กระบี่จงมา 890.6 อะไรคือห่มดาวสวมจันทร์

ตอนที่ 890.6 อะไรคือห่มดาวสวมจันทร์

เส้นทาง​กลับ​อำเภอ​เซียน​โหย​ว​หลังจากนั้น​ พอ​รู้​ว่า​เจ้าเฉิน​ผิง​อัน​ผู้​นี้​ถึงกับ​กำลังจะ​ไป​สร้าง​สำนัก​เบื้องล่าง​ที่​ใบ​ถงทวีป​ สวี​หย่วน​เสีย​ก็​อด​ไม่ได้​บอก​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​รีบ​ๆ ไสหัวไป​ได้​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​คร้าน​จะสนใจ​เขา​ นั่ง​บน​หลัง​ม้า สอง​มือ​สอด​กัน​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ไหล่​โยก​ไปมา​ ตรง​เอว​เหน็บ​ดาบ​สอง​เล่ม​ ขี่ม้า​อย่าง​เอ้อระเหย​ คุย​เล่น​กับ​จางซาน​เฟิงไป​เรื่อยเปื่อย​ ทั้งสองฝ่าย​นัด​กัน​ว่า​จะไป​ที่​ใบ​ถงทวีป​ด้วยกัน​ จางซาน​เฟิงจึงถามสวี​หย่วน​เสีย​ว่า​เผด็จการ​จน​น่า​โมโห​หรือไม่​? ช่วยไม่ได้​นี่​นะ​ คน​บางคน​อายุ​มาก​แล้ว​ แข้ง​ขา​ก็​ไม่ค่อย​ดี​ เดินทาง​คุ้มกัน​ไม่มีปัญหา​ แม้จะต้อง​กัด​ฝัน​เลียนแบบ​ชายฉกรรจ์​ที่​ออก​ไปหา​ประสบการณ์​ใน​ยุทธ​ภพ​ก็ตาม​ ดื่มเหล้า​เคล้า​นารี​ เห็น​สาวงาม​ก็ได้​แต่​มีใจอยาก​สังหาร​โจร​แต่กลับ​ไร้​เรี่ยวแรง​จะจับ​โจร​แล้ว​

ทำเอา​สวี​หย่วน​เสีย​โมโห​ไม่เบา​

ตลอดทาง​ที่​กลับ​ไป​ยัง​เขต​ชิงหยวน​นี้​ สวี​หย่วน​เสีย​คอย​สาน​สัมพันธ์​กับ​ที่ว่าการ​ จุด​พัก​ม้าหรือไม่​ก็​พรรค​ใน​ยุทธ​ภพ​ไป​ด้วย​ บางครั้ง​ก็​จะให้​ลูกศิษย์​ได้​ฝึกปรือ​ฝีมือ​

ไม่รู้​ว่า​เหตุใด​เสี่ยว​โม่ถึงได้​รู้สึก​ว่า​คุณชาย​ของ​ตน​ไม่เหมือนกับ​ตอน​ที่อยู่​บน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เลย​ เขา​เอง​ก็​มีท่าที​เกียจคร้าน​ อาบแดด​สบายใจ​ จิบ​เหล้า​คำ​เล็ก​ๆ บางครั้ง​ยัง​ผิวปาก​ ดูเหมือนว่า​จะเป็น​ทำนอง​ของ​บทเพลง​พื้นบ้าน​

พอ​ไป​ถึงศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ที่​อำเภอ​เซียน​โหย​ว​ เสี่ยว​โม่ก็​ยิ่ง​ได้​เปิดโลก​กว้าง​ ถึงกับ​เป็น​คุณชาย​บ้าน​ตน​ที่​เข้าครัว​ทำอาหาร​โต๊ะ​หนึ่ง​ด้วยตัวเอง​

สวี​หย่วน​เสีย​เอา​สอง​มือ​กอดอก​เอนตัว​พิง​ประตู​ห้องครัว​ ยิ้ม​มอง​สหาย​เก่า​สอง​คน​กับ​สหาย​ใหม่​อีก​คน​หนึ่ง​ที่​ง่วน​ไปมา​อยู่​ตรงนั้น​

วันนี้​ที่​ดื่มเหล้า​กัน​ เป็น​เพียงแค่​งานเลี้ยง​เล็ก​ๆ เรียบง่าย​เท่านั้น​

พอ​ไป​ถึงห้อง​ของ​จางซาน​เฟิง เฉิน​ผิง​อัน​ก็​แย่ง​ไป​เปิด​ตำรา​เล่ม​หนึ่ง​ก่อน​ ใน​ตำรา​มีภาพวาด​ เขา​ถึงกับ​จุ๊ปาก​ไม่หยุด​

จางซาน​เฟิงบ่น​ “พี่ใหญ่​สวี​ ข้า​เป็น​นักพรต​คน​หนึ่ง​ ท่าน​เอา​หนังสือ​พวก​นี้​มาวาง​ไว้​บน​โต๊ะ​ หมายความว่า​อะไร​กัน​แน่​?!”

