กระบี่จงมา 890.5 อะไรคือห่มดาวสวมจันทร์

ตอนที่ 890.5 อะไรคือห่มดาวสวมจันทร์

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​อย่าง​ชอบใจ​ มีเสี่ยว​โม่อยู่​ข้าง​กาย​ช่วย​ลด​ภาระ​ไป​ได้​ไม่น้อย​เลย​จริงๆ​

“เสี่ยว​โม่อ่า​ ข้า​ต้อง​ตำหนิ​เจ้าแล้ว​นะ​ เคยชิน​ที่จะ​ออกจาก​บ้าน​เดินทางไกล​พร้อม​เจ้าแล้ว​ วันหน้า​จะทำ​อย่างไร​ เปลี่ยน​จาก​ฟุ้งเฟ้อ​มาเป็น​ประหยัด​มัน​ยาก​นะ​”

เสี่ยว​โม่กล่าว​ “ขอ​แค่​คุณชาย​ไม่รังเกียจ​ ไม่ไล่​กัน​ เสี่ยว​โม่ก็​สามารถ​ออก​เดินทางไกล​เป็นเพื่อน​คุณชาย​ได้​ทุกครั้ง​เลย​”

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​รู้สึก​ขนลุก​เล็กน้อย​ เหลือบมอง​เสี่ยว​โม่แวบ​หนึ่ง​

มารดา​มัน​เถอะ​ หรือว่า​ตอนนั้น​ที่อยู่​ใน​ตรอก​เล็ก​ เซียน​เว่ย​ไม่ได้​มอง​เสี่ยว​โม่ผิด​ไป​?

ตนเอง​ต้อง​คอย​ป้องกัน​อย่าง​ยากลำบาก​ ต้อง​คอย​ระมัดระวัง​รอบคอบ​ ผล​กลับ​กลายเป็น​ว่า​เรื่อง​นี้​ก็​กลาย​มาเป็น​เงาดำ​ใต้​โคมไฟ​อีก​เหมือนกัน​?

เสี่ยว​โม่ยิ้ม​กล่าว​ “คุณชาย​วางใจ​เถอะ​ เสี่ยว​โม่มีผู้ฝึก​ตน​หญิง​ที่​สถานะ​คล้ายคลึง​กับ​คู่​บำเพ็ญตน​ใน​ยุค​หลัง​อยู่​ด้วย​ เพียงแต่​ไม่ว่า​จะเป็น​รูปโฉม​ บุคลิก​ หรือ​คุณสมบัติ​การ​ฝึก​ตน​ของ​นาง​ก็​ล้วน​เทียบ​หนึ่ง​ใน​หมื่น​ของ​ฮูหยิน​ไม่ได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​อย่าง​กระอักกระอ่วน​ “คิด​อะไร​กัน​ ข้า​จะเข้าใจผิด​เสี่ยว​โม่ได้​อย่างไร​”

เสี่ยว​โม่เอ่ย​อย่าง​เข้า​อก​เข้าใจ​ผู้อื่น​เป็น​อย่าง​ดี​ “เป็น​เสี่ยว​โม่ที่​เข้าใจผิด​ไป​เอง​”

“เสี่ยว​โม่ เจ้าไป​ขัดขวาง​เทพ​อธิ​บาล​เมือง​สักหน่อย​ สามารถ​บอก​สถานะ​ของ​ผู้​ถวายงาน​ต้า​หลี​ออก​ไป​ได้​อย่าง​เปิดเผย​ ให้​พวกเขา​ดู​ป้าย​สงบสุข​แผ่น​นั้น​ ส่วน​ที่​ท่าเรือ​แห่ง​นี้​เดี๋ยว​ข้า​จัดการ​เอง​”

เฉิน​ผิง​อัน​พลิ้ว​กาย​ลง​ไป​ด้านล่าง​ เดิน​ไป​หยุด​อยู่​ข้าง​กาย​ผี​สาว​ที่​กางร่ม​ ประกบ​สอง​นิ้ว​เข้าด้วยกัน​ดัน​ร่ม​กระดาษ​น้ำมัน​ไว้​เบา​ๆ ใช้เสียง​ใน​ใจยิ้ม​กล่าว​ “แม่นาง​บังเอิญ​ต้อง​รีบ​เดินทาง​เช่นนี้​เชียว​หรือ​ ถือว่า​ทำผิด​กฎ​แห่ง​สวรรค์​หรือไม่​? ใน​ฐานะ​ผี​ที่​ไม่อาจ​พบเห็น​แสงสว่าง​ได้​ เหยียบ​เงาของ​คน​บน​โลก​มนุษย์​ตามใจชอบ​ เป็นการ​ทำลาย​พลัง​ชีวิต​ของ​คนอื่น​อย่าง​ที่​มองไม่เห็น​ ไม่กลัว​ว่า​อยู่ดีๆ​ จะเป็นการ​เพิ่ม​หายนะ​ให้​กับ​ตัวเอง​ กลายเป็น​ว่า​ถูก​สวรรค์​ลงทัณฑ์​หรอก​หรือ​?”

