(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 36

ตอนที่ 36

หมาบ้ามารี

 

มันเป็นฤดูใบไม้ร่วงปีแรกของโรงเรียนประถม

 

น่าเสียดายที่การหยุดยาวในโรงเรียนประถมให้เวลาเพียงครึ่งปีเท่านั้น และจะลากลับบ้านได้เฉพาะผู้ที่อยู่ชั้นปีที่ 4 เป็นต้นไป  

 

เพราะแบบนั้นจึงไม่มีวันหยุดยาวสำหรับนักศึกษาใหม่

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเรียนนั้นง่าย ผมก็เลยไม่กังวลเท่าไหร่

 

อันที่จริง เราเพิ่งดูวิดีโอโฮโลแกรมขนาดใหญ่สำหรับบทเรียนวันนี้

 

ภาพสามมิติแสดงภาพหุ่นเหล็กรูปทรงมนุษย์ของอัศวินขับเคลื่อน

 

หุ่นยนต์ที่สวมชุดเกราะแบบตะวันตกทั้งตัวกำลังต่อสู้อยู่

 

“พวกมันดูทรงพลังและน่ารูปลักษณ์ดูดี แต่การเคลื่อนไหวช้าเกินไป”

 

เด็กปีหนึ่งในหอประชุมตะโกนเสียงเชียร์ แต่สำหรับผมมันน่าเบื่อมาก

 

คนที่นั่งข้างผมคือลูกน้องคนแรก วอลเลซ ซึ่งเพิ่งแพ้พนันกับรุ่นพี่คนหนึ่งและกำลังกุมหัวอยู่

 

“ฉันหมดตัวอีกแล้ว!!!”

 

ผู้ชายคนนี้เป็นคนงี่เง่า

 

ทั้งที่ ผมให้เงินเขาทุกเดือน

 

มันช่วยไม่ได้เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของระบบอุปถัมภ์

 

ผมไม่ได้คิดอะไรมากเพราะมันเป็นจำนวนเงินเล็กน้อย แต่ผมไม่พอใจกับการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของเขา

 

“คุณนี่งี่เง่าจริงๆวอลเลซ มันเป็นเพราะคุณเดิมพันครั้งใหญ่กับคู่ที่มีแต้มต่อมากขนาดนั้น”

 

เคิร์ทกำลังหัวเราะ

 

เขาเป็นคนฉลาดที่คำนวนชัยชนะที่สมเหตุสมผลแม้ผลตอบแทนจะน้อยกว่า

 

“ฉันแค่ต้องการเรียกคืนเงินที่เสียไปด้วยการเดิมพันในครั้งเดียว ถ้าฉันชนะแม้แต่ครั้งเดียว ฉันจะเรียกมันคืนได้”

 

“เพราะงั้นคุณเลยเดิมพันทุกอย่างที่คุณมีงั้นสิ?”

 

“อ่า…เงินเก็บของฉันหมดแล้ว…ทั้งที่ต้องใช้อีกตั้งสองอาทิตย์”

 

วอลเลซจ้องมาที่ผม แต่ผมไม่มีเหตุผลที่จะให้เงินเขาเพิ่ม

 

ขณะที่ผมเพิกเฉยต่อเขา เคิร์ตก็พูดขึ้นเมื่อนัดต่อไปเริ่มต้น

 

“มีหลายคนขับอัศวินขับเคลื่อนส่วนตัวของตัวเองที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ”

 

ตั้งแต่ปีที่สาม นักเรียนสามารถแข่งขันในทัวร์นาเมนต์อัศวินขับเคลื่อนได้

 

ส่วนใหญ่เข้าร่วมด้วยเครื่องที่เช่าจากทางโรงเรียน แต่นักเรียนที่ร่ำรวยสามารถนำอัศวินขับเคลื่อนส่วนตัวมาลงแข่งได้

 

วอลเลซขมวดคิ้วขณะที่มองดูผู้เข้าแข่งขันที่ใช้เครื่องส่วนตัว

 

“มันเป็นวิธีสกปรกที่จะเอาชนะคนอื่นด้วยการใช้ความแตกต่างของประสิทธิภาพ มีคนไม่มากที่สามารถซื้ออัศวินขับเคลื่อนส่วนตัว แม้แต่ฉันเองก็ยังไม่มีเลย”

 

แม้ว่าเขาจะเคยเป็นเจ้าชาย แต่เห็นได้ชัดว่าอัศวินขับเคลื่อนที่เขาเคยได้ขับคือหุ่นจำลองการฝึกเท่านั้น

 

“…ถ้าได้ลงแข่งกับเครื่องส่นตัวได้ล่ะก็….”

