บ่วงมาร 34

ตอนที่ 34

หลังจากจมปลักอยู่กับความปวดหัวแทบจะระเบิดเมื่อตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าอยู่พักใหญ่ แองเจลล่าก็สามารถพาตัวเองก้าวลงจากเตียงและเดินเข้าไปในห้องน้ำได้โดยสวัสดิภาพ แม้มันจะทุลักทุเลจนน่าสมเพชแค่ไหนก็ตาม ก็เป็นเพราะไอ้พิษสงของเจ้าแอลกอฮอล์ที่เทกรอกเข้าไปในปากเมื่อคืนนี้นั่นแหละ คราวหน้าหล่อนจะไม่มีทางแตะต้องมันอีกแล้ว หญิงสาวให้สัญญากับตัวเอง ขณะเดินไปหยุดอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ที่ตั้งอยู่เหนืออ่างล่างหน้าที่ปูด้วยหินอ่อนสีขาวราคาแพงระยับ

ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ปากยังคงบวมเจ่อสะท้อนเข้ามาในสายตา และนั่นก็ทำให้ภาพ และรสสัมผัสที่ฟาเดลกระแทกเข้าใส่ผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง

“ไอ้บ้า… ฉันเกลียดนาย…”

ปากบอกว่าเกลียด แต่หัวใจมันกลับไม่ได้ตอบว่าอย่างนั้น เพราะตอนนี้นิ้วเรียวได้ยกขึ้นลูบไล้กลีบปากอิ่มชอกช้ำนั้นแผ่วเบา รอยยิ้มบางๆ แต้มใบหน้างามอย่างลืมตัว แม้เมื่อคืนทุกอย่างจะเกิดขึ้นจากโทสะแต่หล่อนก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าตัวเองไม่ได้หวั่นไหวกับจูบป่าเถื่อนของเขา

หล่อนรู้สึกวาบหวาม วูบวาบรุนแรงในช่องท้องตั้งแต่แรกสบตากับฟาเดลแล้ว และมันก็เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ยามที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้

ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้นะ? ฟาเดลเป็นแค่บ่าว เป็นแค่ลูกน้องของคนที่หล่อนจะต้องแต่งงานด้วยเท่านั้น แล้วทำไมถึงได้หวั่นไหวถึงเพียงนี้นะแองเจลล่า

“นายก็แค่หล่อมาก… และฉันก็แพ้คนหล่อเท่านั้นเอง”

ในที่สุดก็หาเหตุผลให้กับตัวเองได้สำเร็จ แม้มันจะเป็นเหตุผลที่น่าขบขันมากมายก็ตาม จากนั้นหญิงสาวก็เปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างแล้วก้าวลงไปนอนแช่กายในอ่างน้ำอุ่นที่มีกลีบดอกไม้นานาพันธุ์ลอยอยู่บนผิวน้ำด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ

งานต่อไปที่หล่อนต้องทำก็คือ… ไปเค้นโลแกน เพื่อหาข้อมูลของฟาเดลให้ได้มากที่สุด…

“ผมไม่ทราบอะไรเลยครับคุณแองจี้… ผม… ไม่ทราบจริงๆ” โลแกนรีบปฏิเสธทันที เมื่อถูกเจ้านายสาวยิงคำถามเมื่อตัวเองไม่สามารถให้คำตอบใดๆ ได้ออกมา เขาจะเดินหนีแต่แองเจลล่าน้องสาวสุดรักสุดหวงของมาร์คอสนายเหนือหัวของเขาก็ก้าวมาขวางหน้าเอาไว้ซะก่อน

“ถ้าไม่ตอบ… วันนี้นายก็ไปไหนไม่ได้โลแกน…”

“แต่ผมมีงานต้องทำนะครับ คุณแองจี้…”

เสียงของบอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่เต็มไปด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ แองเจลล่าเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด สมควรแล้วล่ะที่ถูกกักขังอยู่แต่ในหอคอยแบบนี้

“ฉันไม่สน… นายมีหน้าที่ต้องตอบคำถามของฉันอย่างเดียว”

แองเจลล่าดื้อดึง และไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนปรนเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวจ้องหน้าคู่สนทนาอย่างคาดคั้น ซึ่งโลแกนก็ทำได้แค่เพียงหลบตา

“ผม… ผมก็รู้เท่าที่คุณแองจี้รู้นั่นแหละครับ”