สวี​หย่วน​เสีย​หัวเราะ​หึหึ​ “คง​เป็น​เพราะ​หนังสือ​มีขา​ก็​เลย​แอบ​เดิน​เข้ามา​ด้วยตัวเอง​กระมัง​ ไม่เกี่ยว​อะไร​กับ​ข้า​ด้วย​”

ตอนกลางคืน​ยังมี​อาหาร​มื้อ​ดึก​อีก​มื้อ​ สวี​หย่วน​เสีย​พา​คน​ทั้ง​สามออกจาก​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ ไปหา​ร้าน​เล็ก​ๆ แห่ง​หนึ่ง​ที่​เปิด​อยู่​ใน​ตรอก​เก่า​โทรม​ เหล้า​มื้อ​นี้​เฉิน​ผิง​อัน​กับ​จางซาน​เฟิงดื่ม​กัน​อย่าง​เต็มที่​ ดูเหมือนว่า​จะความขัดแย้ง​ภายใน​เกิดขึ้น​

ยาม​ฟ้าสางของ​วัน​ต่อมา​ เฉิน​ผิง​อัน​นวด​คลึง​ขมับ​ ไม่รู้​ด้วยซ้ำ​ว่า​ตัวเอง​กลับมา​ที่​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ได้​อย่างไร​

พอ​ตื่นขึ้น​มาแล้วก็​ผลัก​ประตู​เดิน​ออก​ไป​ เดิน​ไป​ได้​แค่​ไม่กี่​ก้าว​ก็​สังเกตเห็น​ว่า​เสี่ยว​โม่นั่ง​ยอง​อยู่​บน​ขั้นบันได​ข้าง​ลาน​ประลอง​ยุทธ​ มอง​สวี​หย่วน​เสียที่​กำลัง​สอน​พวก​ศิษย์​ลูกศิษย์​หลาน​ให้​ฝึก​หมัด​เดิน​นิ่ง​

เจ้าโง่จางซาน​เฟิงถึงกับ​ยืน​ถือ​เหล้า​ชามหนึ่ง​ยืน​อยู่​ด้าน​ข้าง​ กำลัง​ใช้เหล้า​ถอน​เหล้า​คืน​วิญญาณ​อยู่​กระมัง​

สวี​หย่วน​เสีย​กวักมือ​เรียก​เฉิน​ผิง​อัน​ “มานี่​ มาสอน​วิชา​หมัด​สัก​สอง​สามกระบวนท่า​สิ”

พวก​ลูกศิษย์​ใน​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​พา​กัน​หันขวับ​มามอง​คุณชาย​เฉิน​ที่​ถูก​เจ้าศูนย์​พูด​เสีย​จน​ลี้ลับ​มหัศจรรย์​อย่าง​พร้อมเพรียงกัน​

สวม​ชุด​เขียว​ปัก​ปิ่น​หยก​ขาว​ สวม​รองเท้า​ผ้า​สีดำ​พื้น​หนา​

พวกเขา​จำต้อง​ยอมรับ​ว่า​รูปโฉม​ของ​อีก​ฝ่าย​พอ​จะคมคาย​อยู่​บ้าง​ ส่วน​เรื่อง​ความสามารถ​ด้าน​หมัด​เท้า​น่ะ​หรือ​ ใน​เมื่อ​เป็น​สหาย​ใน​ยุทธ​ภพ​ของ​เจ้าศูนย์​บ้าน​ตน​ ฝีมือ​สูงหรือ​ต่ำ​ก็​พอ​จะรู้กัน​ได้​แล้ว​

เหตุใด​เจ้าศูนย์​ถึงได้​มีชื่อเสียง​ที่​ดี​ขนาด​นั้น​ใน​ยุทธ​ภพ​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ใน​กลุ่ม​ของ​เพื่อน​ร่วม​อาชีพ​? ก็​ไม่ใช่เพราะ​ความสัมพันธ์​ควัน​ธูป​ที่​ได้​มาจาก​การ​แพ้​หมัด​หรอก​หรือ​?

หาก​ไม่เป็น​เพราะ​เจ้าศูนย์​เป็น​คน​มีคุณธรรม​ ข้าว​ทุก​มื้อ​มีให้​กิน​จน​พออิ่ม​ ไม่เคย​ถ่วงเวลา​การ​จ่ายเงินเดือน​ ไม่อย่างนั้น​ก็​คง​รั้ง​คน​ไว้​ได้​แค่​ไม่กี่​คน​จริงๆ​

เมื่อครู่นี้​จางเจิน​เห​ริน​ก็ได้​ถูก​เจ้าศูนย์​ลากตัว​มาให้​ช่วย​ถ่ายทอดวิชา​หมัด​ชุด​หนึ่ง​ เจ้าตัวดี​ คาด​ว่า​คง​เป็น​เพราะ​ยัง​ไม่สร่าง​เมา ถึงได้​วน​เป็น​วงกลม​อ่อนปวกเปียก​อยู่​ตรงนั้น​