 

เมื่อดูการแข่งขันที่น่าเบื่อเหล่านี้ ผมคิดว่ามันคงจะสนุกขึ้น ถ้าผมสามารถเหยียบย่ำคนเหล่านี้โดยใช้เอวิทได้ มันคงทำให้ชีวิตในโรงเรียนธรรมดานี้น่าสนใจขึ้นเล็กน้อย

 

◇ ◇ ◇

 

การแข่งขันจบลงแล้ว

 

แชมป์เปี้ยนดูเหมือนบารอนจากชายแดนที่ชื่อเดอร์ริก

 

เท่าที่เห็นก็มีคนของบ้านระดับเคานท์เข้าร่วมด้วย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นได้แต่ลูกไล่ที่คอยวิ่งไปวิ่งมารอบๆเท่านั้น

 

เดอร์ริกเหนือกว่าพวกเขา ด้วยพละกำลังที่ต่างกันอย่างท่วมท้น  

 

ถึงอย่างนั้น ชายที่ชื่อเดอร์ริกก็ไม่ได้ดูแข็งแกร่งเท่าไหร่

 

ระดับของโรงเรียนประถมก็คงได้ประมาณนี้ล่ะมั้ง

 

ผมเปิดใช้งานแทปเล็ดและเริ่มการติดต่อ…

 

คนที่ผมติดต่อไปคือไนอัส

 

ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อเธอฟังคำขอของผม

 

“ท่านเลียม คุณจริงจังรึเปล่า?”

 

“ตอนนี้เอวิท กำลังอยู่ระหว่างการบำรุงรักษาใช่ไหม?”

 

“การบำรุงรักษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เอวิทกำลังได้รับการจัดเก็บอย่างดี ยังไงก็ตาม คำขอของคุณที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งนั้นไม่สมเหตุสมผล ก่อนอื่นเลยมันยากมากที่จะทำสำเร็จ มันจะง่ายกว่าถ้าผลิตใหม่ตั้งแต่ศูนย์”

 

“ปรับปรุงเอวิทต่อไปนั่นแหละ เดี๋ยวผมจะจ่ายเอง”

 

ไนอัสนี่ทำตัวน่ารำคาญจริงๆ ทั้งๆที่ร้องไห้อ้อนวอนให้ผมซื้อยานทุกครั้งที่เราพบกัน แต่มาตอนนี้เธอกลับปฏิเสธคำขอของผม  

 

“มันไม่ใช่ปัญหาเงิน ไม่ว่าคุณจะให้เงินเราเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถอัพเกรดได้อีก เราต้องการโลหะและวัสดุหายากจำนวนมากเพื่อที่จะทำเช่นนั้นได้”

 

“โลหะหายากอย่าง โอริฮารุกอน?”

 

มันเป็นวัตถุดิบหลักในจักรวาลแฟนตาซี

 

อย่างไรก็ตาม พวกมันหายากและยากต่อการเก็บรักษา

 

แต่ต่อให้หายากแค่ไหนมันก็ยังหาได้เสมอแค่จ่ายเงินมากพอ

 

“โอริฮารุกอน,อดาแมนเทียม, มิธริล(*1) เราต้องการมันทั้งหมด นอกจากนั้น จำเป็นต้องมีทีมงานชั้นยอด ในการดำเนินการระยะยาว ต้นทุนทั้งหมดจะสูงกว่าการซื้อกองยานขนาดเล็กซะอีก”

 

ก่อนอื่น คุณจะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อแปรรูปโลหะหายากเหล่านั้น

 

การซื้อกองยานจะมีประสิทธิภาพในการรบมากกว่ามาก เมื่อพิจารณาจากปริมาณวัสดุ เงิน และทรัพยากรบุคคลที่จำเป็นในการทำงานนี้

 

แต่ผมคือชายผู้หลงไหลหุ่นรบมากกว่ากองยาน

 

“ผมมีเงิน ผมจะเตรียมทุกอย่างให้เอง”

 

“ยังคงเป็นคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี ทำไมคุณถึงให้ความสำคัญกับเอวิทมากขนาดนั้น? ทำไมคุณไม่ซื้อรุ่นใหม่กว่าแทน?”  

