World of Warcraft ราชันต่างภพ 595

ตอนที่ 595

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

เป็นดังคาด เพิ่งจะสิ้นเสียงคำสั่งของเซียวอวี๋ เสียงแตรถอยทัพก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังกองทัพศาสนจักร เพราะทันทีที่ดัมถูกสังหาร เออซ่าก็เข้าควบคุมกองทัพแทนที่ และแน่นอนว่าเขาย่อมต้องรักษาขุมกำลังของตนไว้ ผู้นำทัพหน้าตกตายอนาถ ขวัญกำลังใจของไพร่พลย่อมตกต่ำถึงขีดสุด หากยังฝืนบุกตีต่อไปก็มีแต่จะยิ่งสูญเสีย แม้ว่าฝ่ายศาสนจักรจะมีไพร่พลมากมายมหาศาล แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะส่งไพร่พลออกไปตายเปล่าได้ ตั้งแต่ที่พวกทหารศาสนจักรเห็นเซียวอวี๋ตัดศีรษะของดัม พวกเขาก็ไม่หลงเหลือความคิดจะต่อสู้แล้ว ยามนี้เมื่อได้ยินสัญญาณให้ล่าถอย ราวกับได้ยินเสียงจากสวรรค์ พวกเขาก็รีบถอยกลับด้วยความยินดีทันที กระนั้นการจะแปรขบวนทัพขนาดใหญ่นั้นต้องใช้เวลาพักหนึ่ง ยิ่งเป็นทัพใหญ่ก็ยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้นตามจำนวนคน ไพร่พลที่ดัมขนมาครั้งนี้มีอยู่เรือนแสน ดังนั้นการจะแปรขบวนล่าถอยก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบนาที แต่เวลาสิบนาทีนั้นก็พอเพียงแล้วสำหรับเซียวอวี๋ ยามทหารศาสนจักรล่าถอย พวกเขาเพียงคิดแต่ถอยให้ได้โดยเร็ว ดังนั้นเมื่อมีกองกำลังอันทรงพลังของเซียวอวี๋ที่นำโดยกองพลรถถังไล่ติดตามมา ชะตากรรมของพวกเขาจึงไม่ต่างจากแกะที่รอถูกเชือด ครืน ครืน…… เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มพร้อมกับกองพลรถถังวิ่งเรียงกันออกมา แน่นอนว่าสองเท้ามนุษย์ย่อมช้ากว่ายานยนต์ ดังนั้นเมื่อกองพลรถถังทั้งหนึ่งพันคนแล่นออกมา สภาพการณ์ก็กลายเป็นรถถังไล่จ่อประชิดท้ายทัพของศาสนจักร ตูม ตูม ตูม…… เมื่อถึงระยะยิง ฝั่งรถถังก็เริ่มเปิดฉากยิง ปืนหลักที่รถถังยิงออกยังมีอานุภาพรุนแรงกว่าอาวุธเวทระดับห้าอีก หากรถถังไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ เช่นนั้นก็ไม่คู่ควรกับที่เป็นยูนิตระดับสามของฐานทัพมนุษย์แล้ว ยูนิตแต่ละชนิดของฐานทัพต่างก็มีลักษณะเด่นของตน ขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการจะควบคุมจัดสรรอย่างไร คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของรถถังก็คือ เกราะอันแข็งแกร่ง ความเร็วในการเคลื่อนที่ และที่เป็นตัวชูโรงเลยก็คือ ปืนใหญ่ รถถังที่ไร้ซึ่งปืนใหญ่ยังจะเรียกรถถังได้หรือ? ปืนใหญ่หลักของรถถังมีอานุภาพสุดสะพรึง เพียงชั่วพริบตา กองทัพของศาสนจักรก็ถูกแรงระเบิดเข้ากลืนกิน ปืนใหญ่เพียงหนึ่งนัดก็แทบสังหารไพร่พลทหารได้ทั้งกอง และเมื่อมีการล้มตาย ที่ตามมาก็คือความปั่นป่วน จากรูปขบวนอันเป็นระเบียบพลันเปลี่ยนเป็นวุ่นวายไร้รูปแบบทันที เวลานั้นเอง ทัพม้าของดินแดนไลอ้อนก็ไล่ตามทัน พวกเขาพุ่งทะยานเข้าไปในกลุ่มทหารศานจักรและเริ่มการล่าสังหาร เซียวอวี๋ที่ไปจักรวรรดิเมฆาย่อมไม่กลับมามือเปล่า เขายังนำฝูงม้าชั้นดีกลับมาด้วย นี่ทำให้ทัพม้าของดินแดนไลอ้อนขยายขนาดขึ้นหลายเท่าตัว เวลานี้ดินแดนไลอ้อนมีทหารม้าอยู่ราวหนึ่งแสนนาย ด้วยเพราะไพร่พลศาสนจักรที่แตกพ่ายไม่เป็นขบวน ทัพม้าจึงเปิดฉากล่าสังหารอย่างราบรื่น กลายเป็นการฆ่าฟันอยู่เพียงฝ่ายเดียว