ซ่างเย่ 25 คิดว่าข้าโง่เหรอ?

ตอนที่ 25 คิดว่าข้าโง่เหรอ?

จิ้นเย่วส่ายหน้าและตอบกลับด้วยความจริงใจ "ข้าเกิดและโตที่เหิงโจว ข้าไม่เคยไปเมืองหลวง"

กู้รั่วลี้เงยหน้ามองเธอ คิดว่าสีหน้าเช่นนี้คงไม่ได้โกหกเธออยู่ จึงยิ้มและตอบออกมา "ถ้าอย่างงั้นหากคุณหญิงห้าแวะเวียนมาเมืองหลวงต้องมาหาข้าให้ได้ ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่น ไปเดินดูทิวทัศน์ของเมืองหลวงกัน"

จิ้นเย่วไม่รู้จะตอบกลับเช่นใด

จิ้นเย่วพยักหน้า "ขอบพระทัยพระชายารองเพคะ!"

"ข้าว่าคุณชายห้าต้องเอาอกเอาใจเจ้าดีอย่างแน่นอน" กู้รั่วลี้จิบชาและพูดอย่างแผ่ว "ไม่ห่างกันไปไหน เสมือนจะเก็บไว้ในใจอย่างดี"

จิ้นเย่วยิ้มเจื่อน กุมไว้ในใจ ถ้าไม่ใช่ร้อนก็คือเจ็บตัว จะมีอะไรดี?

"องค์ชายเล็กต่างหากที่ดีกับพระชายารอง" จิ้นเย่วบีบถ้วยชาในมือแน่น

เมื่อได้ยินเช่นนี้กู้รั่วลี้ก็ยิ้มเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อย "องค์ชายเล็กยุ่งกับหน้าที่งานราชการและพระชายารองอย่างข้าก็ไม่สามารถช่วยแบ่งเบาอะไรเขาได้ ภายในจวนก็ไม่มีพระชายาและสนมคนอื่น ร่างกายของฉันก็ไม่สู้ดีนัก จนถึงวันนี้ก็ไม่สามารถประสูติพระโอรสพระธิดาให้องค์ชายเล็กได้ ดังนั้นข้ารู้สึกผิดมาก!"

จิ้นเย่วอ้าปากค้าง ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร?

"พระชายารองทั้งอ่อนโยนทั้งมีความสามารถ เรื่องพระโอรสพระธิดาทรงไม่ต้องรีบร้อนไปหรอกเพคะ ถึงเวลาก็คงจะมีเอง อย่างที่พระชายารองทรงตรัส องค์ชายเล็กมีเพียงพระชายารองเพียงพระองค์เดียวข้างกาย พระองค์ไม่ต้องทรงคิดมากหรอกเพคะ?" จิ้นเย่วถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอก และแอบชื่นชมตัวเอง

ตอบสนองรวดเร็วนัก!

แต่…คำพูดของกู้รั่วลี้ เธอกลับรู้สึกแปลกใจ?

"ได้ยินมาว่านอกเมืองเหิงโจวออกไปมีวัดพระแม่เร่งกำเนิดที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่รู้ว่าคุณหญิงห้าสะดวกไหมที่จะไปเป็นเพื่อนข้า?" กู้รั่วลี้วางถ้วยชาในมือลง แววตาเฝ้าจับจ้องไปที่จิ้นเย่วเพื่อคาดหวังกับคำตอบ

จิ้นเย่วส่ายหน้า "ข้าถูกสั่งห้าม เกรงว่าจะไปกับพระชายารองไม่ได้เพคะ"

สั่งห้าม?

"นี่…" กู้รั่วลี้ครุ่นคิด "เรื่องนี้ง่ายมาก ข้าจะไปพูดกับนายท่านฟู่ให้ เขาจะต้องอนุญาติแน่!"

"ขอบพระทัยพระชายารอง แต่ข้าไม่คุ้นเคยกับวัดพระแม่เร่งกำเนิดนี้เลย พี่สะใภ้สองและพี่สะใภ้สามน่าจะรู้ดีกว่าข้ามากพอสมควร หากพระชายารองอยากจะเสด็จจริง ๆ ก็สามารถให้พี่สะใภ้ทั้งสองพาเสด็จได้" จิ้นเย่วยิ้มออกมา

กู้รั่วลี้กินน้ำชาลงคอ ไม่คาดคิดว่าจิ้นเย่วจะปฏิเสธเธอได้

ชานี้ มีรสฝาดเล็กน้อย

"พระชายารอง?" จิ้นเย่วขมวดคิ้ว "พระองค์เป็นอะไรหรือเพคะ?"

กู้รั่วลี้ส่ายหัวยิ้ม "ไม่มีอะไรจ่ะ ไม่มีอะไรจ่ะ!"

หลังจากนั้นกู้รั่วลี้ก็ลุกขึ้นเดินจากไป กล่าวเพียงโอกาสหน้าจะมาใหม่

จิ้นเย่วเดินมาส่งกู้รั่วลี้ถึงประตู พร้อมก้มโค้งทำความเคารพ "หม่อมฉันยังถูกสั่งห้าม ขอส่งพระชายารองที่นี่นะเพคะ!"

กู้รั่วลี้สูดหายใจเข้าเดินจากไปอย่างไม่หันหลังกลับมามอง ยิ่งเดินออกไปไกลรอยยิ้มจนใบหน้าของเธอก็จางลง เหลือเพียงใบหน้าที่เย็นชา

ไม่ใช่เธอหรือ?

แน่ใจว่าไม่ใช่หรือ?!

หลังจากปิดประตู ซวงจือไม่เข้าใจ "คุณหญิงข้าน้อยมองว่าพระชายารองเหมือนจะ…"

"ตั้งใจมาหาข้าน่ะ" จิ้นเย่วเดินไปยังเก้าอี้ชิงช้าและนั่งลงแกว่งไปแกว่งมา "แต่ละคำพูดของพระองค์มีแต่คำถามและความสงสัย คิดว่าข้าฟังไม่รู้รึ? ข้าไม่ใช่คนโง่นะ"

ซวงจือประหลาดใจ "คุณหญิง พระชายารองทำไมต้องทำเช่นนี้หรือ?"

"คงเป็นเพราะ…ข้าหน้าตาเหมือนใครบางคนเข้า พระองค์เลยรู้สึกคุ้นหน้า ก็เลยตั้งใจมาหาเพื่อสืบน่ะ" จิ้นเย่วแกว่งเก้าอี้ชิงช้า "แต่ตอนนี้ พระองค์คงเชื่อแล้ว!"

ซวงจือช่วยแกว่งชิงช้าเบา ๆ "คุณหญิงหมายความว่า พระชายารองจะไม่ทรงสงสัยในตัวคุณหญิงแล้วหรือเจ้าคะ?"

จิ้นเย่วพยักหน้า ลมพัดผ่านเข้าที่ใบหู ทำให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อย "ตอนพระองค์เสด็จออกไป ข้าเห็นที่นิ้วโป้งของพระองค์ถูกกดไว้อย่างหนักด้วยนิ้วชี้ คงโกรธจัดน่ะ"

ฟู่จิ่วชิงไอกระแอ่มเบา ๆ อยู่นอกรั้ว

"คุณชาย พระชายารองเดินออกไปด้วยความรีบร้อน เหมือนกำลังโกรธ?" จวินซานขมวดคิ้ว

ฟู่จิ่วชิงที่ดวงตาของเขาเยือกเย็น พูดออกมาเบา ๆ "เสียเวลาและคำพูดกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง มันก็แน่อยู่แล้วที่จะโกรธ"

แต่ เรื่องนี้ยังไม่จบ!

จวินซานถามด้วยความประหลาดใจ "พระชายารองจะทรงตรัสบอกองค์ชายเล็กไหมขอรับ?"