 

“ผมไม่ต้องการเครื่องรุ่นใหม่เพราะผมชอบเอวิท เครื่องรุ่นปัจจุบันมันเปราะบางเกินไป ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะขับมัน”

 

ถ้าเปรียบเทียบคำขอของผมกับชีวิตก่อนหน้านี้ มันคงเหมือนกับการเรียกร้องให้ใครสักคนปรับปรุงรถคลาสสิกให้มีสมรรถนะเหมือนรถใหม่

 

มันคงเหมือนกับการบอกให้คนๆ นั้นติดตั้งระบบนำทางใหม่และแปลงเป็นระบบไฟฟ้า ในขณะที่เพิ่มฟังก์ชันใหม่ๆ มากมาย แน่นอนว่าพวกเขาจะเยาะเย้ยคำขอดังกล่าว  

 

ซึ่งถ้าทำแบบนั้น การซื้อรถใหม่เลยน่าจะง่ายกว่ามาก

 

แต่นี่เป็นเรื่องของรสนิยม

 

ผมจะไม่ประนีประนอมกับเรื่องนี้

 

“ฉันจะส่งรายชื่อวัตถุดิบให้คุณ โปรดติดต่อเราเมื่อคุณรวบรวมวัสดุและงบประมาณที่จำเป็นตามรายงาน แล้วก็…คุณต้องเตรียมนักบินทดสอบด้วย”

 

“นักบินทดสอบ?”

 

“ใช่… ต้องคนที่มีทักษะพอๆกับคุณ ไม่สิ…คนที่อย่างน้อยก็สามารถขับเอวิทได้ ถ้าคุณสามารถเคลียร์เงื่อนไขทั้งหมดที่เราขอ เราจะรับผิดชอบในการปรับปรุงเอวิทใหม่เอง”

 

มันดูเหมือนเธอพูดว่า ‘เอาคำขอที่เป็นไปไม่ได้ไปซะ แค่ซื้อรุ่นใหม่ก็จบแล้ว’

 

ผู้หญิงคนนี้นี่… เธอลืมสภาพของเธอตอนที่ผมปล่อยให้เธอร้องไห้อย่างน่าสมเพชไปแล้ว?

 

แต่ช่างเหอะ ถ้าเธอยืนยันอย่างนั้น ผมคงได้แต่ทำตามนั้น

 

“…คุณสัญญาใช่ไหม?”

 

“แน่นอน โปรดติดต่อเราเมื่อคุณพร้อม ฉันชอบมันมากกว่าถ้าคุณยอมแพ้และซื้อเครื่องรุ่นใหม่หรือยานประจัญบานที่ใหม่กว่าแทน”

 

ผมตัดการเชื่อมต่อและติดต่อกลับไปยังที่บ้านทันที

 

ภาพอามากิ ถูกแสดงบนอากาศ

 

แค่ได้สบตาคู่นั้นก็ทำให้ผมรู้สึกว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดี

 

“มีอะไรให้รับใช้หรือคะนายท่าน?”

 

“อามากิ รวบรวมทุกอย่างในรายการที่ผมจะส่งให้คุณโดยเร็วที่สุด โลหะหายากใดๆ ที่เราไม่สามารถรวบรวมได้สามารถใช้’ไอ้นั่น’ได้ เมื่อรวบรวมได้แล้ว ให้ส่งทั้งหมดไปที่โรงงานอาวุธที่เจ็ด”  

 

เมื่ออามากิตรวจสอบรายชื่อ เธอบอกว่าบางส่วนในรายการมีไม่พอ

 

แต่ทุกสิ่งมันแก้ได้ด้วยเงิน

 

“นายท่านแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอนแล้วหรือคะ?”

 

“แน่นอนสิ…เมื่อผมกลับไปที่อาณาเขต ผมสามารถเตรียมการเพิ่มเติมได้เสมอ”

 

“…ถ้าสิ่งที่พวกเขากำลังปรับปรุงคือเอวิท ปริมาณของวัสดุที่ระบุไว้ที่ในรายการก็ผิดปกติเกินไป”

 

“ไนอัสพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงน่ะสิ… ยังไงก็ส่งไปเถอะจะได้ไม่ต้องแก้ตัว ผมจะคอยดูว่าเธอจะทำหน้าแบบไหน”

 

“รับทราบค่ะ”

 

“อ่อ…ส่งมารีไปที่โรงงานอาวุธที่เจ็ดด้วย”

 

เธอเป็นอัศวินที่ผมช่วยชีวิตไว้ระหว่างการอาละวาดในอาณาเขตของ บารอนเอ็กซ์เนอร์

 

ผมได้ข้แมูลมาว่าเธอค่อนข้างมีประโยชน์

 

“คุณหมายถึง [มารี เซรา แมร์เรียน]?”

