ดั่งรักบันดาล 21

ตอนที่ 21

ตุ๋นนานกว่าสองชั่วโมง ในที่สุดซุปซี่โครงก็ออกมามีรสชาติ หร่วนซือซือใส่ในกระติกความร้อน และคิดว่าจะออกจากบ้าน

ก่อนหน้าที่จะออกไป เธอมองตัวเองในกระจก ทันใดนั้นก็รู้สึกลังเล

ถ้าหากว่าเธอปรากฏตัวในบริษัทแบบนี้ แน่นอนว่าจะมีเพื่อนร่วมงานจำเธอได้ เธอเดินเข้าออกห้องของประธานอย่างทะนงองอาจแบบนี้ กลัวว่าจะดึงดูดความสงสัยของหลายๆคน

คิดไปคิดมา เธอก็เปลี่ยนเป็นชุดกีฬา ใส่หมวกและผ้าปิดปากอย่างมิดชิด จึงออกจากบ้านตรงเข้าไปที่บริษัท

ครั้งก่อนที่อวี้อี่มั่วส่งเธอ เคยพาเธอเดินผ่านเข้าไปที่ชั้นส่วนตัวของห้องทำงานประธาน ครั้งนี้เธอเดินตรงไปที่ลิฟท์ส่วนตัว ตรงไปที่ชั้นของห้องทำงานประธาน

ออกมาจากในลิฟท์ หรว่นซือซือแอบดีใจกับความฉลาดปราดเปรื่องของตัวเอง แต่ใครจะไปรู้ว่าแค่เดินไปสองก้าว ก็ถูกคนจับเอาไว้

“เธอเป็นใคร?รู้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน?มาส่งอาหารไม่สามารถเข้ามาได้ตามใจ”

ผู้หญิงที่ใส่ชุดเลขาขวางด้านหน้าหร่วนซือซือไว้ ใบหน้างามเฉิดฉาย แต่คิ้วสองข้างที่ขมวดขึ้นเป็นปมสายตาที่คมกริบและท่าทางทะนงองอาจ

หร่วนซือซือนิ่งอึ้งไป ยังไม่ทันได้เปิดปากพูด“อาหารของใคร?เธอวางไว้ แล้วก็ออกไป!”

ส่งอาหาร?

หร่วนซือซือก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าบนตัวของตัวเอง และมองมือตัวเองที่ถือกล่องอาหาร พูดไม่ออกไปชั่วขณะ

ผู้หญิงคนนั้นมองเห็นว่าหร่วนซือซือนานมากแล้วยังไม่ตอบ สีหน้าก็ดูไม่ดีขึ้นกว่าเดิม“ฟังภาษาคนไม่ออก?ให้เธอออกไป นี้ไม่ใช่ที่ที่เธอจะสามารถเข้ามา!”

สายตาของหร่วนซือซือหยุดอยู่ที่ป้ายชื่อที่อยู่บนหน้าอกของเธอ อ่านชื่อของเธอออกมาทีละคำ “เฉิงลู่ทัศนคติในการบริการของเธอคือ…”

“ทัศนคติการบริการ?เธอเป็นแค่คนส่งอาหารต้องการให้ฉันมีทัศนคติการบริการยังไง?”

เฉิงลู่มองบน ยื่นมือออกไปจะแย่งกล่องอาหารจากในมือของหร่วนซือซือ“กล่องอาหารส่งมาให้ฉัน เธอออกไปได้แล้ว!”

หร่วนซือซือรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว กำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทันใดนั้นเสียงด้านข้างที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา

“อืม ก็ทำตามข้อเสนอของกลุ่มa จัดการแผนงานให้ฉันเสร็จภายในสามวัน”

หร่วนซือซือหันไปมองตาเสียง มองเห็นอวี้อี่มั่วเดินนำมากับพนักงานสองสามคนเดินตรงมาทางนี้

บังเอิญที่อวี้อี่มั่วหันหน้ากลับมามา เวลาที่กวาดสายตามาที่หร่วนซือซือ สายตาก็ชะงักไปครึ่งวินาที ก็เคลื่อนย้ายสายตากลับไปเหมือนไม่มีอะไร

เฉิงลู่มองเห็นอวี้อี่มั่ว สายตาก็แวววาวทันที รีบเข้าไปเผชิญหน้า“ประธานอวี้ ข้อมูลที่ท่านต้องการฉันได้ส่งไปในห้องทำงานแล้วค่ะ”

“อืม”

ตอบกลับด้วยเสียงเรียบเฉย อวี้อี่มั่วเดินผ่านเธอ มองไปที่หร่วนซือซือ

หร่วนซือใส่หมวกกับผ้าปิดปาก บนตัวปกปิดอย่างมิดชิด มีเพียงดวงตาทั้งสองคู่เท่านั้นที่ปรากฏออกมา ถูกเขาจ้องมอง ก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา

เฉิงลู่ที่อยู่ด้านข้างรู้สึกถึงสายตาของอวี้อี่มั่ว กวาดสายตามองหร่วนซือซือ รีบเปิดปากอธิบาย ประธานอวี้ ไม่รู้ว่าคนส่งอาหารมาจากที่ไหน จะพุ่งเข้าไปข้างในให้ได้ น่าจะเป็นเพราะพนักงานแผนกต้อนรับชั้นล่างไม่สังเกต ทำให้เธอแอบขึ้นมาได้ ฉันจะขับไล่เธอไปเดี๋ยวนี้…”

“ไม่ต้อง”อวี้อี่มั่วเปิดปากพูด “ให้เธอเข้าไป”

“หา?”เฉิงลู่สีหน้าประหลาดใจ ยังคิดว่าตัวเองฟังผิด

“ฉันพูดว่า ให้เธอเข้าไป”

อวี้อี่มั่วพูดทิ้งประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก้าวเท้าเดินตรงไปทางห้องทำงาน

เฉิงลู่นิ่งอึ้งไป รอให้อวี้อี่มั่วเดินจากไป จึงหันกลับมากวาดสายตามองหร่วนซือซือ พูดอย่างไร้อารมณ์“ทำไมเธอถึงไม่บอกก่อนว่ามาส่งให้ประธานอวี้?เข้าไปสิ!”

หร่วนซือซือไม่ได้พูดจา มือกอดกล่องอาหารแน่นขึ้น รีบก้มหน้าเดินตรงเข้าไปทางห้องทำงาน

อวี้อี่มั่วจำเธอได้แน่นอน เธอแต่งตัวแบบนี้ ปิดปังคนอื่นได้ แล้วจะสามารถปิดปังเขาได้ยังไงล่ะ?

เดินเข้าไปในห้องทำงานอย่างระมัดระวัง เธอยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นมา ก็ได้ยินคำสั่งของผู้ชาย“ปิดประตูด้วย”

“อ้อ”หร่วนซือซือหันหน้ากลับไปปิดประตู ถอดผ้าปิดปากออก หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

“คุณมาทำไม?”

“ฉัน…ฉันมาส่งซุปให้คุณ”

หร่วนซือซือสูดหายใจ ก้มหน้าเดินไปที่ด้านข้างโต๊ะ นำกระติกความร้อนที่ใส่ซุปหยิบออกมา“เรื่องเมื่อวานฉันผิดเอง ปกติคุณก็งานยุ่งมากแล้ว ฉันไม่ควรก่อปัญหาเพิ่มให้คุณ”

มองเห็นผู้หญิงก้มหน้า เหมือนกับนักเรียนที่ทำความผิด พูดเสียงเศร้า แก้มก็ยังแดง

ความไม่พอใจที่ติดอยู่ในหัวใจของอวี้อี่มั่วก็หายไปครึ่งหนึ่ง เขายกมือขึ้นกดหัวคิ้ว พูดนุ่มนวล“ก็ได้ ผมรู้แล้ว”

หร่วนซือซือได้ฟัง มองไปที่เขาด้วยความตื่นเต้น“งั้น…คุณไม่โกรธแล้วไหม?”

“อืม”

ได้ยินคำตอบของผู้ชาย หร่วนซือซือก็ดีใจ ถือโอกาสถาม“งั้นคืนนี้คุณสามารถอยู่เป็นเพื่อน…”

“ปังปัง!”

ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น“ประธานอวี้ มีเอกสารฉบับหนึ่งจำเป็นต้องให้ท่านเซ็น

อวี้อี่มั่วได้ยิน ไม่ได้ตอบรับ แต่เงยหน้ามองไปที่หร่วนซือซือ สั่งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก“คุณกลับไปก่อนเถอะ”

หร่วนซือซือคำพูดครึ่งประโยคยังอยู่ในปาก ก็ต้องกลืนเข้าไป เธอกัดริมฝีปาก พูดเบาๆ“อย่าลืมรีบดื่มซุปร้อนๆ”

พูดประโยคนี้จบ เธอก็สวมผ้าปิดปาก ก้าวเท้าออกไปจากห้องทำงาน

เดิมทีเธอคิดดีแล้วว่า เพียงแค่อวี้อี่มั่วหายโกรธ เธอก็จะพูดกับเขาเรื่องวันเกิดของพ่อ คิดไม่ถึงว่าเขาจะยุ่งขนาดนี้ เหมือนกับไม่มีความอดทนฟังเธอพูดเรื่องอื่น

ครั้งนี้ เธอจำเป็นต้องพูดโกหกคุณนายหลิวแล้ว

หร่วนซือซือก้าวเท้าเดินออกไป เพิ่งจะเดินไปถึงประตูลิฟท์ส่วนตัว ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหลัง“หยุดก่อน!”