ขบวนรถถังยังคงเดินหน้าทำลายทัพหลักเพื่อจับแยกไพร่พลเป็นกลุ่มยิบย่อยต่อไป ในหมู่กองทัพที่ไล่ติดตามมายังมีเงาร่างหนึ่งที่สร้างความฉงนแก่ทุกฝ่ายปรากฏอยู่ และร่างนั้นก็คือ จ้าวอัคคีแร็กนารอส ฮีโร่ที่เซียวอวี๋เพิ่งอัญเชิญออกมา ในฐานะจ้าวปีศาจโบราณ แร็กนารอสยังจะอ่อนด้อยหรือ? เขาจะปล่อยโอกาสเพิ่มระดับอันดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงคว้าโอกาสนี้ไว้และไล่ล่าและสังหารอย่างไม่ลดละ ด้วยร่างทั้งร่างที่เป็นเพลิงลุกโชน ทุกที่ที่เขาเคลื่อนผ่านจึงกลายสภาพเป็นกองไฟลากยาวไปตลอดเส้นทาง ยิ่งสังหารได้มากก็ยิ่งเพิ่มระดับได้เร็ว หลังจากไล่ล่าไปได้พักหนึ่ง แร็กนารอสก็เพิ่มไปได้สิบระดับ ทำให้เขาในเวลานี้มีระดับอยู่ที่สามสิบ เมื่อเขามีระดับถึงสามสิบ ความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างน้อยเท่าตัว ดังนั้นเมื่อแร็กนารอสออกไล่ล่าอีกครั้ง ทักษะของเขาจึงสังหารได้มากกว่าเดิม คลื่นลาวาที่สาดซัดออกรอบกายใส่ได้เข้ากลืนกินทหารศาสนจักรทั้งกลุ่มจนหายไปไม่เหลือแม้แต่ซาก มีฮีโร่บางคนที่พบเจอความลำบากอยู่บ้าง ดังเช่น ราชันย์แห่งขุนเขามูราดิน ด้วยระดับที่ต่ำและเสียเปรียบในช่วงเริ่มต้นจึงทำให้เขาต่อสู้ลำบากกินแรงกว่าฮีโร่คนอื่นๆ ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูต่ำเตี้ยของเผ่าคนแคระทำให้มีทหารของศาสนจักรบางส่วนที่ชักอาวุธหันมาสู้กับมูราดิน ซึ่งข้อนี้แตกต่างจากแร็กนารอสอย่างสิ้นเชิง ไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นปีศาจที่เพลิงลุกท่วมร่างมาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดทราบวิธีรับมือ อีกทั้งแส้เพลิงในมือของแร็กนารอสยังลื่นไหลประดุจมีชีวิต เขาขยับมือเพียงไม่กี่คราก็สะบั้นร่างไพร่พลทหารตกตายโดยไม่รู้ตัว นี่ก็ยิ้งทำให้แร็กนารอสกลายเป็นปีศาจไร้ผู้ต้านในสายตาของกองทัพศาสนจักร ดังนั้น ทหารของศาสนจักรจึงยินดีทดลองต่อสู้กับมูราดินมากกว่าจะยอมเผชิญหน้ากับแร็กนารอส มูราดินเป็นฮีโร่ใหม่ที่เพิ่งถูกอัญเชิญออกมา ดังนั้นความแข็งแกร่งที่แสดงออกจึงดูอ่อนด้อยกว่ากำลังรบคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด ทหารศาสนจักรส่วนใหญ่จึงพุ่งเล็งโจมตีมูราดิน ทว่าน่าเสียดายที่พวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของมูราดินต่ำไปมาก ความแข้งแกร่งของเขาไม่อาจประเมินได้ด้วยหลักสามัญสำนึก เพราะอะไรน่ะหรือ? นั่นก็เพราะว่าเขาคือ ราชันย์แห่งขุนเขา! ราชันแห่งขุนเขาก้คือราชันย์แห่งเผ่าพันธุ์คนแคระ เป็นชาตินักรบโดยกำเนิด และยังเป็นเผ่าพันธุ์นักรบที่แข็งแกร่งยิ่ง โดยเฉพาะอาวุธคู่มืออย่างค้อนสายฟ้าของเขา ยามเมื่อค้อนทุบฟาดลง สายฟ้าหลายสายก็จะพุ่งผ่านร่างของผู้คนโดยรอบและเผาคนเหล่านั้นจนกลายเป็นตอตะโก และแม้จะต้องเผชิญหน้ากับพาลาดินขั้นที่สี่และห้า มูราดินก้ไม่ได้แสดงความขลาดเขลาออกมาแม้แต่น้อย เขาพึ่งพาพละกำลังอันเหนือมนุษย์ของตน กระโดดขึ้นฟ้าและโถมฟาดลงมาอย่างดุดัน แม้ว่าเขาจะสูงเพียงเอวของมนุษย์ แต่พละกำลังที่อัดแน่นอยู่ในร่างนั้นเหนือกว่ามนุษย์อยู่หลายขุม พละกำลังของเผ่าพันธุ์คนแคระนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทวีป และผู้ที่เป็นสุดยอดของเผ่าพันธุ์ย่อมต้องเป็นราชาคนแคระ ค้อนในมือที่ที่ทุบฟาดลง ยากนักที่จะมีผู้ใดรับมือได้โดยไม่บาดเจ็บหรือตกตาย