 

“ใช่ เธอออกจากโรงพยาบาลแล้วนี่”

 

◇ ◇ ◇

 

—ไม่กี่เดือนต่อมา

 

ไนอัสตัวสั่นเมื่อเธอยืนอยู่หน้ากองวัสดุขนาดมหึมาที่ส่งมาที่โรงงานอาวุธที่เจ็ด

 

“บ้าน่า… เขารวบรวมมาได้จริงๆ”  

 

ผู้หญิงผมยาวสีม่วงประกายเงินยืนอยู่ด้านหลังกองโลหะหายากที่ส่งมาจากบ้านเบนฟิลด์

 

เครื่องแบบของเธอเป็นสีม่วง แต่ปลอกแขนและรองเท้าที่เธอสวมเป็นสีดำ

 

นัยน์ตาสีม่วงของเธอแหลมคมและแข็งกร้าว

 

เธอมีผิวขาวใสและทาลิปสติกสีม่วงสด

 

ร่างกายของเธอเรียวและเธอมีหน้าอกที่พอดีกับรูปร่าง

 

ดาบที่ห้อยเอวเธออยู่คือดาบสองคมที่ตัวใบมีดยืดออกได้

 

เธอเป็นหนึ่งในผู้สมัครอัศวินของเลียม [มารี เซรา แมร์เรียน]

 

“มารี เซรา แมร์เรียน มารายงานตัวในฐานะนักบินทดสอบของเอวิท ฉันรอคอยที่จะได้ร่วมงานกับคุณ กัปตัน”

 

“ฮะ? อ่ะ…งั้นเหรอ…”

 

มารีวางมือบนแก้มและเริ่มบิดอย่างเขินอายต่อหน้าไนอัสที่กำลังสับสน

 

“นี่เป็นภารกิจแรกที่ลอร์ดเลียมมอบหมายให้ฉัน ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าภารกิจนี้จะประสบความสำเร็จ”

 

หญิงสาวที่ลักษณะสูงโปร่งและดูเย็นชากำลังทำตัวเหมือนเด็กสาว

 

(แต่ว่า…คุณเป็นใครกันล่ะเนี่ย?)

 

ไนอัสเข้า-ออกจากคฤหาสน์ของเลียมหลายครั้งแล้ว แต่เธอไม่เคยเห็นอัศวินอย่างมารีมาก่อน

 

แต่ตอนนี้เองที่ช่างฝีมือสูงอายุที่อยู่ด้านหลังไนอัสพูดขึ้น

 

“มารี? มารี แมร์เรียน? ฉันรู้สึกได้ว่าเคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อน…จากที่ไหนซักแห่ง”

 

แต่เขาจำไม่ได้

 

ไนอัสไม่คิดว่าเลียมจะทำตามเงื่อนไขของเธอ

 

แถมยังมารีคนนี้อีก

 

ไนอัสสงสัยว่าเธอสามารถควบคุมเอวิทได้จริงหรือ?

 

เธอหุ่นดีและสวยเกินกว่าจะเป็นอัศวิน

 

แทนที่จะเป็นอัศวิน เธอดูเหมือนนางแบบหรือนักแสดงมากกว่า

 

“นี่คุณสามารถควบคุมเครื่องบินที่ไม่มีระบบช่วยเหลือได้จริงรึ? มีไม่กี่คนในยุคนี้ที่สามารถควบคุมอัศวินขับเคลื่อนได้โดยไม่ต้องใช้ระบบช่วยเหลืออัตโนมัติ คุณรู้ใช่ไหม?”

 

มารียิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น

 

“ในสมัยของฉัน อัศวินที่ต้องการระบบช่วยเหลืออัตโนมัติถูกด้อยค่าไปเกินครึ่ง ฉันเข้าใจดีว่าเอวิทเป็นเครื่องบินที่ขับยาก แต่คุณไม่ต้องกังวล ฉันไม่เคยใช้ระบบเหล่านั้นตั้งแต่แรก”

 

เธอดีใจมากจนแก้มแดงระเรื่อขณะพูดว่า “ลอร์ดเลียมทิ้งเครื่องส่วนตัวไว้ในความดูแลของฉัน… มารีคนนี้มีความสุขมากเลยค่า”

 

(คนคนนี้เป็นบ้าอะไรเนี่ย)

 