ใบหน้า​ของ​ผี​สาว​ซีด​ขาว​ผิดปกติ​ นาง​หันหน้า​ไป​มอง​มือ​ดาบ​ชุด​เขียว​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​สุดขีด​ พูด​วิงวอน​เสียงสั่น​ว่า​ “เซียน​ซือ​ บ่าว​มีเรื่อง​ลำบากใจ​ ขอ​เซียน​ซือ​โปรด​มีใจเมตตา​ให้​บ่าว​ข้าม​ผ่าน​ลำคลอง​สาย​นี้​ไป​เถอะ​ แล้ว​บ่าว​จะจากไป​ทันที​ พระคุณ​ยิ่งใหญ่​ของ​เซียน​ซือ​ บ่าว​จะไม่ลืมเลือน​เลย​…”

ระหว่าง​ที่​พูด​นาง​ก็​หยุบ​ถุงเงิน​ใบ​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ “เงิน​เทพ​เซียน​สิบ​หก​เหรียญ​เป็น​เงิน​ทั้งหมด​ที่​บ่าว​สะสมมาแล้ว​ ขอ​เพียง​เซียน​ซือ​ยอมให้​บ่าว​เก็บ​ไว้​สัก​เหรียญ​ บ่าว​จะมอบให้​แก่​คุณชาย​ผู้​มีพระคุณ​ข้างหน้า​นี้​”

ร่ม​กระดาษ​น้ำมัน​ที่​นาง​กาง​อยู่​ถูก​มือ​ดาบ​ชุด​เขียว​ใช้นิ้ว​ดัน​เอาไว้​แล้ว​ นาง​จึงได้​แต่​ยืน​อยู่​ที่​เดิม​ ทว่า​บัณฑิต​เบื้องหน้า​กลับ​ไม่รู้ตัว​แม้แต่น้อย​ ยังคง​เดิน​ไป​ข้างหน้า​อย่าง​เนิบ​ช้า รอ​กระทั่ง​รองเท้า​ปัก​ลาย​ดอกไม้​คู่​นั้น​ของ​นาง​พ้นไป​จาก​เงาของ​บัณฑิต​ บน​พื้น​ก็​พลัน​ร้อน​ลวก​เหมือน​กระทะ​น้ำมัน​เดือด​พล่าน​ ทำให้​นาง​มิอาจ​มีที่​หยัดยืน​ใน​โลก​มนุษย์​ได้​

ใบหน้า​ของ​นาง​ซีดเผือด​ ข่ม​กลั้น​ความเจ็บปวด​ ได้​แต่​ยก​เท้า​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​เหยียบ​ลง​บน​รองเท้า​ปัก​ลาย​บุปผา​อีก​ข้าง​เท่านั้น​

ใน​ช่วงเวลา​แห่ง​ความเป็นความตาย​ ผี​สาว​เลิก​เปลือกตา​ขึ้น​มอง​ไป​ยัง​แผ่น​หลัง​ของ​บัณฑิต​ตรงหน้า​ สีหน้า​ของ​นาง​เลื่อนลอย​ไป​เล็กน้อย​ มีความ​อาลัยอาวรณ์​ แต่กระนั้น​ก็​ยัง​คลี่​ยิ้ม​ปล่อยวาง​

จากนั้น​นาง​ก็​เตรียม​จะหันไป​ถ่มน้ำลาย​ใส่เซียน​ซือ​ชาติ​สุนัข​ผู้​นั้น​ ต้อง​ถ่มน้ำลาย​ให้​โดน​ใบหน้า​ของ​อีก​ฝ่าย​ถึงจะยอม​ แล้ว​ตัวเอง​ค่อย​กลายเป็น​คุณูปการ​ใน​การ​กำจัด​ปีศาจ​ปราบ​มาร​ของ​อีก​ฝ่าย​

แต่กลับ​เห็น​ว่า​คน​ชุด​เขียว​คลี่​ยิ้ม​ เก็บ​สอง​นิ้ว​กลับคืน​ไป​ จากนั้น​เคาะ​ร่ม​กระดาษ​น้ำมัน​เบา​ๆ พริบตา​นั้น​เส้น​ไย​สีทอง​ก็​ไหล​ลง​มาจาก​บน​ร่ม​เหมือน​หยด​ฝน​ คล้าย​กับ​ผ้าม่าน​ที่​ถูก​กาง​เป็น​วงกลม​โดยรอบ​

นาง​คล้าย​ได้​เข้าไป​อยู่​ใน​พื้นที่​ที่​เย็นสบาย​แห่ง​หนึ่ง​ของ​ตระกูล​เซียน​

เฉิน​ผิง​อัน​ยื่น​ส่งยันต์​สีเหลือง​ปึก​หนึ่ง​ไป​ให้​ เอ่ย​ว่า​ “หลังจาก​ข้าม​ลำคลอง​ไป​แล้วก็​ตอบแทน​พระคุณ​ของ​บัณฑิต​ผู้​นั้น​ หาก​ยินดี​ก็​สามารถ​ไป​เยือน​สถานที่​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ชื่อว่า​ทะเลสาบ​ซูเจี่ยน​ ไปหา​ผู้ฝึก​ตน​นาม​ว่า​เจิงเย่​ ไม่แน่​ว่า​เจ้าอาจจะ​สามารถ​ฝึก​ตน​อยู่​ที่นั่น​ได้​ เทพ​เซียน​บน​ภูเขา​ท่าน​นี้​หา​ตัว​เจอ​ไม่ยาก​ เจ้าไป​ถึงที่นั่น​แค่​สอบถาม​ก็​รู้​แล้ว​ หาก​เจ้าไม่ยินดี​จะเดินทางไกล​ก็​ตามใจ​”

เมื่อ​ครู่​อยู่​บน​เส้น​แบ่ง​ระหว่าง​ความเป็นความตาย​ ผี​สาว​ที่​กางร่ม​ก็​ไม่มีจิต​สังหาร​และ​กลิ่นอาย​ความ​ชั่วร้าย​แผ่​ออกมา​ สติปัญญา​ไม่เคย​ถูก​กลิ่นอาย​ดุร้าย​ที่​มีติดตัว​วิญญาณ​หยิน​ตั้งแต่​เกิด​กลบ​ทับ​ นี่​ก็​คือ​จิต​แห่ง​มรรคา​ที่​บริสุทธิ์​แล้ว​

ไม่อย่างนั้น​เพียงแค่​เนื้อหา​ใน​ใจที่​เสี่ยว​โม่ตรวจสอบ​พบ​ ผี​หญิง​ตน​นี้​แบ่งแยก​ถูก​ผิด​ แบ่งแยก​ความดี​ความ​ชั่วร้าย​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ไม่มีความจำเป็น​ต้อง​ ‘บีบคั้น​ผู้อื่น​’ เช่นนี้​

ผี​สาว​ที่​กางร่ม​คลางแคลง​ไม่เข้าใจ​ แค่​พบ​เจอกัน​อย่าง​ผิวเผิน​ ไร้​ความเกี่ยวข้อง​ใดๆ​ เหตุใด​อีก​ฝ่าย​ต้อง​มีน้ำใจ​เช่นนี้​?

เพียงแต่ว่า​พอ​คิด​อีกที​ ตบะ​ปลายแถว​น้อย​นิด​ของ​นาง​จะมีค่า​พอให้​เซียน​ซือ​ที่​มรรค​กถา​และ​ฝีมือ​ลึกล้ำ​เกิน​จะหยั่ง​ตรงหน้า​ผู้​นี้​วางแผน​ใส่ร้าย​ได้​อย่างไร​?

แต่​พอ​คิด​ใน​มุมใหม่​ นาง​ก็​กลัดกลุ้ม​ขึ้น​มาเล็กน้อย​ คง​ไม่ใช่ว่า​อีก​ฝ่าย​หวัง​ใน​ความ​…งามของ​ตน​?

ไม่ว่า​จะเป็น​ความเข้าใจผิด​เรื่อง​อะไร​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ล้วน​แบกรับ​ไว้​ได้​ มีเพียง​การ​ใส่ร้าย​ประเภท​นี้​ที่​มิอาจ​รับได้​เด็ดขาด​ จึงเอ่ย​อย่าง​ขัน​ๆ ปน​ฉุน​ “รีบ​ตาม​บัณฑิต​ข้าม​ลำคลอง​ไป​ แล้วก็​คิด​เรื่อง​ที่​ไม่เป็น​ความจริง​ให้​มัน​น้อย​ๆ หน่อย​”

ผี​สาว​ไม่กล้า​คิด​อะไร​อีก​จริงๆ​ นาง​เก็บ​ยันต์​ตระกูล​เซียน​ปึก​นั้น​มาอย่าง​ระมัดระวัง​ ยอบ​กาย​คารวะ​เอ่ย​ขอบคุณ​หนึ่ง​คำ​ เดิน​เร็ว​ๆ ก้าว​ไป​เบื้องหน้า​ หลัง​เดิน​ออกมา​ได้​สอง​สามก้าว​แล้วก็​ถึงกับ​ค้นพบ​ว่า​ต่อให้​ตน​ไม่ต้อง​เดิน​อยู่​ใน​เงาของ​บัณฑิต​ก็​สามารถ​ก้าวเดิน​ไป​ได้​อย่าง​ราบรื่น​ นาง​อดไม่ไหว​หยุด​เท้า​หันหน้า​ไป​ถาม “ขอ​ทราบ​นาม​และ​จวน​เซียน​ของ​นาย​ท่าน​เซียน​ซือ​ได้​หรือไม่​?”

มือ​ดาบ​ชุด​เขียว​ที่​หาก​มอง​หลาย​ๆ ครั้ง​กลับ​มีกลิ่นอาย​ของ​ตำรา​เต็ม​ร่าง​ผู้​นั้น​ส่ายหน้า​ “ไม่ต้อง​รู้เรื่อง​ที่​ไม่สำคัญ​พวก​นี้​หรอก​”

นาง​ลังเล​เล็กน้อย​ สุดท้าย​กล่าว​ด้วย​สายตา​เด็ดเดี่ยว​หนักแน่น​ “บ่าว​ขอร้อง​เซียน​ซือ​จาก​ใจจริง​ โปรด​บอก​นาม​ของ​ท่าน​ด้วย​เถิด​”

เห็น​เพียง​ว่า​คน​ผู้​นั้น​ตบ​ดาบ​แคบ​ที่​ห้อย​ตรง​เอว​ ยิ้ม​เอ่ย​ “ข้า​ชื่อ​เฉิน​ผิง​อัน​ เป็น​มือ​กระบี่​คน​หนึ่ง​”

ทั้ง​เอาอย่าง​คน​บาง​คนพูด​คำพูด​หยอกล้อ​ที่​ไม่ใช่คำ​ล้อเล่น​กับ​ผี​สาว​กางร่ม​

ทั้ง​ยัง​พูด​ให้​เทพ​อธิ​บาล​เมือง​ประจำ​เขต​ปกครอง​ผู้​นั้น​ฟัง เพราะ​ดูเหมือนว่า​ป้าย​สงบสุข​ปลอดภัย​ปลายแถว​ของ​กรม​อาญา​ต้า​หลี​ที่​เสี่ยว​โม่คล้าย​จะใช้ไม่ได้​ผล​เท่าใด​นัก​

หัน​ตัว​ไป​กุม​หมัด​คารวะ​เทพ​อภิบาล​เมือง​ที่​ทะยาน​เมฆหมอก​ไกลๆ​ ก่อน​ จากนั้น​ร่าย​ร่าง​เมฆาวารี​ออกเดินทาง​ไป​พร้อมกับ​เสี่ยว​โม่ต่อ​อีกครั้ง​

หลังจาก​มือ​ดาบ​ชุด​เขียว​ที่​บอกชื่อ​แซ่คารวะ​อย่าง​นอบน้อม​จากไป​แล้ว​ เทพ​อภิบาล​เมือง​และ​เสมียน​ผู้ช่วย​สอง​คน​อย่าง​เทพ​ท่อง​ทิวา​กับ​แม่ทัพ​ล่าม​ตรวน​ก็​ลด​ก้อน​เมฆลงมา​ที่​ท่าเรือ​ บอก​ให้​พ่อ​ปู่​ลำคลอง​ที่​เดิมที​ควร​ขัดขวาง​ปล่อย​ผี​สาว​ไป​

พ่อ​ปู่​ลำคลอง​เป็น​คน​นิสัย​ดื้อดึง​ ต่อให้​เจอ​กับ​เทพ​อภิบาล​เมือง​ประจำ​เขต​ซึ่งถือเป็น​หัวหน้า​ใน​วงการ​ขุนนาง​ของ​เขา​ก็​ยัง​ยืนกราน​จะถามหา​เหตุผล​ให้ได้​ก่อน​ถึงจะยอม​เปิดทาง​ให้​ เทพ​อภิบาล​เมือง​อารมณ์ดี​อย่างยิ่ง​ ไม่เพียงแต่​ไม่มีโทสะ​ กลับ​ยัง​บอก​กับ​พ่อ​ปู่​ลำคลอง​ด้วยว่า​เซียน​กระบี่​ชุด​เขียว​คน​นั้น​ก็​คือ​เจ้าขุนเขา​หนุ่ม​แห่ง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​หลง​โจว​ต้า​หลี​ เฉิน​ผิง​อัน​ เจ้าสำนัก​ของ​สำนัก​หนึ่ง​

เทพ​อภิบาล​เมือง​เอ่ย​สัพยอก​พ่อ​ปู่​ลำคลอง​ว่า​ “มาด​ใหญ่​เทียมฟ้า​นัก​ ถึงกับ​ทำให้​เซียน​กระบี่​คน​หนึ่ง​มาหยุด​อยู่​ที่นี่​ จำต้อง​แบ่ง​บุญ​กุศล​บางส่วน​บน​ร่าง​มาปกป้อง​ผี​สาว​ตน​หนึ่ง​ให้​ข้าม​ลำคลอง​ไป​ให้ได้​”

ใน​ใจพ่อ​ปู่​ลำคลอง​ภาคภูมิใจ​อย่าง​ถึงที่สุด​ แต่​ปาก​กลับ​เอ่ย​ว่า​ “ต่อให้​ขอบเขต​ของ​เซียน​กระบี่​คน​หนึ่ง​จะใหญ่​กว่า​แผ่น​ฟ้า ก็​ไม่ใหญ่​ไป​กว่า​เหตุผล​ที่​ขุนนาง​ต่ำต้อย​อย่าง​ข้า​พยายาม​ทำหน้าที่​ของ​ตัวเอง​สุดความสามารถ​”

เทพ​อภิบาล​เมือง​หัวเราะ​ร่า​ ดังนั้น​นี่​ก็​คือ​เหตุผล​ที่​เจ้าได้​เป็น​พ่อ​ปู่​ลำคลอง​อยู่​ที่นี่​ ส่วน​ข้า​ก็ได้​บัญชา​การณ์​ศาล​เทพ​อธิ​บาล​เมือง​ประจำ​เขต​อย่างไร​ล่ะ​

พ่อ​ปู่​ลำคลอง​พลัน​ถามว่า​ “คือ​เซียน​กระบี่​เฉิน​แห่ง​ภูเขา​ลั่วพั่วคน​นั้น​จริงๆ​ หรือ​?”

ก็​ยากจน​นี่​นะ​ ไม่ได้​ดู​บุปผา​ใน​คันฉ่อง​จันทรา​ใน​สายน้ำ​ ซื้อ​พวก​รายงาน​ขุนเขา​สายน้ำ​ไม่ไหว​ ข่าวคราว​บน​ภูเขา​ของ​เขา​จึงไม่ว่องไว​เท่า​เทพ​อภิบาล​เมือง​ท่าน​นี้​ เพียงแต่​เคย​ได้ยิน​สหาย​ร่วมงาน​กับ​พวก​ขุนนาง​ที่อยู่​เบื้องบน​พูดถึง​บ่อยๆ​ ตอน​อยู่​ใน​งานเลี้ยง​สุรา​น้อย​ใหญ่​ บอ​กว่า​ราชสำนัก​ต้า​หลี​มีเซียน​กระบี่​หนุ่ม​อายุ​สี่สิบ​ต้น​ๆ ปรากฏตัว​สอง​คน​ ร่วมมือ​กัน​ถามกระบี่​ รื้อถอน​ศาล​บรรพ​จารย์​ของ​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​เสีย​เละ​

โดย​เฉพาะคน​แซ่เฉิน​ที่​นิสัย​ย่ำแย่​ถึงที่สุด​ ถึงกับ​ใช้กระบี่​ปาด​คอ​บรรพบุรุษ​ย้าย​ภูเขา​ตน​นั้น​

แล้ว​ลอง​ย้อน​มาดู​การกระทำ​ของ​มือ​ดาบ​ชุด​เขียว​คน​เมื่อ​ครู่​ กลับ​ไม่เหมือน​ที่​เล่าลือ​กัน​ภายนอก​สัก​เท่าไร​ ท่าน​เทพ​อภิบาล​เมือง​จะมอง​ผิด​ไป​หรือไม่​?

เทพ​อภิบาล​เมือง​พยักหน้า​ “ไม่ผิด​แน่​แล้ว​ ของแท้​แน่นอน​”

พ่อ​ปู่​ลำคลอง​บ่น​ “ท่าน​เทพ​อภิบาล​เมือง​หนอ​ ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ทำไม​ท่าน​ไม่บอก​แต่แรก​เล่า​ ข้า​จะได้​ขอ​น้ำหมึก​จาก​เซียน​กระบี่​เฉิน​มาสัก​เทียบ​หนึ่ง​”

เทพ​อภิบาล​เมือง​ถลึงตา​ใส่ “ยัง​จะมีหน้า​มาพูดว่า​ทำไม​ไม่บอก​แต่แรก​อีก​หรือ​?!”

พ่อ​ปู่​ลำคลอง​ไม่พูด​อะไร​แล้ว​ ใคร​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ใหญ่​คน​นั้น​ก็​มีเหตุผล​

เสี่ยว​โม่ทะยาน​ลม​เดินทางไกล​ไป​พร้อมกับ​คุณชาย​ข​ตัวเอง​ ถามว่า​ “ใน​อดีต​ยาม​ที่​คุณชาย​ออกจาก​บ้าน​เดินทางไกล​ล้วน​ชอบ​…?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​ต่อ​คำ​ “ชอบ​ยุ่ง​เรื่อง​ชาวบ้าน​?”

เสี่ยว​โม่ยิ้ม​ไม่เอ่ย​อะไร​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “พอ​ขอบเขต​สูงฟ้าดิน​ก็​เล็ก​ลง​ ดูเหมือนว่า​ล่าง​ภูเขา​ล้วน​มีแต่​เรื่องจุกจิก​ยิบ​ย่อย​ พูด​แบบนี้​ก็​ไม่ผิด​ เพียงแต่​เมื่อ​เจ้าและ​ข้า​หยุด​เดิน​ กาลเวลา​บางอย่าง​มีความต่าง​ก็​แค่​เท่า​ตอนที่​เจ้านั่ง​เรือ​ยันต์​ชมขุนเขา​สายน้ำ​เป็นเพื่อน​ข้า​กับ​ตอนที่​เจ้ากุม​ไหล่​ข้า​ลาก​ให้​ออกเดินทาง​ไป​ด้วยกัน​ แต่​สำหรับ​คนอื่น​แล้ว​ บางที​อาจ​เป็น​ความเป็นความตาย​ เป็น​มหา​มรรคา​ เป็น​หายนะ​ที่​ต่อให้​คุกเข่า​โขก​หัว​วิงวอน​ก็​ไม่อาจ​หลบเลี่ยง​ได้​พ้น​ จากนั้น​ก็​ต้อง​แยกจาก​อยู่​กัน​คนละ​ฟ้าดิน​ แต่​ข้า​กลับ​ยัง​หวัง​ให้​คน​มีรัก​ได้​อยู่​ร่วมกัน​จน​แก่เฒ่า​…”

เสี่ยว​โม่เอ่ย​ “วิธีการ​ถ่ายทอด​มรรคา​ของ​คุณชาย​ เสี่ยว​โม่ได้​เรียนรู้​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​อดทน​แล้ว​อดทน​อีก​

เสี่ยว​โม่กล่าว​ “ฟังอาจารย์​ผู้เฒ่า​จูเล่า​ว่า​ความเป็นมา​ของ​ขนบธรรมเนียม​ประจำ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ต้อง​ยก​คุณความดี​ให้​กับ​การ​วางตัว​เที่ยงตรง​ดุจ​ต้นกำเนิด​น้ำ​ใส การ​ปฏิบัติตัว​ให้​เป็น​แบบอย่าง​ของ​คุณชาย​”

เฉิน​ผิง​อัน​กระตุก​มุมปาก​ “พูดจา​เหลวไหล​ ไม่เกี่ยว​อะไร​กับ​ข้า​แม้แต่​เหรียญทองแดง​เดียว​”

เสี่ยว​โม่เอ่ย​อย่าง​สะท้อนใจ​ “คุณชาย​ช่างถ่อมตัว​จริงๆ​”

เส้นทาง​ระหว่าง​ภูเขา​เลื้อย​ลด​คดเคี้ยว​ หน้าผา​สูงชัน​ยาก​จะเดินทาง​ ขบวนรถ​ขบวน​หนึ่ง​ล้วน​มีแต่​ม้าตัว​เตี้ย​

ผู้เฒ่า​ที่​ทั้ง​เส้น​ผม​และ​ขนคิ้ว​ล้วน​เป็น​สีขาวโพลน​ขี่ม้า​พก​ดาบ​ คาด​ว่า​คง​เป็น​เพราะ​ออกจาก​บ้าน​มาอยู่​ข้างนอก​ ผู้คุม​กัน​เฒ่าจึงไม่ได้​โกน​หนวดเครา​

นักพรต​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ขี่ม้า​อยู่​เคียงข้าง​

ตรง​หัวเลี้ยว​ของ​เส้นทาง​ภูเขา​ มีคน​ชุด​เขียว​ที่​ตรง​เอว​พก​ดาบ​คู่​คน​หนึ่ง​เดิน​ออกมา​ช้าๆ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “มาปล้น​”

ด้านหลัง​ของ​เขา​มีคนหนุ่ม​ลักษณะ​คล้าย​บัณฑิต​ยืน​อยู่​

ผู้เฒ่า​หัวเราะ​ฮ่าๆ “ซาน​เฟิง แค่​มอง​ก็​รู้​ว่า​ไม่ปล้น​ทรัพย์สิน​ ปล้น​แต่​ความงาม​เท่านั้น​ คง​ต้อง​ลำบาก​เจ้าแล้ว​”

นักพรต​หนุ่ม​หัวเราะ​คิกคัก​ “ยังคง​เป็น​พี่ใหญ่​สวี​ที่​หล่อเหลา​มากกว่า​ ไหน​ท่าน​ชอบ​พูดว่า​เรื่อง​ของ​หน้าตา​ ข้า​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​รวมกัน​ก็​ยัง​หล่อ​สู้ท่าน​ไม่ได้​ไม่ใช่หรือ​?”

คน​ทั้งสอง​พลิกตัว​ลง​จาก​หลัง​ม้า เดิน​เคียง​กัน​ไปหา​คน​ผู้​นั้น​

ผู้คุ้มกัน​จาก​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​เห็น​เพียง​ว่า​มือ​ดาบ​ชุด​เขียว​ก้าวเดิน​เร็ว​ๆ ชูสอง​มือขึ้น​แล้ว​แยกกัน​กำมือ​ของ​สวี​หย่วน​เสีย​และ​จางซาน​เฟิงเอาไว้​

พวกเขา​ส่วนใหญ่​ล้วน​รู้จัก​คน​ผู้​นี้​ แซ่เฉิน​ เป็น​สหาย​ของ​เจ้าศูนย์​ผู้เฒ่า​

แล้วก็​ไม่รู้​ว่า​เพราะเหตุใด​ คน​ชุด​เขียว​ผู้​นั้น​ถึงกับ​เดินเท้า​ ช่วย​จูงม้าให้​กับ​เจ้าศูนย์​ พูดคุย​หัวเราะ​ไป​ด้วยกัน​

ลง​จาก​ภูเขา​ เดิน​ทางผ่าน​โรงเตี๊ยม​แห่ง​หนึ่ง​ คน​ทั้ง​สี่นั่ง​อยู่​บน​โต๊ะ​ตัว​เดียวกัน​ เจ้าศูนย์​ยอม​แหก​กฎ​ ไม่เพียงแต่​ดื่มเหล้า​ตอนที่​ตัวเอง​เป็น​ผู้คุม​ภัย​ ยัง​อนุญาต​ให้​ลูกศิษย์​ทุกคน​ของ​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ดื่มเหล้า​กัน​คนละ​ชามด้วย​

น่าประหลาด​นัก​ เจ้าศูนย์​ไม่กลัว​ว่า​จะเกิดเรื่อง​ระหว่างทาง​จริงๆ​ หรือ​?

