นางบำเรอเติมใจ 102

ตอนที่ 102

“หวานเย็นนี้จะพาเข้าไปที่บ้านนะ” ขณะที่กรวิทย์ขับรถไปส่งหทัยรัตน์เขาก็หันมาพูดกับเธอ

“อะไรนะคะ”

“เย็นนี้จะพาเข้าไปที่บ้านแม่อยากเจอ” หทัยรัตน์ตัวแข็งทื่อ

“ทำไมไม่บอกก่อน”

“ก็บอกอยู่นี่ไง”

“บอกวันนี้ไปวันนี้เนี่ยนะ คุณกร” เขาไม่คิดจะให้เธอเตรียมตัวบ้างรึไง

“กลัวอะไร”

“ถามได้” หทัยรัตน์ทำหน้าบึ้ง

หลังจากวันนั้นที่เขาบอกว่าจะไปเคลียร์กับคนที่บ้านจะทำทุกอย่างให้ชัดเจนและบอกให้เธอรอ เขาก็ทำอย่างที่พูดจริงๆ ทุกอย่างเรียบร้อยดี ทางผู้ใหญ่เองก็ยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องของพิมพ์ประภาเห็นว่ากำลังจะแต่งงานกับแฟน

กรวิทย์บอกกับทางครอบครัวว่าเขามีแฟนแล้วและทางผู้ใหญ่ก็ให้พาแฟนไปเปิดตัว ซึ่งนี่มันก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะพาหทัยรัตน์ไปเปิดตัวกับครอบครัว

“ไม่ต้องกลัวหรอก” พูดก็พูดง่ายสิ ไม่ได้เป็นเธอหนิ

“หวาน..ไม่มั่นใจ” ด้วยพื้นฐานที่ไม่ดี ทำให้เธอไม่มั่นใจ บางครั้งก็คิดว่าอยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่อยากเรียกร้องอะไรกับเขา ไม่ต้องถึงขั้นแต่งงานก็ได้

“ไม่มั่นใจอะไร ไม่มั่นใจฉันหรือไม่มั่นใจตัวเอง”

“ไม่มั่นใจตัวเอง หวานว่าเราอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วนะคะ” หทัยรัตน์หันไปจับแขนเขาทำหน้าหงอยๆ

กรวิทย์ถอนหายใจ

“คิดมากอะไรอีก” เขาเองก็อยากทำอะไรให้ชัดเจนแต่แม่คุณก็ดันกลัว หทัยรัตน์ก้มหน้า

“หวาน กลัวจะทำให้ครอบครัวคุณเสื่อมเสีย” ถ้ามีคนรู้เรื่องที่เธอเคยขายตัวแล้วเอาไปลงข่าวจะเป็นยังไง ถึงก่อนที่เธอจะมาเจอเขาผ่านมาแค่สองคนก็เถอะ แต่ทุกวันนี้โลกมันไปไวจะตาย ถ้ารูปเธอกับเขาแผ่ออกไปแล้วมีคนที่เคยรับเลี้ยงเธอจำเธอได้ แล้วมาเปิดโปงเรื่องของเธอมันจะเป็นยังไง

“หวาน ไม่ต้องคิดมาก ฉันจะปกป้องเธอเอง บอกแล้วไงเรื่องที่มันผ่านมาแล้วก็ปล่อยมันไป อย่าไปคิดถึงมัน”

“แต่ถ้าคนอื่น..”

“ช่างมันสิ ฉันไม่สน ฉันรู้ทุกอย่างอยู่แล้วไม่ใช่ฉันไม่รู้”

“แต่ครอบครัวของคุณ..”

“ครอบครัวฉันจะไม่รู้เรื่องนี้ เธอคิดว่าฉันปกป้องเธอไม่ได้รึไง ถ้ามีคนกล้าทำอะไรเธอฉันจะจัดการมันก่อน” หทัยรัตน์ซบลงที่แขนแกร่ง

“ขอบคุณนะคะ” ในเมื่อเขาพูดอย่างนี้เธอก็ไม่อยากขัดใจเขา ลองสักตั้งก็ได้ ผลออกมามันจะเป็นยังไงเธอก็ขอรับไว้

“ทำตัวน่ารักๆ แบบนี้ก็พอ แม่กับพ่อฉันจะชอบเองไม่ต้องคิดมาก” เธอก็ขอให้มันเป็นอย่างนั้น ถึงเขาจะบอกว่าครอบครัวเขาไม่ได้มองคนที่ฐานะแต่เธอก็อดกังวลไม่ได้ ถ้าเธอไม่เคยมีประวัติไม่ดีเธอจะไม่คิดมากเลยสักนิด เธอพร้อมจะสู้ไปกับเขา แต่นี่เธอไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาสักอย่าง ถ้าพ่อแม่เขารู้เรื่องและบอกให้เธอถอยห่างจากเขาเธอก็พร้อมที่จะไป ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกชายตัวเองมายุ่งกับผู้หญิงแบบเธอหรอก

“ก็ได้ค่ะ หวานจะลองดู”

หทัยรัตน์ทำงานด้วยความเหม่อลอยเพราะคิดเรื่องที่จะไปพบพ่อแม่ของกรวิทย์ตอนเย็น

“น้องหวานไม่สบายรึเปล่าค่ะ เหม่อๆ นะ” ต้นหลิวถามขึ้นเมื่อเห็นน้องเหม่อหลายครั้ง

“เปล่าค่ะพี่ต้นหลิว หวานแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”

“มีเรื่องไม่สบายใจอะไรปรึกษาพวกพี่ได้นะ”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” หทัยรัตน์ยิ้มรับ เรื่องของเธอจะปรึกษาใครได้นอกจากเพื่อนสองคนที่รู้เรื่องนี้ดี แต่ตอนนี้พิรุณรักไม่อยู่ที่นี่แล้วป่านนี้คงอยู่กับแกริค

เธอดีใจกับเพื่อนที่รู้ว่าเพื่อนสมหวัง เธอไม่ได้ติดต่อพิรุณรักหรอกนะ แต่กรวิทย์เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วตอนนี้ทุกอย่างก็เคลียร์เรียบร้อยแล้ว และเรื่องที่เธอสงสัยก็เป็นเรื่องจริง พิรุณรักท้อง สรุปคือเพื่อนของเธอท้องจริงๆ

ส่วนเอมมี่รายนั้นช่วงนี้ไม่ว่างติดผู้ชาย

จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานกรวิทย์ก็มารอเธอที่หน้าบริษัท เรื่องของเธอไม่ค่อยมีใครรู้ รู้แค่ว่าเธอมีแฟนแล้วแต่ไม่รู้ว่าแฟนของเธอคือใครเพราะเธอไม่เคยพาเขามาเปิดตัว ซึ่งพวกพี่ๆ ก็พูดอยู่บ่อยๆ ว่าให้พาแฟนมาเปิดตัวด้วย แต่เธอก็บ่ายเบี่ยงตลอด ถ้าทุกคนรู้ว่าแฟนของเธอคือนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงต้องซักไม่หยุดแน่

“ขอโทษนะคะที่ให้รอ” หทัยรัตน์ออกมาช้าเธอเอ่ยขอโทษเขา

“ไม่เป็นไร” ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ตลอดทางหทัยรัตน์นั่งบีบมือตัวเองเพื่อลดความตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก

จนกระทั่งมาถึงบ้านหลังใหญ่ เธอยิ่งหัวใจเต้นแรง อยากลงจากรถแล้วกลับซะตอนนี้แต่ก็ทำไม่ได้ รถจอดสนิท แต่ยังไม่มีใครลง กรวิทย์ถอนหายใจเบาๆ หันมองคนที่นั่งตัวเกร็ง

เขาเอื้อมมือไปจับมือเธอแล้วบีบเบาๆ

“ไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี” หทัยรัตน์สบตากับกรวิทย์เมื่อได้รับคำปลอบโยนมันทำให้เธอก็มีกำลังใจขึ้น

กรวิทย์ลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอ เมื่อก้าวลงจากรถมือใหญ่ก็เอื้อมมากอบกุมมือเธอไว้ จับจูงเดินเข้าไปในบ้าน หทัยรัตน์กวาดสายตามองบ้านหลังใหญ่โตหรูหรา ปากบางเม้มเข้าหากัน เธอกับเขาต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะด้านไหนเธอก็ไม่มีอะไรเหมาะกับเขาเลยสักนิด

“มาแล้วเหรอ” เดินเข้ามาถึงห้องรับแขกก็เจอกับชายวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน

“ครับพ่อ นี่หทัยรัตน์ครับแฟนผม” กรวิทย์แนะนำหญิงสาวให้บิดารู้จัก

“สวัสดีค่ะ” หทัยรัตน์ยกมือขึ้นสวัสดีอย่างเกร็งๆ ทรงพลกวาดสายตามองหญิงสาวที่มากับลูกชายแล้วพยักหน้า

“สวัสดีจ้ะหนูยินดีที่ได้รู้จัก เห็นเจ้ากรพูดถึงบ่อยๆ ได้เจอตัวจริงสักที” หทัยรัตน์ยิ้มรับขมวดคิ้วเข้าหากันชำเลืองมองชายหนุ่มข้างกาย เขาพูดถึงเธอว่ายังไงบ้าง

“แล้วนี่แม่ไปไหนครับ” กรวิทย์ถามหามารดา

“อยู่ในครัวน่ะทำอาหารอยู่” กรวิทย์พยักหน้าเข้าใจ

“พาน้องนั่งสิเจ้ากร จิ๋วเอาน้ำมาเสิร์ฟแขกด้วย”

กรวิทย์พาหญิงสาวนั่งลง ซึ่งหทัยรัตน์ก็ยังไม่หายเกร็ง

“ขอบคุณค่ะ” สาวใช้นำน้ำมาเสิร์ฟหทัยรัตน์เอ่ยขอบคุณเบาๆ จิ๋วก็ยิ้มรับ หทัยรัตน์ใจชื้นขึ้นมาหน่อยทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด เหลือแต่แม่ของเขาเท่านั้น

หญิงวัยกลางคนที่ยังดูสวยสง่าเดินออกมาจากห้องครัวแล้วบอกเด็กรับใช้

“จิ๋วไปช่วยแม่บัวจัดโต๊ะไป”

“ค่ะคุณท่าน”

“อ้าวมาแล้วเหรอ” คุณหญิงทิพย์ฉายทักลูกชาย

“ครับ นี่หทัยรัตน์ครับแม่เรียกหวานก็ได้ครับแฟนผม” กรวิทย์แนะนำหญิงสาวอีกครั้ง หทัยรัตน์เองก็ยิ้มยกมือสวัสดีแม่ของชายหนุ่ม

“สวัสดีค่ะ” ตอนนี้เธอเกร็งไม่รู้จะเกร็งยังไงแล้ว

“สวัสดีจ้ะ” คุณหญิงทิพย์ฉายตอบรับสั้นๆ แล้วนั่งลงข้างๆ สามี มองพิจารณาผู้หญิงที่ลูกชายพามาแนะนำ

“บ้านๆ ดี” หทัยรัตย์หน้าเจือนเมื่อได้ยินแบบนั้น

“แม่ครับ อย่าทำให้แฟนผมกลัวสิครับ แม่รู้รึเปล่าว่าหวานเกร็งและกลัวพ่อกับแม่แค่ไหน” กรวิทย์ขอร้องมารดา ซึ่งก็ได้รับค้อนงามๆ กลับมา

นางบำเรอเติมใจ

นางบำเรอเติมใจ

Score 10
Status: Completed
“ฉันไม่ชอบคนที่ไม่เป็นงาน” แกริคพูดย้ำแล้วก็หลับตาเอนหลังพิงโซฟา ตอนนี้เขาอยากปลดปล่อย เพราะอัดอั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนพิรุณรักตาหลุกหลิกมองคนที่หลับตาอยู่ นึกถึงหนังที่ตัวเองดูและคำแนะนำของเพื่อน เธอไม่ควรทำให้เขารำคาญปลายฝนเธอค่อยๆ ขยับขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งไม่กล้าจะเทน้ำหนักลงไปทั้งตัวกลัวว่าเขาจะหนัก แต่คนที่หลับตาอยู่ก็จับเธอกดลงบนตักเขาทั้งตัว ทำให้เธอผวาจับบ่าเขาไว้เพราะกลัวตก“เริ่มเลย” แกริคสั่งทั้งที่หลับตาอยู่“ตรงนี้เหรอคะ” ขอให้เธอถามเพื่อเตรียมใจอีกสักนิด นี่เธอกำลังจะเป็นของเขาจริงๆ เหรอแกริคเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองเธอ“เอ่อ หนูคิดว่า เราเข้าห้องกันดีกว่าค่ะ” ที่นี่มันโล่งแจ้งเกินไป ถึงจะรู้ว่าไม่มีใครลงมาก็เถอะ แต่ลูกน้องของเขาก็อยู่ข้างบนตั้งหลายคน

Options

not work with dark mode
Reset