บ่วงมาร 16

ตอนที่ 16

มืดแล้ว…

ไม่สิ มันคงจะดึกแล้วมากกว่า เพราะแสงของพระอาทิตย์เหือดหายไปจากขอบฟ้าจนหมดสิ้น มีเพียงแค่แสงสว่างจากโคมไฟที่สะท้อนผ่านกระจกใสที่ม่านราคาแพงถูกรวบเอาไว้ด้านข้างเท่านั้น นาริกาผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยความตกใจ เมื่อเหตุการณ์ในห้องน้ำหวนกลับเข้ามาสู่สมองอีกครั้ง

ดวงตากลมโตสีดำขลับเพราะไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลไหม้อีกแล้วเบิกกว้าง กลีบปากอิ่มเต็มที่ยังชอกช้ำไม่หายเผยอออกจากกัน กวาดตามองไปรอบๆ ห้องแล้วก็ต้องตกใจจนหน้าซีด

ห้องนี้เป็นห้องของเดนนิส โอซิล และเตียงที่หล่อนกำลังครอบครองอยู่นี่ก็เป็นเตียงของเขาด้วยเช่นกัน แล้วเขาหายไปไหน เจ้าของสิ่งเหล่านี้หายไปไหนกัน

หญิงสาวผุนผันลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว สมองร้องสั่งให้ตัวเองรีบกลับห้องของตัวเองให้เร็วที่สุด เพราะหากเดนนิสกลับมา เขาคงจะใช้วิธีป่าเถื่อนกระทำกับร่างกายของหล่อนอีก แค่… สิ่งที่เกิดในห้องน้ำ กิริยาที่เขากระทำกับตรงนั้นของหล่อน มันก็สร้างความอับอายให้หล่อนอย่างใหญ่หลวงแล้ว

มันน่าละอาย…

เขาทำให้กำแพงแห่งศักดิ์ศรีของหล่อนพังครืนลงมาอย่างไม่มีชิ้นดี ลิ้นของเขาที่ปาดเลียลงกับผิวเนื้ออ่อนนุ่มที่เป็นความลับกับคนทั้งโลกทำให้หล่อนสามารถครวญครางออกมาอย่างไร้ยางอาย หล่อนเรียกร้อง วิงวอนให้เขาทำมากกว่าแค่การใช้ลิ้น อยากได้มากกว่าลิ้นของเขา…

บ้าที่สุด…

ทำไมหล่อนถึงได้รู้สึกร้อนผ่าวในช่องท้องขึ้นมาอย่างรุนแรงแบบนี้นะ เพียงแค่คิดถึงความรู้สึกยามที่ถูกลิ้นของเดนนิสไล้เลีย ปาดตวัดภายในกลีบสาว โอ้… ตอนนี้หล่อนอึดอัดและเดือดพล่านมากมายเหลือเกิน หล่อนต้องกำลังเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่อยากให้เดนนิสทำแบบในห้องน้ำกับหล่อนอีกครั้ง

แก้มสาวแดงจัด ดวงหน้างามร้อนผ่าวราวกับถูกลนด้วยเปลวไฟ นาริกากัดปากแน่นจนเจ็บระบมเพื่อข่มเสียงแห่งความต้องการเอาไว้ พยายามบังคับขาตัวเองให้ก้าวเดินตรงไปยังประตูห้อง มือบางดันมันให้เปิดออก ความมืดสลัวกระแทกเข้ามาใส่หน้าอย่างอำมหิต นาริกาต้องใช้เวลานานพอสมควรเลยทีเดียวกว่าจะปรับสายตาให้เข้ากับความมืดสลัวตรงหน้าได้

