(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 59

ตอนที่ 59

ณ บ้านหลักของตระกูลเบิร์กลีย์

 

แคชมิโร่ยืนคุยอยู่กับทหารนายหนึ่ง

 

“…ฉันเห็นกลยุทธ์ของคุณแล้ว พวกมันน่าทึ่งมาก แต่คุณต้องปฏิรูปครั้งใหญ่เพื่อเอาชนะบ้านเบนฟิลด์”

 

ทหารคนนั้นคือดอล์ฟ ซึ่งตอนนี้ได้รับการเลื่อนยศเป็นพันตรี

 

เขาได้รับมอบหมายให้ประจำการในตำแหน่งที่ไม่ได้รับความสนใจ เสมือนว่ากองทัพได้ทอดทิ้งเขาไปแล้ว

มันทำให้เขาต้องครุ่นคิดวิธีจะเอาชนะเลียมเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า

 

ดอล์ฟคนนั้น จู่ๆก็ได้พบกับแคชมิโร่

 

เป็นการเจอกันโดยบังเอิญที่เหมาะเจาะ

 

เพราะแบบนั้น ดอล์ฟจึงอุทิศร่างกายและจิตวิญญาณทั้งหมดของเขาให้กับกลยุทธ์นี้

 

“ฉันต้องบอกความจริงว่า มันยังไม่เพียงพอ เมื่อพิจารณาว่าเรามีงบประมาณและเวลาที่เหลือเฟือ เราต้องปรับปรุงประสิทธิภาพให้มากขึ้นอีก ถ้าอิงตามแผนนี้มันยังไม่เพียงพอที่เราจะชนะอย่างเด็ดขาด”

 

“…ที่คุณบอกก็คือ เราต้องเปลี่ยนโครงสร้างกลยุทธ์ใหม่ และเปลี่ยนยานรบให้เป็นรูปแบบระยะใกล้และกลางเท่านั้นน่ะเหรอ? ฉันไม่เคยได้ยินแผนแบบนั้นมาก่อน”

 

ดอล์ฟดึงภาพโฮโลแกรมขึ้นมา

 

ภาพการรบของบ้านเบนฟิลด์กำลังถูกฉายในนั้น

 

ภาพของกองยานบ้านเบนฟิลด์ที่ตะลุยโจมตีโจรสลัดนั้นน่าสยดสยอง

 

“ความแข็งแกร่งของบ้านเบนฟิลด์ อยู่ที่อุปกรณ์และบุคลากรที่คุณภาพสูง”

 

“เราเอาชนะพวกนั้นด้วยจำนวนไม่ได้รึไง?ถ้านับจริงๆแล้วพวกนั้นคงมียานแค่ประมาณสามหมื่น”

 

“คิดในแง่ร้ายเลยคืออีกฝ่ายมีหนึ่งแสนลำ หากพวกมันใช้กลยุทธ์บุกทะลวง ทั้งสองฝ่ายจะได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง  

ในสถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุด พวกนั้นอาจจะเก็บระดับบัญชาการได้ และถ้ามันเกิดขึ้น เราจะสูญเสียหนักกว่าที่คิด”

 

จากนั้นดอล์ฟก็นำเสนอกลยุทธ์ของเขา

 

“เราจะปล่อยให้พวกเขาโจมตีเรา จากนั้นเราจะสกัดกั้นพวกเขาโดยการโอบล้อม นั่นเป็นเหตุผลที่เราจะมุ่งเน้นไปที่การโจมตีระยะใกล้และระยะกลาง”

 

เพื่อเอาชนะกองยานของบ้านเบนฟิลด์ ดอล์ฟแนะนำให้สร้างกองยานจำนวนแสนลำซึ่งแทบไม่มีการใช้งานจริงในการต่อสู้แบบปกติ

 

อย่างไรก็ตามแคชมิโร่ให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของดอล์ฟไว้สูงมาก

 