แม้ว่ามูราดินจะไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนแร็กนารอสที่บุกเข้าไปใจกลางทัพศาสนจักร แต่ความเร็วในการเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์ของเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าสักเท่าใด ฮีโร่รุ่นเก่าคนอื่นๆเองก็เข้าร่วมการไล่ล่าครั้งนี้ด้วย ด้วยความแข็งแกร่งระดับพวกเขาย่อมไม่มีผู้ใดสกัดขัดขวาง กระทั่งพาลาดินขั้นที่หกก็เลือกที่จะหลบหนีแทนที่จะเผชิญหน้า นั่นเพราะพวกเขาทราบดี หากว่าหันกลับไปรับมือ เพียงชั่วพริบตาต่อมา พวกเขาก็คงถูกล้อมกักโดยกลุ่มยอดฝีมือของอีกฝ่ายก่อนจะตกตายในเวลาอันสั้น ยอดฝีมือของศาสนจักรที่อยู่ในสนามรบเวลานี้มีไม่เพียงพอจะต่อกรกับกลุ่มยอดฝีมือของดินแดนไลอ้อน นั่นก็เพราะว่าพาลาดินขั้นที่หกส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ศาสนจักร เออซ่าไม่ได้นำพวกเขามาทั้งหมด หากแต่ยังสำรองขุมกำลังส่วนใหญ่เอาไว้ เขาเพียงนำพาลาดินที่โดดเด่นมาเพียงคนเดียว นั่นก็คือ ดัม อย่างไรเสีย การทำสงครามก็ไม่ใช่เรื่องที่จะจบได้ในสนามรบเดียว ยิ่งเมื่อศาสนจักรเปิดสงครามกับทุกฝ่ายรอบด้านด้วยแล้วก้ยิ่งต้องมีขุมกำลังคอยประจำการรักษาพื้นที่ที่ตีชิงมาเหล่านั้น นี่เป็นเพียงการบุกโจมตีเมืองไลอ้อนครั้งแรก ศาสนจักรย่อมไม่ทุ่มกำลังออกมาทั้งรัง และด้วยเหตุนี้เอง กองทัพศาสนจักรเวลานี้จึงไม่อาจต่อกรกับกองทัพดินแดนไลอ้อน เออซ่าเองก็คิดไม่ถึงว่าเซียวอวี๋จะวางแผนสังหารดัมได้อย่างรวดเร็วปานนี้ นับว่าเขายังคงประเมินเซียวอวี๋ต่ำเกินไป หลังจากถูกไล่ล่ากว่าครึ่งชั่วโมง กองทัพศาสนจักรก็บาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก เซียวอวี๋ยืนอยู่หน้าสุดของกองพลรถถังพลางมองประสานสายตากับเออซ่าที่อีกด้าน เขายกนิ้วโป้คว่ำลงพื้นก่อนจะหันหลังนำกองกำลังเดินทางกลับเมืองไลอ้อน สีหน้าของเออซ่ายังคงเรียบเฉย เวลานี้สิ่งที่เขาให้ความสนใจกลับไม่ใช่ท่าทางถากถางของเซียวอวี๋ หากแต่เป็นเงาหลังของคนผู้หนึ่ง บุคคลที่ยืนอยู่เยื้องหลังของเซียวอวี๋ไปไม่ไกล ในมือของคนผู้นั้นถือค้อนที่เปล่งรัศมีแห่งแสงออกมา คนผู้นี้ได้ดึงดูดสายตาของเขาตั้งแต่แรกเห็น เป็นบุคคลที่เขาไม่เคยลืมเลือน อูเธอร์ วินาทีนั้น เออซ่าคล้ายจะเข้าใจถึงสาเหตุที่คริสแปรพักต์แล้ว ในตัวของคนผู้นั้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังขุมหนึ่ง เป็นพลังแห่งแสงที่บริสุทธิ์นัก….

World of Warcraft ราชันต่างภพ

World of Warcraft ราชันต่างภพ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 - 300 อ่านนิยาย ตอนที่ 301 - 400 อ่านนิยาย ตอนที่ 401 - 450 อ่านนิยาย ตอนที่ 451 - 460 อ่านนิยาย ตอนที่ 461 - 465 อ่านนิยาย ตอนที่ 466 - 469 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


เซียวอวี๋ นักศึกษาจากโลกยุคปัจจุบัน เกิดอุบัติเหตุบางอย่างทำให้เขาได้หลุดเข้าไปที่อีกโลกหนึ่งในฐานะลอร์ดแห่งดินแดน เขาได้เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากมาย เขาสาบานว่าสักวันเขาจะต้องเอาธุรกิจของตระกูลกลับคืนมาให้จงได้ สร้างดินแดนของตัวเอง สังหารผู้ใดก็ตามที่มาขวางทางผลประโยชน์ของเขา โลกนี้เขาจะปกครองมันเอง!


Options

not work with dark mode
Reset