ดังนั้น​พวกเขา​จึงไม่ค่อย​ฝาก​ความหวัง​ไว้​ที่​คุณชาย​เฉิน​ซึ่งมักจะ​ออก​ท่อง​ยุทธ​ภพ​บ่อยๆ​ ผู้​นี้​มาก​นัก​

เฉิน​ผิง​อัน​คลี่​ยิ้ม​ กระตุก​มุมหนึ่ง​ของ​ชุดก​ว้า​ตัว​ยา​วสี​เขียว​มาเหน็บ​ไว้​ตรง​เข็มขัด​ มาหยุด​อยู่​ข้าง​กาย​สวี​หย่วน​เสีย​ หันหลัง​ให้​กับ​ลูกศิษย์​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ แล้ว​เดิน​นิ่ง​หก​ก้าว​ของ​วิชา​หมัด​เขย่า​ขุนเขา​ก่อน​รอบ​หนึ่ง​

พวก​คนหนุ่ม​ฉกรรจ์​ที่อยู่​ด้านหลัง​หันมา​สบตา​กัน​

นี่​ก็​ถูกต้อง​แล้ว​ ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​สหาย​ของ​เจ้าศูนย์​บ้าน​ตน​

เสี่ยว​โม่หัวเราะ​

ปณิธาน​หมัด​ของ​ทั้ง​ร่าง​ประหนึ่ง​ขุนเขา​สายน้ำ​ ประหนึ่ง​ฟ้าดิน​ที่​เชื่อมโยง​ถึงกัน​

ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​เก้า​อย่าง​พวก​อวี๋หง​ โจว​ไห่​จิ้ง โชคดี​ได้​เจอ​กับ​คุณชาย​บ้าน​ตน​ ก็​เป็น​แค่​เรื่อง​ของ​หมัด​เดียว​เท่านั้น​

สวี​หย่วน​เสีย​นั่งลง​ข้าง​กาย​เสี่ยว​โม่ พูด​กลั้ว​หัวเราะ​เบา​ๆ ว่า​ “เจ้าพวก​ลูก​กระต่าย​กลุ่ม​นี้​ไหน​เลย​จะมอง​ความ​ตื้น​ลึก​ออก​ ทำให้​เสี่ยว​โม่เห็น​เรื่องตลก​แล้ว​”

เสี่ยว​โม่ส่ายหน้า​ “ต่าง​คน​ต่าง​มีสูงต่ำ​ ต่าง​คน​ต่าง​มีประสบการณ์​ไม่เหมือนกัน​”

สวี​หย่วน​เสีย​รวม​เสียง​ให้​เป็น​เส้น​เอ่ย​ว่า​ “ตลอดทาง​นี้​รบกวน​เสี่ยว​โม่แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อันเป็น​คน​อย่างไร​เขา​รู้​ชัดเจน​ดี​ยิ่งนัก​ ออกจาก​บ้าน​มาดื่มเหล้า​กับ​ตน​และ​จางซาน​เฟิง หาก​ไม่เป็น​เพราะ​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ก็​ไม่มีทาง​พา​คน​มาด้วย​เด็ดขาด​

สวี​หย่วน​เสีย​มอง​ไป​ยัง​เงาร่าง​ที่​ยิ่ง​นาน​หมัด​เท้า​ก็​ยิ่ง​พุ่ง​ออก​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​บน​ลาน​ประลอง​ยุทธ​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ข้า​เอง​ก็​อายุ​มาก​แล้ว​ หาก​เร็ว​กว่า​นี้​สัก​สิบ​ยี่สิบ​ปี​ จะต้อง​ดื่มเหล้า​กับ​เสี่ยว​โม่อย่าง​ไม่เมาไม่กลับ​แน่นอน​”

เสี่ยว​โม่เอ่ย​เสียง​เบา​ “ใน​สายตา​ของ​คุณชาย​ บางที​จอม​ยุทธ​ใหญ่​สวี​อาจจะ​ไม่ถือว่า​หนุ่ม​เท่าไร​แล้ว​จริงๆ​ แต่​เชื่อ​ว่า​ใน​ใจของ​คุณชาย​ จอม​ยุทธ​ใหญ่​สวี​จะต้อง​เป็น​จอม​ยุทธ​เครา​ดก​ผู้​กล้าหาญ​ที่​เดิน​อยู่​ท่ามกลาง​ลม​ฝน​คน​นั้น​ตลอดไป​อย่าง​แน่นอน​”

ผู้เฒ่า​นวด​คลึง​ปลาย​คาง​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “มีเหตุผล​”

หลังจากนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​อยู่​ใน​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ต่อไป​อีก​สามวัน​ สุดท้าย​ก็​เป็น​สวี​หย่วน​เสียที่​ไล่​คน​ ยิ้ม​ด่าว่า​เจ้าตะพาบ​ใจดำ​อย่าง​เฉิน​ผิง​อัน​และ​จางซาน​เฟิงสอง​คน​ไม่เพียงแต่​มากินเปล่า​ดื่ม​เปล่า​อยู่​ที่นี่​ ยัง​รอคอย​ให้​ตน​ตาย​เพื่อ​จะได้​แบ่ง​สมบัติ​ด้วย​ใช่ไหม​?

