บ่วงมาร 40

ตอนที่ 40

เดนนิสกัดฟันพูด เอเดนรู้ดีและนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะยั่วโทสะของผู้ชายปากแข็งตรงหน้าต่อไปอีกอย่างสนุกสนาน ตรงกันข้ามกับนาริกาที่แทบอยากจะมุดดินหนีไปซะให้รู้แล้วรู้รอด เพราะถึงแม้เดนนิสจะทำเป็นไม่รู้จักหล่อน แต่สายตาสีฟ้าจัดที่มองมานั้นมันเต็มไปด้วยความดูแคลนและชิงชัง จนหล่อนเจ็บปวดไปทั้งดวงใจ

“ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมขอเชิญคุณไปร่วมงานมงคลของเราด้วยครับ…”

“ถ้าผมว่าง… ผมไปแน่…”

เดนนิสลืมตัวกระแทกแก้วน้ำในมือลงกับโต๊ะแรงๆ พยายามจะสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด แต่ก็ไม่ได้ผลดีอย่างที่ควรจะเป็นเลย ก็เพราะในหัวใจของเขาตอนนี้กำลังลุกโชนไปด้วยกองไฟแห่งความหวงแหนมหาศาลยังไงล่ะ ให้ตายเถอะนาริกากำลังคิดจะปั่นหัวเขาเล่นอย่างนั้นใช่ไหม

“ผมหวังว่าคุณจะว่าง…”

เอเดนฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง จากนั้นก็ก้มลงจูบแก้มนวลของนาริกาอย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้เจ้าของแก้มถึงกับหน้าร้อนผ่าว หญิงสาวรีบยกมือขึ้นลูบแก้มของตัวเองด้วยความตกใจ เหลือบตามองไปยังเดนนิสที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม เพื่อดูว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรบ้าง แต่หล่อนก็ไม่สามารถอ่านความล้ำลึกของสายตาสีฟ้าจัดนั้นได้เลย เดนนิส โอซิลยังคงเป็นความลับสำหรับหล่อนอยู่เช่นเดิม

“แก้มคุณยังหอมเหมือนเดิมนะ…” เอเดนแกล้งว่า

นาริกาหน้าแดงจัด แม้จะรู้ดีว่านี้คือการแสดง แต่หล่อนก็ไม่สามารถเล่นตามบทบาทที่เอเดนหยิบยื่นให้ได้อีกต่อไป เพราะหล่อนอาจจะร้องไห้ หรือตบหน้าเขาจนหันหากเขาบังอาจมาแตะเนื้อต้องตัวของหล่อนอีก เนื้อตัวที่หล่อนยอมให้แค่ผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นแตะต้อง…

และนั่นก็คือ… เดนนิส โอซิล ผู้ชายเลือดเย็นที่นั่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตรงหน้าในตอนนี้

“เอ่อ… ริก้าขอตัวเข้าห้องน้ำ… ค่ะ” และไม่คิดจะรอให้ใครเอ่ยปากอนุญาตอีก หญิงสาวลุกขึ้นได้ก็แทบจะวิ่งไปจากโต๊ะอาหารนั้นเลยก็ว่าได้

“ว่าที่เจ้าสาวของผมคงจะอาย…”

เดนนิสขบกรามแน่นจนขึ้นสัน หากตอนนี้มีใครนั่งอยู่ใต้โต๊ะล่ะก็ คนๆ นั้นคงจะได้เห็นว่ากำปั้นของเขากำแน่นขนาดไหน เขาแทบทนเก็บไม้เก็บมือเอาไว้ข้างตัวไม่ได้เมื่อเห็นไอ้ผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้าจรดปลายจมูกลงบนแก้มนวลที่เขาเคยเป็นเจ้าของ… ไม่… ตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นเจ้าของนาริกาอยู่

“บางทีมันก็แค่มารยาหญิง…”

“คุณอคติกับผู้หญิงอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า” หนุ่มตาสีทองเอ่ยถาม ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนยิ้มตลอดเวลา

“ผมจำเป็นต้องตอบคุณด้วยหรือ…”

เดนนิสโต้กลับเสียงกระด้าง ดวงตาสีฟ้าจัดบ่งบอกว่าเขากำลังอยากจะชกหน้าคู่สนทนามากมายแค่ไหน เขาอยากจะซัดมันให้ดิ้น แล้วกระทืบซ้ำให้เลือดทะลัก ให้สาสมกับที่มันสามารถทับรอยของเขาบนแก้มของนาริกา แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น…

“ใช่ คุณไม่จำเป็นต้องตอบผม…” เอเดนยิ้มบางๆ อีกครั้งจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน ดวงตาสีทองอร่ามจ้องมองคู่สนทนาหล่อระเบิดนิ่งนาน

“แต่คุณควรจะตอบหัวใจตัวเองมากกว่า…”

“ผมรู้จักตัวเองดี… โดยเฉพาะหัวใจ”

เดนนิสขยับตัวลุกขึ้นยืน เผชิญหน้ากับผู้ชายที่ระดับความสูงไม่แตกต่างกันเลยอย่างไม่ยำเกรง รอยยิ้มหยันแต้มริมฝีปากหยักลึกของหนุ่มตาสีฟ้าตลอดเวลา

“ฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่คุณจะต้องมาวุ่นวายเกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดของผม… และหากผมจำไม่ผิดล่ะก็วันนี้เรามีนัดทานมื้อค่ำกันด้วยเรื่องธุรกิจ ไม่ใช่ถกเรื่องความรู้สึกของผม…”

เอเดนพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง “งั้นเราคงจะต้องเปลี่ยนเรื่องคุยกันแล้วสินะ…”

เดนิสขบกรามแน่น จ้องหน้าคู่สนทนาด้วยสายตาอำมหิต “ผมจะโอนเงินจำนวนทั้งหมดคืนให้คุณในวันพรุ่งนี้… และแน่นอนว่าผมจะไม่ทำธุรกิจอะไรกับคุณอีก…”

แทนที่เอเดนจะแสดงความตกอกตกใจออกมา เขากลับหัวเราะเบาๆ คล้ายกับถูกอกถูกใจอะไรบางอย่าง และนั่นก็ทำให้เดนนิสที่พยายามระงับอารมณ์ของตัวเองอยู่แทบเก็บหมัดไม่อยู่

“นั่นคือสิ่งที่ผมรู้อยู่แล้ว…”

ร่างสูงใหญ่ของเอเดนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง ขณะที่รอยยิ้มรู้ทันของชายหนุ่มยังไม่ยอมลบเลือนออกไปจากใบหน้าหล่อเหลาเลยแม้แต่นิดเดียว

“และผมขอให้คุณโชคดี…”

เอเดนหัวเราะเบาๆ ขยับตัวออกจากเก้าอี้ ทำท่าจะเดินหนี แต่เสียงกระด้างของเดนนิสหยุดการเคลื่อนไหวอันแสนสง่างามนั้นเอาไว้ซะก่อน

“ว่าที่เจ้าสาวของคุณยังอยู่ในห้องน้ำ…”

คนที่กำลังจะเดินจากไปค่อยๆ หมุนตัวกลับมา รอยยิ้มแบบเดิมที่เดนนิสเกลียดนักหนายังคงแต่งแต้มใบหน้าของเอเดนมากมาย

“ผมรู้… แต่เผอิญผมยังไม่อยากเข้าห้องน้ำในตอนนี้”

เดนนิสขมวดคิ้วด้วยความกังขากับสิ่งที่คู่สนทนาตรงหน้ากำลังจะสื่อ “คุณหมายความว่ายังไงคุณเอเดน…”

เจ้าของชื่อยิ้มน้อยๆ ดวงตาสีทองอร่ามลึกล้ำอ่านไม่ออก และก็ยังตอบไม่ตรงคำถามอีกต่างหาก “ผมรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังอยากจะไปห้องน้ำใช่ไหม… คุณเดนนิส” และเจ้าของคำพูดก็ก้าวยาวๆ จากไปในทันที ไม่ทิ้งแม้แต่คำล่ำลา เดนนิสยืนอึ้งกับคำพูดของเอเดนที่ทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง สมองที่เคยฉลาดของเขาสับสนจนมองไม่เห็นทางออก เอเดนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเขาหรือเปล่า ยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ แม่เจ้าของร่างอรชรที่เขาคิดถึงทุกลมหายใจก็เดินกลับมาที่โต๊ะพอดี

“เขากลับไปแล้ว…” เดนนิสเอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา

นาริกาหน้าซีดเผือด และเมื่อตั้งสติได้ก็รีบสาวเท้าจะวิ่งตามเอเดนออกไป แต่ข้อมือบางก็ถูกผู้ชายที่หล่อนไม่อยากจะเข้าใกล้เลยคว้าเอาไว้เสียก่อน กลิ่นไออันตรายกระแทกหน้าทันทีเมื่อเขาดึงหล่อนให้เข้ามาแนบอก ดวงตาสีฟ้าจัดเต็มไปด้วยความขยะแขยงชิงชัง

“ปล่อยค่ะ…”

“เธอเอากับมันหรือยัง…”

คำพูดหยาบคายของคนตัวโตถูกกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู และนั่นก็ทำให้เลือดทุกหยดในกายของนาริกาแข็งเป็นหิน หล่อนเงยหน้าขึ้นสบตากับนัยน์ตาสีฟ้าจัดด้วยความเจ็บปวด ฟันคมๆ ขบลงบนกลีบปากสีแดงระเรื่ออย่างแรงจนเลือดซึมออกมา

เขาคิดอย่างนี้กับหล่อนได้ยังไง? เขาคิดว่าหล่อนจะสามารถนอนกับใครคนไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ

ใจร้าย! เดนนิส โอซิล ใจร้ายที่สุด หัวใจของเขาทำด้วยอะไรกันนะ ทำไมถึงได้อำมหิตผิดมนุษย์มนาแบบนี้ หรือว่าสิ่งที่พเยียบอกจะเป็นเรื่องจริง

เดนนิส โอซิล เป็นผู้ชายที่ไม่มีหัวใจ

“มันไม่เกี่ยวกับคุณ… ปล่อยค่ะ”

“แล้วมันทำให้เธอร้องครางได้เหมือนที่ฉันทำหรือเปล่า…”

เขาไม่สนใจการดิ้นรนขัดขืนของหล่อนแม้แต่น้อย เขายังคงตั้งคำถามที่น่ารังเกียจใส่หล่อนไม่หยุดหย่อน จากนั้นก็บังคับให้หล่อนเดินตามเขาออกมา หล่อนขัดขืนมาตลอดทางแต่ก็สู้พละกำลังของคนตัวโตไม่ได้ เพราะในที่สุดหล่อนก็ถูกเขาจับยัดใส่รถอย่างง่ายดายเหลือเชื่อ

“คุณจะพาฉันไปไหน…”

“ฉันถาม… ตอบมาสิว่ามันทำให้เธอครางได้เหมือนกับที่ฉันทำหรือเปล่า” เขาย้ำเสียงกระด้าง ความเดือดดาลระบายชัดเจนบนใบหน้าหล่อเหลา

“มันเรื่องของฉัน จอดรถฉันจะลง!”

Options

not work with dark mode
Reset