(คนอื่นต่างก็บอกว่า ตราบใดที่เรามีจำนวนเท่ากันกับเด็กเหลือขอนั่น เราชนะอย่างแน่นอน แต่ผู้ชายคนนี้ต่างออกไป…

 

แคชมิโร่ พยายามถามคำถาม

 

“แล้วคุณคิดว่าเราจะทำอย่างไรถ้าศัตรูตัดสินใจที่จะต่อสู้ตามปกติในสถานการณ์เช่นนี้”

 

“เราจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน แต่กลยุทธ์จู่โจมเป็นสิ่งเดียวที่การันตีชัยชนะของบ้านแบนฟิลด์  

เป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะเปลี่ยนนิสัยการต่อสู้ที่พวกเขาพัฒนามาเป็นเวลาหลายทศวรรษ”

 

แคชมิโร่ ก็เข้าใจสิ่งนี้เช่นกัน

 

พวกเขานั้นล่าโจรสลัดอย่างจริงจังมาหลายปีแล้ว

 

แน่นอนว่ากลยุทธ์จู่โจมของพวกเขา ได้กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งสำหรับพวกเขาไปแล้ว  

 

รูปแบบของพวกเขาไม่เคยพ่ายแพ้ และทหารของพวกเขาดูเหมือนจะเชื่อมั่นมันมาก

 

พวกเขายิ่งใหญ่ขึ้นมาด้วยกลยุทธ์จู่โจมซึ่งเป็นหลักประกันชัยชนะ

 

(ชายคนนี้… เขามองเห็นเรื่องนั้น)

 

ดอล์ฟพูดอย่างกระตือรือร้น

 

“จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบยานทุกลำ และบุคลากรจะต้องได้รับการฝึกใหม่สำหรับกลยุทธ์นี้!

แม้ว่าจะใช้เวลาและเงินจำนวนมหาศาล แต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการชนะ! ยิ่งเราประเมินศัตรูไว้สูงเราก็ต้องยิ่งเตรียมพร้อม! เราไม่สามารถประมาทบ้านเบนฟิลด์ได้!”

 

เพื่อเอาชนะเลียม กองยานตระกูลเบิร์กลีย์ จะได้รับการปฏิรูปเป็นกองยานตั้งรับเต็มรูปแบบ

 

พวกเขาจะอ่อนแอในการต่อสู้ปกติ แต่พวกเขาจะไม่แพ้ศัตรูที่บุกทะลวงเข้ามา

 

ผู้นำทั้งหมดที่แคชมิโร่ได้พบเจอนั้นกล่าวว่า พวกเขาจะชนะแม้มีจำนวนเท่ากับศัตรู แต่แคชมิโร่ไม่เคยเชื่อแบบนั้น

 

“…แต่เราจะเปลี่ยนแปลงมันทันเวลางั้นรึ? ฉันได้ยินมาว่าบ้านเบนฟิลด์กำลังเพิ่มกำลังรบของตัวเองด้วยเช่นกัน”

 

“ฉันหวัง… ไม่สิ ฉันจะทำมันให้ทันอย่างแน่นอน! เราต้องเริ่มดำเนินการทันที!”

 

แคชมิโร่ที่ได้เห็นความกระตือรือร้นของดอล์ฟ ทำให้เขาตัดสินใจ

 

“เอาล่ะ ฉันจะให้คุณดำเนินการ เริ่มได้ทันที”

 

“ขอบคุณครับ! อ่อ อีกอย่าง ฉันต้องการให้คุณรวบรวมพวกโจรสลัดด้วย”

 

“หืม ทำไมล่ะ?”

 

สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ ดอล์ฟตัดสินใจว่าเขาต้องกดดันพันธมิตรของเลียม

 

นี่เป็นการป้องกันไม่ให้เขาได้รับกำลังเสริม

 

“มีข่าวลือว่าเลียมได้จัดตั้งกองยานส่วนตัวและฉันได้ยืนยันแล้วว่าเป็นความจริง ดูเหมือนว่าเขากำลังวางแผนที่จะใช้มันเป็นไพ่ตายของเขา”

 

กองยานส่วนตัวที่มียานหลายหมื่นลำ

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นแคชมิโร่ ก็คิดในใจว่าแค่โจรสลัดคงไม่สามารถทำอะไรกับกองยานแบบนั้นได้

 

“…มีคนในกองทัพหลายคนที่ไม่ชอบเจ้าเด็กเบนฟิลด์นั่นเหมือนกัน ฉันคิดว่าเราควรเพิ่มคนพวกนั้นลงไปด้วย”

 

“โอ้ นั่นจะเยี่ยมมาก!”

 

กองยานลาดตระเวนที่ควบคุมโดยขุนนางเลว ถูกปลดประจำการไปเป็นจำนวนมาก

 

หากรวบรวมพวกนั้นมาได้ อาจจะได้กองกำลังเพิ่มนับหมื่น

 

และไม่ใช่แค่ทหารเหล่านั้นที่จะช่วยแคชมิโร่

 

กลุ่มพ่อค้า หรือแม้แต่โรงงานอาวุธที่หนึ่งและสองก็สนับสนุนเขาในการรบครั้งนี้อย่างเต็มที่

 

“คุณจะเอาคนพวกนั้นมาอยู่ในแผนหลักด้วยงั้นเหรอ ดอล์ฟ?”

 

“อาจจะ แต่ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะมีประโยชน์อะไรขนาดนั้น ถ้ามีเหตุผิดพลาด อย่างน้อยเราก็ใช้พวกนั้นเป็นเหยื่อล่อได้”

 

ดอล์ฟไม่ได้คาดหวังให้คนพวกนั้นยืนหยัดสู้จนวินาทีสุดท้าย

 

แคชมิโร่ก็เช่นกัน

 

“ติดต่อโรงงานอาวุธและเตรียมอุปกรณ์ให้พวกนั้นด้วย”

 

“คุณแน่ใจงั้นเหรอ? ค่าใช้จ่ายจะไม่ใช่น้อยๆ แถมพวกนั้นก็อาจจะใช้การไม่ได้ด้วย”

 

ในขณะที่ดอล์ฟกล่าวว่า ไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนกับพวกเขา แคชมิโร่ก็กล่าวตอบ

 

“ฉันไม่สนใจเรื่องงบประมาณอะไรนั่นหรอก! ถ้าฉันจะทำ ฉันต้องทำมันอย่างรอบคอบ!  

ต่อให้มันจะแพงสักหน่อยก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่มันทำให้ชนะไอ้เด็กนั่นได้ แม้จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม”

 

และแคชมิโร่เอง ก็มีไพ่อีกใบหนึ่งที่จะใช้ในการตอบโต้เลียม

 

“ฉันจะส่งพวกโจรสลัดไปเป็นเหยื่อให้พวกเบนฟิลด์”

 

“เหยื่อเหรอ?”

 

“ใช่ ฉันจะให้พวกนั้นใช้กลยุทธ์โจมตีที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้มากขึ้น เพื่อที่พวกนั้นจะได้ไม่สงสัยในชัยชนะจากกลยุทธ์นี้! ”

 

ดอล์ฟรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง ขณะที่ฟังแคชมิโร่พูดถึงการส่งโจรสลัดไปตายเหมือนเรื่องตลก

 

“…มันจะพาเราเข้าใกล้ชัยชนะไปอีกขั้น”

 

งานนี้มีทั้งโจรสลัด พ่อค้า โรงงานอาวุธ และกองทัพ แคชมิโร่ตัดสินใจรวบรวมพวกมันทั้งหมด ให้มีส่วนร่วมในสงครามกับบ้านเบนฟิลด์

 

ไกด์ที่เฝ้าดูแผนการทั้งหมดตั้งแต่ต้นนั้นปรบมืออย่างยินดี

 

“…ยอดเยี่ยม! คุณทั้งคู่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะเลียม ยอดเยี่ยม! ฉันผู้นี้จะคอยสนับสนุนคุณในเงามืดเอง ”

 

◇ ◇ ◇

 

“นี่…มันคือ?”

 

เมื่อผมไปถึงท่าจอดยาน ของกองยานลาดตระเวนที่ผมต้องไปประจำการ สิ่งที่รอผมอยู่คือกองยานขนาดใหญ่

 

ภาพที่มองเห็นได้จากสะพานของยานระดับซุปเปอร์คลาสที่ยาวกว่าสามพันเมตรนั้น เป็นกองยานจำนวนมหาศาลที่ประกอบด้วยยานจำนวนนับไม่ถ้วน

 

ยานรบเรียงรายอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา

 

ภาพโฮโลแกรมของผมถูกฉายออกสู่อวกาศเพื่อเป็นการต้อนรับการประจำการอย่างเป็นทางการของผม

 

ข้างกายผมคือยูลิเซีย ในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวและมารี ที่เพิ่งกลับมาจากการประจำการที่กองกำลังพิเศษ

 

วอลเลซก็อยู่ที่นี่ในฐานะเจ้าหน้าที่สำรองของสะพานเดินยานด้วย

 

และก็-

 

“เจ้าหน้าที่พิเศษ ขอบคุณที่แต่งตั้งฉันเป็นกัปตันเรือลำนี้! ขอบคุณมาก!”

 

—ชายร่างใหญ่ที่มีผมสั้นกำลังแสดงความเคารพต่อผม

 

เขาเป็นนายพลจัตวา เซตริก โนอา อัลบาลาเต[Cedric Noah Albalate] ที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง

 

ผมแต่งตั้งเขาเป็นกัปตันยาน

 

ล่าสุดผมก็เลื่อนยศเป็นพันเอก และถูกแต่งตั้งตำแหน่งพิเศษเป็น ‘เจ้าหน้าที่เสนาธิการพิเศษ’

 

เซตริกเป็นน้องชายต่างมารดาของวอลเลซ

 

แม้จะเป็นเจ้าชาย เขาก็เป็นเพียงหนึ่งในเจ้าชายหลายร้อยคนที่ไม่ได้รับการสนับสนุน

 

วอลเลซประหลาดใจ

 

“นี่ดีใจจนร้องไห้เลยงั้นเหรอเนี่ย?”

 

“แน่นอน ใช่! คุณไม่รู้หรอกว่าการลาดตระเวนในจักรวาลอันว่างเปล่ามันสิ้นหวังแค่ไหน! คุณโชคดีจริงๆที่ได้พบผู้มีพระคุณที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้!”

 

เซดริกเริ่มบีบคอวอลเลซด้วยความอิจฉา

 

“โชคดี โชคดีจริงๆ!”

 

เทียเข้ามาในสะพานเดินยานที่มีเสียงดังเอะอะพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกคน

 

“ท่านเลียม ดิฉันได้นำผู้การมาแล้ว”

 

เขาเป็นผู้ชายที่ดูเหมือนอายุสี่สิบ

 

นั่นแปลว่าอายุเขาไม่ใช่น้อยๆ

 

ด้วยเทคโนโลยีการต่อต้านริ้วรอยในปัจจุบัน การมีลักษณะวัยกลางคนเปรียบเสมือนเครื่องพิสูจน์การมีอายุยืนยาว

 

“ผมจะอยู่ในความดูแลของคุณ ผู้บัญชาการ”

 

อีกฝ่ายยิ้ม

 

“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เข้ามาดูแลท่านเคานต์ที่มีชื่อเสียง ฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”

 

การประจบสอพลอดูเหมือนจะไม่ใช่ของถนัดของเขา แปลว่าการที่ชายคนนี้อยู่ในตำแหน่งนี้ได้ เขาต้องมีความสามารถมาก

 

–ผมจะไม่ทำให้ผู้ชายคนนี้เป็นศัตรู

 

ช่วงหลังๆนี้ผมได้เรียนรู้มาว่า อย่าไปหาเรื่องกับคนเจ้าปัญหา

 

– เหมือนกับตระกูลเบิร์กลีย์

 

พวกนั้นมันน่ารำคาญจริงๆ

 

เทียบอกเกี่ยวกับแผนการในอนาคต

 

“ท่านเลียม พรุ่งนี้เราจะนำกองยานไปลาดตระเวนรอบฐานทัพชายแดน”

 

“ฐานทัพชายแดน?”