หลาย​วัน​มานี้​เฉิน​ผิง​อัน​คอย​สอน​หมัด​และ​ป้อน​หมัด​อยู่​ตลอด​ ในที่สุด​พวก​ลูกศิษย์​ของ​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ที่​รู้สึก​ตัวอย่าง​เชื่องช้า​ก็​เปลี่ยนแปลง​ความคิด​ที่​มีต่อ​อีก​ฝ่าย​ ถึงได้​เชื่อ​ว่า​คุณชาย​เฉิน​ผู้​นี้​เป็นยอด​ฝีมือ​จริงๆ​ คาด​ว่า​อย่าง​น้อยที่สุด​ก็​น่าจะ​จัดการ​กับ​เจ้าศูนย์​ได้​ถึงสอง​คน​

หาก​มาเปิด​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ที่​อำเภอ​ กิจการ​จะต้อง​ไม่แย่​อย่าง​แน่นอน​ โดยเฉพาะ​ลูกศิษย์​ผู้หญิง​ที่​ต้อง​มีไม่น้อย​แน่​

เช้าตรู่​วันนี้​นั่ง​อยู่​บน​ขั้นบันได​ เฉิน​ผิง​อัน​นวด​คลึง​หว่าง​คิ้ว​พลาง​ถือ​ชามเหล้า​มอง​จางซาน​เฟิงที่​สอน​หมัด​อยู่​ตรงนั้น​ พวก​ลูกศิษย์​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ออก​หมัด​กัน​อย่าง​ประดักประเดิด​ แต่ละคน​กลั้น​ขำ​ เฉิน​ผิง​อัน​เอง​ก็​กลั้น​ขำ​เหมือนกัน​

ก่อน​จะออกเดินทาง​ สวี​หย่วน​เสีย​พลัน​มีข้อเรียกร้อง​ขอให้​เฉิน​ผิง​อัน​ช่วย​เขียน​กรอบ​ป้าย​ของ​ห้องโถง​ใหญ่​ ยัง​บอก​ด้วยว่า​ต้อง​ให้​เป็น​คำพูด​ที่​วางโต​สักหน่อย​ มีพลัง​อำนาจ​สักหน่อย​

เตรียม​พู่กัน​ หมึก​ กระดาษ​และ​แท่น​ฝน​หมึก​ไว้​เรียบร้อย​ เสี่ยว​โม่ฝน​หมึก​ให้​อยู่​ด้าน​ข้าง​ เฉิน​ผิง​อัน​ยก​พู่กัน​เขียน​ตัวอักษร​ขนาดใหญ่​ลง​ไป​สี่ตัว​ ลงท้าย​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​แห่ง​ภูเขา​ลั่ว​พัว​ แล้ว​ยัง​หยิบ​ตราประทับ​ส่วนตัว​ชิ้น​หนึ่ง​ออกมา​ ประทับ​ลง​ไป​ด้านบน​ เป็น​คำ​ว่า​เฉินสือ​อี​

เฉิน​ผิง​อัน​วาง​พู่กัน​ไว้​บน​ที่​วาง​พู่กัน​ หันไป​มอง​สวี​หย่วน​เสีย​ ยิ้ม​เอ่ย​ “หาก​ยัง​รู้สึก​ว่า​ไม่มีพลัง​อำนาจ​มาก​พอ​ สามารถ​เปลี่ยน​จาก​หนึ่ง​เป็น​เก้า​ได้​นะ​”

สวี​หย่วน​เสีย​หัวเราะ​ดังลั่น​ บอ​กว่า​นี่​ก็​พอสมควร​แล้ว​ ไม่อย่างนั้น​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ใหญ่​เท่า​ก้น​แห่ง​นี้​ย่อม​สยบ​ไว้​ไม่อยู่​

ตัวอักษร​สี่ตัว​บน​กรอบ​ป้าย​คือ​คำ​ว่า​ หมัด​สยบ​หนึ่ง​ทวีป​

สวี​หย่วน​เสีย​เดิน​ไป​ส่งตลอดทาง​จนถึง​นอก​อำเภอ​ ไม่อิดออด​ชักช้า​แม้แต่น้อย​ กุม​หมัด​เอ่ย​กับ​คน​ทั้ง​สามว่า​ เดินทาง​ปลอดภัย​

