บ่วงมาร 35

ตอนที่ 35

ในที่สุดการตรวจภายในก็จบสิ้นลงอย่างราบรื่น แม้มันจะแลกด้วยความอับอายที่สุดในชีวิตของหล่อนก็ตาม แองเจลล่าเดินหน้าแดงก่ำออกมาจากห้องตรวจ พอเห็นพ่อบอดี้การ์ดจอมเถื่อนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์สบายอารมณ์อยู่ที่เก้าอี้ด้านนอก ความขุ่นเคืองก็แล่นทะลักขึ้นมาอย่างล้นหลาม

หญิงสาวเดินเข้าไปหาเรื่องอย่างไม่คิดรั้งรอ ตบไม่ได้ ตีไม่ได้ ก็ขอด่าให้เจ็บแสบบ้างก็แล้วกัน “มีความสุขมากสินะที่เห็นฉันต้องไปขึ้นขาหยั่งตรวจโรคน่ะ…”

คนตัวโตละสายตาจากหนังสือพิมพ์ในมือ ก่อนจะเงยขึ้นจ้องหน้าหล่อนด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายไม่คิดปิดบัง

“ถ้าคุณไม่มั่ว ไม่สำส่อนก็คงไม่ต้องถูกตรวจภายในแบบนี้หรอก…”

“นี่นาย…”

แทบเต้นได้เลยทีเดียวกับวาจาแสบสันที่ผู้ชายหล่อลากไส้ตรงหน้าซัดเข้าใส่ หญิงสาวกัดปากแน่น โทสะแรงกล้าอัดแน่นอยู่ในดวงตาคู่งามมหาศาล หล่อนอยากฆ่าผู้ชายคนนี้นัก อยากฆ่าให้ตายคามือจริงๆ

“ที่นี่มันที่สาธารณะ ถ้าไม่อยากอับอายมากกว่าที่เป็นอยู่…” เขาลุกขึ้นยืน และหันมาจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม

“หยุดเต้นแรงเต้นกาได้แล้ว…”

แล้วเขาก็ก้าวยาวๆ ตรงไปยังเคาน์เตอร์พยาบาล หญิงสาวรีบตามเข้าไปทันที แล้วก็รีบแย่งผลตรวจจากมือใหญ่อย่างรวดเร็ว

“ฉันเป็นโรคเอดส์ เป็นหนองใน… และอยู่ในระยะแพร่เชื้อด้วย…” คำพูดของหล่อนทำให้นางพยาบาลถึงกับตกใจต้องรีบร้องค้านทันที

“เอ่อ ไม่ใช่นะคะ คุณผู้หญิงคงเข้าใจผิดแล้ว… คุณหมอบอกว่าคุณไม่ได้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แต่อย่างใดค่ะ ก็แหมจะมีได้ยังไงในเมื่อคุณยังเป็น…” นางพยาบาลยังพูดไม่ทันจบประโยค แองเจลล่าก็รีบแทรกขึ้นอย่างร้อนรนซะก่อน

“ฉันรู้แล้วค่ะ… ไม่ต้องบอกหรอก ก็แค่อยากแกล้งคนเล่นเท่านั้นเอง…”

ฟาเดลหรี่ตามองหล่อนเขม็งอย่างจับพิรุธ แต่หญิงสาวเชิดหน้าใส่แล้วก็รีบเดินออกไปทันที ชายหนุ่มกำลังจะเดินตามออกไป แต่เสียงของนางพยาบาลก็หยุดเขาเอาไว้ซะก่อน

“ขอให้ชีวิตคู่มีความสุขนะคะ คุณโชคดีจังได้เธอเป็นแฟน…”

ฟาเดลไม่เข้าใจสิ่งที่นางพยาบาลบอกนัก แต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะยิ้มตอบ จากนั้นก็รีบเดินตามแม่ตัวเจ้าปัญหาออกไปในทันที และก็ตามทันที่หน้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล

“อย่าคิดจะหนีกลับเองเชียวนะ…”

หญิงสาวหยุดเดินเมื่อได้ยินคำสั่งอวดเบ่งของคนที่ตามมาข้างหลัง หล่อนหันมาเผชิญด้วยความขุ่นเคือง “ทำไม? นายเป็นพ่อฉันตั้งแต่ชาติที่แล้วหรือไง ถึงได้ห้ามฉันไปซะทุกเรื่องแบบนี้ พี่มาร์คอสยังไม่เคยสั่งฉันแบบที่นายทำเลย…”

