บ่วงมาร 39

ตอนที่ 39

วันนี้เป็นวันแรกที่เดนนิสมาทำงานที่บริษัทฯ ได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหมกตัวจมอยู่กับสุราอยู่มาอาทิตย์กว่า และถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถขจัดผู้หญิงที่ชื่อนาริกาออกไปจากหัวใจได้ แต่เขาก็สามารถเรียกความเข้มแข็งให้กลับมาสู่หัวใจได้มากกว่าเดิมไม่น้อย

“หลังจากประชุมเสร็จ… คุณเดนนิสมีนัดทานข้าวกับลูกค้ารายใหม่ของเราค่ะ”

คำพูดของเลขาฯ ทำให้เดนนิสที่กำลังจะเดินเข้าห้องประชุมต้องหยุดเดิน ชายหนุ่มหันกลับมามองคู่สนทนาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง

“ลูกค้ารายใหม่…?”

“ใช่ค่ะ พึ่งติดต่อเข้ามาขอซื้อสินค้าของเราเมื่อวันก่อนเองค่ะ แบบว่าไม่เรื่องมากเลยนะคะ เรามีสเป็คไหนอยู่เขาก็เอาแบบนั้นแหละ แถมยังสั่งล๊อตใหญ่อีกต่างหาก…”

“ผมว่าไม่น่าไว้ใจ… อาจจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎก็เป็นได้”

“ตอนแรกพวกเราก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ แต่ทางคุณเอเดนแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการโอนเงินมัดจำเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์มาให้เราแล้วตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นค่ะ แล้วเขาก็เลยขอนัดทานข้าวกับคุณเดนนิส…”

คิ้วเข้มที่ยาวขนานกับดวงตาคมกริบสีฟ้าเลิกขึ้นสูง “ผมว่ามันง่ายเกินไปสำหรับการทำธุรกิจ… เหมือนเขาตั้งใจจะทำอะไรบางอย่าง…”

“ถ้าคุณเดนิสอยากรู้ว่าเขาจริงใจหรือเปล่า งั้นตอนเย็นไปทานข้าวกับเขาสิคะ ถ้าได้เจอหน้ากันน่าจะมองเห็นความไม่ชอบมาพากลได้บ้าง…”

ตอนแรกการตอบตกลงไปทานข้าวกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้กล้ำกลายเข้ามาในหัวแม้แต่น้อย แต่พอได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเลขา นั่นก็ทำให้เขาเลือกที่จะตอบตกลง

“งั้นตามนั้น ถึงเวลาเข้ามาเตือนผมอีกครั้งก็แล้วกัน”

“ค่ะ คุณเดนนิส…”

เดนนิสไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากก้าวยาวๆ เดินเข้าไปภายในห้องประชุมที่มีผู้ร่วมประชุมจำนวนสิบกว่าคนนั่งรออยู่ ขณะที่มีเลขาฯ สาวเดินตามหลังเข้าไปติดๆ

หลังจากมาถึงเมืองไทยในช่วงบ่ายแก่ๆ ตกเย็นหล่อนก็ถูกเอเดนลากมาทานมื้อค่ำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านชานเมืองหลวง ร้านนี้ถึงจะคนพลุ่งพล่าน แต่การตกแต่งที่งดงามนั้นทำให้หล่อนลืมความวุ่นวายของบรรดาแขกในร้านได้อย่างน่าอัศจรรย์

“นั่งก่อนครับ ริก้า…”

เมื่อเอเดนแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง หญิงสาวจึงทำได้แค่ยิ้มหวาน และกล่าวขอบคุณก่อนจะทรุดกายนั่งลง ขณะที่เอเดนเลือกนั่งเก้าอี้ตัวที่ชิดกับหล่อนที่สุด

“มีบางอย่างที่ผมจะต้องบอกคุณก่อน…”

คิ้วโก่งเลิกสูงด้วยความกังขา “มีอะไรหรือคะ”

หนุ่มหล่อระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดออกมา “วันนี้ตอนทานมื้อค่ำ… อาจจะมีบางโอกาสที่ผมจะต้องใกล้ชิดกับคุณมากกว่าที่ควรจะเป็น…”

“ใกล้ชิด?”