“ไม่จริงหรอก… พี่มาร์คอสไว้ใจนายมาก บอกมานะว่านายฟาเดลเป็นใครกันแน่ แล้วที่สำคัญใช่ลูกน้องขององค์ชายบ้าเลือดบาร์ซาร์จริงหรือเปล่า”

“ถ้าอยากรู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นมากขนาดนั้น… ทำไมไม่มาถามผมเองล่ะครับ ไปถามโลแกนทำไม?” เสียงหยันเยาะที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้โลแกนเป่าปากออกมาด้วยความโล่งอก ตรงกันข้ามกับแองเจลล่าที่กัดฟันกรอดด้วยความขัดอกขัดใจขึ้นมาทันที

หญิงสาวหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า ก่อนจะตวาดใส่ “ไม่มีมารยาท… ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกับโลแกนกำลังคุยธุระกันอยู่…” แองเจลล่ารีบหันกลับไปมองโลแกน แล้วก็ได้เห็นแต่แผ่นหลังไวๆ เท่านั้น

“บ้าชะมัด หนีไปจนได้…” เด็กสาวพึมพำด้วยความขุ่นเคือง ก่อนจะหันมาต่อว่าฟาเดลด้วยความเดือดดาลเต็มพิกัด

“เพราะนายนั่นแหละ ทำให้โลแกนหนีไปแบบนี้”

“ก็ผมบอกแล้วไง… ว่าถ้าหากอยากรู้ว่าผมเป็นใคร หรือว่าใส่กางเกงในเบอร์ไหนให้มาถามผม ไม่ใช่ไปถามคนอื่นมั่วซั่วแบบนั้น…”

เขายิ้มเยาะ สายตาที่ใช้มองมานั้นเต็มไปด้วยความหมิ่นแคลน หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายเมื่อถูกจับได้ว่าอยากรู้เรื่องส่วนตัวของเขาได้คาหนังคาเขาแบบนี้ แต่กระนั้นหล่อนก็ยังอดแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ไม่ได้

“ใคร… ใครอยากรู้เรื่องของนายกัน… เพราะไม่ว่านายจะใส่กางเกงในเบอร์ไหน ยี่ห้ออะไร มันก็ไม่มีทางเรียกความสนใจจากฉันได้หรอก และที่นายเห็นว่าฉันอยู่กับโลแกนเมื่อกี้นี้น่ะ มันเป็นเพราะว่าฉันคิดถึงคืนวันเก่าๆ ระหว่างฉันกับเขาต่างหาก กะว่าจะชวนเข้าห้องนอนตอนสายๆ สักหน่อย”

หล่อนแกล้งยั่วออกไปหวังจะให้คนตัวโตมีโทสะขึ้นมาบ้าง แต่เขากลับนิ่งเฉย ใบหน้าหล่อลากไส้นั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา จนเป็นหล่อนเองนั่นแหละที่เกิดโทสะขึ้นมาซะเอง

“ไอ้คนบ้า… กวนประสาทแต่เช้าเลยนะ”

ด่าจบก็กำลังจะเดินหนี แต่ก็ถูกเสียงทรงอำนาจของฟาเดลหยุดเอาไว้ซะก่อน หญิงสาวหันกลับไปมองเจ้าของเสียงด้วยความเคลือบแคลงใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เคยชินกับการออกคำแค่ไหน แต่มันเป็นครั้งที่สิบแล้วมั้ง ทำไมฟาเดลตอนที่ออกคำสั่งถึงได้ดูน่าเกรงกลัวนักนะ ขนาดหล่อนที่ไม่เคยยอมก้มหัวให้ใครนอกจากมาร์คอสพี่ชาย ยังต้องหยุดฟังเลย

“เช้านี่คุณมีนัดตรวจร่างกาย… จะไปไหนไม่ได้”

“ตรวจร่างกาย…?” หญิงสาวทวนคำคล้ายกับไม่เชื่อหูตัวเอง

“ใช่… เพื่อป้องกันคุณนำโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไปแพร่เชื้อให้กับองค์ชายบาร์ซาร์”

เมื่อได้ยินเจตนาของผู้ชายหล่อลากไส้ตรงหน้า แองเจลล่าก็ถึงกับหน้าแดงจัดทั้งโกรธทั้งอับอายระคนกันจนไม่สามารถแยกออกว่าอารมณ์ใดมีมากมายกว่ากัน

“นี่นายกำลังจะบอกว่าฉัน…” หญิงสาวกัดฟันแน่น

“เพื่อเป็นการป้องกัน… คุณจะต้องไปตรวจภายใน เพราะในอีกสองสัปดาห์ต่อจากนี้ คุณจะต้องเดินทางไปมหานครการ์ซานเพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรส…”

คราวนี้สิ่งที่ได้ยินมันน่าตกใจกว่าการตรวจภายในซะอีก “ว่าไงนะ? อีกสองอาทิตย์เหรอ”

“อย่าแสดงท่าทางดีใจจนออกนอกหน้าสิครับ คุณแองเจลล่า… เพราะถึงแม้องค์ชายบาร์ซาร์จะไม่สามารถปฏิเสธการแต่งงานกับคุณได้เพราะติดสัญญากับพี่ชายของคุณ แต่กระนั้นองค์ชายก็สามารถเลือกที่จะชิงชังคุณได้ และแน่นอนว่าคุณจะได้รับการลงโทษกับพฤติกรรมก้าวร้าวเกินสตรีที่ดีอย่างสาสมทีเดียว”

“ฉันไม่ไป…”

“คุณต้องไปทั้งตรวจภายใน… และไปมหานครการ์ซานเพื่อแต่งงาน” คนตัวโตพูดจบก็หมุนตัวไปอีกทางเพื่อจะเดินออกไปยังประตู หญิงสาวเห็นแล้วก็กำลังจะวิ่งหนีไปอีกทาง แต่ก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้งกับน้ำเสียงทรงอำนาจของผู้ชายตัวโตที่หล่อไปซะทุกกระเบียดนิ้วอย่างฟาเดล

“อย่าทำให้ผมต้องมัดคุณ แล้วลากออกไปเลย…”

“แต่ฉันไม่ได้เป็นโรคอะไรสักหน่อย…” หญิงสาวพูดเสียงอ่อย รู้สึกเข้าตาจนชะมัดเมื่อต้องไปถ่างขาให้กับใครก็ไม่รู้มองในสิ่งที่ตัวเองหวงแหน ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องที่สร้างเอาไว้จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้อย่างเจ็บแสบแบบนี้ แล้วนี่จะทำอย่างไรดี

“ขอร้องล่ะอย่าพาฉันไปเลย…”

คนตัวโตหันกลับมามอง สายตาคมกริบเต็มไปด้วยความดูแคลน “มั่วไม่เลือกหน้าแบบคุณ… ไม่เป็นเอดส์ตายก็ถือว่าโชคดีมากแล้วล่ะ…”

“แต่ฉัน…”

อยากจะสารภาพออกไปนักว่าตั้งแต่เกิดมาหล่อนไม่เคยนอนกับผู้ชายคนไหนเลย แต่… ก็ต้องหยุดคำพูดในไว้เพียงแค่ในลำคอเท่านั้น เพราะหากพูดมากไปกว่านี้ องค์ชายบาร์ซาร์ก็จะไม่มีทางยกเลิกการแต่งงานแบบคลุมถุงชนนี้ลงแน่ ให้เขาคิดว่าหล่อนเป็นเอดส์เลยยิ่งดี

“ก็ได้… ฉันจะไปตรวจ แต่ฉันขอเลือกหมอเอง”

“ผมจะเป็นคนจัดการทุกอย่าง…” เขาโต้เสียงราบเรียบ แต่ทรงอำนาจไม่ผิดจากเดิมเลย

“งั้นฉันขอหมอผู้หญิง…”

หญิงสาวพยายามต่อรองเพราะอับอายเกินกว่าที่จะต้องไปอ้าขาให้ผู้ชายตรวจภายใน ยังไงซะหากต้องตรวจจริงๆ ขอเป็นผู้หญิงด้วยกันเถอะ

ฟาเดลยิ้มเยาะ มองหล่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอยู่สองรอบ ก่อนจะเปลี่ยนมาจ้องหน้าสบตาแทน “อย่าทำเป็นสาวบริสุทธิ์ถูกตรวจภายในครั้งแรกสิคุณแองเจลล่า เพราะผมมั่นใจว่ามีผู้ชายน่าจะร่วมๆ ยี่สิบคนที่ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรของคุณอย่างละเอียดลออ จริงไหม?”

แองเจลล่าแก้มแดงก่ำ หน้าร้อนจัดไม่ต่างจากถูกไฟเผา คำสบประมาทของฟาเดลทำให้หล่อนแทบมุดดินหนี นี่เขาเชื่อสุดใจจริงๆ สินะว่าหล่อนส่ำสอน ก็ดี… เชื่อให้มากเข้าไว้ แผนการของหล่อนจะได้สำเร็จ หญิงสาวเม้มปากแน่น เชิดหน้าสูงท้าทาย

“แล้วนายอยากเห็นแบบละเอียดลอออย่างนั้นบ้างหรือเปล่าล่ะ…”

เขาตวัดตามองหล่อนด้วยความขยะแขยง เบ้ปากให้ด้วยความชิงชัง “พยายามเก็บเอาไว้บ้างก็ได้นะครับไอ้ความร่านน่ะ เพราะมันไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวของคุณเลย นอกจากน่าสมเพช”

“ไอ้…”

“หุบปากซะแองเจลล่า… ผมจะไม่ยอมฟังคำต่ำๆ จากปากของคุณอีก”

สาวน้อยอ้าปากค้างเติ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือกิริยาที่บอดี้การ์ดทำกับเจ้านายของตัวเอง เขาลากหล่อนถูลู่ถูกังออกมายังรถ ก่อนจะจับหล่อนยัดเข้าไปอย่างไม่ปรานีปราศรัย หล่อนเจ็บระบมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตาแดงๆ น้ำตาซึมแค่นั้น

“นายมีสิทธิ์ทำแบบนี้กับฉันหรือไง… ไอ้คนบ้า” หญิงสาวยกมือขึ้นทำท่าจะตบ แต่ก็ต้องชะงักเพราะคำพูดเถื่อนๆ ของผู้ชายสุดถ่อยที่นั่งอยู่หน้าพวงมาลัยรถ

“ผมไม่ชอบการใช้กำลัง… แต่ก็จะไม่รั้งรอเลยที่จะเอาคืนในแบบเดียวกัน”

นี่แสดงว่าหากหล่อนตบเขา เขาก็จะตอบโต้กลับมาในแบบเดียวกันใช่ไหม โอ้… นายนี่มันเถื่อนทมิฬสุดขีดจริงๆ หญิงสาวคิดอย่างหวาดหวั่น รีบทิ้งมือลงข้างตัวทันที หล่อนไม่กล้าต่อกรกับฟาเดลหรอก มือเขาใหญ่จะตายไป หล่อนอาจจะปากฉีก หรือไม่ก็คอหลุดไปเลยก็ได้หากเขาตบกลับคืนมา

“ไอ้คนเถื่อน…”

“ผมยังเถื่อนว่านี้มากนัก เอาไว้ถึงการ์ซานเมื่อไหร่ คุณได้ซาบซึ้งมันแน่…” รถคันงามพุ่งออกจากลานจอดด้วยความเร็วสูง หญิงสาวรีบลนลานคาดเข็มขัดนิรภัยมือไม้สั่น

“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ไป…!”

คนตัวโตละสายตาจากถนนตรงหน้ามามองหล่อนชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา “ต่อให้คุณเป็นเอดส์ ผมก็จะพาคุณไป…”

“ไอ้บ้า… ฉันเกลียดนาย เกลียดเจ้านายของนาย เกลียดประเทศเถื่อนๆ ของนายด้วย เกลียดๆๆๆ ได้ยินไหมว่าฉันเกลียดพวกนาย…!”

“ได้ยิน… แต่คุณจะต้องรับมันให้ได้… เพราะตั้งแต่คุณย่ำเท้าลงบนพื้นทรายแห่งมหานครการ์ซานเมื่อไหร่ เมื่อนั้นกระดูกของคุณก็จะต้องฝังอยู่ที่นั่น และนี่คือความจริงที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้…” เขาแสยะยิ้มเลือดเย็น และนั่นก็ทำให้แองเจลล่าได้แต่นั่งอ้าปากค้าง

“ลมหายใจสุดท้ายของคุณจะต้องอยู่ที่การ์ซาน… ไม่ว่าคุณจะต้องการหรือไม่ก็ตาม”

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ? ทำไมชีวิตของหล่อนจะต้องเข้าไปพัวพันกับพวกคนเถื่อนทมิฬพวกนี้ด้วย ทำไมพี่มาร์คอสจะต้องยกหล่อนให้กับองค์ชายบ้าบอคนนั้นด้วย น้ำตาแห่งความเจ็บช้ำไหลออกมาอาบแก้ม มือบางรีบป้ายเช็ดมันออกไปจนแห้งทันที

หล่อนจะไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ ต่อให้ต้องสู้กันถึงเฮือกสุดท้ายก็ตาม…

Options

not work with dark mode
Reset