"เจ้าล่ะว่ายังไง?" น้ำเสียงของฟู่จิ่วชิงดูปกติและเหมือนกำลังแอบยิ้มอยู่

จวินซานเดาไม่ถูก และไม่กล้สที่จะคาดเดา

"ให้หลีเซียงไปที่หลิ่วซื่อ!" ฟู่จิ่วชิงกล่าวเสร็จก็เดินออกไป

จวินซานพยักหน้าและเดินตามอย่างรวดเร็ว

กู้รั่วลี้เก็บอารมณ์ความรู้สึกของเธอ และเดินกลับไปยังเรือนหลิวหลี

ซ่งเยี่ยนยืนอยู่ภายในบริเวณของเรือน กำลังมองไปยังดอกไม่ใบหญ้าที่อยู่ในบริเวณ ด้วยสีหน้าหมองคล้ำ กล้วยไม้ที่เรียงกันเป็นแถว ใบที่ยาวเรียว เสมือนแขนที่เรียวยาวของหญิงสาว ลมที่พัดมา ทำให้ใบกล้วยไม้ปลิวไหวไปมา

"องค์ชายเล็ก!" กู้รั่วลี้ก้มคำนับ

"ไปไหนมาล่ะ?" ซ่งเยี่ยนยังคงอยู่หมักมุ่นอยู่กับดอกไม้ใบหญ้า โดยไม่ได้หันมามองเธอเลย

มองไปทางเดียวกับสายตาของซางเยี่ยน กู้รั่วลี้มองเห็นกล้วยไม้ที่เรียงราย เธอค่อย ๆ กุมมือแน่นภายใต้แขนเสื้อที่ยาว ใบหน้าอมรอยยิ้มพร้อมกล่าว "รั่วลี้เดินเล่นในจวน รู้สึกได้ว่าจวนฟู่ช่างใหญ่เหลือเกิน เดินจนรู้สึกปวดขาจนแทบเดินต่อไม่ไหว เลยกลับมา"

ซ่งเยี่ยนหันมามองหน้าเธอ "เหนื่อยก็ไม่ต้องเดิน นี่มันก็เป็นจวนของคนอื่น ไม่ใช่เรือนหลังจวนของข้า"

"เพคะ!" กู้รั่วลี้ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า เธอเดินเข้าไปที่หน้าดอกกล้วยไม้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "ดอกกล้วยไม้นี้เหมือนที่หม่อมฉันปลูกเลยเพคะ ไม่รู้ว่าเป็นสายพันธุ์ไหนกัน?"

ซ่งเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับถอนหายใจ "กลับเข้าไปพักผ่อนเถอะ!"

พูดจบซ่งเยี่ยนก็หันหลังไป

กู้รั่วลี้ลูบไล้ไปบนบนกล้วยไม้ด้วยปลายนิ้วของเธอ เปลือกตาค่อย ๆ คล้อยหย่อนลง และคล้ายจะสั่นสะเทือนเล็กน้อย

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ค่อย ๆ ยืดอกและเดินยิ้มกลับไปยังห้อง

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมฟุ้ง

กู้รั่วลี้สวมเสื้อที่บางเบา มองไปยังองค์ชายเล็กที่นั่งอยู่หน้าแสงเทียนอย่างเงียบ ๆ

ซ่งเยี่ยนถือหนังสืออยู่ในมือ โดยไม่ได้รู้สึกถึงกู้รั่วลี้เลยแม้แต่นิดเดียว สองคิ้วขะมักเขม้นจดจ่ออยู่กับหนังสือที่อยู่ตรงหน้าราวกับถูกต้องมนต์

"องค์ชายเล็ก ดึกมากแล้ว!" กู้รั่วลี้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไพเราะและเป็นห่วง

ปลายนิ้วที่กำลังจะพลิกหน้าหนังสือก็หยุดลง ปิดหนังสือ เขาถอนหายใจออกมา

ขณะที่ซ่งเยี่ยนปลดเสื้อคลุมเพื่อจะนอน กู้รั่วลี้ที่กำลังจะขึ้นมาบนเตียง เขาก็พลิกตัวไปอีกฝั่ง บอกเพียงแค่ "นอนเถอะ!"

กู้รั่วลี้วางมือลงเบา ๆ และค่อย ๆ หลับตาลง

ในค่ำคืนที่หยาวเหน็บ

เช้าตรู่ ตระกูลฟู่คึกคักอลหม่าน

ขนาดเฉินเนี่ยงก็มาแต่เช้า วันนี้เป็นงานวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ ผนวกกับองค์ชายเล็กแห่งจวนเยี่ยนอ๋องก็อยู่ร่วมด้วย งานนีี้มิอาจทำพลาดได้

หลิ่วซื่อจัดการให้สะใภ้ทั้งสองไปรอรับแขกที่หน้าเรือนหลิวหลี

ตระกูลฟู่ที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมงาน ไม่ได้มีผลอะไรกับองค์ชายเล็กแม้แต่นิดเดียว

เขาเป็นถึงองค์ชายเล็กแห่งจวนเยี่ยนอ๋อง อาหารงานพิธีในวังต่าง ๆ นา ๆ ล้วนเคยกินมาหมดแล้ว เขาไม่ได้แคร์อาหารพื้นเมืองพวกนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่คนที่เขาส่งไปสืบยังไม่กลับมา เขาเลยต้องอยู่ที่เมืองเหิงโจวไปอีก เลยไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของฟู่เจิ้งไป่!

"องค์ชายเล็ก!" เฉิงหนานโค้งคำนับ "สะใภ้ทั้งสองของตระกูลฟู่ที่ยืืนรับแขกอยู่ข้างหน้า บอกว่า…"

เฉิงหนานเงยหน้าขึ้น มองไปที่กู้รั่วลี้ที่นั่งเสวยเช้าข้างกายซ่งเยี่ยน พูดขึ้นด้วยเสียงเบา "พวกเขาบอกว่า เพื่อนำทางพระชายารองไป…วัดเจ้าแม่เร่งกำเนิด!"

หกคำสุดท้าย เฉิงพูดด้วยเสียงที่เบามาก ๆ

แต่กู้รั่วลี้ก็ได้ยินเข้า เหมือนฟ้าร้องลมพายุในฤดูหนาว เพียงพอที่จะทำให้ใบหน้าของเธอเปลี่ยนสี

"วัดเจ้าแม่เร่งกำเนิด?" ซ่งเยี่ยนบีบตะเกียบในมือจนมองเห็นสีขาวตามข้อนิ้วมือ เขามองย้อนไปที่เธออย่างช้า ๆ "เจ้าบอกกับคนของตระกูลฟู่ว่าจะไปวัดเจ้าแม่เร่งกำเนิด?"

กู้รั่วลี้สำลักซุปและไอขึ้นมาทันที ใบหน้าเริ่มแดงขึ้นอย่างน่าตกใจ "องค์ชายเล็ก หม่อมฉัน หม่อมฉัน…"

ซ่างเย่

ซ่างเย่

Score 10
Status: Completed
ในใจของฟู่จิ่วชิงมีความลับใหญ่ซ่อนอยู่ เมียของตัวเอง ถูกเขาแอบขโมยมา...... ใครๆล้วนรู้ว่า ตระกูลฟู่ในเมืองเหิงโจว ร่ำรวยเท่ากับประเทศชาติเลยทีเดียว แต่เสียที่ทายาทล้วนไม่เอาไหนทั้งนั้น ลูกคนโตตายตั้งแต่ยังเด็ก ลูกคนที่สองใช้เงินทองสุรุ่ยสุร่าย ลูกคนที่สามชอบหาโสเภณี ลูกคนที่สี่เป็นคนโง่ ฟู่จิ่วชิงเป็นลูกหลงซึ่งออกโดยเมียน้อย และก็เป็นคนขี้โรคมาตั้งแต่เกิดด้วย จิ้นเยว่ไม่ยอมแต่งเข้าไปในตระกูลฟู่ แต่พ่อเข้าคุก นางในฐานะที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอเท่านั้น จะทำอะไรได้ล่ะ? แต่ว่าหลังจากแต่งเข้าไปแล้ว คนขี้โรคที่ได้ยินมานั้น เหมือนไม่ได้ป่วยหนักขนาดนั้น โดยเฉพาะวิธีการทรมานคน ทำไมถึง......โหดร้ายขนาดนั้น? อยู่มาวันหนึ่ง จิ้นเยว่ตื่นตัวขึ้นมาทันที สามีของตัวเองเป็นหมาป่าหางโตที่ใส่หนังแกะนี่เอง! หัวใจของข้าแบ่งเป็นสามส่วน ตะวัน นิศาบดีและเจ้า ตะวันและนิศาบดีมอบให้กับเจ้า ยอมล่มสิ้นใต้หล้าเพื่อเจ้าเพียงผู้เดียว!——ฟู่จิ่วชิง

Options

not work with dark mode
Reset