บ่วงมาร 33

ตอนที่ 33

“อย่ามาปากดีกับผม…” แม้ฟาเดลจะไม่ได้ตวาดลั่นออกมา แต่กระแสเสียงนั้นก็เต็มไปด้วยความเดือดดาลที่เจ้าของปิดไม่มิด

“ทำไมฉันจะปากดีไม่ได้… ทำไม…?”

หญิงสาวพูดไปก็ตัวเอียงไป และสุดท้ายก็ทำท่าจะล้มลงไปกองกับพื้น ฟาเดลจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากคว้าร่างอวบอิ่มนั้นเข้ามากอดเอาไว้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากทำเลยสักนิดเดียว

“คุณเมาแล้ว… ควรกลับบ้าน…”

“ฉันไม่กลับ นายอยากกลับก็ไปคนเดียว… ฉันจะไปเที่ยวต่อ”

“จะยืนคุณยังทำได้ลำบากเลย แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนไปดีดดิ้นในผับแบบนั้น เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะพาคุณมาอีก…”

“แต่ฉันอยากเที่ยววันนี้… อยากเต้นวันนี้ และ…” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ เงยหน้ามองคนตัวโตเจ้าของอ้อมกอดทรงพลังด้วยสายตาหยาดเยิ้ม

“อยากกินผู้ชาย…”

หล่อนแกล้งพูดออกไป แต่มั่นใจได้เลยว่าคนฟังอย่างฟาเดลต้องคิดว่าหล่อนพูดจริงแน่ๆ เพราะหล่อนเห็นสายตาล้ำลึกของเขาวาวโรจน์ขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าตัวได้สติ

“ต่อให้คุณลงแดงตายตรงนี้…” เขาเค้นเสียงน่ากลัว ขณะที่มือใหญ่ขยุ้มต้นแขนของหล่อนแรงๆ จนเจ็บระบม

“คุณก็ไม่มีทางได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการอีก…”

“แต่ฉันอยากมีเซ็กซ์ เข้าใจไหม… ว่าอยากมาก…” แม้จะเมา แต่หล่อนก็ยังอยากแกล้งผู้ชายคนนี้ให้ถึงที่สุด ดูสิว่าจะวางหน้าขรึมทำเป็นไร้อารมณ์ต่อไปได้นานแค่ไหน

“ในอดีตผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเหลวแหลกมาแค่ไหน แต่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป…” เขามองหล่อนด้วยสายตาทรงอำนาจ ก่อนที่ริมฝีปากยโสจะขยับอีกครั้ง

“ร่างกายของคุณ… จะต้องเป็นขององค์ชายบาร์ซาร์เพียงพระองค์เดียว…”

“แต่ฉันไม่ต้องการแต่งงานกับองค์ชายเถื่อนนั้น… และมั่นใจได้เลยว่าฉันจะไม่ซื่อสัตย์กับพระองค์แน่…” หญิงสาวเชิดหน้าสูง อวดดีเกินพิกัด

“ถ้าคุณบังอาจนอกใจ… โทษที่จะได้รับคือการประหาร…”

“ฉันไม่กลัว…”

หญิงสาวไหวไหล่บอบบางน้อยๆ อย่างไม่แยแสก่อนจะดิ้นจนหลุดจากการเกาะกุมของฟาเดล ขยับมายืนพิงรถคันงามของตัวเองแทน

“และหากนายไม่อยากให้องค์ชายบาร์ซาร์ต้องขายพระพักตร์ล่ะก็ ให้เขายกเลิกการแต่งงานกับฉันซะ เพราะฉันจะทำทุกอย่างที่องค์ชายนั่นรังเกียจ… แม้กระทั่งการมีเซ็กซ์กับองครักษ์ หรือทหารยามหน้าห้องก็ตาม….”

“แพศยา!”

“นี่นายมีสิทธิ์ใช้คำพูดแบบนี้กับฉันด้วยหรือไง…”

ดวงตาของแองเจลล่าลุกโชนด้วยความขุ่นเคือง แต่ฟาเดลในตอนนี้น่ากลัวเหลือเกิน ยิ่งยามที่เขาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า เงาทะมึนใหญ่ยักษ์ของเขาทาบทับเรือนกายและจิตวิญญาณของหล่อนเอาไว้ทั้งหมดแบบนี้ หัวใจสาวก็ยิ่งหวาดหวั่น

“จะทำอะไร?”