……

ไป​ถึงอำเภอ​ไหว​หวง​ จางซาน​เฟิงไม่ได้​ตาม​เฉิน​ผิง​อัน​ไป​พัก​อยู่​บน​ภูเขา​ แต่​ไป​พัก​อยู่​ที่​ร้าน​ฉ่าว​โถวต​รอก​ฉีหลง​แทน​ ดื่มเหล้า​จน​มืดฟ้ามัวดิน​พร้อมกับ​เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​เจี่ย​ เฉินห​ลิง​จวิน​และ​นักพรต​หนุ่ม​ที่​เรียก​ตัวเอง​ว่า​เซียน​เว่ย​ซึ่งพูด​เสีย​ไพเราะ​ว่า​ต้องการ​จัด​งานเลี้ยงต้อนรับ​เขา​ไป​อีก​มื้อ​ จากนั้น​จางซาน​เฟิงก็​แอบ​บอก​ให้​เฉินห​ลิง​จวิน​นำทาง​ บอ​กว่า​จะไป​ที่​ศาล​เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​ของ​แม่น้ำ​เถี่ยฝู​สักครั้ง​ เฉินห​ลิง​จวิน​ยักคิ้วหลิ่วตา​ ทำท่า​เข้า​อก​เข้าใจ​ เซียมซี​ทำนาย​ชะตา​ชีวิตคู่​ของ​ที่นั่น​แม่นยำ​อย่าง​มาก​เลย​ล่ะ​! เพียงแต่​ปัญหา​นั้น​อยู่​ที่ว่า​เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​ผู้​นั้น​ได้​ย้ายบ้าน​ไป​แล้ว​ ทว่า​เรื่อง​เล็กน้อย​แค่นี้​ไม่ยาก​สำหรับ​นาย​ท่าน​ใหญ่​เฉิน​ เขา​จึงพา​จางซาน​เฟิงไป​ยัง​ศาล​เทพ​ภูเขา​แห่ง​อื่น​ใน​หลง​โจว​ ที่นั่น​ก็​ศักดิ์สิทธิ์​เหมือนกัน​ แรกเริ่ม​เซียน​เว่ย​ได้ยิน​ว่า​จะไป​ที่​ศาล​เทพ​วารี​แม่น้ำ​เถี่ยฝู​ก็​คิด​จะตาม​ไป​ด้วย​ แต่​รอ​กระทั่ง​ได้ยิน​ว่า​จะไป​จุด​ธูป​ที่​ศาล​เทพ​ภูเขา​บางแห่ง​แทน​ เขา​ก็​ไม่ยินดี​จะตาม​ไป​ด้วย​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​ไป​ที่​ตรอก​หนี​ผิง​เพียงลำพัง​ เขา​ปีน​กำแพง​เข้าไป​ก่อน​ พลิ้ว​กาย​ลง​ใน​ลานบ้าน​ของ​ซ่งจี๋ซิน​ เรื่อง​แบบนี้​เฉิน​ผิง​อัน​เพิ่ง​เคย​ทำ​เป็นครั้งแรก​

จากนั้น​จึงร่าย​ร่าง​วารี​เมฆา เข้าไป​ใน​ห้อง​หนังสือ​ของ​ซ่งจี๋ซิน​ ไม่ต้อง​ค้นหา​ชั้นวางหนังสือ​อะไร​ด้วยซ้ำ​ เขา​คลาย​ตรา​ผนึก​ขุนเขา​สายน้ำ​ที่​ลี้ลับ​อำพราง​แต่กลับ​เปิด​ประตู​ไม่ยาก​บน​แจกัน​กระเบื้อง​ชิ้น​หนึ่ง​ที่​วาง​อยู่​บน​ชั้น​หนังสือ​ สุดท้าย​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​หา​เศษกระเบื้อง​ชิ้น​นั้น​เจอ​ นอกจากนี้​ยังมี​กระดาษสี​ออก​เหลือง​อีก​หลาย​แผ่น​ที่​หนัน​จาน​ไทเฮา​ต้า​หลี​ทิ้ง​เอาไว้​ เป็น​คาถา​เต๋า​ที่​ไม่สมบูรณ์​ของ​อาจารย์​ซาน​ซาน​จิ่ว​โหว​

จากนั้น​เขา​ก็​มาที่​หน้า​ประตู​บ้าน​บรรพบุรุษ​ของ​ตัวเอง​ เฉิน​ผิง​อัน​นั่ง​ยอง​ขุด​ดิน​หยิบ​เอา​กล่อง​ชาด​ประทิน​โฉมตลับ​หนึ่ง​ที่​ฝังอยู่​ใน​ตรอก​เล็ก​มานาน​หลาย​ปี​ออกมา​

ครั้น​จึงไป​ที่​ป่า​รกร้าง​ชานเมือง​ที่​ไม่มีเงาผู้คน​ให้​เห็น​ หา​หลุมศพ​เล็ก​ๆ ที่​ไม่มีป้าย​ตั้งหน้า​หลุมศพ​จน​เจอ​

สิ่งเหล่านี้​ล้วน​เป็นเรื่อง​วงใน​ที่​เฟิงอี๋​บอก​เขา​ตอน​อยู่​ใน​ศาล​เทพ​อัคคี​ก่อนหน้า​นั้น​

บน​หลุมศพ​มีก้อนหิน​วาง​ทับ​กระดาษ​สีแดง​ที่​สีซีด​จน​กลายเป็น​สีออก​ขาว​แล้ว​ คง​เป็น​เพราะ​ช่วงชิง​หมิง​ของ​ปี​นี้​มีคน​มาไหว้​ที่​หลุมศพ​ จากนั้น​ก็​เจอ​ฝน​ที่​ตก​มาครั้งแล้วครั้งเล่า​

อีก​ทั้ง​บน​หลุมศพ​เล็ก​ยังมี​แวว​ว่า​ถูก​เติม​ดิน​เพิ่ม​ใหม่​ทุกปี​เช่นกัน​

เฉิน​ผิง​อัน​ทรุดตัว​ลงนั่ง​ยอง​ หยิบ​เหล้า​ออกมา​สอง​กา​ กา​หนึ่ง​เป็น​เหล้า​หมัก​ข้าวเหนียว​ของ​บ้านเกิด​ อีก​กา​หนึ่ง​คือ​เหล้า​สามยาม​ของ​บน​ภูเขา​ เขา​ราด​ลง​ด้านหน้า​หลุมศพ​เล็ก​ทั้งหมด​

หลังจาก​เดินเท้า​ห่าง​ออก​ไป​ไกล​มาก​แล้ว​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​หันไป​มอง​แวบ​หนึ่ง​แล้ว​ทะยาน​ลม​จากไป​

ท่ามกลาง​ม่าน​ราตรี​ เฉิน​ผิง​อัน​ยก​ม้านั่ง​เล็ก​ตัว​หนึ่ง​ออกมา​นั่ง​อยู่​ใกล้​กับ​เตาเผา​มังกร​แห่ง​หนึ่ง​ นั่ง​อยู่​คนเดียว​ทั้งคืน​จน​ฟ้าสาง

หลง​โจว​ได้​เปลี่ยน​ชื่อ​เป็น​ฉู่โจว​อย่าง​เป็นทางการ​แล้ว​

การ​โยกย้าย​ขุนนาง​เกิดขึ้น​บ่อยครั้ง​ ก็​เหมือน​อย่าง​ที่ว่าการ​ผู้ตรวจ​การงาน​เตาเผา​ที่​มีประวัติศาสตร์​ยาวนาน​แห่ง​นั้น​ที่​เปลี่ยน​ผู้ว่า​การคน​ใหม่​มาตั้งแต่​ก่อนหน้านี้​แล้ว​ เป็น​ลูกหลาน​ตระกูล​ชนชั้นสูง​จาก​เมืองหลวง​ แต่​ดูเหมือนว่า​ยิ่ง​คิด​อยาก​มีผลงาน​เท่าไร​ก็​ยิ่ง​ไม่มีผลงาน​มาก​เท่านั้น​ เทียบ​กับ​พฤติกรรม​ของ​ผี​ขี้เหล้า​อย่าง​เฉาเกิง​ซิน​ใน​วงการ​ขุนนาง​แล้ว​แย่​กว่า​ไม่ใช่น้อย​ๆ

ซาก​ปรัก​ตำหนัก​ดวงจันทร์​ที่​เสี่ยว​โม่มอบให้​มาจาก​ดวงจันทร์​เฮ่าไฉ่ คล้ายคลึง​กับ​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​แห่ง​หนึ่ง​ใน​สมัยโบราณ​

เฉิน​ผิง​อัน​ได้​บอกกล่าว​กับ​เสี่ยว​โม่ไว้​ก่อน​แล้ว​ว่า​จะนำ​ของขวัญ​ชิ้น​นี้​ไป​มอบให้​กับ​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ เสี่ยว​โม่พูด​ง่าย​มาก​ แน่นอน​ว่า​ย่อม​ไม่มีความเห็น​ใดๆ​ ต่อ​เรื่อง​นี้​

เฉิน​ผิง​อัน​รอ​จน​ฟ้าสางก็​เก็บ​ม้านั่ง​กลับ​ไป​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​

การ​เข้าร่วม​งานพิธี​ที่​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ก่อนหน้านี้​ เฉิน​ผิง​อัน​ไหว้วาน​ให้​กวน​อี้​หรา​น​นำ​จดหมาย​ลับ​ฉบับ​หนึ่ง​ไป​ส่งให้​กับ​ทูต​ผู้ตรวจการ​เฉาผิง​ พอ​ได้รับ​จดหมาย​ เฉาผิง​ก็​ไม่เข้าร่วม​งานพิธี​อีก​ แต่​จากไป​โดยตรง​

รอ​กระทั่ง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ทำสัญญา​เป็น​พันธมิตร​สามร้อย​ปี​กับ​สกุล​เฉาเสาค้ำ​ยัน​แคว้น​ก็​ไม่ต้อง​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​ไป​พบ​เหน้า​เฉาผิง​ ยิ่ง​ไม่จำเป็นต้อง​เขียน​สัญญานั้น​ลง​บน​กระดาษ​ ไม่ต้อง​มีกระดาษ​ขาว​ตัวอักษร​ดำ​อะไร​ เป็น​แค่​สัญญาของ​วิญญูชน​ที่สอง​ฝ่าย​รู้กัน​ดี​อยู่​ใน​ใจเท่านั้น​

