน… ริก้าอยากไปจากที่นี่…”

หญิงสาวเลือกที่จะเกาะแขนกำยำของเอเดนเพื่อพยุงตัวเอง เงยหน้ามองเขาอย่างวิงวอน เดนนิสเห็นภาพนั้นแล้วก็เจ็บปวดจนต้องเมินหน้าหนี

“แล้วคุณจะต้องเสียใจ… ที่ปล่อยให้คนที่ตัวเองรักหลุดมือไปแบบนี้”

“ผมไม่เคยรักผู้หญิงคนนี้…”

“แต่ผมว่าคุณกำลังหลอกตัวเอง…”

เอเดนทิ้งคำพูดคำสุดท้ายเอาไว้ ก่อนจะรีบประคองร่างอ่อนระโหยของนาริกาออกไปจากเพ้นเฮ้าต์ของเดนนิสอย่างรวดเร็ว ประตูถูกปิดลงพร้อมๆ กับร่างของเจ้าของห้องที่ทรุดฮวบลงกองกับพื้นด้วยสภาพไม่ต่างจากเศษแก้วที่ถูกปาจนแตกละเอียด ตอนนี้หัวใจของเดนนิสกำลังเป็นแบบนั้น

นาริกาเดินจากเขาไปแล้ว พร้อมๆ กับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่แสนสมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่อาจจะอ่อนโยนได้มากกว่าเขา ผู้ชายที่อาจจะรักหล่อนได้มากกว่าเขา มือหนายกขึ้นฟาดกับพื้นพรมด้วยความเดือดดาล เกลียดตัวเองเหลือเกินที่ปล่อยหัวใจให้นาริกาได้ครอบครองง่ายดายถึงเพียงนี้

สุดท้ายเป็นไงล่ะ เจ็บปวด… ใช่ เขากำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

เลือดสดๆ ไหลซึมเปื้อนผ้าพันแผลออกมาอีก มันหยดย้อยออกมาเป็นทาง แต่เขาหาได้รู้สึกรู้สากับความเจ็บปวดของกายภายนอกไม่ ก็เพราะในหัวใจของเขาตอนนี้กำลังชอกช้ำจนไม่ต่างจากคนที่กำลังตายทั้งเป็นเลยแม้แต่นิดเดียว

Options

not work with dark mode
Reset