หร่วนซือซือหันหน้ากลับไป มองเห็นเฉิงลู่เดินตรงมาทางนี้

“มีเรื่องอะไร?”

เฉิงลู่เลิกคิ้วขึ้น ถามหยั่งเชิง“เธอกับประธานอวี้เป็นอะไรกัน?เธอเป็นคนรับใช้ของบ้านเขา?”

หร่วนซือซือรู้สึกหดหู่ ไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเธอ จึงย้อนถามกลับอย่างเยือกเย็น“นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอนะ?”

พูดประโยคนี้จบ หร่วนซือซือก็ตรงเข้าไปในลิฟท์ส่วนตัว กดแผงปุ่มกดลิฟท์

“แก!”เฉิงลู่ยืนอยู่ด้านนอก โกรธจนกระทืบเท้า

เมื่อลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่าง ก็เดินออกมาจากประตูใหญ่บริษัท ตอนนี้หร่วนซือซือไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหน

เดิมทีก็พูดกับคุณนายหลิวและศาสตราจารย์หร่วนไว้เรียบร้อยแล้ว คืนนี้สองครอบครัวจะกินข้าวด้วยกัน แต่ตอนนี้อวี้อี่มั่วก็มาไม่ได้ เธอจะอธิบายกับคุณนายหลิวยังไงล่ะ?

คิดไปคิดมา หร่วนซือซือไม่ได้คิดวิธีที่ดีออก นึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้เตรียมของขวัญให้กับพ่อ จากนั้นจึงไปห้างสรรพสินค้าใกล้ๆเพื่อเลือกของขวัญ

ระหว่างทางก็แวะร้านค้าหลายแห่ง หร่วนซือซือยังมองไม่เห็นของขวัญที่เหมาะสมกับพ่อ จนกระทั่งเดินผ่านร้านวัตถุโบราณ มีพื้นไม้สีน้ำตาลที่มีกลิ่นอายของยุคสมัย ตู้โชว์สีแดงเข้มสะดุดตาเธอทันที

หร่วนซือซือเดินเข้าไปดูของในร้าน เดินผ่านตู้โชว์ สายตาก็ถูกปากกาหมึกซึมสีเทาส่องประกายดึงดูด

หร่วนซือซือดีใจมาก รีบเปิดปากถาม“เถ้าแก่ สามารถนำปากกาหมึกซึมด้ามนั้นออกมาให้ฉันดูหน่อยได้ไหม?”

เถ้าแก่ได้ฟังก็รีบเข้ามา เวลาที่มองเห็นเธอชี้นิ้วไปที่ปากกาด้ามนั้น ยิ้มไปที่เธออย่างเกรงใจ“ขอโทษด้วย ปากกาด้ามนี้ขายไปเมื่อกี้นี้แล้ว ยังไม่ทันได้ห่อ”

หร่วนซือซือชะงักไปเล็กน้อย รีบถาม“ขายไปแล้วจริงๆเหรอ?”

เธอเดินมาทั้งวันแล้ว ไม่มีของขวัญที่น่าพอใจ แต่ปากกาด้ามนี้ เธอมองแค่ครั้งเดียวรู้ว่าศาสตราจารย์หร่วนต้องชอบ แต่นึกไม่ถึงว่า…

เถ้าแก่พยักหน้าอย่างจริงจัง แสดงออกให้เธอหันหน้ากลับไป“ขายไปแล้ว ลูกค้าที่ซื้อก็คือคุณผู้ชายท่านนั้น”

หร่วนซือซือหันหน้าตามสายตาของเขา มองเห็นไม่ไกลจากหน้าตู้โชว์ มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่เก้าอี้ กำลังชื่นชมของที่จัดแสดงอยู่ในตู้

ใบหน้าหล่อ  แววตาอบอุ่น ที่สำคัญคือ หร่วนซือซือรู้สึกว่าเขากับอวี้อี่มั่วเหมือนกันมาก

Options

not work with dark mode
Reset