เขาไม่ตอบ แต่กลับกระชากประตูรถให้เปิดออก จากนั้นก็จับร่างอ่อนปวกเปียกของหล่อนยัดเข้าไปในรถอย่างไม่ปรานีปราศรัย แม้แองเจลล่าจะร้องคัดค้าน แต่ก็สู้ความอำมหิตของชายหนุ่มไม่ได้

“ไอ้คนบ้า…! ฉันจะฟ้องพี่มาร์คอส…”

“ผมว่าพี่ชายของคุณคงจะดีใจมาก ถ้าได้ยินคุณบอกว่าตัวเองยินดีจะนอนกับผู้ชายทุกคนไม่เว้นแม้แต่ทหารยามหากต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับองค์ชายบาร์ซาร์…”

ชายหนุ่มเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาเมื่อเข้ามานั่งข้างๆ หล่อนเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวหันขวับไปมองด้วยความเกรี้ยวกราด มือบางกำเข้าหากันแน่น

“ก็เพราะฉันเกลียดผู้ชายคนนี้ยังไงล่ะ ฟังไม่เข้าใจหรือไง?!”

“ต่อให้คุณขยะแขยงองค์ชายบาร์ซาร์มากแค่ไหน แต่พระองค์ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ชายของคุณอย่างแน่นอน พระองค์จะคุ้มครองให้คุณปลอดภัย…”

“แต่ฉันไม่ต้องการ… ฉันเกลียดผู้ชายบ้าอำนาจคนนั้น!…”

ฟาเดลหัวเราะหยันเยาะ “ทำใจให้เกลียดพระองค์ให้ตลอดรอดฝั่งก็แล้วกัน เพราหากคุณเกิดหลงรักพระองค์เข้าเมื่อไหร่ คุณจะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต…”

คราวนี้คนตัวโตหันกลับมาหรี่ตามอง แม้จะอยู่ในความมืดแต่หญิงสาวก็พอจะมองเห็นความขยะแขยงในดวงตาคมกริบคู่นั้นชัดเจน

“เพราะองค์ชายบาร์ซาร์ก็ไม่ได้ปรารถนาคุณเลยแม้แต่นิดเดียวเช่นกัน…”

แองเจลล่าหน้าชาดิกด้วยความอับอาย และด้วยความที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจทำให้หญิงสาวไม่สามารถข่มอารมณ์ของตัวเองได้ต่อไปอีก ฝ่ามือเล็กยกขึ้นสูงกำลังจะฟาดลงบนแก้มสากๆ ของผู้ชายที่นั่งข้างๆ ให้หายแค้น แต่พ่อคุณก็ไวยังกับลิงลมคว้ามือของหล่อนเอาไว้ได้ทันซะงั้น แถมยังลงทัณฑ์ด้วยการบีบแรงๆ จนกระดูกมือของหล่อนแทบแตกละเอียดอีกต่างหาก

“อย่าบังอาจทำร้ายผมเชียวนะ…!”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแองเจลล่ารู้สึกได้ถึงอำนาจมหาศาลจากน้ำเสียงของฟาเดล ราวกับว่าเขาเคยชินกับการออกคำสั่งนักหนา แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อฟาเดลเป็นแค่บอดี้การ์ด เป็นแค่ลูกน้องขององค์ชายบาร์ซาร์แค่นั้น หล่อนคิดมากไปเอง… หญิงสาวบอกตัวเองแบบนั้น

“ทำไมฉันจะทำอะไรนายไม่ได้… ในเมื่อนายมันก็แค่ขี้ข้า… โอ๊ย…!” หญิงสาวร้องลั่นเมื่อคนตัวโตตอบโต้หล่อนด้วยการบีบฝ่ามือเล็กจนแทบแหลกละเอียด ความเจ็บร้าวแล่นไปทั่วทั้งร่าง แองเจลล่าน้ำตาซึม กัดปากแน่นอย่างไม่คิดยอมแพ้

“นายก็ดีแต่ใช้กำลัง…”

“หากผมเลือกได้… ผมไม่มีทางมาอยู่ใกล้ผู้หญิงนิสัยแย่ยิ่งกว่าอีตัวแบบคุณแน่…”

เจ็บจนสะอึกไปถึงข้างในเลยทีเดียว “ไอ้… ไอ้ฟาเดล!”

“หยุดคำพูดสามหาวของคุณซะแองเจลล่า ก่อนที่ผมจะทำอะไรที่เถื่อนถ่อยกว่านี้ลงไป…”

เขาพูดไม่ดังเลย แต่ทรงอำนาจเหลือเกิน และนั่นก็ทำให้ขนตามสันหลังของหล่อนลุกชันขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ความเมาหายไปเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว เมื่อมือหนาเปลี่ยนจากรวบฝ่ามือมาเป็นแตะหนักๆ ที่เอวคอดแทน แองเจลล่าตัวสั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนก หล่อนไม่เคยปล่อยให้ผู้ชายหน้าไหนแตะต้องกายมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นตามหน้าหนังสือพิมพ์มันก็แค่การสร้างภาพเพื่อยุติการการแต่งงานนี้เท่านั้น

“นายจะทำอะไร… อย่าบังอาจเชียวนะ…”

ฟาเดลเค้นเสียงหัวเราะเดือดดาล “อย่าคิดว่าผมจะพิศวาสคุณเหมือนๆ กับไอ้บอดี้การ์ดคนอื่นๆ ที่คุณเคยถ่างขาให้มันเอาสิ ผมน่ะไม่กินของต่ำๆ และไม่นิยมใช้ผู้หญิงร่านร้อนหรอก…”

ผู้ชายคนนี้ทำไมปากร้ายได้ถึงเพียงนี้นะ แองเจลล่าคิดอย่างสับสน “ถ้าไม่ได้อยากกินฉัน แล้วขยับเข้ามาใกล้ๆ ทำไม…?”

“ผมก็แค่อยากพิสูจน์ว่า… ไอ้กลิ่นคาวๆ ที่มันโชยเข้าจมูกผมมาตลอดทางนี่มันใช่กลิ่นคาวโลกีย์ของคุณหรือเปล่า แต่เท่าที่พิสูจน์… มันคือกลิ่นความร่านของคุณจริงๆ”

“ไอ้บ้า! ฉันจะฆ่าแก…”

ฟาเดลขยับตัวกลับไปแล้ว แต่คราวนี้เป็นแองเจลล่าที่กระโจนเข้าใส่เขาบ้าง ด้วยความโกรธเคืองทำให้หญิงสาวสามารถกระโดดพรวดเดียวขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งของชายหนุ่มได้ สองมือระดมทุบไปทั่วแผงอก หัวไหล่ หรือแม้แต่ใบหน้า ชายหนุ่มร้องห้ามแต่หญิงสาวไม่คิดจะฟัง

“ทำบ้าอะไรของคุณแองเจลล่า!”

“ไอ้คนปากดี ฉันจะเอาเลือดแกออกให้ได้…”

แต่แรงหญิงหรือจะสู้แรงชายได้ ยิ่งเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งบึกบึนอย่างฟาเดลด้วยแล้ว เพราะแค่มือหนาเพียงข้างเดียวของเขาก็สามารถพันธนาการข้อมือของหล่อนให้ไพล่ไปไว้ด้านหลังได้อย่างง่ายดาย ทรวงอกพุ่งดันออกมาจนแทบจะทิ่มหน้าชายหนุ่ม และถ้ามองไม่ผิดหล่อนเห็นเขาลอบกลืนน้ำลายลงคออยู่หลายครั้งเลยทีเดียว

“ไอ้บ้า…! ปล่อยฉันนะ”

“เด็กสาวเอาแต่ใจแบบคุณจะต้องถูกลงโทษซะบ้าง ถึงจะหลาบจำ…” เขาเค้นเสียงออกมา โทสะร้ายอัดแน่นอยู่ภายในดวงตาคมกริบมหาศาล

“และพี่ชายของคุณจะต้องขอบใจผมมากทีเดียว ที่สามารถทำให้คุณเชื่องเป็นแมวเหมียวได้”

“ฝันไปเถอะยะ ฉันไม่เคยกลัวใคร…”

และนั่นก็คือคำพูดสุดท้ายของหล่อนที่มีโอกาสเล็ดลอดออกมานอกลำคอ เพราะอึดใจต่อมาคนตัวโตก็กระแทกปากร้อนผ่าวแสนกระด้างลงมาหาอย่างเถื่อนถ่อย เขาจูบหล่อนอย่างลงทัณฑ์ราวกับต้องการประกาศให้รู้ว่าหล่อนไม่มีทางเอาชนะเขาได้ ไม่ว่าจะโดยวิธีใดก็ตาม

เลือดซึมออกมาจนลิ้นเล็กได้ลิ้มรส เมื่อคนตัวโตกระทำกับปากของหล่อนด้วยความดุดันและไร้ซึ่งความปรานี หล่อนดิ้นรน พยายามต่อต้าน แต่สู้แรงของเขาไม่ได้ จนในที่สุดก็ต้องยอมให้เขาจูบประกาศชัยชนะต่อไปจนกว่าคนใจร้ายจะสาแก่ใจ

“คนเลว…”

เมื่อปากเป็นอิสระและร่างสาวถูกคนตัวโตจับโยนลงบนเบาะด้านหน้าข้างคนขับเช่นเดิม หญิงสาวก็ผรุสวาทออกไปในทันที น้ำตาแห่งความเจ็บแค้นไหลหลั่งออกมา หากเขาจะจูบด้วยความอ่อนโยน จูบด้วยความรู้สึกลึกซึ้งกว่านี้หล่อนคงไม่รู้สึกย่ำแย่มากมายเช่นนี้หรอก

“ถ้าไม่อยากให้ผมเลวมากกว่านี้… เลิกนิสัยร่านแรดลงได้แล้ว…”

เขาด่าว่าหล่อนอย่างแสบสัน หญิงสาวเจ็บใจเหลือเกิน ยกมือขึ้นเช็ดปากของตัวเองแรงๆ จนปากที่แตกเพราะแรงกระแทกไร้ความปรานีของฟาเดลอยู่แล้ว แตกยับมากขึ้นอีก แต่หล่อนไม่ได้รู้สึกเจ็บเลย มันเจ็บในใจมากกว่า หล่อนเกลียดผู้ชายทะเลทรายคนนี้ไม่ต่างจากเกลียดองค์ชายบ้าอำนาจบาร์ซาร์นัก

“ฉันจะแรดให้ถึงที่สุด… และนายไม่มีทางห้ามฉันได้…”

เขาหันมามอง ไหวไหล่อย่างไม่แยแส ขณะเคลื่อนรถออกไป “ถ้าคุณไม่เลิกร่าน… ผมก็จะจับคุณมัดไว้กับเตียงนอน และมั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยคุณ…”

“นี่นาย…” พูดไม่ออกกับความร้ายกาจของผู้ชายคนนี้

“เกมนี้มีแต่ผมเท่านั้นที่จะได้กำชัยชนะ ส่วนคุณ… แพ้ยับเยินตั้งแต่ยกแรกแล้วล่ะ”

“ฉันไม่ยอม… นายไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้นะ”

“ผมมีสิทธิ์มากกว่าที่คุณคิดเอาไว้ซะอีก…” คำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของผู้ชายที่พึ่งปล้นเอาจูบแรกไปจากตัวเองทำให้แองเจลล่าอดแปลกใจไม่ได้

“นายหมายความว่ายังไง…?”

“เวลาคือคำตอบของทุกอย่าง…”

และในรถก็ไร้เสียงสนทนาใดๆ อีก มีแต่เสียงเต้นของหัวใจสาวที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและกังขาของแองเจลล่าเท่านั้นที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาทในขณะนี้

ฟาเดลเป็นใครกันแน่นะ? ทำไมบางครั้งจิตใต้สำนึกของหล่อนร้องเตือนว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดคนหนึ่งเท่านั้นเอง

แองเจลล่าครุ่นคิดด้วยความสงสัย และแน่นอนว่าหล่อนจะไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองต้องค้างคาใจเรื่องใดนานเกินไปเสียด้วย

หล่อนจะต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร? แล้วใช่ลูกน้องขององค์ชายบ้าเลือดบาร์ซาร์จริงหรือเปล่า หญิงสาวยิ้มมุมปากเมื่อนึกชื่อของคนที่จะช่วยหล่อนกระชากหน้ากากของพ่อฟาเดลจอมหยิ่งจอมอวดดีขึ้นมาได้

‘โลแกน… นายช่วยฉันได้แน่…’

Options

not work with dark mode
Reset