ไนอัสอดคิดไม่ได้ว่าในกลุ่มอัศวินของเลียมมีแต่คนแปลกๆ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อยืนอยู่หน้าวัสดุที่เตรียมไว้ จิตวิญญาณของช่างฝีมือที่อยู่ภายในตัวเธอถูกจุด

 

(แม้ว่าฉันจะไม่สามารถใช้วัสดุที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ได้อย่างฟุ่มเฟือย แต่ด้วยจำนวนมากมายขนาดนี้ ฉันสามารถทดลองกับสิ่งที่ฉันไม่เคยทำมาก่อนได้! ฉันจะได้รับข้อมูลที่ดีมากมายที่นี่…)

 

เธอตระหนักว่าเธอกำลังน้ำลายไหลโดยไม่รู้ตัวและเช็ดปากของเธอ

 

“—มาเริ่มกันเลยดีกว่า”

 

ด้วยไฟที่ถูกจุดขึ้น ไนอัสเริ่มถอดประกอบและปรับปรุงเอวิท

 

◇ ◇ ◇

 

เรื่องราวของมารี ที่ได้กลายมาเป็นหนึ่งในผู้สมัครอัศวินของเลียมเริ่มต้นจากการกำจัดโจรสลัดในดินแดนของบารอนเอ็กซ์เนอร์

 

มารีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกบฏในจักรวรรดิที่เกิดขึ้นเมื่อสองพันปีก่อนและถูกทำให้กลายเป็นหิน

 

หลังจากนั้นเธอก็ได้แต่รอ

 

ร่างกายของเธอค่อยๆ ถูกทำลายลงอย่างช้าๆ ผ่านมือของเจ้าของจำนวนมาก ขณะที่จิตสำนึกในการมีชีวิตอยู่ของเธอก็ตกสู่ความสิ้นหวัง เธอทำได้เพียงรอให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆขณะที่จิตวิญญาณของเธอค่อยๆแตกสลาย

 

‘มารี นี่คือการลงโทษของคุณ’ นี่คือสิ่งที่จักรพรรดิในตอนนั้นบอกกับเธอ

 

(ใครก็ได้ ฆ่าฉันให้ตายไปเลย ฉันไม่อยากเน่าสลายไปแบบนี้!)

 

เพราะแบบนั้นมารีจึงอยู่ในความครอบครองของโจรสลัดและถูกใช้เป็นของประดับตกแต่ง

 

ก่อนที่เธอจะกลายเป็นรูปปั้นหิน มารีได้สร้างชื่อเสียงไว้มากมาย

 

มารี เซรา แมร์เรียน– เธอเป็นอัศวินในตำนานของจักรวรรดิที่กบฏต่อจักรพรรดิ!

 

…นั่นคือสิ่งที่เป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมา แต่ความจริงแล้ว เธอไม่เคยก่อกบฏเลย

 

เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดเรื่องแบบนั้น

 

อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิในขณะนั้นกลายเป็นปีศาจขี้หวาดระแวง และในความหวาดระแวงของเขาทำให้มารีกลายเป็นหิน

 

พวกเขาใช้เวทย์มนตร์เพื่อปิดกั้นจิตสำนึกของเธอ และขายเธอเป็นรูปปั้นหินสำหรับประดับตกแต่ง

 

ในวันที่โจรสลัดพ่ายแพ้ ความยากลำบากของเธอก็สิ้นสุดลง

 

ทหารบุกเข้ามาในห้อง

 

มารีคิดว่า

 

(เป็นอีกครั้งที่เจ้าของของฉันจะเปลี่ยนไป… ฉันหวังว่าฉันจะถูกทำลายในครั้งนี้ ให้พังยับเยินโดยไม่ทิ้งแม้แต่ผงธุลีแม้แต่ชิ้นเดียว…)

 

พวกทหารเริ่มตะโกน

 

“เฮ้ ทางนี้!”

 

“ส่วนใหญ่เป็นรูปปั้นหิน”

 

“…เดี๋ยวก่อนนะ เอาจริงดิ? รูปปั้นหินพวกนี้นี่มัน!”

 

โจรสลัดที่เป็นเจ้าของมารีเป็นคนที่ชอบรูปปั้นหินที่สร้างขึ้นจากคนจริงๆที่ถูกทำให้กลายเป็นหิน

 

เขายังเป็นคนที่มีงานอดิเรกที่น่ากลัวในการทำให้คนสวยๆ กลายเป็นหิน โดยเก็บพวกมันทั้งหมดไว้ในห้องที่มารีอยู่

 

ทหารเรียกคนในหน่วยมาเป็นจำนวนมากและนำรูปปั้นออกมาอย่างระมัดระวัง

 

นั่นคือตอนที่เธอได้พบกับเลียม

 

“แต่เดิมทั้งหมดนี้เป็นมนุษย์งั้นรึ?”

 

เขากำลังคุยกับหมอต่อหน้าเธอ

 

“ใช่. ไม่ว่าจะด้วยยา เวทมนตร์ คำสาป หรือวิธีการอะไรก็ตาม นี่คือผลของการทำให้กลายเป็นหินอย่างแน่นอน”

 

หมอหันไปหามารี

 

“ถ้าอยากจะรักษาต้องใช้น้ำยาอีลิกเซอร์”

 

น้ำยาอีลิกเซอร์ ถ้าพวกเขาไม่ใช้ยาวิเศษอเนกประสงค์ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาเธอ

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาจะบอกเป็นนัยว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเธอ

 

ทั้งในอดีตและปัจจุบัน น้ำยาอีลิกเซอร์เป็นสินค้าหายาก

 

(มันเป็นไปไม่ได้ เพราะแบบนั้นมาทำให้มันจบๆไปเถอะ)

 

ความปรารถนาของมารีคือการถูกทำลาย

 

“เข้าใจแล้ว ส่งพวกเขากลับไปที่อาณาเขตของผมและรักษาพวกเขา”

 

แล้วเลียมก็ออกไป

 

มารีไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด

 

อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้นการกลายเป็นหินของเธอก็หายไป และดำเนินการบำบัดเพื่อฟื้นฟูแขนขาที่ถูกทำลาย

 

และหลังจากพักฟื้นสองสามปี เธอก็หายเป็นปกติ – มารีสาบานต่อจากนั้นว่าเธอจะกลายเป็นหนึ่งในอัศวินของเลียม

 

◇ ◇ ◇

 

เมืองหลวงของจักรวรรดิ

 

เทียซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นข้าราชการ กำลังตรวจสอบข้อมูลของมารีจากบันทึกของวัง

 

แม้ว่าจะเป็นเอกสารลับสุดยอด แต่เธอก็ยังหามันมาได้ นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของเธอ

 

“มารี เซรา แมร์เรียน—อัศวินจักรวรรดิเมื่อสองพันปีที่แล้วงั้นเรอะ”

 

บันทึกของมารีส่วนใหญ่ถูกลบ

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลเล็กน้อยที่ยังคงอยู่ในเอกสารเก่าๆ

 

มารีผู้ซึ่งกลายเป็นหินเพราะความหวาดระแวงของจักรพรรดิ จริงๆแล้วเป็นหนึ่งในอัศวินที่ดีที่สุดในจักรวรรดิสมัยนั้น

 

ความสำเร็จของเธอนั้นมากมายมหาศาล ในที่สุดก็ทำให้เธอได้รับตำแหน่งหนึ่งในสามอัศวินในตำนาน… ซึ่งในเวลานั้นมีส่วนสนับสนุนจักรวรรดิอย่างมาก

 

ดูเหมือนว่าเธอจะมีความสามารถมาก

 

แต่คิ้วของ เทียเริ่มขมวดมากขึ้นเมื่อเธออ่านจบ

 

“เศษซากจากอดีตพยายามจะใกล้ชิดกับท่านเลียม…”

 

มารีซึ่งกำลังวางแผนที่จะเป็นอัศวินของเลียม ได้รับงานจากเขาทันทีเพราะความสามารถที่มีอยู่ของเธอ

 

งานแรกของเธอคือการเป็นนักบินทดสอบของเอวิท ซึ่งเป็นเครื่องส่วนตัวของเลียม

 

สำหรับเทีย มารีคือศัตรูอันดับหนึ่ง

 

และมารีก็รู้สึกแบบเดียวกันกับเธอ

 

เหตุผลก็เพราะว่ามารีตั้งเป้าที่จะเป็นหัวหน้าอัศวินของเลียมด้วย

 

“…ได้ซี่ ฉันจะบอกให้เธอรู้ว่าใครกันแน่ ที่เหมาะสมจะเป็นหัวหน้าอัศวินของท่านเลียม”

 

พูดดังนั้นเทียก็ปิดแฟ้มของมารี

 

————————–

 

ไบรอัน (´・ω・`) “บรรยากาศที่ตึงเครียดนี้ช่างเจ็บปวด ไบรอันคนนี้ต้องการให้อัศวินเข้ากันได้ดีมากกว่านี้”

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire!

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset