จอมใจจอมทัพ 48 แม่ทัพเหิงจงเจริญ

ตอนที่ 48 แม่ทัพเหิงจงเจริญ

“ เราทั้งสองเมืองแม้จะเป็นศัตรู แต่ข้ารู้ว่ามิมีผู้ใดต้องการให้เกิดศึกสงครามเพราะนั่นหมายถึงการเสียเลือดเนื้อ ทุกคนต่างมีพ่อแม่พี่น้อง หลายคนมีลูกเมียที่เฝ้ารอให้กลับไปหา ตัวข้าแม่ทัพเหิงซื่อหลุนในนามของตัวแทนเมืองหงโจว ขอคารวะทหารหาญของเจี้ยนจิงทุกท่านที่ร่วมรบอย่างหาญกล้าในคราวนี้และขออภัยที่ต้องล่วงเกินจับพวกท่านให้เป็นเชลยเพื่อจะรอคำสั่งของท่านเจ้าเมืองตัดสินความว่าจะทำเช่นไรต่อไป ดังนั้น จึงใคร่ขอเชิญทหารเจี้ยนจิงทั้งหลายร่วมเดินทางไปเยือนหงโจวเพื่อรอการตัดสินความก่อนเถิด ”

ก่อนแม่ทัพเหิงจะหันไปเหล่าทหารกล้าของตน

“ พี่น้องทั้งหลายของข้า นี่เป็นอีกครั้งที่พวกเราร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่อย่างไม่กลัวเจ็บกลัวตายเพื่อรับใช้แผ่นดินหงโจวจนได้ชัยชนะมาอีกครั้ง ข้าใคร่ขอขอบคุณพี่น้องทหารกล้าทั้งหลายและขอมอบชัยชนะอันยิ่งใหญ่นี้ให้กับทุกท่าน ได้โปรดรับการคารวะจากข้าด้วยเถิด ” กล่าวจบ แม่ทัพเหิงก็คุกเข่าลงบนผืนดินแล้วทำการคำนับแก่เหล่าทหารหงโจว ที่ต่างกู่ก้องโห่ร้องขึ้นด้วยหัวใจอันซาบซึ้งและฮึกเหิมพร้อมกัน

“ แม่ทัพเหิงจงเจริญ ! ”

“ หงโจวจงเจริญ ! ”

เสียงดังอื้ออึงกึกก้องปฐพี ก่อนจะเคลื่อนย้ายทัพและเชลยศึกเข้าสู่ตัวเมือง

ขบวนทัพเคลื่อนเข้าสู่ประตูเมืองท่ามกลางเหล่าประชาชนชาวหงโจวที่มารอต้อนรับสองข้างทาง เสียงกู่ก้อง โห่ร้องอย่างยินดีอึกทึกไปหมด เรียกรอยยิ้มจากเหล่าทหารหาญที่แม้เหน็ดเหนื่อยบาดเจ็บเพียงใดแต่หัวใจก็เต็มตื้นเสียเหลือเกิน

ที่หน้าประตูเมือง คนผู้หนึ่งที่มายืนต้อนรับเสมอและวันนี้ก็ยืนอยู่ตรงนั้นเช่นเคย นั่นคือท่านเจ้าเมืองหงโจวนั่นเอง ทว่าวันนี้มีอีกคนที่มายืนต้อนรับเป็นคราวแรก

“ มากันแล้วเพคะเสด็จพ่อ ” องค์หญิงซูเม่ยเกาะแขนบิดาแล้วกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนทัพ ใบหน้าเหี่ยวย่นหากเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความยินดีพยักหน้าก่อนโอบกอดบุตรสาวเอาไว้

“ เหิงซื่อหลุน เขาช่างเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่และไม่เคยผิดคำพูดแม้สักครั้ง ” คำสรรเสริญนั้นทำให้ผู้เป็นบุตรสาวแอบยิ้มอย่างปลื้มปีติ

ทั้งกองทัพและเชลยศึกเคลื่อนเข้าสู่ตัวเมืองเป็นที่เรียบร้อย รองแม่ทัพสั่งควบคุมเชลยไว้เพื่อรอการตัดสิน

อาชานิลดำสนิทเคลื่อนไหวอย่างสง่านำพาผู้เป็นจอมทัพกลับมาอย่างสมเกียรติเช่นเคย

เขากระโดดลงจากหลังม้าแล้วเดินเข้ามาหาท่านเจ้าเมืองเช่นทุกครั้ง ทว่าคราวนี้สายตาดุดันนั้นกลับอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเรียบเฉยจนดูคล้ายบึ้งตึงกลับมีรอยยิ้มระบายน้อย ๆ เมื่อได้เห็นผู้ที่ยืนอยู่เคียงข้างท่านเจ้าเมือง

“ ข้านำชัยชนะมาให้แล้วตามสัญญา ” แม่ทัพเหิงเอ่ยฉะฉานหมายบอกกล่าวกับองค์หญิงซูเม่ยที่ส่งยิ้มหวานให้ แต่ท่านเจ้าเมืองผู้เป็นบิดาเข้าใจว่าเป็นตนเองที่อีกฝ่ายบอก ท่านเดินเข้าหาเขาแล้วอ้าแขนโอบกอดแม่ทัพเหิงอย่างสุดแสนจะดีใจ

“ ข้าขอบคุณเจ้ามากซื่อหลุน หงโจวเป็นหนี้เจ้าจริง ๆ ชดใช้เช่นไรก็ไม่มีวันหมดสิ้น ”

“ หงโจวจะไม่เป็นหนี้ใด ๆ แก่ข้าหากท่านรักษาสัญญา ท่านเจ้าเมือง ” เขาเอ่ยยิ้ม ๆ

“ แน่นอนซื่อหลุน ข้าย่อมรักษาสัญญาอย่างไม่บิดพลิ้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชายผู้กล้าหาญที่ปกป้องหงโจวมิให้คนพาลมารังแก เจ้าอยากได้แก้วแหวนเงินทองหรือตำแหน่งใด ๆ ข้าจะให้เจ้าทุกสิ่งอย่าง ”

“ ถ้าเช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว ขอบพระทัยท่านเจ้าเมืองพะย่ะค่ะ ” เขาว่าพลางก้มลงคำนับอย่างนอบน้อมท่ามกลางความงุนงงของทั้งเหล่าขุนนางและเจ้าเมือง ที่วันนี้เขามาแปลก ดูมีมารยาทผิดปกติ

ทว่าหลังจากอาการนอบน้อมนั้น ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปช้อนอุ้มร่างอรชรขององค์หญิงซูเม่ยไว้ในอ้อมแขน ทำเอาทุกคนตกตะลึงโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเจ้าเมืองผู้เป็นบิดา

“ นะ… นั่นเจ้าทำอะไร เหิงซื่อหลุน ”

“ ก็สิ่งที่ข้าอยากได้อย่างไรเล่าพะย่ะค่ะ ท่านบอกจะให้ได้ทุกสิ่งอย่างมิใช่หรือ ”

“ แต่ว่านั่นมันลูกสาวข้า ! ”

Options

not work with dark mode
Reset