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​ชามเหล้า​ขึ้น​ จิบ​เหล้า​หนึ่ง​อึก​ หยิบ​ตำรา​รวมเล่ม​ขนาด​ไม่หนา​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ว่า​ “ลอง​เปิด​อ่าน​ดู​ไหม​?”

สวี​หย่วน​เสีย​เช็ด​ปาก​ เพ่งมอง​จน​ชัดเจน​แล้วก็​รีบ​เอา​มือ​เช็ด​ชาย​แขน​เสื้อ​ แล้ว​ถึงได้​หยิบ​ขึ้น​มา เป็น​รวมเล่ม​วลี​ของ​ซูจื่อ​

คราวก่อน​ตอน​ที่อยู่​บน​โต๊ะ​สุรา​ ตน​ได้​พูดถึง​เรื่อง​นี้​ เจ้าเด็ก​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เริ่ม​คุยโว​โดย​ไม่ต้อง​ร่าง​คำพูด​ บอ​กว่า​สามารถ​ช่วย​ตน​ขอ​รวมเล่ม​วลี​ของ​ซูจื่อ​เล่ม​หนึ่ง​ได้​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ยัง​สามารถ​ช่วย​ขอให้​ซูจื่อ​เขียน​คำนำ​ใน​บันทึก​ขุนเขา​สายน้ำ​เล่ม​นั้น​ของ​ตน​ได้​ด้วย​ สวี​หย่วน​เสีย​เปิด​อ่าน​อย่าง​ระมัดระวัง​ ผล​คือ​มีชื่อ​ของ​ซูจื่อ​จริงๆ​ แล้ว​ยัง​ลง​ตราประทับ​ส่วนตัว​ไว้​ พร้อมกับ​ประโยค​ที่ว่า​ ‘แม้ร่าง​จะถูก​ห่อหุ้ม​ด้วย​ผ้า​เนื้อ​หยาบ​ แต่​ความรู้​และ​บุคลิก​ภายใน​กลับ​สาด​ประกาย​เป็น​เอกลักษณ์​ ขอ​มอบให้​กับ​จอม​ยุทธ​พเนจร​เครา​ดก​สวี​หย่วน​เสีย​’ ลงท้าย​ด้วย​เดือน​และ​ปี​

สวี​หย่วน​เสีย​ใบหน้า​แดงก่ำ​ เก็บ​ใส่ไว้​ใน​อ้อม​อก​ หัวเราะ​ฮ่าๆ เอ่ย​ว่า​ “เจ้าเด็ก​หน้า​เหม็น​เขียน​ลายมือ​เลียนแบบ​ได้​เหมือน​นัก​นะ​ ข้า​ก็​จะถือว่า​เป็น​ของจริง​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​ชามเหล้า​ขึ้น​ “เรื่อง​ที่​วันหน้า​จะช่วย​ท่าน​เขียน​คำนำ​ ซูจื่อ​ก็​ตอบ​ตกลง​แล้ว​ รอ​แค่​ให้​ท่าน​เขียน​ให้​จบ​เท่านั้น​แล้ว​ข้า​จะช่วย​นำ​ต้นฉบับ​ส่งไป​ให้​ซูจื่อ”​

สวี​หย่วน​เสีย​ทำ​สีหน้า​คลางแคลง​

จางซาน​เฟิงจึงเริ่ม​ยุแยง​ใส่ไฟ “มัว​อึ้ง​อยู่​ทำไม​เล่า​ ยัง​ไม่รีบ​ดื่ม​สุรา​คารวะ​นาย​ท่าน​ใหญ่​เฉิน​ของ​พวกเรา​อีก​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​ต่อ​อี​กว่า​ “ข้า​ยังมี​เทียบ​อักษร​ของ​ซูจื่อ​อยู่​ด้วย​ฉบับ​หนึ่ง​ แต่​คราวนี้​ออกจาก​บ้าน​ลืม​พก​มาด้วย​ หาก​อยากได้​ก็​ไป​เอา​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เอง​”

สวี​หย่วน​เสีย​ยกนิ้ว​ขึ้น​สามนิ้ว​ ส่าย​ไปมา​ “เจ้าหนู​เจ้าใช้ได้​เลย​นี่​นา​ พูด​แค่​สามประโยค​ก็​คุยโว​ไป​สามรอบ​แล้ว​”

อันที่จริง​หลาย​วัน​ที่ผ่านมา​นี้​สวี​หย่วน​เสีย​คอย​ไป​เดินเล่น​แถว​ภูเขา​ตระกูล​เซียน​ที่อยู่​ใกล้​กับ​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​เป็นระยะ​เพื่อ​สอบถาม​เรื่อง​บางอย่าง​บน​ภูเขา​

ดังนั้น​ผู้เฒ่า​จึงรู้เรื่อง​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ไป​เข้าร่วม​งานพิธี​ที่​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ และ​การประชุม​ที่​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​มาแล้ว​

ทุกครั้ง​จะต้อง​เดิน​ขึ้น​เขา​ช้าๆ ตอน​ลง​จาก​ภูเขา​กลับ​รีบร้อน​ พอ​กลับ​ไป​ถึงบ้าน​ ดื่มเหล้า​จน​เมากรึ่ม​ๆ แล้วก็​หลับ​ไป​

สวี​หย่วน​เสีย​ยก​ชามเหล้า​ขึ้น​ชน​กับ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​แรง​ๆ ยิ้ม​เอ่ย​ “หาก​มีธุระ​ยุ่ง​ก็​ไม่ต้อง​กลับ​อำเภอ​เซียน​โหย​ว​กับ​พวกเรา​แล้ว​ แค่​เหล้า​ไม่กี่​มื้อ​เท่านั้น​ ธุระ​ย่อม​สำคัญ​กว่า​”

เฉิน​ผิง​อัน​หลุด​หัวเราะ​พรืด​ “เลิก​แสร้ง​ทำเป็น​มีมาด​องอาจ​กับ​ข้า​เสียที​เถอะ​ หาก​ข้า​ไป​จริงๆ​ ท่าน​จะไม่ด่า​ข้า​ให้​จางเจิน​เห​ริน​ฟังตาย​เลย​หรือ​”

จางซาน​เฟิงยิ้ม​บาง​ๆ ผงกศีรษะ​รับ​ ทุกวันนี้​ตน​เป็น​เทพ​เซียน​ขอบเขต​ชมมหาสมุทร​แล้ว​ ถูก​เรียก​ว่า​เจิน​เห​ริน​บน​โต๊ะ​สุรา​ ไม่เกิน​กว่า​เหตุ​

สวี​หย่วน​เสีย​หันหน้า​ไป​มอง​คนหนุ่ม​หมวก​เหลือง​แล้วก็​ให้​เสียใจ​ภายหลัง​ทันที​ จริง​ดัง​คาด​ เจ้าคน​ที่​รับผิดชอบ​ช่วย​ริน​เหล้า​ให้​ผู้​นี้​ผงกศีรษะ​กับ​ตัวเอง​ เอ่ย​ประโยค​เดียว​ว่า​ ข้า​ดื่ม​ก่อน​ล่ะ​ แล้วก็​ดื่ม​หมด​รวดเดียว​

เหล้า​มื้อ​นี้​ ก่อนหน้า​นั้น​ขอ​แค่​มีคน​ดื่ม​สุรา​คารวะ​ เสี่ยว​โม่ไม่พูดพร่ำทำเพลง​ เหล้า​ชามใหญ่​เขา​จะต้อง​ดื่ม​หมด​ใน​รวดเดียว​ หลายครั้ง​เข้า​ ขนาด​สวี​หย่วน​เสีย​และ​จางซาน​เฟิงต่าง​ก็​ไม่กล้า​ดื่ม​สุรา​คารวะ​แล้ว​ แต่​หลังจากนั้น​ขอ​แค่​สายตา​มอง​สบ​กัน​ เสี่ยว​โม่ก็​จะทำ​เหมือน​ถูก​คน​ยุ​ให้​ดื่ม​ แล้วก็​ยังคง​ดื่ม​เงียบๆ​ หมด​ชามเหมือนเดิม​

บน​โต๊ะ​เหล้า​กลัว​วีรบุรุษ​ที่​เป็น​เช่นนี้​ที่สุด​ พฤติกรรม​ยาม​ดื่ม​ดีเยี่ยม​ แต่​กลายเป็น​ว่า​ดื่มได้​เก่ง​ดื่มได้​ดียิ่งกว่า​นิสัย​การ​ดื่ม​เสีย​อีก​

แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​เสี่ยว​โม่ยัง​รู้จัก​หนัก​เบา​ ทุกครั้ง​แค่​ให้​จอม​ยุทธ​ใหญ่​สวี​ดื่ม​แค่​พอเป็นพิธี​ก็​พอ​ หากว่า​สวี​หย่วน​เสีย​ดื่ม​หมด​รวดเดียว​ เสี่ยว​โม่ก็​จะริน​เหล้า​ให้​ตัวเอง​สอง​ชามใหญ่​ เป็นเหตุให้​สวี​หย่วน​เสีย​จะดื่ม​สุรา​คารวะ​ก็​ไม่ใช่ จะดื่มเหล้า​เฉย​ๆ ก็​ไม่ดี​ จึงได้​แต่​ทำตัว​ตามสบาย​กับ​เสี่ยว​โม่เท่านั้น​ สรุป​ก็​คือ​…มีความสุข​มาก​จริงๆ​ ดังนั้น​อันที่จริง​สวี​หย่วน​เสีย​จึงไม่ได้​ดื่ม​ไป​มาก​ เพียงแค่​ว่า​จำนวน​ครั้ง​ที่​ยก​ชามเหล้า​กลับ​ไม่น้อย​ ไปๆ มาๆ​ กลายเป็น​ว่า​เหมือน​ได้​ดื่ม​อย่าง​จุใจเต็มคราบ​

กระบี่จงมา

กระบี่จงมา

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย กระบี่จงมา 1 – 400 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก
เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “

เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา

เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม

และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง

ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้

–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Options

not work with dark mode
Reset