จอมใจจอมทัพ 42 เปลือยกายต่อหน้า

ตอนที่ 42 เปลือยกายต่อหน้า

ผ่านไปไม่ทันถึงชั่วก้านธูปเขาก็ได้ยินฝีเท้าดังจากด้านหลังใกล้ตัวเข้ามาอีกครั้ง

“ อาเซิน ไหนเจ้าบอกจะปล่อยข้าอยู่ตามลำพัง ไม่ทันไรเจ้าก็มารบกวนข้าอีกแล้ว ”

“ ขออภัยที่มารบกวน ท่านแม่ทัพ ” แม่ทัพหนุ่มสะดุ้งเฮือกแล้วหันขวับไปด้านหลังทันที ด้วยเสียงเอื้อนเอ่ยนั้นหาใช่เสียงห้าวของอาเซินไม่หากแต่เป็นน้ำเสียงอ่อนหวานของสตรีนางหนึ่ง

“ องค์หญิงซูเม่ย ! ” เขาเรียกนางออกมาด้วยความตกใจก่อนจะมองซ้ายมองขวา

“ มาทำอะไรที่นี่เวลานี้ ที่นี่มันเป็นลานฝึก มีแต่ทหารผู้ชายเต็มไปหมด องค์หญิงควรกลับไป ” นางจ้องมองเขาด้วยแววตาน้อยใจ น้ำใส ๆ รื้นขอบตาก่อนจะหยดแหมะลงบนพวงแก้มก่อนเอ่ยตัดพ้อ

“ ข้ามาที่นี่ก็เพราะท่านไม่ไปหา ทิ้งให้ข้ารออยู่อย่างกระวนกระวายใจ กี่ครั้งแล้วที่ท่านทำเช่นนี้ นี่ข้าได้ยินจากปากนางกำนัลว่าพรุ่งนี้ท่านจะออกไปสู้กับทัพเจี้ยนจิงแล้ว ข้ารอแล้วรอเล่าว่าท่านจะไปร่ำลาข้าแต่ก็ว่างเปล่า มีแต่ความเงียบงัน ท่านเห็นข้าเป็นตัวอะไร ” เสียงตัดพ้อของนางดังขึ้นพร้อมเสียงสะอื้น แม่ทัพเหิงเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะสืบเท้าเข้าไปใกล้ลดเสียงพูดให้เบาลง

“ นี่ ลดเสียงลงหน่อยได้ไหม เจ้าเป็นองค์หญิงนะเดี๋ยวใครได้เห็นได้ยินก็จะครหาเอาได้ ”

“ เมื่อก่อนไม่เห็นท่านจะสนใจเกียรติหรือศักดินาใด ๆ ทั้งนั้น เหตุใดยามนี้ท่านจึงหยิบยกมาพูดราวกับว่าเราเหินห่างกันเหลือเกิน หรือท่านจะโกรธเกลียดที่ข้านำความทุกข์ร้อน นำพาศึกสงครามอันยิ่งใหญ่มาให้ ”

“ ไปกันใหญ่แล้วองค์หญิง ”

“ ข้าพูดความจริงทั้งนั้น ”

“ ความจริงก็คือ เมื่อก่อนที่ข้าไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนั่นก็เพราะข้าไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้เจ้า แต่ตอนนี้มันต่างออกไป สิ่งที่ข้าควรคำนึงถึงสูงสุดก็คือเจ้าเป็นอันดับแรก เพราะข้าเป็นห่วง ห่วงทุกอย่างที่เป็นเจ้า ”

เขาปลอบประโลม ทว่านางยังคงไม่หยุดร่ำไห้ เขาจึงตัดสินใจช้อนอุ้มนางไว้ในวงแขนแล้วสาวเท้าเร็ว ๆ เข้าไปในกระโจมชั่วคราวสำหรับแม่ทัพที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากลานฝึกนั้น ก่อนเขาจะวางนางลงบนพื้นแล้วโอบกอดนางไว้ในอ้อมอกแกร่งนั้น

“ ข้าคิดถึงท่าน ” นางสะอึกสะอื้นแล้วกอดเขาไว้แน่น

“ พี่ก็คิดถึงเจ้า แต่พี่ต้องเตรียมทัพเพื่อสู้ศึกใหญ่ เจ้ารู้ในสิ่งนั้นมิใช่หรือ ”

“ ข้ารู้ แต่ปลีกเวลาไปหาข้าบ้างไม่ได้เชียวหรือ ”

“ พี่อยากไปหาเจ้าทุกวัน แต่… ”

“ แต่อะไร ”

“ แต่พี่มีความรู้สึกว่าหากเห็นหน้าเจ้าพี่จะยิ่งอ่อนแอลง ตลอดชีวิตนักรบของข้ามิเคยกลัวตาย แต่คราวนี้กลับแตกต่าง ”

“ ท่านกลัวอะไร ”

“ พี่กลัวจะไม่ได้กลับมาเห็นหน้าเจ้า ซูเม่ย ”

“ ท่านจะต้องรอดชีวิตกลับมา ท่านจะคว้าชัยชนะกลับมาให้หงโจวเช่นทุกครั้ง ข้ามั่นใจ ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคงแน่นหนัก เขากอดร่างบอบบางนางเอาไว้แนบแน่น ดวงตาคมหลับพริ้มลงแล้วก้มลงประทับจูบบนศีรษะนางหนัก ๆ

“ แค่เพียงคิดว่าจะไม่ได้กอดเจ้าอีก… ”

“ หยุดพูดเช่นนั้นเสียที กล้าหาญมาตลอดเหตุใดครั้งนี้จึงอ่อนแอ ข้าเกลียดท่านนัก ”

“ แต่ข้ารักเจ้าเหลือเกิน ซูเม่ย รัก ”

เขาแหบห้าวนั้นพึมพำอยู่บนศีรษะ นางหลับตากำซาบคำรักแล้วกอดเขาแนบแน่นขึ้น หากจู่ ๆ นางก็ผลักไสเขาออกทันทีก่อนที่จะปลดอาภรณ์ของตนออก นั่นทำให้เขางุนงงและตกใจเป็นอย่างมาก

“ หยุดนะ นั่นเจ้าทำอะไรของเจ้า ซูเม่ย ข้าบอกให้หยุด ! ” ทว่านางไม่หยุดแต่ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามคือรีบปลดเปลื้องมันออกทุกชิ้นจนเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา

ใบหน้างามผุดผาดดังเหล่าเทพปั้นแต่ง ลำคอระหงทรวงอกสล้างอันเบียดชิด ทั้งสองเต้าที่มียอดอกสีทับทิมอันแข็งคัดประดับอยู่ เอวคอดกิ่วและผายออกเป็นสะโพกแน่นหนั่น เรียวขางาม ที่สุดคือกุหลาบสาวรูปสามเหลี่ยมนูนโหนกเบียดชิดขาวเนียนนั้นที่เขารู้ดีว่ามันหวานหอมเพียงใด

ความงามนั้นทำให้หัวใจนักรบเต้นระรัวแทบทะลุออกมานอกอกได้ทุกครั้งไป แม้จะได้พบเจอครั้งที่หมื่นพันก็มิอาจชาชิน

“ ซูเม่ย ” เขาครางอย่างไร้สติเมื่อเรือนร่างงดงามนั้น เยื้องย่างเข้าหาเขาช้า ๆ จนกระทั่งแนบชิด มือหนึ่งของนางวางลงบนความนูนตุงใจกลางกายชายที่มันโผล่พุ่งดุนดันอาภรณ์จนเห็นได้ชัด

Options

not work with dark mode
Reset