“ครับ… ผมอาจจะมีโอบไหล่คุณบ้าง หรือหอมแก้มคุณในบางครั้ง… ซึ่งผมอยากบอกคุณเอาไว้ก่อน เพื่อที่คุณจะได้ไม่ตบหน้าผม…”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขัน ขณะที่หญิงสาวแก้มแดงก่ำ เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเต็มไปหน้างดงามอย่างมากมายมหาศาลเลยทีเดียว

“เอ่อ… ทำไม… ถึงต้องทำแบบนั้น… ด้วยล่ะคะ” สาวน้อยถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก หน้างามแดงจัด

เอเดนยิ้มกว้าง อดเอ็นดูกับท่าทางไร้เดียงสาของสาวน้อยตรงหน้าไม่ได้ “ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณหรอกน่า แล้วที่มาร์คอสบอกว่าผมจะเป็นสามีคนต่อไปของคุณน่ะ มันก็แค่เรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริงเท่านั้นเอง…” แม้เขาจะพยายามอธิบายแต่นาริกาก็ยังไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ผู้ชายหล่อเหลาที่นั่งข้างๆ พยายามจะสื่อให้ฟังอยู่ดี หล่อนคงโง่เกินไปนั่นเอง

“หมายความว่า…?”

“ก็หมายความว่าผมจะทำให้คุณกับคนที่คุณรักเข้าใจกันยังไงล่ะครับ…” เอเดนยิ้มด้วยความจริงใจ

นาริกาอ้าปากค้าง “นี่คงไม่ได้หมายความว่าพวกคุณ… ร่วมมือกัน?”

“สิ่งที่คุณกำลังคิดน่ะคือความจริง… มาร์คอสกับพเยียหวังดีกับคุณมาก และผมก็แค่ตัวช่วยที่ถูกเรียกมาอย่างกะทันหันเพื่อทำให้ผู้ชายปากแข็งคนนั้นรู้หัวใจตัวเอง…”

แทนที่จะรู้สึกดี แต่นาริกากลับรู้สึกอดสูยิ่งนัก อีกทั้งยังสมเพชตัวเองเป็นที่สุด “ขอบคุณพวกคุณมากค่ะ” นาริกาผุดลุกขึ้น

“แต่ริก้าไม่ต้องการค่ะ ริก้าไม่อยากบังคับใจใคร…”

หญิงสาวกำลังจะเดินหนีแต่ข้อมือบางก็ถูกเอเดนคว้าเอาไว้เสียก่อน เขาดึงให้หล่อนหยุดอยู่กับที่ และใช้แรงเพียงน้อยนิดบังคับให้หล่อนนั่งลงที่เดิมอีกครั้ง

“ผมเป็นคนใจดี… แต่ก็ไม่ชอบให้ใครขัดใจ และที่สำคัญเวลาที่ตั้งใจจะทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ ไม่สนด้วยว่าใครหน้าไหนจะรู้สึกยังไง…”

นาริกาไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีกับสิ่งที่ได้ยิน เอเดนนี่ร้ายไม่ผิดจากเดนนิสเลยนี่น่า “แต่ว่าริก้า…”

“และตอนนี้ผมก็ตั้งใจจะยั่วให้หมอนั่นหึงคุณจนหน้ามืดตามัว แล้วผมก็จะต้องทำให้สำเร็จ… ซึ่งคุณจะต้องให้ความร่วมมือกับผม หากไม่อยากทนเจ็บปวดเพราะพิษรักต่อไปอีก…”

คำพูดทรงอำนาจพรั่งพรูออกมาจากปากของเอเดนได้โดยไม่มีติดขัดเลยแม้แต่น้อย ผู้ชายคนนี้พูดได้อย่างชาญฉลาด และไร้การผ่อนปรนอย่างสิ้นเชิง ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนก็คงไม่มีความสามารถพอที่จะต่อต้านอำนาจของผู้ชายหล่อระเบิดคนนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

“หวังว่าคุณคงจะไม่ทำให้ความตั้งใจของผมพินาศหรอกนะครับ…”

ถึงหล่อนจะอยากวิ่งออกไปจากตรงนี้มากมายแค่ไหน แต่เห็นสีหน้าเลือดเย็นและน้ำเสียงกระด้างจริงจังของคู่สนทนาแล้ว ความหวาดกลัวก็แล่นขึ้นมาจับหัวใจอย่างมหาศาล และนั่นก็ทำให้หล่อนจำต้องทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมอย่างไม่มีทางเลือก