ภูเขา​ลั่วพั่ว​จะปกป้อง​ควัน​ธูป​ของ​สกุล​เฉาไม่ให้​เกิด​ผลลัพธ์​ที่​เลวร้าย​ที่สุด​ ‘บางอย่าง​’ สำหรับ​เรื่อง​นี้​ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​รู้กัน​ดี​อยู่​แก่​ใจว่า​คำ​ว่า​เรื่อง​ไม่คาดฝัน​ ไม่ใช่การ​ที่​สกุล​เฉาจะสูญเสีย​สถานะ​เสาค้ำ​ยัน​แคว้น​ที่​สืบทอด​กัน​มารุ่น​ต่อ​รุ่น​ไป​ แต่​เป็นการ​บ้านแตกสาแหรกขาด​ ควัน​ธูป​ขาดสะบั้น​ตาม​ความหมาย​ที่​แท้จริง​ แม้จะบอ​กว่า​ความเป็นไปได้​นี้​มีน้อย​มาก​ แต่​เฉิน​ผิง​อัน​เปิด​ประเด็น​พูดถึง​เรื่อง​นี้​ตั้งแต่​ตอนต้น​ของ​จดหมาย​กลับ​แสดงให้เห็น​ถึงความจริงใจ​ได้​มากกว่า​

จากนั้น​ก็​คือ​ภายใน​เวลา​สามร้อย​ปี​ ตระกูล​เฉาสามารถ​ส่งผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​หรือ​ตัวอ่อน​ผู้ฝึก​ตน​มาที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ ให้​พวกเขา​ฝึก​ตน​อยู่​บน​ภูเขา​ได้​ ภูเขา​ลั่วพั่ว​จะตั้งใจ​อบรม​ปลูกฝัง​เป็น​อย่าง​ดี​ หาก​เรื่อง​นี้​เปิดเผย​ร่องรอย​มากเกินไป​ ง่าย​ที่จะ​ทำให้​ราชสำนัก​สกุล​ซ่งกริ่งเกรง​ เฉิน​ผิง​อัน​ยัง​สามารถ​ส่งบางคน​ให้​ไป​อยู่​ตาม​สถานที่​ต่างๆ​ ใน​อุตรกุรุทวีป​อย่าง​สำนัก​กระบี่​ไท่ฮุย​ หรือไม่​ก็​สำนัก​กระบี่​หลง​เซี่ยง​ที่​ทัก​ษินา​ตย​ทวีป​อย่าง​ลับ​ๆ ได้​

เฉาผิง​ทำให้​เฉิน​ผิง​อัน​สัมผัส​ถึงการ​ที่​ทำ​อะไร​รวดเร็ว​ฉับไว​ของ​สกุล​เฉาได้​ในทันที​

เพราะ​สกุล​เฉาได้​ส่งคน​สอง​คน​มาที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​อย่าง​เงียบเชียบ​แล้ว​ เป็น​ลูกหลาน​สกุล​เฉาสอง​คน​ คือ​เด็กหนุ่ม​เด็กสาว​คู่​หนึ่ง​

เด็กหนุ่ม​เฉิน​อิน​ นาม​ว่า​เฟิ่งเซิง เป็น​ลูกหลาน​สาย​รอง​ของ​สกุล​เฉา คือ​ตัวอ่อน​ผู้ฝึก​กระบี่​ เด็กสาว​ได้รับ​การ​ประทาน​แซ่ แซ่เฉานาม​ยาง​ ชื่อเล่น​คือ​อู๋ถง​ ทุกวันนี้​นาง​เป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​สี่แล้ว​ พื้นฐาน​ปู​มาได้​ไม่เลว​

ตาม​กฎ​ของ​ตระกูล​ชนชั้นสูง​ เด็กสาว​ก็​คือ​สาวใช้​ควบ​ด้วย​ตำแหน่ง​นักรบ​พลีชีพ​ของ​เฉาอิน​

คน​ทั้งสอง​ถูก​จูเหลี่ยน​พา​ไป​เข้า​พัก​ที่​จวน​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ตั้งอยู่​หลัง​ภูเขา​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​

ชุยตง​ซาน​เคย​ชี้แนะ​ด้าน​การ​ฝึก​ตน​ให้​กับ​เด็กหนุ่ม​เฉาอิน​ แล้ว​ยัง​มอบ​ตำรา​ลับ​บน​ภูเขา​ให้​หลาย​เล่ม​ ส่วน​เฉายาง​ ก่อนหน้านี้​สุย​โย่ว​เปีย​น​และ​เผย​เฉียน​ต่าง​ก็​เคย​สอน​หมัด​นาง​แล้ว​หลายครั้ง​

เดิมที​เฉิน​ผิง​อัน​คิด​จะไป​ที่​เรือน​หลัง​นั้น​เพื่อ​พูดคุย​กับ​คน​ทั้งสอง​ แต่​หลังจาก​ลังเล​อยู่​เล็กน้อย​ก็​ยัง​ให้​เฉินห​ลิง​จวิน​ไป​เรียก​พวกเขา​มาแทน​ นัด​มาพบ​กันที่​โต๊ะ​หิน​ริม​หน้าผา​

เด็กหนุ่ม​เด็กสาว​เดิน​มาที่​ภูเขา​ด้านหน้า​ด้วยกัน​

พวกเขา​เห็น​เรือน​ไม้ไผ่​ก่อน​ จากนั้น​จึงเห็น​เงาร่าง​ชุด​เขียว​ที่​ยืน​อยู่​ริม​หน้าผา​ มาด​สง่างามราว​เทพ​เซียน​

คน​ผู้​นั้น​ยิ้ม​มอง​มายัง​พวกเขา​ ผงกศีรษะ​ให้​

เฉาอิน​ก้าว​เร็ว​ๆ ไป​ด้านหน้า​ เด็กสาว​ตามติด​ไป​ด้านหลัง​

เด็กหนุ่ม​ประสานมือ​คารวะ​ “เฉาอิน​คารวะ​เจ้าขุนเขา​เฉิน”​

เด็กสาว​ยืน​เยื้อง​ไป​ด้านหลัง​เฉาอิน​หนึ่ง​ก้าว​ นาง​เพียงแค่​ก้มหัว​ค้อม​เอว​ กุม​หมัด​คารวะ​ผู้อาวุโส​เจ้าสำนัก​ที่​ชื่อเสียง​เลื่องลือ​ผู้​นี้​ เนิ่นนาน​ก็​ยัง​ไม่ยืดตัว​ขึ้น​มา เนื่องด้วย​กฎเกณฑ์​บางอย่าง​ของ​ตระกูล​ชนชั้นสูง​ที่​ไม่ได้​เขียน​ไว้​เป็น​ลายลักษณ์อักษร​ นาง​จึงต้อง​สำรวม​รักษา​หน้าที่​ ไม่ได้​บอกกล่าว​ชื่อ​แซ่ของ​ตัวเอง​ออก​ไป​

คน​ชุด​เขียว​ที่อยู่​ตรงหน้า​

คือ​เซียน​กระบี่​ห้า​ขอบเขต​บน​อายุ​สี่สิบ​กว่า​ปี​คน​หนึ่ง​

แล้ว​ยัง​เป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​ปลายทาง​ที่​ยืน​อยู่​บน​ยอด​สูงสุด​ของ​โลก​มนุษย์​อีกด้วย​

เฉิน​ผิง​อัน​ผาย​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​ ยิ้ม​เอ่ย​ “เฉาอิน​ เฉายาง​ นั่งลง​เถอะ​”

เด็กหนุ่ม​เด็กสาว​ที่​คล้าย​กับ​หยก​งามคู่​นี้​ทยอย​กัน​นั่งลง​

เฉิน​ผิง​อัน​นั่งลง​ไป​แล้วก็​ถามว่า​ “อยู่​บน​ภูเขา​คุ้นชิน​แล้ว​หรือยัง​?”

เด็กหนุ่ม​เฉาอิน​มีนิสัย​สุขุม​หนักแน่น​เหมือน​คนมีอายุ​ ตอบ​ไป​ตามตรง​ว่า​ “ตอบ​เจ้าขุนเขา​ คุ้นชิน​แล้ว​ขอรับ​ ดี​ไป​มากกว่า​นี้​ไม่ได้​อีกแล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “อยู่​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ พวก​เจ้าไม่ต้อง​ระมัดระวัง​ตัว​มากเกินไป​ เวลา​ปกติ​นอกจาก​ฝึก​หมัด​ฝึก​ตน​แล้ว​สามารถ​เดิน​ไปเที่ยว​ดู​ให้​ทั่วๆ​ ได้​”

เด็กสาว​คือ​คน​ที่​เรียน​วร​ยุทธ​ เผชิญหน้า​กับ​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​ปลายทาง​ท่าน​นี้​ อันที่จริง​จึงรู้สึก​เคารพ​ยำเกรง​ยิ่งกว่า​เฉาอิน​เสีย​อีก​

เคารพบูชา​เขา​ดุจ​เทพเจ้า​

เป็นเหตุให้​วันนี้​นาง​ที่​ได้​พบ​เจอ​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​คล้าย​กับ​กำลัง​จุด​ธูป​คารวะ​ทวยเทพ​ที่มา​จุติ​บน​โลก​มนุษย์​อย่าง​นอบน้อม​

กระบี่จงมา

กระบี่จงมา

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย กระบี่จงมา 1 – 400 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก
เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “

เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา

เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม

และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง

ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้

–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Options

not work with dark mode
Reset