ดั่งรักบันดาล 99

ตอนที่ 99

นัยน์ตาสุขุมของอวี้อี่มั่วหดตัวเล็กลง จนกระทั้งเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรกลับมีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา

เหลือบตาไปมองเล็กน้อย อวี้อี่มั่วชะงักนิ่งไปเสี้ยววินาที ก็จะไม่สนใจหร่วนซือซือแล้วกดรับสายโทรศัพท์ไป

"Peter ว่าไง?"

น้ำเสียงทุ่มต่ำติดอาการร้อนรนเล็กน้อยของ Peter ดังขึ้นว่า "คุณเย่อาการไม่ค่อยดี คุณรีบมาที่โรงพยาบาลจะดีกว่านะครับ"

เมื่อได้ยินคำว่า "คุณเย่" จิตใต้สำนึกของหร่วนซือซือก็สะดุ้งตะใจขึ้นมาทันที ร่างกายแข็งทื่อขึ้นเป็นเท่าตัว

เพราะว่าโยคนี้ของ Peter ภายในตัวรถจึงมีบรรยากาศตึงเครียดขึ้นมามากทีเดียว สีหน้าของอวี้อี่มั่วแปรเปลี่ยนไปจากเดิม ก่อนจะเหยียบคันเร่ง

ร่างกายของหร่วนซือซือเอียงไปทางด้านหน้า ยังไม่ทันได้รู้สึกตัว อวี้อี่มั่วก็ปรับเปลี่ยนทิศทางของพวงมาลัยแล้ว

"ฉันจะไป"

เมื่อน้ำเสียงทุ่มต่ำเงียบลง เขาขับรถมาจอดลงที่ข้างทางก่อนจะหันมองหร่วนซือซือด้วยสายตาคลุมเครือไม่ชัดเจน "เธอกลับไปเองก่อน"

หัวใจของหร่วนซือซือบีบรัดเข้าหากันแน่น เปิดประตูลงจากรถ เท้าพึ่งจะแตะลงที่พื้น อวี้อี่มั่วก็ออกรถจากไปเสียแล้ว

เท้าข้างหนึ่งเหยีบเข้ากับคันเร่ง รถตีเป็นวงกว้างแล้วออกตัวจากไปแล้ว หร่วนซือซือยืนอยู่ข้างถนน มองรถยนต์ที่ค่อยๆไกลห่างจากสายตาออกไป ภายในใจกลับรู้สึกทรมาน

เพียงแค่พูดถึงเย่หว่านเอ๋อ อวี้อี่มั่วที่ปกติแล้วจะเย็นชาและสงบนิ่งขนาดนั้นกลับสามารถศูนย์เสียการควบคุมได้ นี่คงจะเรียกว่ารักสินะ

เธอมองไปรอบๆบริเวณที่เงียบสงัด ถึงขนาดที่ว่ารถบนถนนสักคันยังไม่มี อวี้อี่มั่วทิ้งเธอไว้อยู่บนถนนที่ทั้งเงียบทั้งมืดแบบนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะผู้หญิงคนอื่น

ผ่านไปไม่นานนัก หัวใจดวงน้อยของหร่วนซือซือก็รู้สึกคล้ายกับว่ากำลังมีคนใช้มือบีบมันเอาไว้จนแน่น จนทำให้หายใจเข้าออกด้วยความยากลำบาก

เธอขบเม้มริมฝีปาก ความเจ็บปวดบีบรัดให้เธอรเริ่มรู้สึกตัว

ในตอนนี้ คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะโบกรถที่นี้ตอนนี้ แต่ทว่าเดิมทีเธอก็ไม่คิดที่จะขอความช่วยเหลือจากใครแล้วล่ะ……

ภายในใจรู้สึกทุกข์ทรมาน ก่อนที่สมองจะนึกถึงใบหน้าของใครอีกคนลอยขึ้นมาทันที

หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก หร่วนซือซือหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์หาซ่งเย้อัน