“ถึงริก้าจะอยากทำแบบนั้น… แต่คุณเอเดนก็คงไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นหรอกใช่ไหมคะ”

คนถูกเรียกชื่อหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “ผมต้องขออภัยด้วยที่ขัดใจคุณ แต่ทุกอย่างที่ผมกำลังจะทำนั้นมันก็เพื่อความสุขของคุณ… นาริกา”

“ค่ะ ริก้าจะนั่งยิ้มหวานรอความสุขนั้น”

หญิงสาวประชดออกไปเสียงขุ่น แต่คนตัวโตไม่สนใจสักนิด เพราะตอนนี้สายตาสีทองอร่ามจ้องมองไปยังประตูห้องอาหารคล้ายกับเสือนักล่าที่ได้พบเหยื่อที่รอคอย

“เขามาแล้ว… เดนนิส โอซิล…”

ถึงเอเดนจะไม่พูดออกมาหล่อนก็จำผู้ชายในสูทสีน้ำเงินอมดำที่กำลังเดินมาหยุดตรงหน้าได้ไม่เคยลืม แม้แต่กลิ่นของลมหายใจของเขาหล่อนก็ยังจำได้ติดจมูก ทุกส่วนในกายสาวกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้พบเห็นเขาอีกครั้ง ผู้ชายที่เป็นเจ้าของสัมผัสที่แสนมหัศจรรย์ ผู้ชายที่ไม่เคยแสดงทีท่าว่าจะอิ่มเอมจากเรือนกายของหล่อน

เดนนิส โอซิล ผู้ชายที่ทำให้หล่อนตายทั้งเป็นด้วยความคิดถึง ผู้ชายที่ทำให้หล่อนกลายเป็นอีตัวด้วยความสมัครใจ และเขายังเป็นผู้ชายคนเดียวที่ทำให้หล่อนตัวสั่นได้เพียงแค่ได้สบตาเท่านั้น

“สวัสดีครับคุณเดนนิส โอซิล ผม… เอเดน จิลาดิโน…”

มือใหญ่ของเดนนิสยื่นออกมาจับกับมือหนาของคู่สนทนาก็จริง แต่สายตาสีฟ้าจัดไม่ได้ละไปจากใบหน้างามของผู้หญิงที่ทำให้เขากลายเป็นไอ้บ้าเพราะความคิดถึงเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยเมื่อเห็นหล่อนอยู่กับผู้ชายคนอื่นได้ทั้งๆ ที่พึ่งห่างจากเขาได้ไม่ถึงสิบวัน

แพศยา!

คำนี้แหละที่เหมาะสมกับนาริกาที่สุด และเขาจะไม่มีวันแสดงท่าทางอ่อนแอให้หล่อนเห็นเด็ดขาด อยากจะมีแฟนใหม่ อยากจะมีผัวใหม่ก็ตามสบาย เขาไม่สนใจอยู่แล้ว ชายหนุ่มร้องบอกตัวเองอยู่ภายในอกอย่างดุเดือด ความเดือดดาลแล่นพล่านอยู่ในกระแสโลหิตอย่างมหาศาล

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเอเดน… นั่นแฟนของคุณหรือครับ”

นาริกาหน้าร้อนผ่าวเมื่อตอนนี้สายตาของผู้ชายสองคนต่างมองจ้องมาที่ตัวเอง หล่อนแสร้งเชิดหน้าปั้นยิ้มทั้งๆ ที่ภายในอกแสนจะปวดร้าวทรมาน

เอเดนยิ้มบางๆ มองใบหน้าหวานอมขมกลืนของนาริกาชั่วขณะ ก่อนจะหันไปตอบผู้ชายตรงหน้า “ริก้าไม่ใช่แค่แฟนของผมหรอกครับ เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้าเราจะแต่งงานกัน…” ท่อนแขนของเอเดนตวัดรอบไหล่บอบบางของหญิงสาวเอาไว้ประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของชัดเจน และนั่นก็ทำให้เดนนิสที่กำลังจะยกน้ำเปล่าขึ้นจิบแทบทำแก้วน้ำร่วงจากมือ ใบหน้าหล่อระเบิดแดงก่ำด้วยโทสะที่ปิดไม่มิด

“เหรอครับ… งั้นผมขอแสดงความยินดีด้วย…”

Options

not work with dark mode
Reset