ฟาเดลไม่คิดจะตอบคำถามแต่เขาเลือกที่จะกระชากแขนของหล่อนให้เดินตามไปที่รถสปอร์ตคันงามที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนำมาจอดรอไว้ให้

“หุบปากซะ แล้วกลับบ้าน…”

เขาพูดพลางยัดหล่อนใส่รถอีกครั้ง นี่เขาไม่สนใจเลยหรือไงนะว่าหัวของหล่อน ขาของหล่อน บั้นท้ายของหล่อนจะกระแทกจะถูกับอะไรบ้าง คนใจร้าย ใจดำ! แองเจลล่าต่อว่าคนตัวโตอยู่ภายในอกลั่น อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่สามารถเอาชนะผู้ชายที่มีฐานะเป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดอย่างฟาเดลได้สักที ทะเลาะทีไรแพ้เสียทุกทีจนไม่อย่างเสี่ยงจะต่อสู้แล้ว

“นี่นายจะให้ฉันหายใจหายคอโดยไม่ได้กลิ่นของนายบ้างไม่ได้เลยหรือไง”

“เราจะต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้ จนกว่าคุณจะได้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนขององค์ชายบาร์ซาร์อย่างปลอดภัย”

แองเจลล่าทำเสียงไม่พอใจในลำคอ “ฉันว่าตัวเองน่ะปลอดภัยมากๆ อยู่แล้ว ยามที่ไม่ได้เห็นองค์ชายบ้าเลือดคนนั้นน่ะ”

เขาไม่ตอบอีกแล้ว แต่กระทืบคันเร่งจนรถพุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หญิงสาวแทบจะกระเด็นไปกระแทกกับกระจกหน้ารถเพราะยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย

“ไอ้บ้า… นี่นายซื้อใบขับขี่มาหรือไง”

หญิงสาวหันขวับไปทำตาขุ่นใส่ แต่พ่อเจ้าประคุณไม่สนใจแม้แต่จะชายตาแลเลยแม้แต่นิดเดียว ยังคงนั่งสง่างามทำหน้าที่คนขับรถผู้ทรงประสิทธิภาพต่อไปอย่างน่าหมั่นไส้ แองเจลล่ากัดปากแน่นจนเจ็บระบม อยากจะกระโดดเข้าไปตะกุยหน้าหล่อๆ ให้หายแค้นนัก แต่พอนึกถึงสิ่งที่จะได้รับตอบกลับมาแล้ว หญิงสาวก็เลือกที่จะนั่งกัดฟันข่มโทสะอยู่นิ่งๆ ดีกว่า

สู้กับฟาเดล… หล่อนไม่มีทางเอาชนะเขาได้ ไม่ว่าจะทางร่างกาย หรือแม้แต่หัวใจก็ตาม…

 

7 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับการที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไร้เดนนิสเคียงข้าง ทุกอย่างจบลงตั้งแต่วันที่เท้าของหล่อนเหยียบลงบนพื้นดินของนครเซาเปาโลอีกครั้ง น้ำตาแห่งความเสียใจไม่เคยแห้งเหือดไปจากผิวแก้มเลยแม้แต่วินาทีเดียว หัวใจของหล่อนยังเจ็บระบมไม่ผิดจากการถูกทิ่มด้วยมีดปลายแหลมตลอดเวลา

แม้ว่า ณ เวลานี้ทุกคนที่ห้อมล้อมจะให้ความเอาใจใส่และห่วงใยมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่หล่อน… หล่อนก็ยังคงเฝ้าคะนึงหาแต่ผู้ชายใจร้ายที่ชื่อ เดนนิส โอซิล แต่เพียงผู้เดียว เขาทำให้หล่อนมีความสุข ทำให้หล่อนรู้จักในอีกโลกหนึ่งที่ไม่เคยสัมผัส และก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่ทำให้หล่อนเจ็บเจียนตายกับความผิดหวัง

เดนนิสเกลียดหล่อน… เขาเกลียดชัง ขยะแขยง ในสายตาของเขาหล่อนมันไร้ค่าต่ำต้อยเสียยิ่งกว่าผู้หญิงหากินซะอีก แม้เขาจะแสดงท่าทางพึงพอใจในร่างกายของหล่อนแค่ไหน แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกดีๆ กับหล่อนมากขึ้นได้เลย

เขายังคงเกลียดหล่อนไม่เปลี่ยนแปลง…

มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาแห่งความรวดร้าวครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงสะอื้นไห้เล็ดลอดออกมาจากกลีบปากอิ่มสีแดงระเรื่อตลอดเวลา หล่อนเจ็บปวด หล่อนทุกข์ใจ แม้จะพยายามตัดใจยังไง แต่ชื่อของเดนนิส โอซิลก็ยังฝังรากลึกในหัวใจไม่เปลี่ยนแปลง

“ริก้า…”

เสียงเรียกแผ่วเบาของพเยียช่วยกระชากนาริกาให้หลุดออกมาจากวังวนแห่งความโศกาได้ชั่วขณะ หญิงสาวรีบยกมือป้ายน้ำตาทิ้งอีกครั้ง จากนั้นจึงค่อยๆ หมุนตัวกลับมาหา กลีบปากอิ่มปั้นยิ้มคล้ายกับว่าตัวเองกำลังมีความสุขนักหนา ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วหล่อนกำลังขมขื่นแทบขาดใจ

“คุณพเยีย…”

เจ้าของชื่อระบายยิ้มบางๆ มองสตรีสาวตรงหน้าอย่างเห็นใจ “ฉันต้องขอโทษแทนมาร์คอสด้วยนะริก้า… ถ้ามาร์คอสไม่ใช้วิธีบ้าๆ แบบนั้นเธอก็คงไม่ต้องมานั่งร้องไห้แบบนี้ ฉันเสียใจ…”

“คุณพเยียอย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ คุณมาร์คอสไม่ผิดหรอก ริก้าเองต่างหากที่ไม่รู้จักห้ามใจตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าการแต่งงานในครั้งนั้นมันก็แค่การแบล็คเมล์ แต่ริก้าก็ยังหลวมตัวไปรักผู้ชายเลือดเย็นคนนั้นอีก… ริก้าผิดเอง…”

พเยียถอนใจออกมาเบาๆ “ไม่มีผู้หญิงคนไหนห้ามใจได้หรอก เวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆ ผู้ชายที่มากเสน่ห์อย่างเจ้านายน่ะ”

“เจ้านาย?” นาริกาทวนคำเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่คู่สนทนาต้องการสื่อ

พเยียยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยอธิบาย “ฉันเคยเป็นเลขาฯ ของเดนนิส โอซิลมาก่อนน่ะ…”

นาริกาพยักหน้ารับแสดงความเข้าใจ ก่อนจะก้มหน้ามองพื้นด้วยความโศกเศร้า หล่อนไม่อยากคิดถึงเดนนิสเลย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะทุกลมหายใจเข้าออกของหล่อนมีแต่ผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียว

“เมื่อวาน… ฉันพึ่งติดต่อกับเจ้านาย…”

นาริกาเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนาด้วยสายตากังขา พเยียยิ้มและพูดต่อ “และเท่าที่ฟังจากน้ำเสียง เจ้านายก็เศร้าไม่แพ้เธอหรอกนะริก้า…”

มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อหลายวันก่อน หล่อนยังเห็นภาพของเดนนิสเดินออกมาจากห้องของนางแบบสาวคนหนึ่งบนหนังสือพิมพ์อยู่เลย

“เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยต่างหากค่ะ…” นาริกาเม้มปากแน่น ฝืนยิ้มออกมา

“ฉันทำงานกับเจ้านายมาหลายปี รู้จักนิสัยของเขามากกว่าที่เขารู้จักตัวเองเสียอีก…” พเยียมองหน้าหล่อนราวกับกำลังจะบอกให้หล่อนเชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังพูด แต่หล่อนเชื่อไม่ลงหรอก เดนนิส โอซิลน่ะเหรอจะโศกเศร้า เขามีแต่จะตีปีกด้วยความดีใจต่างหาก

“บางทีสิ่งที่เห็นมันอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาก็ได้นะ…”

“แต่ริก้าเชื่อในสิ่งที่เห็นค่ะ เดนนิส โอซิล เกลียดริก้า และก็เป็นเขาเองที่ต้องการให้ทุกอย่างมันจบลงแบบนี้”

“อย่าใจแข็ง อย่าทิฐินักสิ… เรื่องของหัวใจต้องใช้เหตุผลให้มาก ดูอย่างฉันกับมาร์คอสสิกว่าจะเข้าใจกันแบบนี้ รู้ไหมว่าฉันน่ะร้องไห้น้ำตาเกือบท่วมโลกเชียวแหละ”

“นั่นเป็นเพราะคุณมาร์คอสรักคุณพเยีย…”

Options

not work with dark mode
Reset