ดั่งรักบันดาล 98

ตอนที่ 98

หร่วนซือซือนิ่งไป ก่อนจะพูดอย่างขอไปทีว่า "ก็แค่เพื่อนคนหนึ่ง……"

นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วปรากฏให้เห็นถึงความเยือกเย็นอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อครู่นี้ตอนหร่วนซือซือรับโทรศัพท์ ถึงแม้ว่าเขาจะได้ยินไม่ชัดนัก แต่ทว่าเขาก็สามารถที่จะคาดเดาได้ว่าปลายสายเป็นผู้ชาย บวกกับปฏิกริยาที่ไม่ปกติของหร่วนซือซือแบบนั้นเข้าไปอีก เขาแทบจะฟันธงได้เลยในทันที

ในหัวกลับมีภาพที่หน้าบริษัทที่เขาเคยเห็นหร่วนซือซือกับผู้ชายคนนั้นปรากฏขึ้นในทันที ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจของเขากลับดันรู้สึกอึดอัดขึ้นมากระทันหันเล็กน้อยแบบนี้

เมื่อหันไปสบตามองใบหน้าของหญิงสาวกลับพบริ้วแดงๆของเส้นเลือดฝาดขึ้นบนใบหน้า อวี้อี่มั่วกำพวกมาลัยรถยนต์แน่นขึ้นมาเล็กน้อย

เขาเลิกคิ้วก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า "แฟนเหรอ?"

แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตว่าน้ำเสียงของเขาเองนั้นติดหงุดหงิดออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน

"ไม่ใช่นะคะ……"

ราวกลับถูกบังคับให้เปิดเผยความจริงอะไรบางอย่างออกมา หร่วนซือซือหน้าแดงแก้มแดงไปหมด ก่อนจะกุลีกุจอปฏิเสธออกไป

ซ่งเย้อันของเธอตอนนี้เป็นเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น ไม่ได้เป็นแบบที่เขาพูดแบบนั้นเสียหน่อย……

ชายหนุ่มข้างกายแทบจะส่งเสียงหึออกมาทันที น้ำเสียงที่ทั้งนุ่มลึกและทุ่มต่ำพร้อมกับอำอาจเอ่ยขึ้นว่า "ไม่อนุญาตให้เธอมี"

หร่วนซือซือตกตะลึง ยังคงนึกว่าตัวเองกำลังได้ยินอะไรผิดไป "อะไรนะคะ?"

ไม่รอให้เขาใช้เวลานานนักในการตอบกลับ เธอหันศีรษะไปมองชายหนุ่มข้างกายที่มีจมูกโด่งเป็นสัน เห็นเพียงแค่เขากำลังใช้มือเพียงข้างเดียวในการปรับเปลี่ยนเส้นทางด้วยท่าทางที่ชาญชำนาญ

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ สายตายังคงมองวางไปบนตัวเขาไม่ขยับหรือละสายตาไปไหน

เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของหญิงสาวที่มองมา อวี้อี่มั่วหันศีรษะเล็กน้อยแล้วส่งสายตาเรียบๆมองเธอกลับไป "ยังมองไม่พออีกหรือ?"

หร่วนซือซือชะงักนิ่งไปก่อนที่จะรู้สึกตัวก็กุลีกุจอเบนสายตาหนีด้วยใบหน้าที่เห่อร้อน ก่อนจะรีบเอ่ยปฏิเสธไปว่า "ใครมองคุณกันคะ……"

เวลาผ่านไปไม่นานนัก รถยนต์โดยสารก็มาถึงที่บ้านสกุลอวี้ พึ่งจะได้หยุดรถ หร่วนซือซือก็รีบร้อนเปิดประตูแล้วลงไปจากรถทันที

ใบหน้าแดงซ่านมีอาการเห่อร้อนเล็กน้อย หร่วนซือซือตบแก้มเบาๆ สูดอากาศเข้าปอดลึกๆหลายครั้ง เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นแล้วถึงจะสาวเท้าก้าวเดินตามอวี้อี่มั่วเข้าไป

เมื่อเข้าไปถึง หร่วนซือซือก็เห็นคุณย่าที่นั่งอยู่บนโซฟาทันที

คุณย่าที่ได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมาสบมอง เมื่อเห็นหร่วนซือซือ นัยน์ตาวาววับเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ "ซือซือ หนูมาได้อย่างไรจ๊ะ……"

เมื่อเห็นอวี้อี่มั่วที่อยู่ด้านข้างของหร่วนซือซือ เธอกลับไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

หร่วนซือซือรู้สึกอุ่นใจก่อนจะรีบเดินเข้าไปหา "คุณย่าคะ ได้ยินว่าคุณย่าป่วย หนูก็เลยมาเยี่ยมค่ะ"

เมื่อเทียบกับการพบเจอในครั้งที่แล้ว คุณย่าดูผอมลงไปเยอะมาก ผ่านไปไม่กี่วันเอง กลับรู้สึกเหมือนว่าไม่เหมือนดั่งเก่าเสียแล้ว

คุณย่าจับเข้าที่มือของเธอด้วยความประทับใจ "ซือซือเอ๋ย ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ หนูอย่ากังวลไปเลย……"

"ขอเพียงแค่ให้เธอมาเยี่ยมเยียนฉัน ฉันก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ……"

คุณย่าดึงให้หร่วนซือซือนั่งลง ก่อนจะสั่งให้คนรับใช้ไปจัดเตรียมผลไม้และน้ำชามาให้ การกระทำทั้งหมดนี้มองข้ามหัวอวี้อี่มั่วที่เป็นหลานชายแท้ๆไปเลย

หร่วนซือซือมองอวี้อี่มั่วที่ยังคงยืนอยู่ทางด้านข้าง ก่อนจะพูดด้วยความลังเลว่า "คุณย่าคะ คุณย่าหายโกรธเถอะนะคะ……"

หากให้ผู้สูงอายุมีโทสะ มันจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อร่างกายแน่ๆ หร่วนซือซือตบปุๆเข้าที่บริเวณหลังมือของคุณย่าก่อนจะแนะนำเสียงเบา

"ซือซือ หนูไม่ต้องพูดแทนเขา!"คุณย่าหันกลับไปมองอวี้อี่มั่วก่อนจะส่งเสียเหอะออกมา "ฉันจะถือเสียว่าไม่เคยมีหลานแบบเขา!"

หร่วนซือซือเงยหน้าสบมองอวี้อี่มั่วที่ไม่พูดไม่จา สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกัดฟันแล้วพูดว่า "คุณย่าคะ อย่าโกรธไปเลยนะคะ อวี้อี่มั่วเขามาขอโทษหนูแล้วค่ะ หนู……หนูก็ว่าจะลองให้โอกาสที่สองกับเขาดูค่ะ……"

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นคำปด แต่ทว่าคุณย่าในตอนนี้ร่างกายไม่ค่อยจะมีเรี่ยวแรงนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ก็ควรที่จะปกปิดเอาไว้ก่อนแล้วค่อยพูดออกไปภายหลัง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ควรให้ทำให้คุณย่าโกรธ

เมื่อฟังหร่วนซือซือพูดดังนั้นแล้ว สายตาของคุณย่าหลุบตามองต่ำมองไปที่เธอ ก่อนจะมองไปยังอวี้อี่มั่ว "หนูกำลังจะพูดว่า……พวกหนูอาจจะกลับมาแต่งกันใหม่หรือ?"

หร่วนซือซือยิ้มกว้างออกมาอย่างเกร็งๆ "ค่ะ คุณย่าคะ พวกเราทั้งสองคนตัดสินใจให้โอกาสกันและกันอีกครั้งค่ะ ก็การกลับมาพบกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายนี่เนอะ"

ในที่สุดสีหน้าของคุณย่าก็ปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้น "ใช่…ใช่แล้วล่ะ! ซือซือ หนูคิดได้แบบนี้แหละถูกต้องแล้ว!"

เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว ท่าทางที่คุณย่ามีต่ออวี้อี่มั่วก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว นี่ก็ได้เวลาแล้ว ก่อนจะรีบร้อนให้คนรับใช้จัดเตรียมมื้อเย็นทันที

"ซือซือ หนูต้องกินเยอะๆนะ ฉันกำชับพ่อครัวเป็นพิเศษเลยเชียวล่ะว่าให้ทำของที่หนูชอบ!"

เมื่อมองเห็นเมนูอาหารที่ตัวเองชื่นชอบบนโต๊ะแล้ว หร่วนซือซือรู้สึกอบอุ่นไปทั่วหัวใจก่อนจะรีบหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งให้คุณย่า "คุณย่าคะ ทานปลาค่ะ!"