หญิงสาวก้าวเดินไปตามพรมหนา มุ่งหน้าไปยังห้องนอนของตัวเอง แต่ระหว่างทางสายตาเจ้ากรรมของหล่อนก็เผลอมองทะลุประตูกระจกออกไปทางระเบียงที่โอบล้อมไว้รอบเพ้นเฮ้าส์ ที่สระว่ายน้ำเดนนิสกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาหันข้างให้กับหล่อน เขานั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นหินสลัก ในมือมีแก้วเหล้าใบสวยอยู่ และก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ ที่ทำให้หล่อนเลือกที่จะเดินไปหาเขา เดินไปหามัจจุราชตัวร้าย แทนที่จะเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง

“เอ่อ…”

เขาเงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้า หันมาจ้องหน้าหล่อนเขม็ง แสงไฟสีเหลืองทองที่ติดอยู่เสาด้านบนศีรษะแสนทระนงนั้นยิ่งทำให้คนตัวโตดูลึกลับและแสนอันตรายเหลือเกิน นาริกาตัวสั่น หล่อนคิดผิดใช่ไหมที่เดินมาให้เขาเชือดถึงที่แบบนี้ ทั้งที่มีโอกาสจะหลีกหนีได้

เพราะอะไรถึงได้อยากมาเจอหน้าเขานะ? ทั้งๆ ที่ผู้ชายนี้พึ่งจะกระทำหยาบคายกับร่างกายของหล่อน เพราะอะไรกันนะ?

“คุณ… ทานมื้อค่ำ… หรือยังคะ” แน๊ะ… ยังมีหน้าไปห่วงใยเขาอีกนะ นาริการ้องด่าตัวเอง

เดนนิสแสยะยิ้มเหยียดหยัน “ทำไม… ที่รีบฟื้นขึ้นมานี่ก็เพราะต้องการทำหน้าที่ภรรยาที่ดีหรือไง”

“มะ… ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่… เป็นห่วง”

“ฉันไม่ต้องการความห่วงใยจากใคร โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ฉันเกลียดที่สุดในโลกแบบเธอ จำเอาไว้ให้ขึ้นใจนะนาริกา… ฉันขยะแขยงเธอยิ่งกว่าไส้เดือนเสียอีก ที่แตะต้องก็เพราะอยากทำให้เธอเจ็บเท่านั้น ฉันไม่ได้พิศวาสอะไรเธอมากไปกว่าอีตัวเลย จำเอาไว้!”

ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเดนนิสทั้งเกลียดทั้งขยะแขยงตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ยังไม่สามารถทำใจให้ไม่สะทกสะท้านต่อความชิงชังของเขาได้เลย หล่อนไม่มีทางชินกับมันหรอก ในเมื่อหล่อนหลงรักผู้ชายคนนี้เสียแล้ว รักแบบที่ไม่เคยรักใครมาก่อน

รักผู้ชายที่เกลียดตัวเองยิ่งกว่าไส้เดือน มันช่างน่าสมเพชนัก เพราะต่อให้พระอาทิตย์เปลี่ยนไปขึ้นตอนกลางคืนได้ แต่ความเกลียดชังของเดนนิสที่มีต่อหล่อนก็คงไม่มีทางเปลี่ยนเป็นความรักได้อย่างแน่นอน แค่ฝันมันช่างเป็นไปไม่ได้เลย นาริกาน้ำตาซึม กัดฟันซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเจ็บระบม

หล่อนมันบ้าเองนั่นแหละที่ยังคิดว่าเขาจะใจดีกับตัวเองบ้าง หล่อนมันโง่เองแหละที่คิดว่าผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่ามัจจุราชอย่างเดนนิสจะใจอ่อนให้อภัย

“ฉัน… ขอโทษค่ะ จะไม่วุ่นวายอีกแล้ว”

ในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้วว่าหล่อนควรจะอยู่ในที่ที่ตัวเองควรอยู่เท่านั้น ไม่ควรจะมาเพ่นพ่านให้เขารำคาญตา รำคาญใจอีก นาริกาหมุนตัวกำลังจะวิ่งกลับเข้าไปภายในบ้าน แต่ก็ถูกเดนนิสที่ไวทายาทลุกขึ้นไปรวบร่างอรชรเอาไว้ได้ทันเวลา เขากระชากหล่อนเต็มแรงจนร่างอรชรเซถลาเข้ามาแน่นิ่งอยู่ในแผงอกกว้าง อ้อมแขนกำลังรัดแน่นหนาจนทรวงอกอวบอิ่มแทบจะบี้แบนไปกับแผงอกกว้างที่แน่นหนั่นไปด้วยกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบ

“ปล่อยค่ะ ปล่อย…”

“เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเรายังไม่เสร็จเรื่องกัน”

คำพูดของคนตัวโตที่ก้มลงกระซิบชิดกลีบปากอิ่มสีสดทำให้นาริกาถึงกับหน้าซีดสลับแดง สมองหวนกลับไปนึกถึงตอนที่ตัวเองถูกลิ้นแกร่งโจมตีในที่เร้นลับอีกครั้ง มันชัดเจนทั้งการกระทำ และความรู้สึก

“ไม่นะ… อย่า…”

เดนนิสแสยะยิ้มร้ายกาจ ดวงตาสีฟ้าจัดอัดแน่นไปด้วยความหื่นหิว ขณะดันร่างอรชรให้นอนราบกับพื้นเย็นๆ ที่ขอบสระว่ายน้ำ แม้สาวน้อยจะดิ้นรนแต่ชายหนุ่มไม่คิดจะอดทนอีกแล้ว เขาทนมันมานานเกินไป เขาจะต้องได้นาริกาในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้

เขาจะต้องเข้าไปในตัวของหล่อน ครอบครองหล่อนให้หายคลั่ง ทำให้หล่อนหลอมละลายอยู่ในรสรัก วิงวอนร้องขอให้เขามอบคำว่าผัวให้ด้วยความเต็มอกเต็มใจ

“อย่าทำเป็นไม่อยากหน่อยเลยน่า เธออยากจนตัวสั่นเชียวแหละ…”

“ไม่ค่ะ เดนนิส ได้โปรด อย่าทำแบบนี้… ไม่นะคะ”

ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอ้อนวอนมัจจุราชจากแดนอเวจีต่อไปอีก เพราะในที่สุดเขาก็ก้มลงมาครอบครองกลีบปากของหล่อนอย่างอำมหิต ทุกสัมผัสอัดแน่นไปด้วยความเหี้ยมโหด ประกาศชัยชนะในทุกๆ จังหวะของลมหายใจ นาริกาน้ำตาซึม เจ็บปวดกับความรุนแรงของเดนนิสยิ่งนัก พยายามขัดขืน… แต่ไม่มีทางสำเร็จ ในเมื่อเขาไม่ปรานีเลย เขารุนแรง ป่าเถื่อน และใจร้ายที่สุด

“อย่า…”

“ไม่มีทาง… ฉันจะเอาเธอ”

ดวงตาสีฟ้าจัดเรืองรองด้วยแรงปรารถนา มือใหญ่ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของหล่อนอย่างชำนาญ จนในที่สุดกายสาวของหล่อนก็ต้องสั่นสะท้านด้วยความเปลือยเปล่า

“ตรงนี้…”

“ได้โปรด… อย่าทำฉัน อย่าทำแบบนี้”

เดนนิสแสยะยิ้มบางๆ ขณะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ชื้นแฉะไปด้วยคราบน้ำตา “แล้วเธอจะไม่พูดแบบนี้ยามที่ฉันเข้าไปในตัวของเธอ ตรงกันข้าม เธอจะร้องขอ วิงวอนให้ฉันทำมันซ้ำแล้วซ้ำอีกต่างหาก”

ความมั่นใจของเขาอัดแน่นเต็มกระแสเสียง แต่นาริกาหาได้รู้สึกดีไม่ ตอนนี้หล่อนกำลังรู้สึกอดสูเหลือเกิน ทั้งอัปยศอดสูจนไม่อาจจะกลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจเอาไว้ได้ แต่มันไม่ได้มีผลอะไรต่อหัวใจของเดนนิสเลย เพราะเขายังคงเดินหน้าหาความสำราญกับร่างกายเกลี้ยงเกลาของหล่อนอย่างเอาแต่ใจ

“ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่เห็นน้ำตาของผู้หญิงไม่ได้ ต่อให้เธอร้องจนน้ำตาท่วมโลก เธอก็เปลี่ยนความตั้งใจของฉันไม่ได้หรอกนาริกา”

ใช่… เขาไม่มีวันยอมยุติสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำตั้งแต่แรกเห็นนาริกาลงได้อย่างแน่นอน ต่อให้ตอนนั้นมีพายุเฮอริเคนพัดผ่านก็ตาม

เขาต้องการนาริกา ต้องการมาก ต้องการจนแทบจะทนเล้าโลมต่อไปไม่ได้…

และทุกอย่างก็เริ่มต้นอีกครั้ง จูบเร่าร้อน หิวกระจายถูกบดขยี้ลงบนกลีบปากของหล่อนซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ร่ายเวทมนต์แห่งตัณหาราคะเข้าใส่กายสาวของหล่อนอย่างอำมหิต และแน่นอนว่าหล่อนไม่มีทางต่อกรได้ เพราะตอนนี้หล่อนได้ตอบสนองจุมพิตเดือดของเขาด้วยความเต็มอกเต็มใจเสียแล้ว

จูบตอบอย่างไร้ประสบการณ์ แต่กระนั้นมันสามารถทำให้หนุ่มหล่อลากไส้ผู้ช่ำชองร้องครางลั่นด้วยความพึงพอใจ มือใหญ่บีบเคล้นไปตามร่างกายสลักเสลา ก่อนจะมาหยุดเคล้าคลึงเต้างามอวบใหญ่ที่นุ่มหยุ่นราวกับข้างในฝังสปริงชั้นดีเอาไว้ นิ้วแกร่งสะกิดยอดทรวงเบาๆ อย่างหยอกเย้า แต่แค่นั้นก็ทำให้สาวน้อยที่นอนส่ายระริกอยู่ใต้ร่างครางออกมาไม่หยุด

“ชอบใช่ไหม…”

ชายหนุ่มถามเบาๆ ก่อนจะผลักดันลิ้นแกร่งของตัวเองให้หายเข้าไปในอุ้งปากสาวที่หวานฉ่ำปานน้ำผึ้งเดือนห้า หวานจนเขาต้องดื่มกินครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับหลุดหลงเข้าไปในโลกที่มีแต่ดอกไม้ กลิ่นหอมของผิวสาวทำให้ชายหนุ่มคลุ้มคลั่ง และความอดทนอดกลั้นก็ลดระดับลงทุกขณะ

“เธอทำให้ฉันลุ่มหลง นาริกา… สวยมาก…”

หลังจากใช้ลิ้นทำสงครามในช่องปากสาวจนพออกพอใจแล้ว เดนนิสก็เคลื่อนใบหน้าลงมาซุกไซ้ซอกซอนหาความหอมกรุ่นที่ซอกคอระหง กายนุ่มนิ่มที่ถึงแม้จะตอบสนองได้น่าอ่อนใจนัก แต่มันกลับทำให้ความต้องการในกายหนุ่มพุ่งทะยานขึ้นอย่างรุนแรง

และในที่สุดปากร้อนๆ ของเขาก็ดูดกลืนปลายถันงามเข้าไปเต็มๆ คำ ลิ้นแกร่งตวัดไล้เลียด้วยลีลาช่ำชอง สาวน้อยกรีดร้องด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ ร่างอรชรดิ้นเร่าๆ อยู่ใต้เรือนกายแข็งแรง เส้นประสาททุกเส้นตึงเครียด ความร้อนผ่าวกัดกินไปทั่วทั้งร่าง

“เดนนิส…”

Options

not work with dark mode
Reset