ถึงแม้ว่าจะรู้จักกับเขาได้ไม่นานนัก แต่ทว่าตอนนี้เธอคงต้องขอความช่วยเหลือจากเขาเสียแล้วล่ะ

"ฮัลโหล? ซือซือเหรอ"

หร่วนซือซือกำโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือแน่นขึ้น "เย้อัน คุณมารับฉันหน่อยได้ไหมคะ……"

ฝ่ายนั้นตอบกลับอย่างไม่มีท่าทีลังเลใดๆเลยว่า "คุณอยู่ที่ไหน? ผมจะไปหา"

ยี่สิบนาทีต่อมา ซ่งเย้อันขับรถมาถึงด้วยความเร็ว เห็นหร่วนซือซือที่นั่งกลมเป็นก้อนอยู่ข้างๆกองดอกไม้ ภายในจิตใจกลับรู้สึกอ่อนระทวยขึ้นมาทันที

เขาเปิดประตูลงจากรถก่อนจะรีบเดินไปด้านหน้า ไม่พูดไม่จาก่อนจะถอดเสื้อโค้ทที่อยู่บนร่างกายมาคลุมให้หร่วนซือซือทันที

หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้นสบมองซ่งเย้อัน นัยน์ตาทั้งสองข้างเหมือนกับมีหมอกจางๆเล็กน้อย มีประกายของความขมุกขมัวบางเบา ทำให้คนที่มองอดไม่ได้ที่จะสงสารจับใจ

หัวใจของซ่งเย้อันรู้สึกเจ็บปวดเล็กๆ ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า "ขอโทษครับ ผมมาช้า"

"ไม่เลยค่ะ" หร่วนซือซือลุกขึ้นยืนพร้อมกับจิตใจที่สับสนวุ่นวาย

ยังไงเสียเธอกับอวี้อี่มั่วก็เป็นสามีภรรยากัน แต่ทว่าเขากลับทิ้งเธอไว้ที่นอกเมืองแบบนี้คนเดียว ทำให้เธอกลับรู้สึกอบอุ่นใจกับคนที่เจอหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้งอย่างซ่งเย้อัน

ซ่งเย่อันลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบาว่า "คุณจะไปไหนครับ ผมจะไปส่ง"

"ฉัน……"

เธอไม่อยากกลับบ้าน กลับไปก็คงได้ยินเสียงบ่นไม่หยุดของคุณนายหลิวแน่

"คุณสามารถไปส่งฉันที่โรงแรมว่านเมิ้งที่ใจกลางเมืองได้ไหมคะ……"

ซ่งเย้อันได้ยินดังนั้น ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น "โรงแรม?"

หร่วนซือซือกัดริมฝีปากแน่น "วันนี้ฉันไม่อยากกลับบ้านน่ะค่ะ แค่ค้างสักคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปทำงานค่ะ"

ได้ยินดังนั้นแล้ว ซ่งเย้อันก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความนัก ขับรถมุ่งหน้าไปส่งเธอที่หน้าประตูโรงแรมว่านเมิ้งด้วยความรวดเร็ว หร่วนซือซือหันไปขอบคุณเขา พึ่งจะสาวเท้าเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็พึ่งค้นพบว่าที่ไหล่ของตัวเองยังคงมีเสื้อโค้ทของซ่งเย้อันคลุมอยู่

เธอกำลังจะหมุนตัวกลับไปหา ทว่ากลับรู้สึกหนักที่หัวไหล่ ใบหูด้านข้างก็ได้ยินน้ำเสียงทุ่มต่ำที่อ่อนโยนดังขึ้น "อย่าขยับครับ ให้ผมไปส่งคุณเข้าไปเถอะ"

เธอมองเห็นฝ่ามือใหญ่ที่หัวไหล่ของตัวเอง แล้วมองไปยังท่าทางที่เอาจริงเอาจังของซ่งเย้อัน หร่วนซือซือใจอ่อน ก่อนจะเก็บคำปฏิเสธกลืนกลับลงไป "ค่ะ"

ว่าไม่ได้ โดนคนใส่ใจขนาดนี้มันทำให้รู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียว

ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันเข้าไปในโรงแรม เดิมทีก็ไม่ได้สนใจทางด้านหลังของเสาที่มีคนหลบซ่อนอยู่ คนคนนั้นสวมใส่ทั้งแมสและหมวกแก๊ป ท่าทางลับๆล่อๆ เขาถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในมือ ก่อนจะบันทึกภาพของร่วนซือซือและซ่งเย้อัน ภาพถ่ายที่ถูกบันทึกไปแล้วสองสามรูป……

เมื่อทำเรื่องเข้าพักเรียบร้อยแล้ว ซ่งเย้อันพาหร่วนซือซือไปส่งที่หน้าประตูลิฟต์ก่อนจะจากไป เธอกลับเข้าไปในห้องพัก รู้สึกร่างกายเหนื่อยล้าไปหมด เธอลูบคลำที่กระเป๋าก่อนจะคลำเจอของแข็งๆบางอย่าง

เธอรีบหยิบนำมันออกมาดู มันคือถุงผ้าสีแดงอันเล็กที่คุ้นตา เมื่อเปิดออกดู ก็เห็นกำลังข้อมือสีเงินทันที

นี่คือของขวัญจากคุณย่าในตอนที่กลับไปเจอท่านที่บ้านเก่าครั้งแรก ตอนนั้นเธอจำได้ว่าไม่ได้รับเอาไว้นี่น่า แล้วทำไมตอนนี้กลับมาอยู่ในกระเป๋าของเธอได้กันนะ?

หรือว่าจะเป็น……

สมองประมวลผลให้เห็นภาพในตอนที่คุณย่ากอดเธอเอาไว้ หรือว่าจะเป็นในเวลานั้นเองที่เธอนำมันมายัดใส่ในกระเป๋าของเธอ?

เธอยังจำได้ คุณย่าเคยบอกเอาไว้ว่า นี้คือกำไลข้อมือที่คุณแม่ของอวี้อี่มั่วทิ้งเอาไว้ให้ เป็นของที่แสดงให้เห็นว่าเป็นคนของตระกูลอวี้

ตอนนี้ ความรู้สึกเศร้าโศกที่ไม่อาจบรรยายได้บางอย่างเกาะกุมเข้าเต็มพื้นที่ของหัวใจ

คุณย่าดีกับเธอมากขนาดนี้ หากว่าเธอไม่อดทนที่จะบอกเล่าเรื่องราวออกไปตรงๆ ไม่อดทนที่จะทำร้ายจิตใจเธอล่ะก็

ครั้งนี้ เพื่อพิจารณาถึงสุขภาพของคุณย่าเป็นหลัก เธอยอมที่จะแสดงละครกับอวี้อี่มั่วต่อไป แต่ทว่ากำลัยข้อมือเงินวงนี้ เอาไว้วันหลังค่อยคืนให้อวี้อี่มั่วจะดีกว่า……

หร่วนซือซือพลิกไปพลิกมา นอนหลับไม่ดีตลอดทั้งคืน วันที่สองเธอไปทำงานพร้อมกับใต้ตาที่ดำคล้ำ

รอให้จัดการเรื่องราวต่างๆที่รีบร้อนให้เรียบร้อยเสร็จแล้ว หร่วนซือซือจึงรีบไปที่ห้องทำงานของท่านรองประธานทันที เพื่อรอฟังคำสั่งของสวี่เฟิงหมิงที่จะส่งคนไปทำงานนอกสถานที่

พึ่งจะถึงเวลารายงานตัวที่ห้องทำงานของท่านรองประธานบริษัท สวีเฟิงหมิงเงยหน้ามองเธอด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะโยนเอกสารให้เธอปึกหนึ่ง "เอาเอกสารพวกนี้ไปตรวจสอบจุดสำคัญๆให้หน่อย ผมจะได้ดูได้ง่ายๆ"

หร่วนซือซือหลุบตามองต่ำ ก่อนจะกุลีกุจอตอบรับคำสั่ง "ได้ค่ะ"

เธอถือเอกสารพวกนั้นเอาไว้และกำลังจะเดินออกจากประตูไป พึ่งจะสาวเท้าเดินได้ไม่กี่ก้าวกลับโดยเขาเรียกหยุดเอาไว้เสียก่อน "เดี๋ยวก่อน"

หร่วนซือซือนิ่งงัน ก่อนจะหันกลับไปมองสวี่เฟิงหมิง "ท่านรองประธานสวี มีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่าคะ?"

สวี่เฟิงหมิงเลิกคิ้วเข้ม "คุณจะไปไหน?"

"ฉันจะกลับไป…ทำงาน"

สวี่เฟิงหมิงพยักหน้าบอกเป็นนัยๆว่า "ก็ตรงนี้ไง"

หร่วนซือซือหันมองไปตามทาง ก่อนจะเห็นโซฟาอยู่ทางด้านข้างแล้วมีท่าทางลังเลเล็กน้อย

หากเธอทำงานตรงนี้ คนที่เดินไปๆมาๆก็เป็นเพื่อนร่วมงานทั้งนั้น แล้วพวกเขาจะมองเธออย่างไร?

หร่วนซือซือรวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า "ท่านรองประธานคะ แบบนี่มันจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะคะ……"

สวี่เฟิงหมิงมีสีหน้าดุดันขึ้นก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นยะเยือกว่า "มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ? เพิ่มประสิทธิภาพในงานทำงาน เร็วเข้าเถอะ"

ดูจากท่าทางหนักแน่นนั่นแล้ว หร่วนซือซืออับจนหนทาง ทำได้เพียงแค่ถือเอกสารแล้วนั่งบนโซฟา

ผ่านไปไม่นานนัก ก็มีเพื่อนร่วมงานสองสามคนเข้ามารายงาน เมื่อเปิดประตู มองเห็นเธอนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าของแต่ละคนก็เต็มไปด้วยคำถามมากมาย

ทนจนกระทั่งช่วงบ่าย เมื่อถึงช่วงเวลาพักเบรค ในที่สุดหร่วนซือซือก็ออกมาจากห้องทำงานของท่านรองประธานบริษัท แล้วไปทานข้าวด้วยกันกับเสี่ยวห่าน

ในระหว่างทาง เสี่ยวห่านเห็นสีหน้าของเธอดูไม่ค่อยจะดีนัก ก่อนอดที่จะถามไม่ได้ว่า "ไปทำงานที่ห้องทำงานของรองประธานครึ่งวัน ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ล่ะจ้ะ?"

หร่วนซือซือไม่ตอบคำถามพลางถอนหายใจ ก่อนจะนำเรื่องราวทั้งหมดเล่าโดยที่ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยให้เสี่ยวห่านฟัง

เมื่อเสี่ยวห่านได้ฟัง อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง ก่อนจะเขยิบเข้ามากระซิบกระซาบใกล้ๆว่า "ฉันว่านะ ท่านรองประธานสวี่เขามีใจให้เธอหรือเปล่าเนี่ย?"

หร่วนซือซือได้ยินดังนั้น หวนนึกถึงนัยน์ตาดุจเหยี่ยวคู่นั้น ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา "เธออย่าหลับหูหลับตาพูดสิ!"

เสี่ยวห่านส่ายหน้า ก่อนจะพูดเป็นปกติว่า "ฉันไม่ใช่สักหน่อย เธอต้องไม่รู้แน่ๆ ท่านรองประธานสวี่คนนั้นน่ะขึ้นชื่อในเรื่องของพวกบ้ากาม!"

Options

not work with dark mode
Reset