"จ้ะ!"คุณย่ารู้สึกพออกพอใจเป็นอย่างมากก่อนจะตอบรับคำกลับ

ทันในนั้นเอง อวี้อี่มั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อชิ้นหนึ่ง ก่อนจะวางลงบนจานของหร่วนซือซือ

หร่วนซือซือชะงักนิ่งไปสักพัก เหมือนจะยังไม่ค่อยรู้สึกตัวดีนัก

ตั้งแต่ที่เธอรู้จักกับอวี้อี่มั่วมา เขาไม่เคยคีบอาหารให้เธอเลยสักครั้ง และไม่เคยทำอะไรที่มันให้ความรู้สึกสนิทสนมกันมากขนาดนี้ แต่ทว่าตอนนี้อยู่ๆกลับมาคีบอาหารให้เธอ หรือว่าจะทำเป็นแสดงละครต่อหน้าคุณย่ากันนะ?

"กินเยอะๆ"

ใบหูได้ยินน้ำเสียงทุ่มต่ำของฝ่ายชาย เมื่อได้ยินดังนั้นก็ทำให้เธอขนลุกชันขึ้นทั่วทั้งตัว ใบหน้าเห่อร้อนและแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะแสร้งพยักหน้าหงิกหงัก

คุณย่าที่อยู่ด้านข้าง ก็ลอบสังเกตปฏิกริยาของทั้งสองคนเอาไว้ในสายตา นัยน์ตามองต่ำอย่างมีเลศนัย ก่อนจะมองไปยังหร่วนซือซือความพออกพอใจ

มื้อเย็นยุติลงแล้ว บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงเยอะมากขึ้น ตอนนี้ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้ว อวี้อี่มั่วถึงเสนอว่าควรที่จะไปกันได้แล้ว

ก่อนจากไป คุณย่ายังดูอาลัยอาวรณ์ จับมือถือแขนหร่วนซือซือไม่ยอมปล่อย

เมื่อเห็นน้ำสีใสคลออยู่ที่บริเวณดวงตาของคุณย่า หร่วนซือซือรู้สึกโศกเศร้าเล็กน้อย "คุณย่าคะ วางใจเถอะค่ะ หนูจะมาหาคุณย่าบ่อยๆค่ะ"

คุณย่าหยักหน้าไปมา ก่อนจะโอบกอดหร่วนซือซือเอาไว้ หลังจากนั้นจึงปล่อยมือ

ขึ้นรถแล้ว กำลังอยู่ในระหว่างทางกลับบ้าน ภายในตัวรถเงียบสงัด หร่วนซือซือหวนนึกถึงสายตาของคุณย่า ภายในใจกลับรู้สึกไม่ยินดีเลย

เธอสูดหายใจเข้าก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า "ฉันว่า……พวกเราไม่ควรหลอกคุณย่านะคะ"

อวี้อี่มั่วได้ยินดังนั้นแล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงราบเรียบว่า "พักนี้ท่านสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ควรทำให้อารมณ์ขึ้นลง คงทำได้เพียงตบตาไปก่อน เรื่องราวหลังจากนี้ค่อยๆว่ากันจะดีกว่า"

ร่างกายของผู้สูงอายุอ่อนไหวง่าย เขารู้ดีที่สุด ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ตบตาไปก่อน ไม่มีทางอื่นที่ดีมากไปกว่านี้แล้ว

หร่วนซือซือได้ยินดังนั้นแล้ว ทำได้แค่เพียงตามน้ำไปเท่านั้น แต่ทว่าภายในใจยังคงรู้สึกไม่สบายใจแต่ไม่ได้พูดออกมา

อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้น ลอบสบมองสีหน้าของหญิงสาวผ่านทางกระจกมองหลัง ภายในใจสับสนวุ่นวายขึ้นมาเล็กน้อย

"อ้อ ใช่"อวี้อี่มั่วเหมือนคิดอะไรขึ้นได้ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะกำชับเสียงต่ำว่า "สัปดาห์นี้เธออยู่ภายใต้การดูแลของสวี่เฟิงหมิง ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นหน่อยนะ นอกจากเรื่องงานแล้วก็ไม่ต้องไปพัวพันอะไรกับเขา หากมีอะไรให้โทรหาฉัน เข้าใจไหม?"

สวี่เฟิงหมิงเป็นสุนักจิ้งจอก ตอนนี้เขายังไม่รู้แน่ชัดว่าเขามีแผนจะทำอะไรกันแน่ คงไม่ต้องพูดถึงกระต่ายขาวอย่างหร่วนซือซือ

เมื่อพูดถึงสวี่เฟิงหมิง สมองของหร่วนซือซือก็ปรากฏนัยน์ตาเฉียบแหลมคู่นั้นของชายหนุ่ม อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นวาบไปทั่วท้ายทอย ก่อนที่จะลองเอ่ยปากถามขึ้นว่า "คุณกับเขามีเรื่องบาดหมางอะไรกันหรือเปล่าคะ?"

Options

not work with dark mode
Reset