 

“ใช่ครับ คิดเสียว่ามันเป็นการแนะนำตัวเอง อีกอย่าง เส้นทางก็ปลอดภัยอีกด้วย”

 

ด้วยกองยานขนาดใหญ่แบบนี้มันก็ต้องปลอดภัยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

 

เส้นทางปกติมักจะใช้งานโดยกองยานที่เล็กกว่าเพื่อความปลอดภัย แต่คงไม่ใช่กับกองยานระดับนี้

 

“ทำไมเราไม่กระจายกองกำลังของเราในขณะที่เคลื่อนไปยังจุดหมายล่ะ …ใช่แล้ว มาเปลี่ยนเป็นการแข่งขันกันเถอะ  

เราจะกระจายกำลังไปที่นั่นและให้รางวัลแก่ผู้ที่มาถึงหลังจากแก้ปัญหาโจรสลัดในพื้นที่”

 

ซึ่งยังไงซะ ผมก็ไม่ได้มาประจำการแบบจริงจังอยู่แล้ว มาทำให้มันบันเทิงกันหน่อยดีกว่า– แต่เทียดูเหมือนไม่เห็นด้วย

 

“ท่านเลียม นี่เป็นโอกาสที่จะอวดท่าทางอันสง่างามของคุณ! การที่ออกคำสั่งไปแบบนั้นมัน-”

 

เทียยังพูดไม่ทันจบ ก็มีคนขัดจังหวะขึ้น

 

นั่นคือมารี

 

“โอ้ คุณกำลังปฏิเสธคำสั่งของท่านเลียมงั้นเรอะ? ขนาดฉันยังบอกได้เลยว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะเคลื่อนย้ายกองยานขนาดใหญ่แบบตอนนี้ไปพร้อมกัน”

 

“การเดินกองยานก็เป็นหนึ่งในการฝึกเพื่อควบคุมกองยานขนาดใหญ่ อย่างคุณคงไม่เข้าใจ”

 

“ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่เราก็ค่อยทำเมื่อเราไปถึงจุดหมายแล้วก็ได้นี่ หัวหน้าอัศวินของเราหัวโบราณเกินไปหน่อยนะ”

 

เซดริกเริ่มกระซิบกับวอลเลซขณะที่พวกเขาทะเลาะกัน

 

“อัศวินของผู้อุปถัมภ์ของคุณ… บรรยากาศระหว่างพวกเขาค่อนข้างตึงเครียดเลยนะ?”

 

“ปกติมันก็เป็นแบบนี้แหละ อีกไม่นานคุณก็จะชินไปเอง”

 

วอลเลซหัวเราะ แต่ได้เห็นหัวหน้าและรองอัศวินต่อสู้กันไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับผมเลย

 

ยูลิเซียเสนอแนะ

 

“ผู้พัน คุณแน่ใจหรือว่าต้องการเปลี่ยนการเดินทางเป็นการแข่งขันก่อนที่เราจะไปถึงที่หมายของเรา”  

 

ผมตัดสินใจด้วยตัวเองและพูดโดยไม่สนใจตำแหน่งของผู้บัญชาการ

 

แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อมองไปทางผู้บัญชาการ เขาก็ยักไหล่

 

“ไม่ใช่ว่าเรามีธุระด่วนอะไรต้องไปทำ ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไร”

 

กองยานมันใหญ่กว่าที่ผมคาดไว้เล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นกองยานส่วนตัวของผม ดังนั้นผมจะใช้งามมันยังไงก็ได้

 

“เอาล่ะ! เรามาทำให้มันเป็นการแข่งขันกัน ยานลำไหนเอาชนะโจรสลัดได้จะได้รับคะแนน กองยานขนาดใหญ่จะได้สิบแต้ม

และผมจะเตรียมรางวัลให้โดยขึ้นอยู่กับคะแนนด้วย”

 

นั่นคือความคิดของผมเกี่ยวกับเกมที่กำลังจะเริ่มต้น และสองสามวันต่อมา แม่ทัพใหญ่ของกองยานที่มาประชุมกัน ก็ดูตื่นเต้นเมื่อผมอธิบายกฎให้พวกเขาฟัง

 

ส่วนผมน่ะเหรอ? ผมก็จะนั่งดูพวกเขาจากข้างสนามในฐานะจอมวายร้ายยังไงล่ะ

 

◇ ◇ ◇

 

ตอนนี้ ยานจำนวนสามพันลำ  ก็ได้มาถึงดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง

 

มันอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโดยตรงและถูกกำหนดให้เป็นดาวที่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา

 

บรรยากาศโดยรอบดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น…เมื่อไหร่พวกนั้นจะถึงเส้นชัยกันนะ

 

ผมในตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนที่นั่งอันหรูหราบนสะพานเดินยาน ขณะที่กำลังกวัดแกว่งเครื่องดื่มในแก้วที่ถืออยู่

 

“ผมเบื่อ วอลเลซเล่นตลกให้ดูหน่อยสิ”

 

“หืม คุณอยากให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ? แต่โทษที ตอนนี้ฉันหมดมุกแล้ว”

 

เอาจริงๆผมบอกแบบนี้กับวอลเลซมาแล้วหลายสิบครั้ง

 

ดูเหมือนเขาจะไม่มีความคิดดีๆ อีกแล้ว

 

เราใช้เวลาสองสามวันที่ผ่านมาในการรอคอยในสถานที่ที่เงียบสงบ มันทำให้ตอนนี้ผมรู้สึกเบื่อ

 

“มีเวลาว่างมากเกินไปแล้ว”

 

ผมคิดว่ามันคงจะง่าย เหมือนพักผ่อนบนเรือสำราญสุดหรู

 

แน่นอนว่าสิ่งอำนวยความสะดวกของยานลำนี้มีอยู่จำนวนมาก มีแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กอยู่บนยาน

 

มีประชาชนจำนวนมาเข้ามาเปิดร้านค้า แม้แต่ร้านค้าแฟรนไชส์ชื่อดังก็มีมาเปิดที่นี่

 

มันเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในช่วงพักหรือวันหยุด ทำให้ยานกลายเป็นอาณานิคมขนาดเล็กในตัวมันเอง

 

แต่… ผมจะไปเดินเล่นในห้างเพื่ออะไร?

 

ตอนนี้ผมขี้เกียจเกินกว่าที่จะอยู่ห้องเฉยๆ

 

ทำให้ผมใช้เวลาส่วนมากไปกับการฝึกร่างกายและเหวี่ยงดาบ

 

“เซดริก โชว์เลียนแบบอีกได้ไหม?”

 

“ฉันเองก็หมดมุกแล้ว แต่ต่อให้มี คนดังส่วนใหญ่ที่ฉันเลียนแบบคุณก็ไม่รู้จักอยู่ดี”

 

เซดริกดูเหมือนจะหมดมุกแล้วเหมือนกัน

 

ผมใช้ตัวช่วยในการบรรเทาความเบื่อหน่ายของผมไปหมดแล้ว

 

ตอนนั้นเองมารีก็เสนอแนะขึ้นมา

 

“ท่านเลียมไม่ลองพัฒนาดาวดวงนี้ดูล่ะคะ? พวกทหารจะได้มีงานทำ  

ยังมีกองยานเสบียงที่ต้องจัดส่งเสบียงมาให้พวกเรา ยังไม่นับรวมถึงพวกยานที่อยู่ในการแข่งขันที่กำลังมาด้วย  

เรามาสร้างท่าเทียบยานเพื่อรอรับพวกเขาก่อนดีไหมคะ?”

 

ตอนนี้มันว่างเกินไป คุณเลยจะให้ผมเล่นเกมพัฒนาอาณานิคมในชีวิตจริงงั้นเหรอ? …ก็ไม่เลว

 

“เอาล่ะ มาลงมือกันเลย  ตอนนี้เรามีแผนอะไรบ้าง?”

 

ยูลิเซียยื่นข้อเสนอ

 

“ท่านเลียม มีประชากรดั้งเดิมอยู่บนดาว หากคุณให้การสนับสนุนพวกเขาในการพัฒนา  

พวกเขาคงเต็มใจที่จะให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน”

 

พูดตามตรง ผมไม่ได้สนใจผู้อยู่อาศัยเดิมเท่าไหร่ แต่ผมจะเข้าไปช่วยเหลือพวกนั้นเพราะผม ก็แค่ว่างเฉยๆ

 

สำหรับอาณาเขตหลักของผม ผมทิ้งทุกอย่างไว้ให้อามากิเป็นคนจัดการ  

เพราะเธอรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับการหารายได้ในอนาคต แต่ถ้าลองทำแบบนั้นด้วยตัวเองก็ดูน่าสนุกดี

 

แม้ว่าผมจะทำพลาดหรือล้มเหลว มันก็เป็นดาวในการปกครองของจักรวรรดิ ไม่ใช่ผมซะหน่อย

 

ดังนั้นมันเลยไม่เป็นปัญหา

 

“เอาล่ะ เรามาเริ่มเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆบนพื้นผิวดาวกันเถอะ วอลเลซ ผมจะเริ่มสร้างสิ่งก่อสร้างที่นั่น  

เพราะงั้นผมจะแต่งตั้งคุณเป็นผู้จัดการสถานที่”

 

“เอ่อ~หะ”

 

ผมตัดสินใจให้วอลเลซที่ดูไม่ค่อยเต็มใจลงไปที่ดาวและเริ่มก่อสร้างอาคารที่ทำการของรัฐบาล

 

“ดีล่ะ มาสร้างเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สะดุดตาแบบ ‘เปรี้ยงปร้าง’ กันเถอะ”

 

มาหาเรื่องใช้เงินกันดีกว่า

 

สร้างให้ใหญ่โตและสวยงาม เน้นแค่รูปลักษณ์ก็พอ!

 

เทียมองมาที่ผมด้วยสายตาเป็นประกาย

 

“สุดยอดไปเลยค่ะ ท่านเลียม”

 

เมื่อคิดว่าผมจะทำให้ดาวทั้งดวงเป็นสถานที่เล่นเกมโดยไม่สนเหล่าชาวบ้านตาดำๆ ผมไม่คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรที่น่ายกย่อง

 

มันเป็นธรรมดาที่ผู้ปกครองที่ชั่วร้ายจะบังคับขู่เข็ญผู้อื่น

 

เอาล่ะ มาเล่นเกมพัฒนาเมืองกันเถอะ

 

◇ ◇ ◇

 

–กองยานของเลียมทำลายกองยานโจรสลัดในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างราบคาบ

 

หัวข้อดังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วในเวลาเพียงครึ่งปีที่เขาได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการ

 

นายกรัฐมนตรีเบิกตากว้างหลังจากอ่านเนื้อหาในรายงาน

 

“เขาน่าทึ่งมาก”

 

ผู้ใต้บังคับบัญชาถูกส่งไปสืบดูว่ากองกำลังของเลียมแข็งแกร่งแค่ไหน

 

สายลับหลายคนถูกส่งเข้าไปประจำในกองยาน

 

รายงานที่ส่งมาส่วนใหญ่นั้นล้วนยกย่องเลียม

 

ลูกน้องคนหนึ่งแสดงสีหน้าโล่งใจ  

 

“ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังแข่งขันกัน เพื่อดูว่าใครสามารถล่าโจรสลัดได้มากที่สุด  

แต่สิ่งที่เยี่ยมยอดกว่านั้นก็คือ การที่พวกเขาได้เริ่มพัฒนาดาวเคราะห์ที่พวกเขาได้รับมอบหมาย”

 

มันคือดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่เป็นเป้าหมายของการแข่งขันของเลียม

 

สิ่งที่เลียมทำเมื่อไปถึงเป็นคนแรกคือการพัฒนามัน

 

ทำให้ตอนนี้ ดาวดวงนั้นมีท่าจอดยานอวกาศอยู่ที่นั่นแล้ว เพียงแค่นั้นดาวเคราะห์ก็มีความสามารถที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคต  

 

แม้กระทั้งตอนนี้ ดูเหมือนว่าพ่อค้าจะมารวมตัวกันที่นั่นเพื่อหวังจะทำธุรกิจกับเลียม

 

“หืม… เพราะแบบนั้นเขาจึงจัดลำดับความสำคัญในการสร้างสิ่งก่อสร้างที่จำเป็นก่อน? ทำได้ไม่เลวเลย”

 

ในตอนแรก ไม่มีสิ่งก่อสร้างเด่นชัดอะไรที่สร้างขึ้นบนดาว ดังนั้นผู้อยู่อาศัยจึงยินดีอย่างยิ่งที่จะมีสิ่งก่อสร้างให้ใช้งาน

 

แม้ว่าดูเหมือนว่าจะถูกสร้างขึ้นโดยเน้นการออกแบบ แต่ก็ยังสมเหตุสมผลอยู่

 

(เอาไปเลย แปดสิบคะแนน ถ้าเขาได้รับประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีกหน่อย เขาก็จะสามารถไปถึงระดับที่สูงขึ้นได้อย่างแน่นอน–  

ผู้คนแทบจะลืมไปแล้วเนื่องจากชื่อเสียงด้านการทหารของเขา แต่ชื่อเสียงที่ทำให้เคานต์มีวันนี้ได้ นั่นคือชื่อเสียงที่มาจากงานบริหารบ้านเมือง)

 

ตั้งแต่แรก เขาได้รับการยกย่องอย่างมาก จากการที่ฟื้นฟูดินแดนที่เลวร้ายแบบบ้านของเขา  

เพียงแค่ไม่นานมานี้เองที่เขามีชื่อเสียงจากการล่าโจรสลัด

 

ด้วยการพัฒนานี้ ดาวดวงนั้นก็จะพัฒนาขึ้นได้เองแม้ไม่มีใครดูแล นายกรัฐมนตรียิ้มขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

อย่างไรก็ตาม- นายกรัฐมนตรีไม่ใช่คนประเภทที่จะเชื่อว่าเคานต์จะทำโดยไม่หวังอะไรตอบแทน

 

“ด้วยความสำเร็จเช่นนี้ แม้แต่กองทัพก็ไม่สามารถบ่นได้ ฉันควรเลื่อนยศเขาให้เป็นพันเอก”

 

“ท่านแน่ใจหรือครับ?”

 

“ทำไมล่ะ? ภายในปีหน้าฉันอาจจะให้เขาเลื่อนยศเป็นนายพลจัตวาด้วยซ้ำ ฉันต้องการให้เขาถึงระดับนายพลเป็นอย่างน้อยก่อนที่เขาจะออกจากกองทัพ”

 

(แต่เขาอาจจะไม่พอใจกับเรื่องแค่นี้ก็ได้ ฉันต้องคิดเพิ่มเข้าไปอีก)

 

————

 

ไบรอัน (´・ω・) “ท่านเลียมดูเหมือนจะกลายเป็นตำนานสำหรับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาและการทหาร แต่มันเจ็บปวดที่เขาดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลย”

 

———–

หายกันไปนานเลย… แล้วก็จะมาๆหายแบบนี้พักหนึ่งนะครับ  

ช่วงนี้ผู้แปลช็อต 555

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset