(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 56

ตอนที่ 56

ฝึกทหาร

 

ผมได้รับมอบหมายให้ดูแลแผนกลอจิสติกส์(จัดส่งทรัพยากร/สินค้า)ในเมืองหลวง

 

หลังจากจบการศึกษาจากสถาบันการทหารด้วยเกียรตินิยม ผมก็ได้รับการเลื่อนยศเป็นร้อยตรี  

อันที่จริง แผนกนี้ไม่ใช่ที่ที่นักเรียนนายร้อยเกียรตินิยมจะมากัน

 

ไม่ใช่แผนกที่ดีที่สุด แต่ผมก็พอใจกับมัน

 

เพราะอะไรน่ะเหรอ?

 

–เพราะเพียงแค่ทำงานเอกสารที่นี่แค่ปีเดียว ผมจะได้รับการเลื่อนยศเป็นกัปตันกองยานทันที

 

และเมื่อครบสองปี ยศของผมก็จะถูกเลื่อนขึ้นเป็นร้อยเอก

 

ขุนนางสามารถก้าวหน้าในอาชีพการงานได้อย่างง่ายดายด้วยการทำงานนั่งโต๊ะในสถานที่ปลอดภัย

 

นี่มันยอดเยี่ยมมาก

 

และตอนที่ผมจะได้รับมอบหมายให้ประจำการหลังจากนี้ ผมจะสามารถใช้เวลาประจำการสี่ปีเพื่อผ่อนคลายในกองยานที่เทียเตรียมไว้ให้

 

การฝึกอบรมสำหรับทหารครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว หลังจากนี้ ที่เหลือก็คือชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยและงานราชการ

 

ขุนนางสามารถเข้าเรียนหลักสูตรที่ดีที่สุดและก้าวหน้าในชีวิตโดยไม่ต้องพยายามด้วยซ้ำ  

สามารถยืนดูผู้ที่ดิ้นรนอยู่ด้านล่างพวกเขาอย่างมีความสุขจากระยะทางที่ปลอดภัย

 

นี่คือสิ่งที่ผู้ปกครองผู้ชั่วร้ายควรจะเป็น

 

ในช่วงการฝึกทหารคุณต้องใช้เวลาทั้งหมดในค่าย นั่นคือข้อบังคับ แต่ถ้าเลิกงานคุณสามารถกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมในเมืองหลวงได้

 

หลังจากเสร็จสิ้นตารางการทำงานตามเวลาปกติ ผมจะกลับออกจากค่ายทหารไปที่โรงแรมและใช้เวลาส่วนตัว

 

สิ่งนี้ยอดเยี่ยมมากเมื่อเทียบกับขุนนางที่ทำงานหนักในแผนกที่นิยม

 

ขณะที่ผมยังยุ่งอยู่กับงาน วอลเลซก็เรียกผม

 

“เฮ้ เลียม ดูเหมือนมีคนบุกเข้ามาในอาคารและเริ่มตะโกนร้องเรียน”

 

“ร้องเรียน? มีอะไรผิดพลาดงั้นเหรอ?”

 

แต่ใครจะเป็นคนทำพลาดล่ะ?

 

เราโยนงานหลายอย่างให้ปัญญาประดิษฐ์ พวกมันไม่น่าจะทำงานพลาด

 

งานบางอย่างต้องใช้มนุษย์ในการทำงาน ดังนั้นข้อผิดพลาดอาจมาจากพวกเราคนใดคนหนึ่ง

 

“ไม่… เขามาเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพัสดุที่คุณเป็นคนจัด -เลียม”

 

“…ห๊า?”

 

◇ ◇ ◇

 

แผนกลอจิสติกส์มักจะโดนดูถูกเพราะพวกเขาไม่ได้ออกรบในแนวหน้า

 

การใช้ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อลดปริมาณงานก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่โดนดูถูก

 

แต่ถ้าใช้มนุษย์อย่างเดียว ประสิทธิภาพการทำงานจะลดลงอย่างมาก

 

เมื่อคิดว่าจักรวรรดินั้นอวยพวกแนวหน้ายังไง ก็รู้สึกช่วยไม่ได้ที่พวกนั้นจะรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า

 

“ไอ้พวกแนวหลังที่พึ่งพาแต่ปัญญาประดิษฐ์มันกล้าดียังไง ถึงมาปฏิเสธแบบคำร้องของฉัน!”

 

ผู้ที่มาก่อความโกลาหลตั้งแต่เที่ยงวันคือทหารยศพันเอก

 

แม้นายพลจัตวาจะเป็นคนออกหน้ารับเรื่อง แต่พันเอกก็ยังคงแสดงท่าทีหยาบคายต่อเขาเพราะเขามาจากตระกูลขุนนางที่เหนือกว่า

 

“ฉ-ฉันขอโทษ ผู้พัน เราจะแก้ไขในไม่ช้านี้ ได้โปรดใจเย็นๆก่อน”

 

เนื่องจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการประมวลผลในการทำงาน แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงในแผนกลอจิสติกส์ก็ยังไม่รู้เนื้องานทั้งหมด

 

ฝ่ายจักรวรรดิไม่ได้ให้คุณค่าแผนกนี้เพราะพึ่งพาปัญญาประดิษฐ์มากเกินไป แผนกนี้จึงไม่ใช่สถานที่ที่คุณจะเลือกหากคุณต้องการความรวดเร็วในการไต่ยศ

 

“นำไอ้คนงี่เง่าที่กำหนดเสบียงสำหรับกองยานของฉันมาเดี๋ยวนี้! ฉันจะสั่งสอนมัน!”

 

พันเอกหยิบแส้ขึ้นมาพร้อมยิ้มเหี้ยมเกรียม นายพลจัตวาเห็นแบบนั้นจึงรีบร้องห้าม

 

“ท่านผู้พันคุณทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าคุณทำแบบนั้น-”

 

“ฉันจะจัดการคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าที่จะต่อสู้ในแนวหน้าเป็นการส่วนตัว หรือว่าคุณต้องการโดนแทนเขา!”

 

พันเอกดูเหมือนเป็นคนที่ชอบทรมานผู้อ่อนแอ

 

นายพลจัตวาก้มหน้าถอนหายใจ

 

“อย่าหาว่าฉันไม่ได้เตือนแล้วกัน”

 

พลจัตวาพูดขึ้น “เรียกผู้หมวดมานี่หน่อย” ได้ยินอย่างนั้น พันเอกตวัดแส้จนเกิดเสียงดัง

 

“โอ้? มันเป็นเด็กเหลือขอที่ยังอยู่ระหว่างการฝึก? ฉันจะแสดงให้เขาเห็น ว่าความเป็นจริงในกองทัพจักรวรรดิเป็นเช่นไร”

 

เมื่อเห็นผู้พันสบประมาทเด็กหนุ่ม นายพลจัตวาก็พึมพำ “เด็กสมัยนี้นี่ก็นะ-“

 

“…-ถ้าคุณสามารถปราบเขาลงได้จริง ๆ ฉันก็หวังว่าคุณจะสอนวิธีการของคุณให้ฉันด้วย”

 

“คุณพูดอะไรหรือเปล่า?”

 

“เปล่า…ไม่มีอะไรหรอก”

 

จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตู ผู้พันก็ตะโกนเรียก

 

“เข้ามา!”

 

ประตูถูกเปิดออก คนที่ปรากฎตัวขึ้นคือเลียม

 

“คุณเป็นคนรับผิดชอบในการกำหนดเสบียงสำหรับยานของฉันใช่ไหม! รู้รึเปล่าว่าทำอะไรลงไป!”

 

เลียมมองผู้พันที่พูดจาใหญ่โตตรงหน้าพร้อมถอนหายใจ

 

“คุณเป็นใครกันล่ะเนี่ย?”

 

“หะ ว่าไงนะ! แกจำยศที่ประดับอยู่นี่ไม่ได้หรือไง!”

 

“มันบอกว่าคุณเป็นแค่พันเอกของกองยานลาดตระเวน ซึ่งนั่นไม่ได้มีความหมายอะไรกับผม  

คุณพันเอก ตอนนี้ผมกำลังยุ่งมาก อย่าเอาเรื่องแค่นี้มารบกวนผม”

 

เมื่อเลียมกล่าวเช่นนั้น พลเอกก็ตอบกลับ “อวดดีนักนะ ความจริงฉันไม่อยากทำแบบนี้ แต่ครั้งนี้ฉันจะสอนบทเรียนให้คุณ!”

 

สายตาของเลียมเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น

 

“…คุณว่าคุณจะสอนใครนะ?”

 

“แกไง! ที่สถาบันการทหารมันสอนแกมาน้อยเกินไป!? อย่าคิดว่าวันนี้จะได้กลับบ้าน!”

 

ขณะที่พันเอกกำลังคิดว่าเขาจะทรมานเลียมอย่างไร จู่ๆ ร่างของเขาก็ปลิวกระเด็น

 

“อ๊ะ-?!”

 

หลังจากกระแทกเข้ากับกำแพง หัวของเขาก็มึนงง เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น และนั่นคือตอนที่เขาได้ยินเสียงของเลียม

 

“นายพลจัตวา คุณติดต่อไปยังหัวหน้าของชายคนนี้ได้รึเปล่า?”

 

“มะ-ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่—”

 

“คำร้องของผู้ชายคนนี้บอกว่าให้เตรียมเหล้าและของว่างราคาแพงให้กับกองยานของเขาจำนวนมาก  

ผมแน่ใจว่าหัวหน้าของเขาต้องอยากได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้  

เป็นแค่ทหารไร้ชื่อจากกองยานลาดตระเวน คิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงมาตั้งคำถามกับการตัดสินใจของผม”

 

สำหรับเลียมที่พูดเช่นนั้น นายพลจัตวาได้แต่ตอบรับ “เข้าใจแล้ว” ก่อนที่จะโทรหาผู้บังคับบัญชาของพันเอก  

 

อีกฝ่ายเป็นผู้รับผิดชอบกองยานลาดตระเวนที่มีหน้าที่ปกป้องพื้นที่รอบเมืองหลวงของจักรวรรดิ

 

เมื่อรับสาย ชายคนนั้นอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด

 

“ว่าไง?”

 

“เฮ้ ผู้การ*1 ลูกน้องของคุณมาหาเรื่องผม ในฐานะผู้บังคับบัญชาของเขา คุณจะรับผิดชอบยังไง?”

 

“คะ-! เคานต์เบนฟิลด์?!”

 

พลตรีก็เป็นขุนนางเช่นกัน แต่สถานะของเขาด้อยกว่าเลียมซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าตระกูลเคานต์

 

ยิ่งไปกว่านั้น เลียมยังมีชื่อเสียงจากเรื่องความขัดแย้งโดยตรงกับตระกูลเบิร์กลีย์ที่แสนอันตราย

 

พลตรีหน้าเสียทันที

 

“ละ ลูกน้องของฉันหยาบคายต่อคุณแล้ว เดี๋ยวฉันจะบอกให้เขาถอนตัวทันที”

 

“ใครบอกให้คุณติดต่อเขา? คุณต้องมาที่นี่เพื่อพาเขากลับไปด้วยตัวเอง  

นี่คือการขอโทษที่ดีนะว่างั้นไหม?  หรือจะกดดันผมด้วยยศทางทหาร?”

 

“ขะ ขออภัยด้วย ฉันจะไปรับเขาในไม่ช้า… ไม่สิ ฉันจะไปรับเขาเดี๋ยวนี้!”

 

“ให้ไว… อีกอย่างนะ คำร้องเรื่องเสบียงของกองยานที่ขอมานั้นมันไร้สาระ อย่าทำให้ผมเสียเวลา ไปทำมาใหม่ซะ  

ผมอยากกลับบ้านตรงเวลา คุณเข้าใจใช่ไหม?”

 

“ดะ ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”

 

“…มีเรื่องร้องเรียนอะไรอีกไหม? พูดมาตอนนี้เลย”

 

“มะ-ไม่มีอะไรครับ”

 

นอกจากการทำงานตามปกติแล้ว การต้องมาจัดการเรื่องอะไรแบบนี้ยิ่งทำให้เสียเวลา

 

เลียมเกลียดเรื่องแบบนี้

 

“ดี ผมชอบคนฉลาดอย่างคุณ มานี่แล้วรับผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณไปให้เร็วที่สุด”

 

“…ครับ”

 

เมื่อจบการสื่อสารกับพลตรี พันเอกก็สั่นสะท้าน เมื่อรู้ว่าเลียมเป็นเคานต์ที่มีอำนาจมาก

 

“เอาล่ะ คุณบอกว่าคุณจะสอนบทเรียนให้ผมใช่ไหม? เมื่อเร็วๆนี้ ร่างกายของผมรู้สึกฝืดๆจากการทำงานนั่งโต๊ะ ผมหวังว่าคุณจะช่วยเรื่องนั้นได้”

 

พันเอกรีบลุกขึ้นทำความเคารพทันที

 

“ได้โปรดยกโทษสำหรับการล่วงเกินของฉันด้วย!”

 

เมื่อเขารู้ว่าอีกฝ่ายมีสถานะเหนือกว่าเขา เขาก็ยอมรับผิดทันที แต่มันก็สายเกินไป

 

เลียมวางมือบนไหล่ของผู้พันแล้วจับไว้แน่น

 

“ผมไม่ได้เกลียดทัศนคติแบบนั้นหรอกนะ แต่ผมไม่ใช่นักบุญที่จะให้อภัยคุณได้ง่ายๆ เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม?”

 

ขณะที่พันเอกตัวสั่น เลียมคว้าคอเสื้อของเขาและลากเขาออกจากห้อง

 

นายพลจัตวามองเหตุการณ์ทั้งหมดเงียบๆ  

 

“หึๆ… ดูเหมือนว่าการนำเขามาจัดการเรื่องนี้ เป็นคำตอบที่ถูกต้อง”

 

–เขาพอใจกับความราบรื่นของงานในแผนกนับตั้งแต่เลียมมาถึง

 

มีทหารหลายคนที่ดูถูกแผนกลอจิสติกส์และยื่นคำร้องที่ไม่สมเหตุสมผลกับพวกเขา

 

เพราะแบบนั้น เขาจึงต้องการนำขุนนางที่มีอำนาจมากมาที่แผนกของเขา

 

แต่ถ้าเขานำคนทุจริตอย่างคนในตระกูลเบิร์กลีย์เข้ามา มันก็จะมีแต่สร้างปัญหาให้เขาเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ขุนนางที่ยุติธรรมอย่างเลียม จะไม่ยอมทนต่อความอยุติธรรม

 

“ฉันหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยลดจำนวนความต้องการที่ไม่สมเหตุสมผลลงบ้าง”

 

นายพลจัตวามีความสุขที่ได้เลียมมาทำงาน แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเลียมถึงเลือกมาที่แผนกนี้

 

◇ ◇ ◇

 

ที่แนวหน้าของสนามรบ

 

มารีกำลังฝึกอยู่ที่นั่นในฐานะทหารราบ

 

“ยัยเนื้อสับนั่น ฉันไม่ยอมยกโทษให้แน่!”

 

มารีกำลังสวมชุดเกราะหนา เธอกระโดดลงจากเครื่องบินขนส่งขณะพึมพำคำด่าทอใส่เทีย

 

เธอไม่ได้ใช้ร่มชูชีพ แต่มีบาเรียที่จู่ๆก็ปรากฎขึ้นมาก่อนที่เธอจะถึงพื้น ดูดซับแรงกระแทกก่อนที่มันจะแตกเป็นเสี่ยง

 

มารีซึ่งตอนนี้อยู่ในป่าทึบกำลังสังเกตุสภาพแวดล้อมรอบๆ

 

“มารี ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

 

“ไม่มีปัญหา”

 

“รับทราบ ดำเนินการแทรกซึมฐานทัพของศัตรูและช่วยเหลือตัวประกัน มันเป็นงานที่ยาก แต่ฉันรู้ว่าคุณทำได้”

 

มารีถูกบังคับให้แทรกซึมฐานศัตรูและช่วยตัวประกันเพียงลำพัง กำลังพึมพัมกับตัวเอง

 

(ฉันจะกลับไปเอาหัวของยัยตัวเมียเนื้อสับนั่นอย่างแน่นอน)

 

เธอได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยรบพิเศษที่งานหนัก เพราะเทียอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

 

เทียพูด “พื้นที่ข้างกายท่านเลียมไม่ต้องการคนอย่างคุณ” และเยาะเย้ยเธอ

 

มารีรีบเคลื่อนที่ผ่านป่าอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอพบศัตรูเธอจะจัดการด้วยมีดทันที

 

หัวหน้าของเธอที่คอยดูสถานการณ์อยู่ พูดยกย่องความสามารถของเธอผ่านการสื่อสาร

 

“ทักษะของคุณน่าทึ่งมาก มันทำให้ฉันนึกถึงอดีตลูกน้องคนหนึ่งของฉัน”

 

“มีคนที่มีความสามารถพอๆกับฉัน? ใครกัน?”

 

ความสนใจของมารีก่อตัวขึ้น หลังจากได้ยินว่ามีคนอื่นที่มีความสามารถพอๆ กับเธอ

 

“พวกเขาใช้ชื่ออื่นในระหว่างการปฎิบัติหน้าที่ พวกเขาต่างจากคุณ พวกเขาทำงานเป็นสายลับและต้องการปกปิดตัวตนของพวกเขาไว้เป็นความลับ  

พวกเขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อและสามารถบรรลุภารกิจทุกอย่างที่เรามอบหมายได้อย่างง่ายดาย”

 

“ซักนิดนึงก็ไม่ได้?”

 

“ผมบอกคุณไม่ได้เพราะข้อบังคับทางทหาร แต่เธอเป็นลูกน้องที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

 

เมื่อเข้าถึงฐานศัตรู มารีหยุดการติดต่อและเริ่มภารกิจแทรกซึม

 

“ตอนนี้ฉันต้องกลับไปที่ข้างกายของท่านเลียมโดยเร็ว ต้องจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”

 

ในวันนั้นเอง องค์กรอาชญากรรมแห่งหนึ่งก็หายไปตลอดกาล

 

◇ ◇ ◇

 

การออกกำลังกายทำให้รู้สึกดี

 

“วันนี้ก็เสร็จงานตามเวลาเช่นเคย”

 

ขณะคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ วอลเลซแสดงสีหน้าเหนื่อยใจก่อนจะพูดขึ้น

 

“คุณไม่ควรพูดเสียงดัง คุณเห็นไหม? ตอนนี้ยังมีคนอื่นยังทำงานอยู่เลย”

 

มีเจ้าหน้าที่อาวุโสที่ทำงานไม่เสร็จทันเวลาและต้องอยู่ต่อ

 

แต่นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับผม

 

เพราะผมทำเสร็จแล้ว

 

“การทำงานล่วงเวลามันไม่มีประโยชน์”

 

“นั่นเป็นเหตุผลที่คุณไม่เคยช่วยเหลือคนอื่นเรอะ?”

 

บางครั้งมีคนงี่เง่าที่ทำงานไม่เสร็จมาขอความช่วยเหลือจากผม  

แต่ผมก็ตอกหน้ากลับไปโดยให้พวกเขาจัดการปัญหาด้วยตัวเอง

 

“จะทำแบบนั้นเพื่ออะไรล่ะ?”

 

ในชีวิตที่แล้ว ผมทำงานหนักที่สุดเพื่อบริษัท ลูกน้อง และรุ่นน้อง ผมพยายามอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร

 

เลิกงานให้ตรงเวลาแล้วกลับบ้าน

 

มันจะไม่เป็นปัญหา ตราบใดที่คุณทำงานหนักเท่ากับจำนวนเงินเดือนที่คุณได้

 

สังคมและบริษัทต่างๆ อาจเรียกร้องให้คุณทำงานมากกว่านี้ แต่แนวคิดที่เป็นนามธรรม เช่น ‘อุทิศตัวเพื่อส่วนรวม’ ไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับผม

 

เมื่อเทียบกับความพยายามที่คุณต้องทุ่มเทเพื่อสิ่งนั้น คำว่า “ขอบคุณ” เพียงไม่กี่คำที่พวกเขามอบให้คุณนั้นมันไม่เพียงพอ

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมทำงานเฉพาะสิ่งที่พวกเขามอบหมายให้ผมเท่านั้น

 

เมื่อเราออกจากอาคารสำนักงาน มีรถลีมูซีนคันใหญ่จอดอยู่ที่ทางเข้า

 

“โอ้ มีคนสำคัญมาที่นี่งั้นเหรอ?”

 

คุณสามารถบอกได้อย่างง่ายดายเมื่อมองรถหรูอย่างรถลีมูซีน

 

แผนกลอจิสติกส์ไม่ใช่แผนกที่ได้รับความนิยม ดังนั้นจึงมีขุนนางประจำอยู่ที่นี่ไม่มากนัก

 

เมื่อผมคิดอย่างนั้น วอลเลซสังเกตเห็นบางอย่าง

 

“หืม? ดูเหมือนพวกเขาจะมารับคุณนะเลียม”

 

“…ห๊ะ?”

 

ด้วยความสับสนเล็กน้อย ผมค่อยๆเข้าใกล้รถ แล้วประตูรถก็เปิดออกเผยให้เห็นโรเซตต้า  

ซึ่งตอนนี้แต่งตัวด้วยชุดปกติ กระโดดออกมาจากรถ

 

“ที่รัก!”

 

“โรเซตต้า?!”

 

ผมจะหลบเธอก็ได้ แต่ถ้าผมทำอย่างนั้นเธออาจจะบาดเจ็บ ผมเลยรับเธอไว้ในอ้อมแขนแทน

 

“คุณมาทำอะไรที่นี่”

 

“วันนี้คุณจะไปพักที่โรงแรมใช่ไหม? ตอนนี้ฉันฝึกเสร็จแล้ว เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับคุณมากขึ้นฉันเลยมารับน่ะ”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น วอลเลซก็โดดขึ้นรถลีมูซีนทันที

 

“โอ้ เยี่ยมมาก ฉันจะได้นั่งรถฟรีทุกวัน – ว้าว เลียม! ข้างในนี้น่าทึ่งมาก! มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และของว่างด้วย!”

 

เมื่อเห็นวอลเลซอยู่ข้างในและกำลังดื่มอยู่ ผมก็พยายามสุดความสามารถเพื่อจะหยุดเขา

 

“เฮ้ เดี๋ยวก่อน! เราคุยกันว่าจะไปดื่มหลังจากนี้ไม่ใช่เรอะ!”

 

“เปลี่ยนแผนไปโรงแรมแทนดีกว่า …ฉันหมายความว่า ทำไมเราต้องไปเสียเงินด้วย เงินเดือนฉันน้อยนะรู้ไหม กินของฟรีดีกว่า!”

 

ไอ้เวรนี่!

 

โรเซตต้าถอยไปเล็กน้อย จ้องมองมาที่ผมด้วยดวงตาที่เปียกชื้น

 

“ที่รัก คุณจะไปเที่ยวเล่นเหรอ? นั่นสินะ ฉันรู้ว่าการรักษาความสัมพันธ์ในที่ทำงานของคุณนั้นสำคัญมาก”

 

เมื่อเห็นว่าโรเซตต้าดูเศร้าแค่ไหน ผมก็รู้สึกผิดอย่างอธิบายไม่ได้

 

ในตอนแรก ผมวางแผนที่จะไปกับวอลเลซเพื่อดื่มที่บาร์เท่านั้น ไม่มีคนอื่นเลยสักนิด

 

“เปล่า… ฉันแค่จะไปกับดื่มกับวอลเลซ”

 

“จริงเหรอ?! งั้นก็ไปโรงแรมกันเถอะ! มีร้านอาหารมากมายในบริเวณใกล้เคียงที่คุณจะไม่มีวันเบื่อเลย! ฉันจะให้พวกเขาเตรียมเครื่องดื่มทั้งหมดที่คุณต้องการ ที่รัก!”

 

“อืม…”

 

ผมเคยคิดว่าเธอเป็นหญิงเหล็ก ราชินีน้ำแข็งที่มีหัวใจไม่แตกสลาย นั่นคือก่อนที่เธอจะกลายเป็นคู่หมั้นของผม

 

ตอนนี้เธอกระตือรือร้นในการดูแลขณะที่เรียกผมว่า ‘ที่รัก’

 

จริงๆแล้วผมอยากให้เธอเกลียดผมมากกว่านี้ เพราะผมไม่รู้ว่าจะปฏิบัติกับเธอยังไงไรเมื่อเธอทำตัวแบบนี้

 

“…แล้ว… โรเซตต้า ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่บ้าง?”

 

“ตอนนี้ฉันได้เรียนรู้หลายอย่าง ตอนนี้ฉันกำลังศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรมของเมืองหลวงพร้อมกับลูกสาวของตระกูลขุนนางอื่นๆ มันสนุกมาก”

 

ฟังดูเหมือนภรรยาสาวที่เข้าเรียนในชั้นเรียนทำอาหารเลย

 

ผมดีใจที่ดูเหมือนเธอจะสนุก… ไม่ใช่ว่าผมเป็นห่วงเธอหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ

 

แต่จู่ๆสีหน้าของโรเซตต้าก็เริ่มจริงจัง

 

“ใช่แล้วที่รัก… มีแขกอยู่ที่โรงแรม พวกเขาต้องการพบคุณ”

 

“แขกงั้นเหรอ?”

 

มีคนอยากเจอผมงั้นเหรอ? หวังว่าคงไม่เหมือนพันเอกที่มาเมื่อตอนเที่ยงนะ

 

———–

 

ไบรอัน (´;ω;`) “การที่ได้เห็นคนอื่นทำงานอย่างเอื่อยเฉื่อย แต่ท่านเลียมกลับทำงานอย่างจริงจังจนหมดวันนั้น…เจ็บปวด มันเจ็บปวดที่ท่านเลียมยังยิ้มได้แม้จะเป็นแบบนั้น”

 

———-

*

ผู้หมู่ คือ ผู้บังคับหมู่ (ชั้นประทวน สิบตรี โท เอก)

ผู้หมวด คือ ผู้บังคับหมด (สัญญาบัตร ร้อยตรี-โท)

ผู้กอง คือ ผู้บังคับกอง (ร้อยเอก)

สารวัตร คือ ร้อยเอก หรือ พันตรี หรือ พันโท ที่ผ่านหลักสูตรสารวัตรแล้ว

ผู้กำกับ คือ ระดับพันโทขึ้นไป ที่ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสถานี

ผู้การ คือ ระดับพลตรีขึ้นไป

 

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset