จอมใจจอมทัพ 12 คู่หมั้น

ตอนที่ 12 คู่หมั้น

อีกฟากฝั่งของจวน อันเป็นส่วนของลานซ้อมรบ

แม่ทัพเหิง ผู้ที่กำลังฝึกฝนทหารให้เชี่ยวชาญศาสตราวุธ อยู่เสมอ เมื่อได้ยินเสียงดนตรีก็แปลกใจเป็นยิ่งนัก

“ มีงานอะไร เหตุใดข้าได้ยินเสียงดนตรี ”

“ องค์ชายจิ้งฝูแห่งเจี้ยนจิง คู่หมั้นขององค์หญิงซูเม่ยมาเยือนน่ะขอรับ มาคราวนี้เอาเครื่องบรรณาการมาให้เพิ่มจากคราวก่อนที่ส่งราชทูตมาเจรจา ” หนึ่งในนายทหารเป็นผู้ตอบ

“ คู่หมั้นเช่นนั้นรึ ข้าไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่าองค์หญิงมีคู่หมั้น ” แม่ทัพเหิงกล่าวอย่างแปลกใจ

“ ท่านแม่ทัพจะรู้ได้อย่างไรเล่าขอรับ วัน ๆ ก็เอาแต่ซ้อมรบให้พวกข้า ไม่เคยเข้าเฝ้าอะไรกับเขาสักครั้ง ” ทหารหนุ่มตอบขำ ๆ

“ มันก็ถูกของเจ้า แล้วเขาจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ ”

“ ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันขอรับ แต่ถ้ามาบ่อยขนาดนี้ข้าคิดว่าคงไม่นานหรอก เจี้ยนจิงเป็นเมืองใหญ่ ทั้งยังมีกองทัพที่แข็งแกร่งเหลือเกินด้วยการนำขององค์ชายจิ้งฝูที่คุมทัพด้วยตนเอง ท่านเจ้าเมืองคงหมายให้องค์ชายจิ้งฝูมาดูแลเมืองของเราในภายภาคหน้า แต่ว่ากันว่าองค์ชายผู้นั้นทั้งเจ้าชู้และโหดเหี้ยมน่าดู หากองค์หญิงต้องอภิเษกสมรสด้วยก็น่าเห็นใจ ”

คำบอกเล่าของทหารทำให้หัวใจหินผาอย่างแม่ทัพเหิงสั่นไหวเล็กน้อย

หลังจากวันนั้นที่เขาเข้าหาองค์หญิงซูเม่ยเพื่อหมายจะสั่งสอนให้หลาบจำว่าอย่าได้มาเก่งกล้ากับบุรุษเยี่ยงเขา ทว่ามันกลับทำให้เขายิ่งโหยหานางมากขึ้น จิตใจของเขาร่ำร้องอยากจะกลับไปหานางและกลืนกินให้สมอยาก ทว่าอีกใจหนึ่งที่ยังพอมีความดีอยู่บ้างกลับคัดค้าน

นางทั้งสะอาดและบริสุทธิ์ราวดอกไม้ที่พึ่งผลิบานแรกแย้มอย่าไปทำให้นางแปดเปื้อนเลย…

เขาจึงเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ ไม่เฉียดกรายไปใกล้ แม้ในทุกห้วงคำนึงจะมีแต่ผิวเนื้อเนียนนุ่ม กลีบปากอวบอิ่ม ปทุมถันหวานหอมกรุ่นกลิ่นอยู่ทุกโสตรับรู้

แต่วันนี้ทันทีที่ได้ยินข่าวว่านางกำลังถูกจับจองเป็นเจ้าของเจ้าบุรุษอื่น มันจึงได้ทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งนัก

แม่ทัพหนุ่มเก็บกระบี่เข้าฝักแล้วหันไปบอกทหารทั้งหลาย

“ วันนี้ซ้อมกันแค่นี้ ข้ามีธุระต้องไปทำ ”

***

ที่งานเลี้ยงต้อนรับ

องค์ชายจิ้งฝูผู้ชื่นชอบในความบันเทิงเริงรมย์ แน่นอนว่าเขาเพลิดเพลินเหลือเกินกับสุราและนารีรูปงามที่เริงระบำอยู่ต่อหน้า ดวงตาฉ่ำวาวพราวระยับจับจ้องสาวงามเหล่านั้นเล็งแล้วเล็งอีกว่าจะเอาผู้ใดไปเป็นหนึ่งในนางบำเรอ จนกระทั่งองครักษ์ต้องแอบสะกิดให้เก็บอาการไว้บ้าง เขาจึงได้รู้ตัวและสำนึกได้ว่าที่มาวันนี้เพราะเหตุอันใด จึงได้เอ่ยปากถามท่านเจ้าเมืองทันที

“ ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ กระหม่อมมาถึงก็นานแล้ว เหตุที่มานี้ฝ่าบาทก็ทราบดีว่าเพื่อผูกสัมพันธไมตรีที่เราจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่จนบัดนี้แล้วกระหม่อมก็ยังมิได้เห็นหน้าองค์หญิงซูเม่ยเลย ” ท่านเจ้าเมืองหัวเราะร่วน

“ แหม คนหนุ่มนี่ช่างใจร้อนจริง ๆ สมัยหนุ่ม ๆ ข้าเองก็เป็นเช่นนี้มาก่อน เมื่อครู่ข้าให้คนไปตามนางแล้วเห็นว่านั่งวาดภาพอยู่ที่สระบัวชมพูในอุทยานตั้งแต่เช้า อีกสักพักก็คงจะมาแล้วล่ะ ”

“ วาดภาพอย่างนั้นหรือพะย่ะค่ะ ”

“ ใช่ ซูเม่ยน่ะมีฝีมือหลายด้านอยู่ ทั้งวาดภาพ เย็บปักถักร้อย อ่านเขียน ”

“ องค์หญิงช่างฉลาดล้ำเหนือสตรีใด เป็นบุญของกระหม่อมเหลือเกินที่ได้มีวาสนาต่อกัน เอาอย่างนี้ดีกว่า ให้คนนำทางกระหม่อมไปเถิดพะย่ะค่ะจะได้ถือโอกาสไปชมฝีมือการวาดภาพขององค์หญิงด้วย ”

“ หากเจ้าต้องการเช่นนั้นก็ย่อมได้ ” ท่านเจ้าเมืองรับคำพลางสั่งให้ทหารนำทางองค์ชายจิ้งฝูไปสู่สวนดอกไม้อันงดงามที่มีบึงน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกบัวตูมบัวบานสลับกันไป สะพานสีขาวทอดยาวพาเขาเดินมาจนถึงศาลาหลังเล็กริมน้ำนั้น สองขาองค์ชายจิ้งฝูหยุดชะงักราวต้องมนต์สะกดเมื่อเห็นร่างหนึ่งที่นั่งอยู่ในศาลานั้น

Options

not work with dark mode
Reset